เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
{Beautiful Words Prompt}Tippuri~ii*
[00Q] You’re Drowning, and I Can’t Stop the Wave
  • Basorexia – An overwhelming desire to kiss

    (requested by @AmeresLare)

     

     

     

     

     

    You’re Drowning, and I Can’t Stop the Wave

     

                   

     

     

     

    นี่เป็นอีกครั้งที่คำบอกเล่าว่าดับเบิ้ลโอเซเวนไม่มีหัวใจถูกพิสูจน์ว่าเป็นความจริง

                   

     

     

     

     

    เหตุการณ์ที่สั่นสะเทือนประวัติศาสตร์ของเอ็มไอซิกซ์จบลงด้วยข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์…ข่าวคอลัมน์เล็กจนน่าหัวเราะ เรื่องราวบนหน้ากระดาษสีเทาเล่าถึงอุบัติเหตุเพลิงไหม้ที่ลุกลามใหญ่โตในสก็อตแลนด์ ไม่มีการกล่าวถึงสาเหตุหรือรายละเอียดใดๆ มากไปกว่านั้น…ไม่มีคำอธิบายว่าทำไมแค่ไฟถึงสามารถทำให้คฤหาสน์หลังงามพังจนไม่เหลือชิ้นดีเช่นนั้นได้ และที่สำคัญ…ไม่มีชื่อของผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตถูกระบุเลย

                   

     

     

     

     

    อำนาจของเอ็มไอซิกซ์ปิดบังเรื่องราวส่วนสำคัญจากสายตาคนนอก…แต่ไม่ใช่กับคนใน เหตุการณ์ที่ฝ่ายพลาธิการถูกตลบหลังจนระบบคอมพิวเตอร์เสียศูนย์เป็นข่าวใหญ่…เพราะอย่างไรเสีย ภารกิจของดับเบิ้ลโอเซเวนก็เป็นสิ่งที่ทุกคนจับตามองเสมอ และเมื่อภารกิจได้รับการยืนยันว่าถูกจัดการเรียบร้อยพร้อมๆ กับที่เอ็มคนเก่าหายตัวไปราวกับไม่เคยมีตัวตน….ไม่ว่าใครก็เดาได้ทั้งนั้นว่ามันคงเกี่ยวพันกับการเข้ามารับตำแหน่งของเอ็มคนใหม่ไม่มากก็น้อย

                   

     

     

     

     

    สำหรับเอ็มไอซิกซ์แล้ว…การที่จู่ๆ คนคนหนึ่งจะหายไปราวกับไม่เคยรับตำแหน่งนั้นๆ ไม่ใช่เรื่องแปลก ทุกคนจึงยอมรับมัลลอรี กาเรธโดยไร้ข้อกังขาหรือคำแย้งใดๆ…แม้แต่คนที่ดูน่าจะมีปัญหากับเรื่องนี้ที่สุดก็เช่นกัน

                   

     

     

     

     

    เจมส์ บอนด์มารายงานตัวและรับภารกิจชิ้นแล้วชิ้นเล่าต่อไป การกระทำเรียบนิ่งเหมือนสีหน้าของเจ้าตัว…ดวงตาสีฟ้าใสนั่นไม่แม้แต่จะกระพริบด้วยซ้ำตอนที่ได้ยินชื่อใหม่ที่มาแทนที่ตำแหน่งหัวหน้าของตน

                   

     

     

     

     

    แล้ววันเวลาก็เคลื่อนคล้อยไป คำว่าเอ็มที่ทุกคนเรียกหาโดนแทนความหมายด้วยบุคคลใหม่อย่างสมบูรณ์

                   

     

     

     

     

    นี่คงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของการเป็นสายลับ…การไม่มีความรู้สึกใดๆ ให้ใคร แม้กระทั่งคนที่ห่วงใยเจ้าตัวมาตลอดก็ตาม

                   

     

     

     

     

    หนุ่มน้อยหัวหน้าหน่วยพลาธิการก็อยากจะคิดแบบนี้ตามคนอื่นๆ…แต่คิวก็รู้ตัวว่าลึกๆ ในใจแล้วเขาปฏิเสธที่จะเชื่อข้อสรุปนี้ อะไรบางอย่างในใจของเขาแย้ง—ความดื้อดึงอันสงบนิ่ง—ว่าเจมส์ บอนด์มีหัวใจ และมันก็กำลังปริร้าวอย่างเงียบงันจากน้ำหนักของความสูญเสียที่เกิดขึ้น

                   

     

     

     

     

    แต่เขาก็ไม่เคยมั่นใจว่าตัวเองคิดถูก เพราะสุดท้ายแล้ว…ความสัมพันธ์ของคิวกับบอนด์ก็เป็นแค่เพื่อนร่วมงานที่ทุกบทสนทนามีแต่คำจิกกัดกันเท่านั้นเอง เหตุผลเดียวกันนี้ที่ทำให้หนุ่มน้อยไม่เคยเอ่ยคำปลอบโยนอื่นใดมากไปกว่าตามมารยาท

                   

     

     

     

     

    มันเป็นวันที่ลอนดอนอยู่ใต้ม่านฝนแต่เช้าที่คิวได้ขึ้นมาที่ดาดฟ้าของอาคารเอ็มไอซิกซ์…โปรแกรมที่เขาต้องเขียนนั้นยุ่งยากกว่าที่คาดไว้ และบรรยากาศอุดอู้ของห้องแล็บก็ทำให้ความคิดยิ่งยุ่งเหยิง ทำให้เมื่อรู้ว่าฝนหยุดตกไปได้สักพักแล้ว…หัวหน้าหน่วยพลาธิการจึงตัดสินใจที่จะจรดปลายเท้าที่ขั้นบันไดไปสู่ดาดฟ้า เขาต้องการทิวทัศน์แปลกใหม่ในการรวบรวมสมาธิ

                   

     

     

     

     

    ท้องฟ้ายังคงเป็นสีเทาอ่อนจางอยู่ด้วยเมฆฝนที่ยังไม่จากไป…นั่นจึงทำให้ร่างสูงโปร่งในเสื้อโค้ทตัวยาวสีดำสนิทยิ่งเป็นภาพอันเด่นชัด ตัดกับท้องฟ้าสีหม่นและเหล่าหลังคาอาคารสีซีดรอบด้าน…เงาร่างที่คิวจำได้ก่อนที่เจ้าตัวจะหันมาเสียอีก

                   

     

     

     

     

    “ดับเบิ้ลโอเซเวน?”

                   

     

     

     

     

    เจ้าของรหัสหันมา ดวงตาสีฟ้าใสตอนนี้กลับเฉยเมยไร้ประกายใด

                   

     

     

     

     

    สีฟ้าที่ทำให้คิวคิดถึงการร้องไห้จนไม่เหลือน้ำตา

                   

     

     

     

     

    เขาค่อยๆ ก้าวเข้าไปหาอีกฝ่าย ถามเสียงเรียบ…หากไม่แข็งกร้าว “คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

                   

     

     

     

     

    คำถามนี้ทำให้บอนด์หัวเราะเหยียดๆ ออกมาสั้นๆ…ส่ายหน้าเล็กน้อย “การเสียใจภายหลังไม่ใช่เรื่องที่พวกเรารู้สึกกัน”

                   

     

     

     

     

    เป็นคำตอบที่ไม่ได้ให้ความกระจ่างเลย แต่คิวก็จำได้ว่ามันเป็นประโยคจากปากของใคร

               

     

     

     

     

    …เอ็มคนเก่า

               

     

     

     

     

    และก่อนที่จะรู้ตัว คิวก็เปล่งเสียงออกไปแล้ว

                   

     

     

     

     

    “ไม่เป็นไรหรอก”

                   

     

     

     

     

    โดยไม่รู้ตัวเช่นกัน…ปลายเท้าก้าวเข้าไปหาอีกนิด

                   

     

     

     

     

    “มันไม่เป็นไรที่คุณจะรู้สึกอะไรก็ตาม”

     

     

     

     

     

    บอนด์คงยืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่ตอนที่ฝนยังไม่หยุด…เพราะวงแขนที่รวบเขาเข้าหาไปในเสี้ยวนาทีถัดมานั้นเปียกปอน มันเป็นอ้อมกอดที่สงบนิ่ง…แต่หนุ่มน้อยก็รู้สึกได้ถึงความแตกร้าวในลมหายใจกับปลายนิ้วที่สั่นระริกของอีกฝ่าย

     

     

     

     

     

    และในเสี้ยววินาทีนั้น…คิวก็ตระหนักได้ว่าตนเป็นคนเพียงคนเดียวบนโลกใบนี้ที่รู้ว่าเจมส์ บอนด์มีหัวใจ

     

     

     

     

     

    ไม่มีคำพูดใด…บอนด์แค่เพียงกอดเขาเอาไว้ หากสัมผัสที่แน่นหนาและบรรยากาศหนักหน่วงก็บอกคิวได้ดีว่าตอนนี้จิตใจของอีกฝ่ายบอบช้ำเพียงใด

     

     

     

     

     

    ไม่มีเหตุผลเลยสักนิด…แต่จู่ๆ คิวก็รู้สึกราวกับว่าความเจ็บปวดนั้นก็เป็นของเขาเองด้วย สองมือขยับขึ้น…ประคองวงหน้าของอีกฝ่ายไว้

     

     

     

     

     

    เสียงนุ่มกระซิบถาม…สั่นระริก “คุณต้องการอะไร…เจมส์? บอกผมมาสิ…”

     

     

     

     

     

    อะไรก็ได้ทั้งนั้น…อะไรก็ได้ที่จะทำให้แววตาแสนเศร้าหายไปจากนัยน์ตาสีฟ้าใสนั่น…

     

     

     

     

     

    คนตรงหน้าไม่ได้เอ่ยคำใด…หรืออาจจะเป็นแค่เพราะเขาไม่ได้ยินเองก็เป็นได้…เพราะในวินาทีนั้น สิ่งเดียวที่คิวรับรู้คือตัวเขาในอ้อมแขนของอีกฝ่ายกับความรู้สึกชั่ววูบบางอย่างในใจตน…รวดเร็วราวประกายไฟ ถ่าโถมราวเกลียวคลื่น…ความรู้สึกโหยหาต้องการอันหาเหตุผลไม่ได้ ความรู้สึกที่ทำให้เขาหยัดตัวขึ้นอีกนิด…ลบเลือนระยะห่างระหว่างกันไปจนสิ้น

     

     

     

     

     

    มันเป็นจูบที่เงียบงัน…ทิ้งคิวไว้กับลมหายใจที่ติดขัดเมื่ออีกฝ่ายผละจาก ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่มือของบอนด์ยกขึ้นมาเชยคางของเขาเอาไว้ ปลายนิ้วที่เลื่อนไล้ต่ออีกเล็กน้อยราวกับจะประคองให้มั่นคง…ก่อนที่จะละจากไปเช่นกัน

     

     

     

     

     

    ความเงียบทิ้งตัว ไม่มีใครเอ่ยอะไรขึ้นมา…คิวยังคงก้มหน้าอยู่แบบนั้นตลอดชั่วนาทีสั้นๆ นั่น ลมหายใจกลับเป็นจังหวะที่ช้าลงแล้วเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยคำลาเบาๆ แล้วเดินออกไปจากดาดฟ้า…แต่หัวใจของหนุ่มน้อยก็ยังคงสั่นระริกเหมือนทั้งมือในตอนนี้ สิ่งที่พาให้คิดถึงสัมผัสสุดท้ายบนกรอบหน้าของตัวเอง

     

     

     

     

     

    แต่ปลายนิ้วของบอนด์ไม่ได้สั่นระริกอีกแล้ว

     

     

     

     

     

    โดยไม่มีเหตุผล เขารู้สึกว่าสิ่งที่ได้รับรู้นี้ทำให้ใจรู้สึกสงบอย่างประหลาด

     

     

     

     

     

    คิวไม่เคยบอกกับบอนด์ต่อมาเลยแม้แต่ครั้งเดียวว่านั่นคือจูบแรกของเขา

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    fin.

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in