ต้นฉบับ - 博客天下 & Weibo 小杨的心动日记
แปลไทย - โคลเวอร์สีส้ม
ในฐานะหัวหน้าวง
ตัวเขาเองไม่รู้ว่าในตอนนี้เขามีความถนัดในด้านไหน เพราะทักษะทุกด้านของเขายังคงเติบโตและพัฒนาอยู่ตลอด และในการพัฒนาเหล่านั้นก็ควรที่จะได้รับฟังความคิดเห็นจากผู้อื่นด้วยเช่นกัน นอกจากนี้เขายังได้รับการปลูกฝังที่ดีจากครอบครัวมาตั้งแต่เด็ก ๆ แม้ว่าตอนนี้เขาใกล้จะอายุ
เขาจำได้ว่าตอนที่เขาพึ่งเข้ามาในบริษัทใหม่ ๆ เขาเคยได้รับจดหมายจากแฟนคลับฉบับหนึ่ง เนื้อหาในจดหมายได้ระบุว่าในช่วงที่เธอป่วยเป็นโรคซึมเศร้าอยู่นั้น การที่เธอได้ดูรายการวาไรตี้และการแสดงของพวกเขา มันทำให้เธอรู้สึกมีความสุขขึ้นมา และค่อย ๆ ก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนั้นมาได้ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเขาก็เริ่มเข้าใจความหมายของคำว่า "ไอดอล" ที่หมายถึงผู้ที่สามารถจะมอบพลังด้านบวกให้กับคนอื่น ๆ ได้
และในตอนนี้เขาจะต้องรักษาทัศนคติที่ดีเอาไว้ มีการวางแผน และก้าวเดินบนเส้นทางของศิลปินอย่างมีจุดมุ่งหมายต่อไป...
博客天下
หม่าเจียฉี : ปิดเทอมฤดูร้อนนี้ผมจะเตรียมตัวสำหรับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในปีหน้าครับ มีทำงานและก็เรียน อันที่จริงผมอยากจะออกไปเที่ยวด้วยแหละ ไปที่ที่หนาวมากกว่านี้อย่างเช่นประเทศไอซ์แลนด์ ผมอยากไปดูแสงออโรร่าน่ะครับ
博客天下
หม่าเจียฉี : ปิดเทอมฤดูร้อนที่น่าจดจำสำหรับผมคงจะเป็นตอนที่ผมพึ่งเข้ามาในบริษัทครับ เป็นช่วงที่ผมได้เข้าร่วมงาน《夏日嘉年华》พอดีเลย งานนี้เป็นการแสดงดนตรีที่จัดอยู่กลางแจ้ง แล้วในตอนกลางคืนมีฝนตก ทำให้อากาศไม่ร้อนมาก ผมใส่เสื้อแขนสั้นและร้องเพลงอยู่บนเวที ผมชอบความรู้สึก ณ ช่วงเวลานั้น และก็ประทับใจงานในวันนั้นมาก ๆ เลยครับ
博客天下
หม่าเจียฉี : เวลาพักผ่อนผมชอบไปปั่นจักรยานครับ ผมชอบฉงชิ่งเป็นพิเศษ เพราะผมรู้สึกว่าผมมาอยู่ฉงชิ่งนานพอสมควรเลยล่ะ จริงๆบ้านเกิดผมอยู่เจิ้งโจว แล้วมีแม่น้ำหวงเหอไหลผ่าน แต่ผมไม่ไปปั่นจักรยานแถวแม่น้ำหวงเหอหรอกนะครับ มันดูอันตรายเกินไป แต่ตั้งแต่ผมมาที่ฉงชิ่ง ผมก็ชอบริมแม่น้ำที่ฉงชิ่งมาก ๆ หลังจากทานมื้อเย็นเสร็จผมก็จะออกไปปั่นจักรยานเพื่อย่อยอาหาร และชมวิวในยามค่ำคืน มีความสุขมาก ๆ เลยครับ
博客天下
หม่าเจียฉี : เรื่องของความถนัดมันเป็นเรื่องยากที่จะพูดน่ะครับ ที่ผมทำอยู่คือศึกษามันไปทีละขั้นนั่นแหละ ผมบอกไม่ได้จริง ๆ ว่าผมควรจะถนัดด้านไหนเป็นพิเศษ
博客天下
หม่าเจียฉี : ผมเริ่มเรียนตั้งแต่ตอนเด็ก ๆ แล้วครับ เรียนอะไรเหล่านี้ก่อนที่จะเข้ามาฝึกที่บริษัทซะอีก ตอนนั้นผมคิดแค่ว่าอยากจะสัมผัสอะไรที่เกี่ยวกับดนตรี แล้วคุณแม่ผมท่านก็มีความคิดแบบเดียวกันกับผมด้วย ผมก็เลยได้เรียนมาตั้งแต่นั้นครับ
博客天下
หม่าเจียฉี : ตอนผมยังเด็กผมอยากจะเป็นหลายอย่างมาก เช่นนักบิน ช่างภาพ ช่างถ่ายภาพท่องเที่ยวและก็อยากเป็นช่างแต่งหน้าด้วยครับ........แต่ว่าช่วงนี้ผมมีความคิดที่อยากจะเป็นพนักงานขายในร้านสะดวกซื้ออะครับ
博客天下
หม่าเจียฉี : ก็คือผมสามารถที่จะได้พบปะคบค้าสมาคมกับผู้คนมากมาย เพราะผมชอบสังเกตผู้คนครับ ชอบเดาว่าทุกคนกำลังคิดอะไรอยู่ นี่เป็นความสนใจของผมอย่างนึงเลยล่ะครับ
博客天下
หม่าเจียฉี : ตอนเด็ก ๆ ผมกลัวการตัดผมมากเลยครับ เห็นกรรไกรตัดฉับ ๆ ขึ้นลงอยู่บนหัว ผมเลยกลัวว่าเขาจะตัดหูผมไปด้วย คือผมเคยโดนกรรไกรตัดหูมาแล้วครั้งนึงน่ะครับ ดังนั้นผมจึงอยากจะเป็นสไตลลิสต์เป็นช่างแต่งหน้าให้ตัวเองได้ และผมก็อยากจะตัดผมให้คนอื่นเขาบ้างเหมือนกัน แน่นอนว่าผมไม่ได้กะจะพูดให้ทุกคนเป็นกังวลไปหรอกครับ ผมแค่คิดเล่น ๆ ไปก็เท่านั้นเอง แต่เชื่อผมสิ ถ้าผมได้เป็นสไตลลิสต์นะผมต้องเป็นสไตลลิสต์ที่เจ๋งมากแน่ ๆ (หัวเราะ)
博客天下
หม่าเจียฉี : ชอบครับ โดยปกติแล้วผมจะชอบใช้โทรศัพท์ถ่ายภาพ และก็มีถ่ายด้วยกล้องถ่ายรูปบ้าง เอามาปรับแต่งภาพในโทรศัพท์แล้วก็โพสต์ลงอะไรแบบนี้ครับ
博客天下
หม่าเจียฉี : จริง ๆ ผมอยากจะถ่ายภาพโลกในสายตาของผมเอง หรือบางทีผมก็อยากจะถ่ายภาพเพื่อมาแบ่งปันกับทุกคนอะไรแบบนี้ครับ ผมจะถ่ายภาพตามอารมณ์ของผม ณ เวลานั้น ผมเห็นว่ามีคนจำนวนมากที่ชอบถ่ายภาพ ผมจะได้ดูตัวอย่างและปรับได้ว่าถ่ายรูปตอนอารมณ์ดีควรจะปรับยังไง ถ่ายรูปตอนอารมณ์ไม่ดีควรจะปรับยังไง ซึ่งผมว่าการถ่ายภาพเนี่ยเป็นการถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้
博客天下
หม่าเจียฉี : ตอนที่ผมไม่ได้กินของดี ๆ อร่อย ๆ น่ะครับ ผมพูดจริง ๆ นะ
博客天下
หม่าเจียฉี : จริง ๆ แล้วมันเป็นเรื่องบังเอิญครับ ตอนนั้นผมก็เรียนร้องเพลงมาเรื่อย ๆ แหละ แต่หลังจากที่บริษัทเจอผม คุณพ่อกับคุณแม่ของผมก็ได้คุยกับพวกเขาอยู่สักระยะหนึ่งผมจึงได้เข้ามาฝึกที่บริษัท คุณพ่อกับคุณแม่ของผมท่านสนับสนุนผมมาโดยตลอด และพวกท่านยังบอกกับผมอีกว่าต้องทำตัวอย่างไรเมื่อไปอยู่ที่นั่น
博客天下
หม่าเจียฉี : ใช่ครับ เพราะว่าตอนเด็ก ๆ ผมอยากได้จักรยานมาก ๆ คุณแม่ผมเลยบอกว่า “ถ้าอยากได้ก็ไปถ่ายละครเรื่องนี้สิ เดี๋ยวแม่จะซื้อจักรยานให้ลูกหลังจากที่ถ่ายจบเลย” แล้วจากนั้นผมก็ได้ไปถ่ายละครเรื่องนี้ และมันก็ค่อนข้างที่จะเป็นเรื่องบังเอิญเรื่องหนึ่งของด้วยแหละครับ
博客天下
หม่าเจียฉี : ตอนแรกผมไม่รู้หรอกครับ (หัวเราะ) เพราะตอนนั้นผมอายุแค่
博客天下
หม่าเจียฉี : อันที่จริงแล้วคุณพ่อคุณแม่ของผมท่านสอนทุกอย่างให้ผมมาตั้งแต่เด็กแล้วครับ ว่าจะต้องพูดยังไง จะต้องทำยังไง คือเราพูดคุยกันอยู่ตลอดครับ ปกติแล้วก็โทรคุยกันวันละครั้ง พวกท่านจะถามผมถึงเหตุการณ์ในแต่ละวันว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า ดังนั้นเลยไม่มีความกังวลอะไรเป็นพิเศษเลยครับ
博客天下
หม่าเจียฉี : มีครับ ผมคิดว่าสิ่งที่พ่อแม่แนะนำลูก ๆ เป็นสิ่งที่สำคัญมาก คุณพ่อผมท่านจะพูดคุยเกี่ยวกับเหตุผลมากมายกับผมอยู่เสมอ อย่างเช่นว่าคนเราควรจะต้องมีภูเขาอยู่ในใจให้ได้ปีนป่ายขึ้นไปนะ จะไม่มีไม่ได้ (หมายถึงคนเราควรจะต้องมีเป้าหมาย) ประมาณนั้นแหละครับ ส่วนคุณแม่ของผมท่านก็จะคอยดูแลเรื่องการใช้ชีวิตประจำวันและให้ความสำคัญกับเรื่องการเรียนนี่แหละครับ
博客天下
หม่าเจียฉี : ค่อนข้างที่จะเข้มงวดเลยครับ และก็เป็นอย่างนี้มาตลอด ท่านให้เราได้ลองทำสิ่งต่าง ๆ และต้องทำมันจนกว่าจะไม่มีทางแก้อื่นหรือวิธีการอื่นอีกแล้ว จะต้องทำมันอย่างเต็มกำลังความสามารถ เรียกได้ว่าคือต้องมีความพยายามเป็นหลักน่ะครับ แล้วครอบครัวเราก็สอนแบบนี้มาตลอดเลย
博客天下
หม่าเจียฉี : ผมคิดว่าพวกเราเข้ากันได้สบาย ๆ เลยครับ จะคุยอะไรกันจะหยอกล้ออะไรกันก็ได้ เพราะว่าเราทุกคนยังเป็นเป็นเด็กกันอยู่น่ะครับ ก็เลยทำอะไรกันได้ตามอำเภอใจ
博客天下
หม่าเจียฉี : “หน้าที่” ในวงผมไม่สามารถที่จะพูดได้ เพราะว่าแต่ละคนมีข้อดีที่แตกต่างกันไป
สำหรับย่าเซวียนผมคิดว่าค่อนข้างเห็นความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด หากคุณได้สนิทกับเขาแล้วจะพบว่าเขาจะไม่เหมือนกับตอนที่ได้รู้จักกันครั้งแรก น่าสนใจมาก ๆ เขาเป็นคนที่มีความกระตือรือร้น ทั้งในด้านความคิดและคำพูด เรื่องพวกนี้ของเขาจะทำให้คุณรู้สึกทึ่งได้เลยครับ
เจินหยวนเขาเป็นคนที่ค่อนข้างจริงจัง เขาจะตั้งใจรับฟังสิ่งที่คุณพูดมาก ๆ และก็เป็นคนที่คุยด้วยแล้วสบายใจครับ
ติงเกอก็เป็นคนที่ผมรู้สึกถึงความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเช่นเดียวกัน บางครั้งก็รู้สึกว่าเขาน่ารัก และบางครั้งเวลาที่เราคุยกันจะรู้สึกว่าเขาจริงจังมาก ๆ
เสี่ยวเฮ่อเขาเป็นคนช่างพูด เป็นคนที่สร้างบรรยากาศได้ดีเลยครับ โดยปกติเราจะชอบสั่งเดลิเวอรี่กัน และเขาจะเป็นคนคอยโทรสั่ง ผมรู้สึกว่าแต่ละอย่างที่สั่งมาสามารถเหลือไว้กินได้อีกครั้ง แต่สุดท้ายเขาก็สามารถกินมันจนหมดเฉยเลย น่าทึ่งมากครับ (หัวเราะ)
เฉียงเกอเขาเป็นคนที่เท่มากครับ มีความเป็นตัวเองสูง จริง ๆ ผมอิจฉาคนแบบนี้มากเป็นพิเศษเลย หากคิดจะทำอะไรแล้วก็กล้าคิดกล้าทำน่ะครับ
เย่าเหวินผมเห็นเขาเติบโตจากจุดนึงไปสู่อีกจุดนึงไวมาก แล้วรู้สึกว่ามันแตกต่างไปจากเดิมมาก ๆ ครับ (หัวเราะ) เมื่อก่อนหน้าเขาจะกลม ๆ หน่อย ผมเลยชอบบีบเล่นมาก ๆ แต่ตอนนี้รู้สึกว่าคางเขายาวขี้น และสันกรามก็ชัดขึ้นแล้วด้วย
เวลาที่อยู่ด้วยกันกับพวกเขาผมรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ทุกคนล้วนมีข้อดีที่แตกต่างกันออกไป และก็จะมีการพัฒนากันต่อไปอีกเรื่อย ๆ
博客天下
หม่าเจียฉี : โดยปกติในช่วงเช้าผมจะเข้าคลาสเรียนวัฒนธรรม เรียนออนไลน์ พกหนังสือ “53” ไปเรียนด้วย (หมายถึงหนังสือ《
博客天下
หม่าเจียฉี : บอกตามตรง มันมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นครับ และก็เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าความรู้สึกนั้นจะมาถึงในอีกไม่ช้า แต่ผมก็คิดว่านี่คือสิ่งที่เราควรจะต้องเผชิญหน้ากับมันครับ
博客天下
หม่าเจียฉี : ที่โรงเรียนคุณครูและเพื่อน ๆ ดูแลผมดีมากจริง ๆ ครับ เพราะผมมักจะตามไม่ทันเพื่อน(เรื่องเรียน) เมื่อผมไปที่โรงเรียนพวกเขาจะคุยเรื่องต่าง ๆ กับผม และเมื่อผมจากมาคุณครูก็จะเอาตำราหรือสื่อต่าง ๆ มาให้ผมอ่านเยอะและบ่อยขึ้นครับ
博客天下
หม่าเจียฉี : ไม่เลยครับ เพราะสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกจริง ๆ คือผมคือนักเรียนที่โรงเรียนนี้ และผมคือนักเรียนที่ชื่อหม่าเจียฉี ผมเข้ากับเพื่อนคนนี้ได้ ผมเข้ากับเพื่อนคนนั้นได้ เราทุกคนต่างก็เป็นนักเรียนธรรมดา ๆ ที่ได้มาอยู่ร่วมกันนี่แหละครับ
博客天下
หม่าเจียฉี : มีครับ แต่ไม่ได้มีเรื่องอะไรนะครับ แค่มาหาเฉย ๆ (หัวเราะ)
博客天下
หม่าเจียฉี : ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าช่องว่างหรือความแตกต่างทั้งนั้นครับ ทุกคนรุ่นราวคราวเดียวกัน เป็นเพียงคนในวัยเดียวกันที่ทำงานไม่เหมือนกันเท่านั้นเอง อย่างเช่นเรื่องการเรียน เพราะทุกคนก็ผ่านการเป็นนักเรียนกันมาแล้ว จะรู้เลยว่าความรู้สึกของความกดดันทางการเรียนต่อตัวเองเป็นยังไง และทุกคนต่างก็ทุ่มเทและพยายามกันมาก ๆ เพื่อที่จะได้มีชีวิตที่ดีขึ้นในอนาคต
博客天下
หม่าเจียฉี : เพื่อนของผมส่วนใหญ่แล้วเป็นคนนอกวงการกันน่ะครับ
博客天下
หม่าเจียฉี : ผมจำได้ว่าตอนที่ผมพึ่งเข้ามาในบริษัท ผมได้รับจดหมายจากแฟนคลับมาฉบับหนึ่ง โดยเนื้อหาในจดหมายระบุว่าในช่วงที่เธอป่วยเป็นโรคซึมเศร้าอยู่นั้น การที่เธอได้ดูรายการวาไรตี้และการแสดงของพวกเรา มันทำให้เธอรู้สึกมีความสุขขึ้นมา และค่อย ๆ ก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนั้นมาได้ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาผมก็เริ่มเข้าใจความหมายของคำว่า "ไอดอล" และก็ยังสามารถที่จะมอบพลังด้านบวกให้กับคนอื่น ๆ ได้เช่นกันครับ
博客天下
หม่าเจียฉี : ผมคิดอยู่เสมอว่าแฟนคลับกับศิลปินต่างก็ส่งเสริมซึ่งกันและกัน ทุกคนต่างใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันบนโลกคู่ขนานนี้ และจริง ๆ แล้วเราต่างก็พัฒนาไปด้วยกันอยู่ตลอดเวลาครับ
博客天下
หม่าเจียฉี : คงจะเป็นการแสดงและผลงานน่ะครับ
博客天下
หม่าเจียฉี : ปัญหาเรื่องชีวิตและความเป็นส่วนตัว ผมคิดว่าไม่ใช่เพียงแค่ศิลปินเท่านั้น ผู้คนที่อยู่บนโลกใบนี้ไม่มากก็น้อยหลีกเลี่ยงมันไม่ได้เช่นกัน เหมือนกับการทำงานล่วงเวลาในช่วงสุดสัปดาห์น่ะครับ บางคนต้องนอนดึก บางคนก็ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ
博客天下
หม่าเจียฉี : รู้สึกว่าความคิดของผมต่างจากตอนที่ยังไม่เดบิวต์เยอะเลยครับ ผมรู้สึกว่าผมมีความคิดที่เด็ดเดี่ยวมั่นคงมากขึ้น และผมหวังว่าผมจะสามารถทำทุกอย่างให้ดีขึ้นเหมือนอย่างที่ได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้
博客天下
หม่าเจียฉี : แน่นอนว่าเป็นคอนเสิร์ตที่จุคนได้หมื่นคนครับ เป็นเป้าหมายที่พวกเรา(TNT)มีร่วมกัน
博客天下
หม่าเจียฉี : สิ่งนี้ขึ้นอยู่กับทุกคนที่คอยเฝ้ามองเราอยู่ครับ คนที่ได้ดูการแสดงของเราจริง ๆ ผมคิดมาตลอดว่าถ้าเราถอยเราจะไม่ก้าวหน้ากันเลย ดังนั้นผมจึงอยากที่จะก้าวต่อไปข้างหน้าอีกเรื่อย ๆ ครับ
博客天下
หม่าเจียฉี : หลังจากที่ได้เดบิวต์ ผมมีโอกาสมากขึ้นครับ ได้พบกับรุ่นพี่และก็อาจารย์เยอะขึ้น และหลังจากที่ได้พบปะพูดคุยกับพวกเขา หรือขึ้นทำการแสดงบนเวทีเสร็จแล้วนั้น ผมก็ได้รู้ข้อบกพร่องของตัวเองเยอะขึ้นเช่นกันครับ
博客天下
หม่าเจียฉี : ตะกี้ว่าจะไม่พูดถึง《
博客天下
หม่าเจียฉี : งั้นเป็นเพลงวงของเราละกันครับ อย่างเพลงที่ปล่อยออกมาก่อนหน้านี้
博客天下
หม่าเจียฉี : อนาคตเหรอครับ? จริง ๆ แล้วผมมีอยู่หลายทางที่อยากจะพัฒนาในอนาคต แต่ผมอยากจะพัฒนาไปทีละก้าว ทีละก้าวอย่างมั่นคง และทำปัจจุบันให้ดีก่อนครับ
博客天下
หม่าเจียฉี : ใช่ครับ นี่เป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับเรา
博客天下
หม่าเจียฉี : ผมชอบคุณ JJ Lin มากเลยครับ และเขาก็เป็นไอดอลของผมด้วย
博客天下
หม่าเจียฉี : คือผมโตมาพร้อมกับเพลงเขาเลยครับ ตอนเด็ก ๆ เวลาที่ผมร้องเพลงของเขาผมจะร้องเสียงดังมาก และตัวเขามักจะไปปรากฏในที่ที่ไม่คาดคิดหลายที่เลย ดังนั้นจึงมีผลต่อผมมาก ๆ ผมคิดว่านี่แหละคือความหมายของไอดอล และเขาก็อยู่ในโลกคู่ขนานนี้เช่นกัน
博客天下
หม่าเจียฉี : ผมคิดว่าไอดอลเป็นคำอธิบายของอาชีพที่คล้ายกับนักร้อง นักแสดง ครู หมอ...... แต่ผมคิดว่าความหมายที่แท้จริงควรจะเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังสายอาชีพนี้ สิ่งที่ทำให้เรามาถึงจุดนี้ ส่วนคำว่าดาราดังผมว่ามันเป็นการวัดความดังและกระแสของศิลปินหรือดารามากกว่า
มาตรฐานการวัดมันก็มีแตกต่างกันไปครับ อย่างเช่นว่า เวลาผมอยู่ที่โรงเรียน ผมเป็นนักเรียน เวลาผมอยู่ที่บ้าน ผมเป็นลูกของพ่อกับแม่ และเป็นน้องของพี่(หม่าเจียเฉิง) เวลาผมอยู่บนเวที ผมเป็นไอดอล ผมจะรู้ซึ้งถึงความหมายนี้ผ่านการมองและการสัมผัสกับสิ่งต่าง ๆ บนโลกใบนี้ครับ
博客天下
หม่าเจียฉี : จริง ๆ แล้วก็ไม่นะครับ เพราะว่าผมอยากสนุกกับการใช้ชีวิตให้เต็มที่ ดังนั้นเวลาที่ผมอยู่ที่โรงเรียนผมก็อยากทำให้เต็มที่เหมือนกัน เวลาการเป็นนักเรียนที่โรงเรียน ผมรู้สึกว่ามันไม่ได้ขาดหายหรือว่าน้อยลงเลยครับ
博客天下
หม่าเจียฉี : อันดับแรกเลยคือต้องมีทัศนคติที่ดี แล้วต้องมีแผนการที่จำเป็น เช่น เป้าหมายในระยะสั้น เป้าหมายในระยะยาว อันที่จริงไม่เฉพาะกับศิลปินเท่านั้น ผมคิดว่าในชีวิตของคนทุกคนก็ต้องเป็นแบบนี้เช่นกัน มีการวางแผนในการใช้ชีวิตในทุก ๆ วัน หรือมีเป้าหมายแบบไหนก็ได้ที่คุณจะต้องทำมันให้สำเร็จ เมื่อคุณไปถึงยังจุด ๆ นั้นแล้วให้มองย้อนกลับมาดูตัวเองก่อนหน้านี้ว่ามีสิ่งไหนที่ตัวเองยังบกพร่องอยู่หรือไม่ หรือสิ่งไหนที่เราทำได้ดีเราก็ทำสิ่งนั้นให้ดีขึ้นไปอีก มุ่งมั่นสร้างเป้าหมายในระยะยาวให้ดีและก้าวหน้าต่อไปอีกเรื่อย ๆ เลยครับ
博客天下
หม่าเจียฉี : การได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่หวังไว้น่ะครับ เป็นเป้าหมายในระยะสั้นของผมในตอนนี้เลย
博客天下
หม่าเจียฉี : ผมอยากทำงานร่วมกับนักร้องคนโปรดของผม และก็อยากทำอัลบั้มในสไตล์ที่ชอบร่วมกับ(เมมเบอร์
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in