เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Thai NovelsWe read this book
Beau (Is non-Binary of Everything) - Ladys
  • Beau (Is non-Binary of Everything)  
    Ladys




           กดซื้อเล่มนี้มาเพราะปกสวย และเนื้อเรื่องน่าสนใจดี (บวกกับโดนคุณเจ้าของร้านป้ายยา) เรื่องราวเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่เหมือนหมอกควันระหว่างมนุษย์และเทวทูตรูปงาม

           พออ่านจบแล้วดิฉันก็ต้องขอขนานนามว่า นี่คือนิยายแห่ง “Gen Z” ที่แท้จริง 5555555555 ก่อนจะขยายความว่าทำไมถึงเจนซี มาเล่าเรื่องย่อๆ กันก่อน 


           เรื่องนี้เล่าถึงความสัมพันธ์ของมนุษย์และเทวทูตผู้มีนามว่า "เบลล่าโบ” คำว่าเบลล่า กับ โบ แปลว่างดงามและงดงาม เป็นการใช้คำซ้ำคำซ้อนด้วยเพราะตั้งตามรูปโฉมและปีกสีดำสยายใหญ่ของเทวทูต นามเบลล่าโบถูกมอบให้เทวทูตโดย ควอนโช มนุษย์เพศหญิงธรรมดาๆ 
    คนหนึ่งควอนโช พบกับเบลล่าโบตั้งแต่เธอยังเล็กๆ แต่ทุกครั้งเป็นการพานพบในระยะเวลาสั้นๆ เพราะเมื่อต้องจากกัน เบลล่าโบจะลบความทรงจำที่เกี่ยวกับตนเองออกจากควอนโชจนหมด 
    ควอนโชเริ่มโตขึ้น เธอยังสามารถพบเห็นเบลล่าโบได้เรื่อยๆ แต่การพบกันทุกครั้งก็จบลงด้วยการลบความทรงจำแบบเดิม 
    จนกระทั่งควอนโชเติบใหญ่ เป็นอาร์ตติส เธอพบกับเบลล่าโบอีก และครั้งนี้เธอตั้งใจว่าจะเก็บความงดงามของเบลล่าโบเอาไว้ในงานศิลปะของเธอ  
           แต่เรื่องราวกลับไม่เป็นดั่งที่ควอนโชหวัง เมื่อเธอพบว่างานศิลปะของเธอไม่อาจเทียบเคียงความงามในอุดมคติของเทวทูตได้เลย..


            หนังสือเล่มนี้เต็มไปด้วยความเจ็บปวดจากการเติบโต ความเจ็บปวดจากผู้คนรอบข้าง ความเจ็บปวดจากความคาดหวัง ความเจ็บปวดจากการไม่ถูกยอมรับ และความเจ็บปวดจากความรู้สึกไร้ค่า 
    ทั้งหมดประกอบขึ้นมาเป็นควอนโชในปัจจุบันที่สับสน ซึมเศร้าและเปราะบาง ควอนโชที่ตั้งคำถามกับความสามารถของตนเองตลอดเวลา ควอนโชที่ทุกข์ทรมานจากการต่อสู้กับตนเอง 

             ทำไมเราถึงบอกว่านี่คือนิยายแห่ง Gen Z เพราะเรารู้สึกได้ว่าหากเด็กเจนซีหลายๆ คนอ่านเล่มนี้แล้วคงอินได้ไม่ยาก เพราะน่าจะมีความรู้สึกร่วมไปกับตัวละครควอนโชไม่มากก็น้อย ด้วย element ความเจ็บปวดที่ได้กล่าวมา มันช่างเป็นความเจ็บปวดแห่งยุคสมัย และได้ถูกบรรจุลงในนิยายเล่มนี้แทบทั้งหมด เรียกว่าเป็น Stereotype ของเราต่อเด็กเจนซีก็ได้มั้ง เลยรู้สึกว่ามันมีความเจนซีอยู่เต็มไปหมดจริงๆ 

            เราพบเห็นเด็กเจนนี้หลายๆ คนในทวิตเตอร์มีภาวะเครียดและเศร้าด้วยเหตุผลไม่ต่างจากควอนโช เด็กเจนนี้ผูกตัวเองไว้กับอินเตอร์เน็ต ต้องการการยอมรับสูง ต้องการให้โลกอินเตอร์เน็ตเห็นฉัน self-esteem ต่ำ อยากเก่งในเวลาอันรวดเร็ว Somehow เรามองว่าบางคนความอดทนต่ำด้วยซ้ำ หลายคนต้องการมีชีวิตเหมือนคนอื่น ต้องการเป็นใครสักคนท่ามกลางโลกกว้างของอินเตอร์เน็ตที่ฉายแต่ภาพคนในอุดมคติมากมาย (ตามที่ตัวเองคิด) จนเกิดเป็นความเครียด ความไม่พอใจ ความไม่มั่นใจ ที่สำคัญคือหลายคนปลงไม่ได้ หลายคนช่างแม่งไม่เป็น ด้วยสภาพแวดล้อมและหลายๆ อย่างในชีวิตประจำวันที่พวกเขาเผชิญอยู่ 
            นานวันเข้าเมื่อความรู้สึกลบเหล่านี้สะสมมากขึ้นโดยไม่ถูกจัดการให้ดี บางคนก็มีแนวโน้มกลายเป็นผู้ป่วยซึมเศร้าที่ต้องพึ่งยารักษาและการบำบัด

            สัมผัสได้ว่าเด็กเจนนี้ทุกคนต่างไขว่คว้าหาเบลล่าโบเป็นของตัวเอง ความงดงาม ความยูนีค อิสระไร้ขอบเขต อุดมคติและยูโทเปีย เทวทูตที่ไม่เทคเรื่องใดๆ personally ของมนุษย์เป็นพิเศษ นอกจากจะยินยอมให้สิ่งเหล่านั้นมีผลกับตน เทวทูตที่ตั้งคำถามกับหลายๆ พฤติกรรมของมนุษย์ที่เอาแต่ตีกรอบข้อจำกัดในเรื่องต่างๆ เช่นเรื่องรสนิยม เรื่องเพศ เรื่องการทำตามฝันและการมีความสุขมีการเสียดสีเรื่องการศึกษา ทุนนิยมค่าของเงิน 
            และสุดท้ายพูดถึงอาการซึมเศร้า การสูญเสียและความตาย

            ส่วนตัวเราแล้วเราไม่ค่อยเทคเมสเสจเรื่องความเจ็บปวดแห่งยุคสมัยเท่าไหร่ เราเลยไม่ค่อยอินมากนัก อาจจะเพราะว่าเราเป็นคนสุขภาพจิตค่อนข้างแข็งแรงมั้ง และไม่ได้คิดว่าตัวเอง self-esteem ต่ำ (บางทีออกจะมากเกินไปด้วย 55555555) เมสเสจเลยไม่ได้ทำงานกับเราขนาดนั้น 

            เบลล่าโบ สำหรับเราคืออุดมคติ คือยูโทเปีย ที่ค่อนข้างห่างไกลความเป็นจริง เรามองว่าเบลล่าโบดูเหมือนเป็นพื้นที่ปลอดภัยในใจของแต่ละคนที่จะได้ทลายกฎเกณฑ์ของสังคมให้พังลงไป ดังนั้นเบลล่าโบจึงมีความสงบ สวยงาม อิสระ (ไม่ประสาท 55555) และตามชื่อเรื่องเลย คือเป็น non-binary of everything แต่ก็นั่นแหละ คงอยู่แต่เพียงอุดมคติในโลกยูโทเปีย..

            สำหรับตัวเรา คิดว่าหนังสือเล่มนี้ทำงานน่าจะได้ดีกับทุกๆ คนที่กำลังต้องการเพื่อนแชร์ความเจ็บปวด ต้องการเพื่อนที่เข้าใจว่า ชีวิตเธอเศร้าเหรอ ฉันเข้าใจนะ เพราะฉันก็เศร้าเหมือนกันจ้า 
            แต่อาจจะทำงานได้ไม่ค่อยดีกับเราที่ต้องการเสพวรรณกรรมสายเล่าเรื่องมากเท่าไหร่ มวลความเจ็บปวดต่างๆ ในเรื่องเราเทคมันไม่ได้ เพราะเรา overcome สิ่งเหล่านั้นได้นานแล้ว นานจนบางทีก็ไม่ค่อยเก็ตในความ struggle บางอย่างที่มันแบบ มันต้องขนาดนี้เลยเหรอ 55555  

            สิ่งที่เราชอบในเล่มนี้ เราเลยโฟกัสไปที่การวาง sequence ของเรื่องที่ทำได้ดีทีเดียว การตัดสลับฉากระหว่างควอนโชตอนเด็กกับตอนโตทำให้เห็นภาพความแตกต่างและมรสุมชีวิตของแต่ละช่วงวัยได้ชัดexecute element ความทุกข์แห่งยุคสมัยได้เคลียร์และ message ชัดเจน ตะโกน 555555..
            
            ถามว่าชอบมั้ย ก็บอกว่ากึ่งๆ 50-50 ละกัน เราชอบการดำเนินเรื่อง ชอบความครีเอทีฟในการแปลงเมสเสจในรูปแบบการเปรียบเปรย แต่ด้วยความที่ 70% ของเรื่องถูกปกคลุมด้วยมวลอารมณ์ที่เราไม่เทค เราเลยไม่ค่อยอิน...



            (อันนี้สปอยล์) 
            จริงๆ คาดหวังความตาย ถ้าควอนโชตายเราจะอารมณ์ดีขึ้นมาเล็กน้อย เพราะรู้สึกเส้นเรื่องวกกลับมาสู้กับอารมณ์ได้สูสี แบบมาขนาดนี้แล้วถ้าจบ Death มันจะสวยงามมากในความคิดของเรา เป็นอุดมคติแบบสมบูรณ์ เป็น Eternity สวยงามดั่งศิลปะในเรื่อง Art of death ปรบมืออออออ


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in