เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
What I read and how I feel :)Parnyuhoo
จิตวิทยาวิวัฒนาการ
  • Introducing Evolutionary Psychology
    จิตวิทยาวิวัฒนาการ
    สำนักพิมพ์มูลนิธิเด็ก


    ตอนแรกที่หยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่าน พี่สาวถึงกับกล่าวว่า ชีวิตต้องเครียดขนาดนี้เลยหรอ? 555 เหตุเกิดจากที่พี่ป๋องแป๋งแนะนำเล่มนี้ที่งานหนังสือ ด้วยข้าพเจ้านั้นเริ่มสนใจเกี่ยวกับวิวัฒนาการตั้งแต่ฟัง Witcast และจิตวิทยาตั้งแต่ที่ได้ไปพบจิตแพทย์ (แว้ก) ว่าแต่มันเกี่ยวกันยังไงเนี่ย

    แทรก: หลังๆที่ได้ลองอ่านลองฟังอะไรใหม่ๆ เสพทุกอย่างเหมือน Omnivore แล้วนั้น ก็รู้สึกว่า ทุกอย่างมันเชื่อมโยงกันหมด และการมีข้อมูล Background ในแต่ละเรื่องทำให้เราสนุกกับการเรียนรู้มากขึ้น :)

    สิ่งที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับ "วิวัฒนาการ"
    - ทุกสิ่งมีชีวิตอาจมีจุดกำเนิดเดียวกัน มีบรรพบุรุษร่วมกัน แต่ได้เกิดการสืบพันธุ์ กลายพันธุ์ การปรับตัว และการคัดเลือกโดยธรรมชาติ ซึ่งการวิวัฒนาการนั้นไม่ได้เกิดด้วยเวลาอันสั้น ดังคำกล่าวที่ข้าพเจ้าชอบมากว่า Natura non facit saltus หรือธรรมชาติไม่ก้าวกระโดด 
    - ชอบไอเดีย การคัดเลือกตามธรรมชาติ ประมาณว่า "คิดว่าดีก็ทำต่อไป" ทำแล้วอยู่รอดก็ออกลูกออกหลานที่มียีนแบบนั้นต่อไป สภาพแวดล้อมเปลี่ยนก็ปรับตัวกันไป แต่การ "คิดว่าดีก็ทำต่อไป" ไม่ได้เกิดโดยตั้งใจ แต่เกิดจากการลองผิดลองถูก และไม่ก้าวกระโดด เปรียบได้กับ ช่างตาบอดทำนาฬิกา

    จิตวิทยาวิวัฒนาการ (Ta-da!)
    ก็หมายถึง การคัดเลือกโดยธรรมชาติของความคิด โดยเค้าโครงความคิด (โมดูล) มีวิวัฒนาการที่ผ่านการคัดเลือกโดยธรรมชาตินั่นเอง ซึ่งมีทฤษฎีที่น่าสนใจ เช่น

    - คนเอาเปรียบ
    เกิดจากคนเอาเปรียบ ได้รับความช่วยเหลือโดยไม่ตอบแทนอะไรเลย ไม่เสียทรัพยากรอะไรเลย ตอนแรกกลุ่มนี้จะเป็นฝ่ายอยู่รอด และสืบทอดยีนเอาเปรียบนี้ต่อไป (ไม่ยุติธรรม!) แต่ต่อมาคนเอื้อเฟื้อจะวิวัฒนาการการตรวจจับคนเอาเปรียบ จะจำได้ว่า อ่าวเห้ย ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่นา ที่บอกว่าเจ้าจะช่วยข้าไง ยังจำได้ไหมที่ร้าก แล้วก็จะไม่ช่วยคนเอาเปรียบอีก

    - โมดูลภาษา 
    ภาษาแต่ละประเทศแม้จะต่างกัน แต่ก็มีบางอย่างที่เป็นสากล โมดูลภาษาของมนุษย์อาจเริ่มต้นจากการนินทา เกิดจากความจำเป็นของ ชื่อเสียง ย้อนกลับไปเรื่องคนเอาเปรียบ ในทางกลับกัน ถ้าเราจะรอความช่วยเหลือจากคนที่เราเคยช่วยไว้ก็อาจไม่พอและไม่ทันการณ์ ทำให้ลดโอกาสการอยู่รอดไปอีก ดังนั้นจึงจะต้องบอกกล่าวว่า เห้ย นายกอเคยช่วยฉันไว้ เค้าเป็นคนดีนะ คนอื่นที่เข้าใจก็จะได้มาช่วยนายกอจากอันตรายนั่นเอง

    - การเลือกคู่
    ความงามคือความสมมาตรค่ะ เพราะฉะนั้นต้องเขียนคิ้วให้เท่ากัน (ใช่หรอ 555) การที่ผู้ชายชอบผู้หญิงหุ่นนาฬิกาทรายนั้นมีที่มา เพราะเขาบอกกันว่าเป็นสัดส่วนที่คลอดลูกได้ง่าย หรือการที่ผู้หญิงชอบผู้ชายรวย หรือมีทรัพยากรมากก็เพื่อดูแลให้ลูกอยู่รอด ส่วนผู้ชายชอบผู้หญิงที่เด็กกว่าเพราะช่วงเหมาะสมต่อการมีูลูกของผู้หญิงนั้นสั้นกว่านั่นเอง 

    - อาหารการกิน
    เรื่องนี้ชอบมากตั้งแต่อ่าน โลกจิต ของท่านแทนไท ตอบคำถามค้างคาในใจคนค่อนข้างอ้วนเช่นข้าพเจ้ามาก คนเราชอบอาหารพวกไขมันและน้ำตาล สมัยก่อนชอบกินมากเพราะอ่า ของสิ่งนี้กินแล้วมีพลังงานเดินลุยป่าได้นาน นานๆเจอทีต้องกินเยอะๆ ซึ่งความคิดนี้ยังส่งต่อมายังรุ่นเรา แต่สิ่งแวดล้อมเปล่ี่ยนไป ไขมันและน้ำตาลหาได้ง่าย แต่การโหยหาไขมันและน้ำตาลของเรายังไม่เปลี่ยนนั่นเอง มีเหตุผลๆ 555 ของบางอย่างนั้นอาจดีในสภาพแวดล้อมหนึ่ง แต่ไม่ดีเมื่อหลายๆสิ่งเปลี่ยนไป เพราะฉะนั้นอย่ายึดติดนะ (คมมากมั้ย 555)

    และอีกหลายๆตัวอย่างที่น่าทึ่ง น่าสนใจ การเขียน และภาพประกอบทำให้เข้าใจง่าย 

    แน่นอนว่า เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ศาสตร์ประเภทนี้ ซึ่งนักจิตวิทยาวิวัฒนาการก็ตอบได้ดี เช่นว่า ลักษณะทางความคิดที่กล่าวมานั้นเป็นค่าเฉลี่ย ที่กล่าวโดยรวมเท่านั้น หรือมีคนนำจิตวิทยาวิวัฒนาการไปตีความและใช้ในทางที่ผิด เช่น อ้างการคัดเลือกโดยธรรมชาติและกำจัดจุดอ่อนออกไป ซึ่งศาสตร์นี้ไม่ได้สนับสนุนให้ทำอย่างนั้น การศึกษาว่าเรา"เป็น"อย่างไร เป็นคนละเรื่องกับเรา "ควร" ทำอย่างไร ดังเช่นที่พี่ตุ้มซังเคยกล่าวไว้ใน Witcast ว่า การศึกษาวิทยาศาสตร์บอกว่าโลกที่เราอยู่เป็นยังไง ส่วนสังคมศาสตร์ไว้ผลักโลกไปในทางที่มนุษย์ทุกคนอยากจะให้มันเกิดขึ้น โดยไม่สนใจว่าความเป็นจริงของโลกเป็นยังไงนั่นเอง 

    ปล เป็นความรู้สึกของเด็กสายศิลป์ตาดำๆคนหนึ่ง ขออภัยหากผิดพลาดหรือไม่เข้าใจ 
    ถ้าสนใจแนะนำให้อ่านค่ะ
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in