ช่วงนี้เราพบจิตแพทย์อยู่ค่ะ

ถามว่าซึมเศร้าเหรอ? สกิ๊ไหม? อยากตายเหรอ? นอนไม่หลับกินไม่อิ่มเหรอ? อยู่ใกล้ๆแล้วเราจะคลุ้มคลั่งไหม? คือ ใจเย็นๆ ไม่ใช่ เคสเราจะไม่ใช่อารมณ์นั้น จะเป็นเคสที่คนทั่วไปไม่ค่อยรู้ว่า อ้าว แบบนี้ก็ไปหาได้เหรอ เคสเรามันจะเป็นการไปแก้มายด์เซ็ทที่ไม่เฮลท์ตี้ที่รบกวนการใช้ชีวิตเราออกไป

อ้าว งงอ่ะดิ ไม่ได้ซึมเศร้า ไม่ได้เป็นอะไร ไปหาหมอได้ด้วยเหรอ? 

นี่แหละ พี่จะมาหาดาวไลน์ เอ้ย! มาแก้ความเข้าใจผิดๆให้ทุกท่านได้ฟัง

ในตลอดช่วงชีวิตคนเราแต่ละคนจะถูกปลูกฝังมาไม่เหมือนกัน การเผชิญหน้ากับปัญหาของแต่ละคนจะแตกต่างกันไปตามที่ได้รับการปลูกฝังมา ถ้าโชคดีก็จะได้รับการปลูกฝังที่โอเค แต่แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนจะโชคดี การไปพบจิตแพทย์นั้นคือการไปเรียนรู้ชีวิต เรียนรู้วิธีแก้ไขปัญหา แก้ไขมายด์เซ็ทที่มีต่อปัญหา เพื่อให้เราดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างมีความสุขที่สุด

การไปคุยกับจิตแพทย์จะเหมือนไปนั่งส่องกระจก เขาจะรับฟังเรา ค่อยๆแผ่ปัญหาให้เราเห็น ก่อนจะค่อยๆชี้ให้เห็นว่า เออ มันแบบนี้นะ อ้าว แบบนี้ก็ปรึกษาเพื่อน พ่อ แม่ พี่น้องได้สิ? แน่นอนว่าได้ค่ะ แต่มันก็จะไม่ตรงจุดเท่าไปคุยกับมืออาชีพแน่นอน 

และสมมุติวันนี้เราเฟล เราจึงปรึกษาเพื่อน A แน่นอนว่าเพื่อน A รับฟังให้คำปรึกษาได้แน่นอน วันต่อมาก็ยังเฟล จึงไปปรึกษาเพื่อน A อีก โอเค ก็ยังได้ แต่ถ้ามันยังไม่หายจนวันที่ สาม สี่ ห้า ล่ะ? เพื่อน A จะยังไหวรึเปล่า? เพื่อน A จะมีวิธีจัดการที่ดีที่สุดจริงเหรอ? สู้ไปหามืออาชีพที่เขามีอาชีพในการรับฟังและช่วยเราแก้ไขได้อย่างตรงจุดน่าจะดีกว่ารึเปล่า?

มันก็ได้นะ.... 

แต่ก่อนอื่น หลักธรรมที่พระพุทธเจ้าสอนนั้นบางอย่างย่อยง่าย เข้าใจได้ แต่บางอย่างอาจจะสูงเกินไปจนเราไม่รู้จะเอามาปรับยังไง อารมณ์เข้าใจแต่ไม่อินอ่ะ คือบางเรื่องแค่รู้ แค่เข้าใจ มันไม่ได้ไง มันต้องอินด้วย เช่น เราทุกคนรู้ว่าอริยสัจ 4 มี ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค รู้ว่ามันแปลว่าอะไร คืออะไร

แล้วเอามาปรับใช้ยังไงให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุดล่ะ?

จิตแพทย์&นักจิตวิทยาแต่ละท่านจะมีวิธีย่อย อธิบายหลายๆอย่างให้เราฟังแบบง่ายๆ และทำให้เราเก็ทแบบ อ๋อออ แบบนี้เอง อะไรแบบนี้ 

และ....พระก็มาหาจิตแพทย์นะทำเป็นเล่นไป

ส่วนใครที่ซึมเศร้า อยากตายแล้วมีคนบอกให้ไปวัดนี่หยุดเลยค่ะ!! หยุดเดี๋ยวนี้ ไปหาหมอค่ะ มันเกิดจากสารเคมีในสมองค่ะ ต้องใช้ยา+บำบัดไปพร้อมๆกัน พระท่านบำบัดให้ไม่ได้ค่ะ มีเคสที่เคยได้ยินมาคนนึง มาบำบัดกับหมอสักพักหายไป ได้ข่าวว่าญาติพาไปถือศีลปฏิบัติธรรม รู้ตัวอีกทีกลับมารพ.เพราะไปแก้ผ้าเดินอยู่แถวสี่แยก นั่นแหละ ไปหาหมอนะเธอนะ

นอกจากซึมเศร้า นอนไม่หลับ อยากตาย มีพฤติกรรมอะไรบางอย่างที่รบกวนการใช้ชีวิต ฯลฯ อะไรงี้ที่คนทั่วไปรู้ๆกัน อาการอีกไทป์ที่ควรไปแต่คนไม่ค่อยรู้ คือ... 

ไปเจอเหตุการณ์อะไรบางอย่างแล้วข้ามผ่านไปไม่ได้ทำให้มีชุดความคิดที่รบกวนการใช้ชีวิตของเรา อาทิเช่น ญาติเสีย, อกหัก, ตกงาน, อุบัติเหตุ, เพื่อนเลิกคบ, รู้สึกไม่ประสบความสำเร็จ 

หรือ ลองทบทวนดูแล้วพบว่าตัวเรามักจะประสบปัญหาเดิมๆ แบบเดิมๆมากกว่า 2-3 ครั้ง 

หรือ มีนิสัยแปลกๆอาทิเช่น วิตกกังวลมากเกินไป มีความคิดในด้านลบ ก้าวร้าว กลัวอะไรบางอย่างมากผิดปกติ ต้องการความรักและความสนใจมากๆ ชอบเนียนเป็นคนอื่น รู้สึกอาฆาตใครบางคนผิดปกติ หมดไฟในการทำงานแล้วเอาไฟนั้นกลับคืนมาไม่ได้ ฯลฯ 

จำไว้ว่า ไปตั้งกระทู้ในพันทิพ, เด็กดี ไปหาหมอดู หรือตั้งสเตตัส ไม่ทำให้ปัญหาได้รับการแก้ไขนะเธอนะถ้าอยากแก้ไขก็ไปคุยกับมืออาชีพเนอะ

แม้กระทั่งมีแฟน แล้วมีปัญหากับแฟนอยู่ หรือมีเพื่อน แล้วทะเลาะกับเพื่อนอยู่ เครียดมาก ไม่รู้ว่าควรทำยังไงแล้ว ไปหาได้เลย ถ้าไม่รู้จะทำยังไงดี ไม่รู้จะไปหาดีไหม โทรไป 1323 สายด่วนสุขภาพจิตค่ะ มีมืออาชีพรับปรึกษาปัญหาตลอด 24 ชั่วโมง แต่ก็นั่นแหละ ไปหาจิตแพทย์&นักจิตวิทยาตัวเป็นๆเลยได้ผล กว่า 

ไม่ใช่ 

การที่ความคิดหรือจิตใจของคุณรู้สึกแย่ไม่สดชื่นนั้น มันก็อาจจะเป็นโรคได้หลายอย่าง หรืออาจจะเป็นแค่ภาวะ ๆ หนึ่งที่เราต้องข้ามไป แต่มันอาจจะเกินกำลังเราจนเราต้องขอความช่วยเหลือ การไปพบจิตแพทย์นั้นคือการไปพัฒนาสกิลชีวิตอย่างนึง จะได้รู้ด้วยว่าตกลงเราป่วยไหม ถ้าป่วยจริง ๆ ก็จะได้รักษาอย่างถูกวิธีต่อไป

เอาใหม่นะ ถ้าเราเป็นไส้ติ่งอักเสบแล้วเราต้องไปหาหมอนี่แปลว่าเราอ่อนแอใช่ไหม เรียกร้องความสนใจ ปลงไม่เป็นเหรอ?

ก็ไม่ใช่ไง....

แน่นอน ถ้าเราป่วยทางจิตใจมันก็ไม่ใช่เพราะเราอ่อนแอ ปลงไม่เป็นค่ะ มันเป็นความผิดปกติของร่างกายที่ต้องให้มืออาชีพเข้ามาดูแลเหมือนไส้ติ่งอักเสบ เราผ่าไส้ติ่งให้ตัวเองไม่ได้ฉันใด ความคิดด้านลบบางอย่างเราก็ดับเองไม่ได้ฉันนั้น

บางทีความคิดด้านลบ, นิสัยบางอย่าง มันจะนำเราไปสู่โรคนะ แล้วพอมันไปถึงจุดๆนั้น มันทรมานมากนะ กับการที่คุณไม่สามารถนึกเรื่องดีๆในชีวิตใดๆก็ตามออกเลย ควรไปค่ะ ควรไปหาหมอก่อนมันจะลุกลาม

อ.เจ้าของเคสเราเคยพูดว่า สิ่งที่ยากที่สุดในการแก้ปัญหาคือการยอมรับว่าตัวเองมีปัญหา แต่เมื่อไรก็ตามที่เรายอมรับมันได้ คุณจะหาทางผ่านมันไปได้ 

ถ้าให้ตอบจริงๆคือสะดวกอันไหนไปอันนั้น แต่ถ้าให้แนะนำ ไปรพ.สมเด็จเจ้าพระยาแถวคลองสาน ไม่ก็ไปศรีธัญญาเลยก็ได้ รพ.ใหญ่ๆตามมหาวิทยาลัยบางที่ก็มีเหมือนกัน หรือถ้าอยู่ต่างจังหวัด ตามรพ.ใหญ่ๆมีนักจิตวิทยา&จิตแพทย์ประจำการอยู่นะ จะคลินิกก็ได้ จิตแพทย์บางท่านก็เปิดคลินิกนะ สะดวกอันไหนไปอันนั้นแหละ ถ้าไม่แน่ใจจริงๆโทรถาม 1323 

อ่อ CU Wellness หรือ จิตแพทย์บางท่านก็มีเพจ แล้วเปิดให้คำปรึกษาทางโซเชียลเน็ตเวิร์คเหมือนกัน ลองเข้าไปคุยกับเขาก่อนเนอะถ้าไม่สะดวกไปจริงๆ

 

เท่าที่รู้คือมีตั้งแต่ฟรีไปจนถึงหลักพัน ถ้าฟรี จากที่รู้มาคือคณะจิตวิทยา จุฬาฯ บางทีเขาต้องการเคสมาให้นักศึกษาฝึกเหมือนกัน แต่เราไม่แน่ใจนะ ว่าต้องติดต่อที่ไหน หรือ ตามภาควิชาจิตวิทยามหาลัยดังๆที่มีก็ลองไปถามเขาได้ แต่ถ้ายังเป็นนักศึกษาก็ใช้สวัสดิการด้านนี้ได้

ต่อมาก็อารมณ์ถูกๆ 500-700 บาทต่อครั้ง (ราคามันขึ้นๆลงๆแล้วแต่เคสไปนะ) ก็มีที่รพ.สมเด็จ กับศรีธัญญา หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เป็นรพ.รัฐบาล 

แพงขึ้นมาอีกหน่อยก็ตามรพ.เอกชน พญาไท กับสมิติเวชมีแน่นอน แต่ทั้ง 2 ที่ต้องโทรไปนัดก่อน เอ้อ รพ.จิตเวชแบบเป็นเอกชนก็มีนะ ชื่อรพ.มนารมย์ อยู่แถวๆ BTS บางนา

จริงๆแล้วคือไม่ต้องเตรียมตัว จิตแพทย์&นักจิตวิทยาแต่ละท่านจะมีวิธีเปิดประเด็นและทำให้บทสนทนาไปถึงจุดนั้นได้แน่นอน แล้วคุณรู้สึกยังไง ก็พูดออกไปให้หมด หรือ ถ้ารู้สึกว่ามีอาการอะไรแล้วกลัวจะลืมเมื่อถึงเวลา ก็เขียนใส่กระดาษไว้ก่อนก็ได้เพื่อเรียบเรียงจะได้ไม่ลืม แต่จิตแพทย์&นักจิตวิทยาเขาจะมีวิธีการล้วงแผ่ของเขาอะนะ แทบจะไม่ต้องเตรียมตัวอะไรไปเลย 

แค่ก่อนอื่นทำตัวเองให้สะดวกใจก่อนว่าไปหาจิตแพทย์ไม่ได้แปลว่าเป็นบ้า.......เออ แต่จริงๆถ้ารู้สึกแบบนี้อยู่ก็บอกหมอเขาได้นะ เขาจะมีวิธีการจัดการของเขา

แล้วก็ไม่ต้องกลัวที่จะร้องไห้ใส่เขา บนโต๊ะจิตแพทย์&นักจิตวิทยาทุกคนจะมีทิชชู่ให้หยิบ หยิบใช้ได้ ร้องไห้ไปโซโล่ไปก็ได้ เขารับฟังได้ 

ไม่ต้องเกรงใจว่า เฮ้ย นี่มันด้านมืดเรานะ นี่มันความลับสุดยอดของเรานะ เราเกรงใจเขาจัง เราจะรบกวนเขาไหม เราทำให้เขาเสียเวลารึเปล่า เขาไม่รู้จักเรา เขาไม่เข้าใจหรอก!

ก่อนอื่น อาชีพของเขาคือการรับฟังปัญหาของเราและแก้ให้อย่างถูกต้อง เพราะงั้นไม่ต้องกลัว พูดๆไปเหอะ เขาคือหมอ ไม่ใช่เพื่อนเรา ไม่ต้องรักษาภาพพจน์ใดๆก็ได้ มารยาทมีเอาไว้แต่พองาม แค่อย่าไปต่อยเขาก็พอ

อ่อ แล้วถ้ารักษาไปเรื่อยๆแล้วไม่สะดวกใจกับเขาจริงๆอะไรงี้ ก็ขอเปลี่ยนหมอได้นะ เท่าที่รู้

---------------------------

ตอนนี้คงมีแค่นี้ที่อยากฝากทุกคนเอาไว้ 

การไปหาจิตแพทย์ไม่ได้แปลว่าอ่อนแอ บ้า เรียกร้องความสนใจ ปลงไม่เป็น ทำตัวมีปัญหา ฯลฯ 

แต่มันแปลว่าคุณแกร่งมาก คุณเก่งมากที่ยอมรับปัญหาของตัวเอง และพร้อมจะก้าวข้ามมันให้ได้ โดยมีคนที่เขาพร้อมจะยืนข้างคุณ และช่วยคุณอย่างเต็มที่แน่นอน

ท่องเอาไว้ค่ะ 

"เราผ่าไส้ติ่งให้ตัวเองไม่ได้ฉันใด ความคิดด้านลบบางอย่างเราก็ดับเองไม่ได้ฉันนั้น" แมวบ๊อบ, 2016

ปล.ใครที่ยังไม่รู้จะเริ่มไปยังไง ถ้าขี้เกียจโทร 1323 ก็ถามเราที่ทวิต @mayauki ได้นะ จะตอบเท่าที่รู้