LOUD PLACES
jamie xx - loud places
8.44PM FRIYAY
เป็นครั้งแรกในรอบปีที่มาร์คลีได้ออกมาใช้ชีวิตคืนวันศุกร์แบบที่กลุ่มเพื่อนสนิทตัวเองทำอยู่ประจำต้องยอมรับว่าเพื่อนเขาปาร์ตี้กันหนักหน่วงในขณะที่ตัวเขาเองไม่ค่อยจะได้ออกไปไหน
จนบางทีอาจจะดูแตกต่างกันจนผู้คนสงสัยและมีบางคนหลุดปากถามว่าคบกันรอดได้ยังไงคนถูกถามก็ได้แต่ส่ายหน้ากลับไปยิ้มๆแล้วตอบว่าใช้ชีวิตต่างกันก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลย สุดท้ายเราก็เข้าใจกันที่สุดอยู่ดี
ผับชื่อดังที่จัดปาร์ตี้พิเศษทุกวันศุกร์ตั้งอยู่ตรงหน้าพร้อมกับคนที่มากันเป็นกลุ่มอย่างไม่ขาดสายมาร์คเดาว่าคนที่มาน่าจะเป็นคนประจำๆ สังเกตได้จากการที่ทุกคนทักกันอย่างคุ้นเคยหรือแม้แต่ลูคัสเพื่อนสนิทเขาที่ยังไม่ได้หยุดโบกมือทักทายผู้คนเลยตั้งแต่เดินเข้ามา
แต่เพราะว่าเกิดและเติบโตในแคนาดาถึงคุ้นเคยเรื่องพวกนี้อยู่บ้าง
“นี่เพื่อนเรา มาร์ค”
“หวัดดี เราชื่อโกอึนนะ มาครั้งแรกเหรอ”
“...” มาร์คไม่ได้ตอบ.. ไม่ใช่เพราะหยิ่ง แต่เพราะเสียงเพลงดังกลบจนไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยต่างหาก
“ฮัลโหล!” ผู้หญิงหน้าตาน่ารักทักทายเขาด้วยเสียงที่ดังขึ้นอีกนิด
“ไง” มาร์คลีไม่ใช่คนพูดเก่งแต่ก็ไม่ใช่คนพูดไม่เก่งขนาดนั้น ถ้าต้องให้คะแนนเขาคงให้ตัวเองอยู่ตรงค่ากลางพอดี ไม่ได้โดดเด่น แต่ก็ไม่ได้loserขนาดนั้น
“หวัดดี มาครั้งแรกเหรอ!” หญิงสาวขยับเข้าใกล้เขามากขึ้นอีกนิดพร้อมกับพูดเสียงดังขึ้น
“ใช่ ครั้งแรกเลย”
“อ้อ ชื่อมาร์คใช่มั้ย”
“รู้ได้ไง” มาร์คถามออกไปอย่างประหลาดใจตาโปนๆนั่นเรียกเสียงหัวเราะของคู่สนทนาได้ดี”
“ฮ่าๆ นี่พูดให้เราขำป่ะเนี่ย เมื่อกี้ลูคัสแนะนำเราแล้วไง”
“ห้ะ” เขาเอียงหูเข้าใกล้คนด้านข้างอีกเล็กน้อยเสียงดนตรีเบสหนักๆกำลังทำลายประสาทการได้ยินของเขาไปแล้ว
“ลู คัส บอก เรา แล้ว!”โกอึนลดความเร็วในการพูดลงแล้วเร่งเสียงให้ดังขึ้น
“อ้อ”
“เราโกอึนนะ!”
“เอ้า ตรงนั้นกินหูกันแล้วมั้ง” ลูคัสเอ่ยแซวขึ้น
“ก็เหี้ยแล้ว”ทั้งสองคนผละออกจากกันทันทีพร้อมกับนิ้วกลางของมาร์คลีที่ถูกส่งไปทาบเข้ากับหน้าของลูคัสเต็มๆ
☽
มาร์คลีรู้สึกได้ว่าเขาคงห่างหายจากวงการนี้ไปนานเกินไปจริงๆทั้งวงสนทนามีแต่เรื่องของคนที่เขาไม่รู้จักมาร์คไม่รู้ว่าคริสอู๋ที่ชอบขับรถสปอร์ตมาอวดเบ่งคือใคร ไม่รู้ว่าจองแจฮยอนที่สาวๆพูดถึงเป็นใครถึงจะมีคนช่วยขยายความให้ว่าเป็นเดือนมหาลัยปีที่แล้ว เขาก็ยังไม่รู้อยู่ดี
“แล้ววันนี้เจโน่มามั้ยเนี่ย”ลูคัสถามขึ้นพร้อมกับกวาดสายตาไปรอบๆ
“อะไร ชอบหรือไง” ใครสักคนที่มาร์ไม่รู้จัก(อีกแล้ว)พูดขึ้น
“หรือมึงไม่ชอบ คนอะไรว่าหน้าดีฉิบหายทั้งพี่ทั้งน้อง”
“จริง”
คนที่ร่วมบทสนทนาทั้งหมดพยักหน้าเห็นด้วยยกเว้นมาร์คที่ยังคงไม่รู้จักใครอยู่เช่นเดิมนอกจากลูคัสกับพี่แทยงที่มาด้วยกัน
มาร์คหาวหวอดเป็นรอบที่ร้อยโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น ไม่ใช่สิไม่มีใครสนใจต่างหากต่างคนก็ต่างกำลังเต้นสนุกสุดเหวี่ยงตามจังหวะดนตรีหนักๆที่มาร์คเชื่อว่ามันจะทำให้คนใดคนหนึ่งในนี้หูตึงก่อนแก่แน่นอน
สุดท้ายก็ตัดสินใจเฟดตัวออกมานั่งตรงปลายบาร์คนเดียวมาร์คสั่งเบียร์ corona มาดื่มแทนที่จะหาเหล้าตัวแรงมากระดกให้เมาไวๆจะได้ไปเต้นกับเพื่อนได้
แน่นอนว่าเขาบอกลูคัสให้รับรู้แล้วก่อนที่เพื่อนตัวดีจะเป็นเดือดเป็นร้อนตามหาเขาแล้วเปิดฉากบ่นเหมือนพ่อคนที่สอง
มาร์คถูกจริตกับโซนนี้มากกว่า ทั้งเสียงเพลงที่เบากว่า และแนวเพลงที่เขารู้สึกคุ้นเคย
‘สีม่วง เป็นสีการดูแลและปลอบโยนช่วยให้จิตใจสงบ สีม่วงมักเข้าไปเชื่อมโยงกับสื่อแขนงอื่นๆ ศิลปะ ดนตรี และความลึกลับเป็นสีที่มีอิทธิพลต่อความรู้สึกทางด้านความสวยงามปรัชญาขั้นสูง กระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์แรงบันดาลใจ’
ประโยคที่เขาหามาเพื่อทำรีเสิร์ชในโปรเจ็กเมื่อปีที่แล้วอาจจะเป็นเรื่องจริง
ผู้ชายผมสีบลอนด์ ดั้งโดง ดวงตายิ้มนั่นดูดีมากใต้ไฟสีม่วงสลัวมาร์คมองไปที่คนนั้นตาไม่กระพริบ ‘คนเราจะเพอร์เฟ็คท์ขนาดนั้นได้ยังไง’ มาร์คพึมพำออกมาเบาๆไม่ใช่ความสวยงามในแง่ของผู้ชายมองผู้หญิง แต่เป็นความสวยงามของธรรมชาติ ทั้งสั้นดั้งที่โด่งได้รูปดวงตาที่ดูเป็นมิตร แพขนตายาว ทุกอย่างมารวมอยู่บนใบหน้าของคนคนเดียวได้ยังไง
ปกติแล้วมาร์คไม่ได้นับถือศาสนา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ‘คุณที่เป็นความงดงาม’ เหมือนมนุษย์ที่ถูกปั้นเองจากพระหัตถ์ของพระเจ้าแล้วส่งมาเกิดแบบลืมใส่ข้อเสียมาให้แม้แต่นิดเดียวหรือว่าถ้าตามหลักวิทยาศาสตร์ก็ต้องยกเครดิตให้ผู้ให้กำเนิดตามสูติบัตรที่มี เอ่อสเปิร์ม และรังไข่ ที่เปรียบดั่งทองคำ..
ถึงจะไม่ได้มองไปทั้งนั้นแล้ว แต่มาร์คลีได้แต่ก่นด่าตัวเองในใจที่ไม่สามารถสลัดภาพที่เพิ่งเห็นออกจากหัวได้‘ออกนานๆทีออกมาก็ได้เรื่องเลย ไอ้มาร์คเอ้ย’
ไม่รู้ว่าเขาเพ้อไปเองเพราะเบียร์ขวดที่สี่ทำพิษหรือเป็นเรื่องจริงกันแน่ถึงเห็นคนที่เขาแอบมองอยู่ในมุมมืดมานั่งเท้าแขนอยู่ตรงเก้าอี้บาร์ตัวข้างกัน –แบบหันข้างมามองเขาตรงๆเลย!
“หวัดดี”
“...” โอเค มันเป็นเรื่องจริง
“หวัดดี”
“มาคนเดียวเหรอ”คนมาใหม่ถามขึ้นพร้อมกับเอียงหัวเล็กน้อยอย่างน่ารัก
“เพื่อนเต้นอยู่ด้านในอ่ะ” เชื่อเถอะว่ามาร์คลีพยายามอย่างหนักเพื่อควบคุมไม่ให้เสียงตัวเองสั่นไปมากกว่านี้
“ไม่ไปสนุกกับเพื่อนเหรอ”
“เราไม่ใช่ party person อ่ะ เอ่อ ก็ไม่ขนาดนั้น ถ้าอินมู้ดก็ได้แต่วันนี้ไม่ได้เอ่อ..” อยากจะตบปากตัวเองสักร้อยทีให้เลิกติดอ่างอย่างน่าอาย
“ฮ่าๆ เราเข้าใจ เหมือนกันเลย”
“...”
“เราไม่เคยเห็นเธอเลย”
“นี่ครั้งแรก”
“อ๋อ”
ความเงียบโรยตัวพร้อมกับริมฝีปากของทั้งคู่ที่ฮัมเพลงที่ดังขึ้นอย่างอัตโนมัติมาร์คแปลกใจเล็กน้อยที่คนด้านข้างรู้จักเพลงที่ค่อนข้างจะนอกกระแสที่เปิดอยู่
“เฮ้ย รู้จักเพลงนี้ด้วยเหรอ”และดูเหมือนว่าเขาก็จะโดนสงสัยด้วยเหมือนกัน
“ฟังมาตั้งนานแล้ว”
“เหมือนกันเลย เราพยายามเอาไปพรีเซนท์เพื่อนแล้วแต่มันฟังไม่รู้เรื่องกัน”
“เลิกพยายามไปแล้วเหมือนกัน”
ผ่านไปเพลงแล้วเพลงเล่าก็ยังไม่มีใครลุกไปไหน ไม่มีใครพูดอะไรออกมาต่างคนต่างเอ็นจอยเครื่องดื่มในมือกับเพลงที่ร้องตามได้ทุกเพลง จะมีหันมาร้องเพลงใส่กันบ้างก็ตอนที่ถึงช่วงท่อนเด็ดท่อนดัง
มาร์คนึกขอบคุณ ‘คุณที่เป็นความงดงาม’ ที่เข้ามานั่งตรงนี้ถ้าไม่อย่างนั้นเขาคงนั่งเบื่อแล้วฟุบหลับลงกับเคาน์เตอร์บาร์ไปแล้วแน่ๆ
อย่างที่บอกว่าเขาพูดไม่เก่ง การได้นั่งฟังดนตรีที่ชอบกับคนที่(คิดว่า)ชอบโดยไม่อึดอัด หันมายิ้มให้กันบ้างตอนเจอท่อนที่ถูกใจเหมือนฉากในนิยายผู้หญิงที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นจริงก็เป็นเรื่องที่แปลกใหม่แต่ก็ดีไม่น้อย
แต่แล้วทุกอย่างก็ชะงักลงทั้งสองคนมองหน้ากันขำๆตอนที่ดีเจเปลี่ยนมู้ดมาเป็นเพลงป๊อปจังหวะสนุกที่แตกต่างจากดนตีในช่วงแรกอย่างของ the xx, caribou, tame impala อย่างสิ้นเชิง
คนตายิ้มงงงวยอยู่ไม่นานแล้วถึงปรับตัวเข้ากับเพลงที่เขาทั้งสองคนไม่รู้จักได้โดยการลุกขึ้นโยกตัวเบาๆตามจังหวะเพลงพร้อมกับดึงให้มาร์คลุกขึ้นไปเต้นด้วยกัน
ไม่ใช่การเต้นแบบสุดเหวี่ยงเหมือนอีกฝั่งหนึ่งของร้านแต่เป็นการเต้นท่าทางตลกๆที่ต่างคนก็ต่างทำเพื่อเรียกเสียงหัวเราะจากอีกฝ่าย
(charli xcx - unlock it : https://www.youtube.com/watch?v=KP0r5LSbWL4)
You're on my mind
I'm feeling kinda nervous, but I like it
Take my t-shirt off and do it right
You're on my mind
The feeling, like an astronaut
Watchin' the world all alone, just you and I
(Beautiful)
Rollercoaster ride in the fast lane
Got the roof down
Kiss me hard in the pourin' rain
Yeah, I can see it in your eyes
Know you feel the same
Million dollar babe
Trippin' on it, like propane
(Beautiful)
ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาเคลิ้มไปกับเนื้อหาของเพลงทำนองตลกๆที่ดังอยู่โลกทั้งใบหมุนช้าลง หูอื้อไม่ได้ยินเสียงใดๆมีแต่ใบหน้าของคนสองคนที่เคลื่อนเข้าหากัน
มาร์คดูดดึงริมฝีปากอีกฝ่ายอยู่แบบนั้นทั้งจุ้บแบบเด็กๆและส่งลิ้นเข้าไปกวาดต้อนอย่างรุนแรงแบบผู้ใหญ่ ยิ่งถูกกัดดึงริมฝีปากล่างมากเท่าไหร่มาร์คก็ยิ่งอยากจะเอาชนะมากขึ้นเท่านั้น
“คิกๆๆ” คนตัวเล็กกว่าหัวเราะขึ้นเบาๆในขณะที่เขาเองก็ขำจนไหล่สั่นเหมือนกันทั้งที่หน้าผากยังชนกันอยู่
Lock it, lock it, lock-ck it, lock it, lockit
Unlock it
Lock it, lock it, lock-ck it
Got the key can you unlock it?
Lock it, lock it, lock-ck it, lock it, lockit
Unlock it
Lock it, lock it, lock-ck it
Got the key can you unlock it?
จะทนจูบกันต่อไปได้ยังไงถ้ายังเป็นเพลงนี้อยู่แล้วแถมเล่นท่อนนี้ซ้ำๆ
“Gotthe key can you unlock it?” มาร์คงงในทีแรกที่ได้ยิน คิดว่าอีกฝ่ายทวนเนื้อเพลงขำๆเพิ่งจะมาเข้าใจตอนที่เห็นรอยยิ้มมีเลศนัยนั่นแหละ
☽
-(cut ไม่แต่งเอ็นซีจ้าา)-
☽
มาร์คตื่นขึ้นมาในห้องตัวเองในเช้าวันถัดมา ไม่ปฏิเสธเลยว่าเรื่องเมื่อคืนเป็นการมีเซ็กซ์ที่ดีที่สุดในชีวิตมันไม่ใช่แค่การถูกใจหน้าตาของกันและกัน แต่รวมไปถึงความคิดความอ่านจากเรื่องที่เรานอนคุยกันกันหลังจากที่ทำแบบนั้นเสร็จ
แต่จะดีมากกว่านี้ถ้าเจโน่อยู่กับเขาต่อจนถึงตอนตื่น
มาร์คไม่รู้ว่าเจโน่หายไปตั้งแต่ตอนไหนบนเตียงไม่มีความรู้สึกอุ่นใดๆเหมือนกับว่าคนที่นอนข้างกันเมื่อคืนลุกออกไปนานแล้ว
ไม่มีโน้ต ไม่มีช่องทางการติดต่อถูกทิ้งไว้ให้หาโอกาสเจอกันอีกครั้งเขายอมรับกับตัวเองตั้งแต่ก่อนพากันมาที่ห้องแล้วว่าจะไม่มีทางปล่อยให้คนคนนี้เป็นแค่คู่นอนยังไงดีล่ะ .. อยากให้มาเป็นคู่ชีวิตล่ะมั้ง
มาร์คไม่ได้เช็คโทรศัพท์ตั้งแต่เมื่อคืนเขาลุกขึ้นบิดขี้เกียจเล็กน้อยแล้วถึงไล่ตอบกลับข้อความค้างอ่านจนถึงข้อความล่าสุดจากเพื่อนสนิทตัวเอง
Lucas
หนีกลับเลยนะมึง
เออ ง่วง
ยังไม่สนุกกับมึงเท่าไหร่เลย
ก็มึงอยู่กับเพื่อนมึง
กูไปก็ไม่เห็นสนใจ
โทษทีว่ะ
ลืมตัว
เสาร์หน้าแก้มือมั้ย
ไปแค่กับพวกเรา
ไปดิ
เฮ้ย
ผีหลอกกูแล้ว
คุณเป็นใครครับ
เอาโทรศัพท์ไปคืนเพื่่อนผมเดี๋ยวนี้
ห่า
กูเอง
บอกไปก็ไปดิวะ
เพราะมันอาจจะเป็นทางเดียวที่ทำให้มาร์คเจอเจโน่อีกครั้งล่ะมั้ง
☽
วัน ที่เดิม เวลาใกล้เคียงกับอาทิตย์ก่อนมาร์คลีมายื่นอยู่ตรงที่เดิมอีกครั้งเหมือนเดจาวู ส่วนลูคัสก็ทำตามสัญญาจริงๆวันนี้เพื่อนตาโปนไม่แวะทักใคร แต่พามาร์คเดินเข้าไปตรงโซฟาที่จองไว้จัดแจงที่นั่งและเตรียมเครื่องดื่มให้เรียบร้อย
“ดีมากหนู”
“ครับพี่ครับนานๆทีมึงมากับพวกกู”
“เออคิดไงมาวะ” แฮชานถามขึ้นอย่างประหลาดใจ
“เปล่าก็อยากมาเจอเพื่อนฝูงบ้าง”
ยอมรับแบบแมนๆว่ามาร์คแอบไขว้นิ้วไว้ด้านหลังแต่อย่างน้อยเขาก็พูดความจริงครึ่งนึงละกันน่า เรื่องที่ว่าอยากเจอ..
มาร์คใช้สกิลการมอมเพื่อนแบบเร่งด่วนด้วยประโยคที่ว่า ‘นานๆกูมาที ยกหน่อยดิวะ ใจๆ หมดแก้วป่าว เพียวป่าว’จนเพื่อนๆตาเยิ้มกันหมดทั้งโต๊ะแล้วถึงลุกออกเดินตามหาคนที่อยากจะใช้เวลานั่งเงียบๆด้วยกันทั้งคืน
เจโน่นั่งอยู่โต๊ะเดิมตอนที่เขาเคยแอบมองราวกับเป็นโต๊ะประจำเหมือนเดิมทุกอย่างไม่มีผิดเพี้ยน รวมถึงความงดงามที่ว่าด้วย
เขาเดินเข้าไปใกล้จนอีกคนสังเกตเห็นมาร์คสบตาด้วยและเตรียมฉีกยิ้ม แต่เจโน่ดันหันไปหัวเราะกับใครสักคนบนโต๊ะเสียก่อน
ไม่ว่าเขาจะหาโอกาสทักทายอีกกี่ครั้งเจโน่ทำเป็นมองไม่เห็น ในการโบกมือสิบครั้ง อีกคนจะมองไม่เห็นสักครั้งเลยเชียวหรือ
ไม่เป็นไรวันนี้เจโน่คงอยากอยู่กับเพื่อน ไว้รอโอกาสดีๆวันหลังแล้วกัน
☽
วันศุกร์ ที่เดิมเวลาใกล้เคียงกับอาทิตย์ก่อน ครั้งที่สามที่มาร์คลีมาเหยียบที่ผับนี้พร้อมกับเพื่อนเดิมๆที่เป็นขาประจำกันอยู่แล้ว
“ติดใจแล้วเหรอวะ”
เรียกว่าติดใจได้มั้ยนะเขาไม่ได้ชอบเสียงเพลงดังๆ คนเต้นนัวเนีย ควันบุหรี่ที่ลอยคละคลุ้งในห้องแอร์ไฟแว้บๆที่ทำให้แสบตา แต่ติดใจคนคนนึงเท่านั้นเอง
ครั้งนี้มุขนานๆมาทีใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไปแต่เขาก็ไม่ใช่คนประเภทที่ชอบพูดอะไรตรงๆ การบอกว่าจะออกมาเข้าห้องน้ำคงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแต่ถ้าเกิดเจอคนที่ตามหาแล้วมีอะไรดีๆเกิดขึ้นก็ค่อยส่งเมสเสจไปบอกเพื่อนว่าขอกลับก่อน
เห็นมั้ยว่ามาร์คน่ะมีแผน
ลีเจโน่ไม่ได้อยู่ตรงที่เดิมที่เคยอยู่แต่มีเพื่อนๆกลุ่มเดิมที่พอจะคุ้นหน้าจากครั้งที่แล้วอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเดินวนหาตรงไหนก็ไม่เจอในใจคนตามหาวูบโหวง ทั้งคิดถึง ทั้งเป็นห่วงว่าจะไม่สบายหรือเปล่า
เดินคอตกกลับมาที่โต๊ะก็พบว่าคนเมาเริ่มไหลมารวมกันจากทุกที่ย้ายโต๊ะ เปลี่ยนโต๊ะชนแก้วกันให้วุ่นสมาชิกที่โต๊ะของมาร์คคล้ายกับวันแรกที่มาที่นี่ อาจะมีเพิ่มลดบ้างนิดหน่อยซึ่งแน่นอนว่าเขาจำไม่ได้หรอกว่าใครหายไป
“ไปไหนมามึงนานเลย”
“ห้องน้ำไง”
“เออๆมาก็ดี นี่เพื่อนๆกู ทำความรู้จักไว้นะ”
ทุกอย่างเหมือนเดิมจนมาร์คต้องถอนหายใจแรงๆพูดถึง(นินทา)คนที่เขาไม่รู้จัก พูดถึงเรื่องที่เขาไม่รู้เรื่องนัดแนะเรื่องการแต่งกายสำหรับวันศุกร์ถัดไป
มาร์คไม่ได้สนใจอะไรจนได้ยินชื่อของคนที่ตามหามาทั้งคืน
“เฮ้ยมึงเจโน่” ผู้หญิงคนที่หนึ่งพูดขึ้น พร้อมกับยื่นโทรศัพท์ให้เพื่อนดู
“พีค”ผู้หญิงคนที่สอง
“เฮ้ยจริงป่ะเนี่ย กูอกหักแล้ว” ผู้หญิงคนที่สาม (ที่จำได้ลางๆว่าน่าจะชื่อโกอึน)
“ไรอ่ะอย่ารู้กันแค่สาวๆดิ” ลูคัสโพล่งขึ้นอย่างสอดรู้
“เนี่ยเห็นเจโน่ในสตอรี่พี่จอห์นนี่อ่ะถึงว่าดิวันนี้ไม่มา”
“เค้าคบกันเหรอ”
“ขนาดนี้แล้วก็ให้ภาพมันเล่ามั้ยอ่ะ”
‘สุขสันต์วันเกิดครับพี่จอห์นนี่’ ภาพของคนที่แสนคิดถึงถือเค้กก้อนโตยืนยิ้มหวานอยู่ตรงหน้ากับผู้ชายตัวสูงที่เขาไม่รู้จัก
‘ขอบคุณนะ’
‘จูบเลย! จูบเลย! จูบเลย!จูบเลย! จูบเลย! จูบเลย!จูบเลย! จูบเลย!’ เสียงโห่แซวจากคนอื่นรอบๆทำให้ใจมาร์คเต้นไม่เป็นส่ำอย่าทำเลยนะ อย่าทำเลย..
คนตัวสูงคนนั้นกำลังโน้มหน้าเข้าใกล้และ..ภาพก็ตัดลง
มาร์คลีรู้สึกขอบคุณเหลือเกินที่สตอรี่อัดได้แค่15วินาที
เขาน่ะอกหักซะแล้วล่ะ
You go to new places
With I don’t know who
And I don’t know how
To follow you
.
#loudplacesmn
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in