เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
What I'm Readingthefirstofmine
เมื่อสวรรค์ให้รางวัลผม: ขอให้นายใช้ชีวิตด้วยใจอันเข้มแข็ง






  • เมื่อสวรรค์ให้รางวัลผม Colorful

    ผู้เขียน: Mori Eto
    ผู้แปล: วิยะดา คาวางุจิ
    สำนักพิมพ์ JBOOK 
    พิมพ์ครั้งที่ 6 กุมภาพันธ์ 2548

    ที่ญี่ปุ่นให้หนังสือเล่มนี้เป็นประเภท Heart Warming Comedy ส่วนทาง JBOOK ให้เป็นประเภทวรรณกรรมโลกสดใส



    เคยได้นำมาทำเป็นอนิเมชั่นในชื่อ Colorful เมื่อปี 2010 ด้วย โดย
    • ได้รับรางวัล Excellent Animation of the Year จาก 34th Japan Academy Prize
    • ได้รับรางวัล Animation Film Award จาก the 65th Mainichi Film Awards
    • ได้รับรางวัล Audience Award and Special Distinction prize จาก 2011 Annecy International Animated Film Festival





    ส่วนตัวชอบหนังสือมากกว่าหนังซะอีก แต่หนังก็ไม่ได้ทำแย่นะ ทำออกมาดีเลยล่ะ


    กลับมาที่หนังสือ


    เราซื้อหนังสือเล่มนี้ประมาณประถมปลายได้ (แต่จำไม่ได้ว่าปีไหน) เป็นหนังสือเล่มแรกที่ซื้อด้วยเงินเก็บตัวเองเลย จำได้คร่าว ๆ ว่าตอนนั้นซื้อเพราะหน้าปกสะดุดตา และวรรณกรรมอารมณ์สดใส (น่าจะเป็นช่วงที่มาอ่านวรรณกรรมเยาวชนแปล) 


    จนมาถึงปัจจุบัน หนังสือเล่มนี้ก็ยังคงเป็นหนังสือเล่มโปรดตลอดกาลของเรา หยิบมาอ่านเมื่อไหร่ก็ทำให้เราเหมือนได้เข้าสู่โลกอีกใบเลยก็ว่าได้


    (เท่าที่เคยหาข้อมูลมา หนังสือ "เมื่อสวรรค์ให้รางวัลผม" ตอนนี้กลายเป็นหนังสือหายากไปแล้ว)



    จริง ๆ ปกสีเข้มกว่านี้


    เรื่องย่อ

    เมื่อสวรรค์ให้รางวัลผม เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ วิญญาณที่เพิ่งตาย เป็นผู้โชคดีจากการจับรางวัล โดยเจ้านายเทวดา ที่มี ปูระ ปูระ เทวดามาแจ้งข่าว และเป็นพี่เลี้ยงให้วิญญาณ โดยวิญญาณที่ได้รับรางวัลนั้น จะได้ไปอยู่ในร่างของ "โคบายาชิ มาโคโตะ" ที่เพิ่งฆ่าตัวตายไป และบ้านของครอบครัวนั้นจะเป็นโฮมสเตย์ให้วิญญาณนั้นคิดถึงว่าในอดีตเขาทำอะไรลงไปก่อนตาย เขาได้พบกับเรื่องราวชวนลำบากใจของครอบครัว เรื่องน่าอึดอัดใจของคนที่มาโคโตะชอบ 



    ความรู้สึกหลังอ่าน

    จากตอนเด็ก ๆ ที่ไม่ค่อยรู้ประสีประสาอะไร อ่านไปเรื่อย ๆ ก็พบว่า
    "เห้ย สนุกดี" 
    "เหมือนเรื่องของตัวเองเลยแฮะ"  
    "มาโคโตะนี่ไม่มีเพื่อนจริง ๆ หรอ"  
    "ปูระ ปูระ น่ารักนะ กวนด้วย"  
    "ความสัมพันธ์ของมาโคโตะกับเพื่อนหลังจากนั้นน่ารักดี" ฯลฯ  
    อะไรก็ตามแต่ เรานั่งจินตนาการ นั่งวาดสิ่งที่อ่านอยู่ในหัวให้ออกมาเห็นชัด หรือในบางส่วนก็อดสงสัยไม่ได้ว่า เด็กบ้าอะไรใช้เงินเก็บเกือบทั้งหมดของตัวเองไปซื้อของพรรค์นั้น หรือ เรื่องแค่นี้เองหรอ ถึงกับต้องเก็บเป็นความลับ ไม่เห็นจะน่าอายเลย


    พอโตขึ้นมา รู้เรื่องมากขึ้น มีข้อมูลมากขึ้น เริ่มจะจับใจความในสิ่งที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อได้ มันทำให้รู้สึกว่า เล่มนี้ไม่ใช่วรรณกรรมสดใสเหมือนที่เขียนเอาไว้ มันหมองหม่น และน่ากลัว ไม่ใช่ว่าจะหม่นทั้งเรื่อง หรือน่ากลัวทั้งเรื่อง แต่ในจุดพีคของหนังสือเล่มนี้ กลับทำให้รู้สึกว่า ชีวิตของมาโคโตะทำไมต้องเจอเรื่องแบบนี้ มันหนักเกินไปสำหรับเด็กมัธยมสามนะ


    แต่ในอีกคราว ผู้เขียนต้องการจะสื่อว่า ในความหมองหม่นนั้น แฝงด้วยความสดใสเอาไว้ ไม่ใช่ว่ามาโคโตะจะเจอแต่เรื่องแย่ ๆ อย่างเดียว เขาก็ได้เจอเรื่องดี ๆ เข้ามาในชีวิตด้วย


    มันทำให้มองโลกได้กว้างขึ้น สร้างความเข้มแข็งและไม่กลัวที่จะยืนขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ล้มลงไป หนังสือเล่มนี้ ให้ข้อคิดในหลาย ๆ อย่าง ทั้งเรื่องเพื่อน เรื่องครอบครัว เรื่องมุมมอง การใช้ชีวิต การทำชีวิตให้มีความสุขได้ต่อให้ไม่มีความสุขมาทั้งวัน 


    อย่างน้อยมาโคโตะก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่ทำให้เราคิดว่า "เอาวะ อย่างน้อยชีวิตเราก็ไม่ได้แย่ไปซะหมด ในเรื่องซวย ๆ มันต้องมีเรื่องดี ๆ บ้างแหละ"





    "กี่ครั้งที่ได้กลับมาอ่าน ก็ยังคงทำให้มุมมองการมองเห็นโลกกว้างมากขึ้น ได้เห็นมุมมองใหม่ ๆ จากหนังสือเล่มนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ"







    Quotes ที่ชอบ

    "อย่าประมาทล่ะ โฮมสเตย์ก็เป็นแบบเดียวกับการขับรถ ระยะที่เริ่มชิน คือระยะที่อันตรายที่สุด"


    "โลกใบนี้อาจจะมีแต่เรื่องสายเกินแก้อยู่ทุกหนทุกแห่งก็ได้"


    "ชีวิตพ่อก็มีขึ้น ๆ ลง ๆ ตามแบบของพ่อ มีทั้งเรื่องดีและร้าย แต่สิ่งหนึ่งที่พ่อสามารถพูดได้เต็มปากก็คือ เรื่องร้ายที่เกิดขึ้นมันจะต้องจบลงสักวันหนึ่ง แม้มันจะเป็นแค่บทเรียนบทเล็ก ๆ แต่มันก็เป็นความจริง เรื่องร้าย ๆ ไม่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดไป เรื่องดี ๆ ต่างหากเกิดขึ้นกับเราได้ตลอดเวลา"


    "ต่อให้ปัจจุบันดียังไง ย่อมลบอดีตที่เลวร้ายไม่ได้"


    "สิ่งที่เคยคิดว่าเป็นสีดำนั้น ความจริงแล้วเป็นสีขาว แต่เป็นความรู้สึกในทำนองว่า สิ่งที่คิดไว้ว่ามีเพียงสีเดียวนั้น พอมองดูดีๆแล้วกลับพบว่ามันมีสีต่างๆซุกซ่อนอยู่ 
    มีทั้งสีดำ มีทั้งสีขาว 
    มีทั้งสีแดง สีน้ำเงิน และสีเหลือง 
    มีทั้งสีสว่าง และสีมืด 
    มีทั้งสีสวย และสีน่าเกลียด 
    มองเห็นได้หลายสี เมื่อเปลี่ยนมุมมอง" 


    "สมมตินะ สมมติว่าพรุ่งนี้ฉันกลายเป็นคนหมองเศร้า ไม่พูดไม่จา ไม่น่าคุยด้วยแบบที่เป็นสมัยก่อน นายอย่าเพิ่งทิ้งฉัน คอยดูฉันอยู่ใกล้ ๆ ได้ไหม"


    "วันนี้กับวันพรุ่งนี้ไม่เหมือนกัน วันพรุ่งนี้ไม่ใช่วันที่ต่อเนื่องจากวันนี้"


    ความจริงแล้วนายเป็นเด็กผู้ชายของโลกฝั่งนี้ เป็นคนธรรมดาเหมือนกับทุกคน เพียงแต่ฉันและทุกคนพยายามยัดเยียดขังนายไว้ในโลกฝั่งโน้น ซึ่งนายอาจสบายใจ แต่จู่ ๆ ด้วยสาเหตุอะไรซักอย่าง นายกลับมาโลกฝั่งนี้ ฉันเลยนึกว่านายเปลี่ยนไป ความจริงนายแค่กลับคืนสู่สภาพเดิมของนายเท่านั้น


    "ขอให้นายใช้ชีวิตด้วยใจอันเข้มแข็ง"







    ถ้าใครเคยอ่านหนังสือเล่มนี้ ก็มาคุยกันได้เสมอนะ ที่ @First_17


    -----
    TEZ
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in