วันนี้วันที่ 7 เมษายน 2563 หลายๆ วัดหรือศาลเจ้าก็คงปิดกันมาตั้งนานแล้วเนื่องจาก Covid-19 แต่ที่เราไปคือช่วงระหว่างกลางเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมีนาคม 2563 ก็รวบรวมมาเพราะหลายที่ก็ไปทุกครั้งหรือเกือบทุกครั้งตอนไปไหว้พระ ขอพรที่แถวสะพานพุทธ แต่บางทีก็เคยไปแค่ครั้งเดียว
เหตุผลหลักที่ไปไหว้พระ ขอพรแถวสะพานพุทธ คือหลายๆ ที่ที่เคยไปไหว้อย่างศาลเจ้าแถวเยาวราช อย่างวัดมังกร, ศาลเจ้าแม่กวนอิม หรือวัดอื่นๆ อย่างวัดแขก, วัดตามแถบสนามหลวงหรือศาลพระพิฆเนศ เคยไปมาหลายครั้งแล้วก็อยากหาที่อื่นไปไหว้ ขอพรบ้าง แต่ก็ยอมรับไหว้ๆ ไป ชีวิตก็เหมือนเดิมแหละ แค่ที่พึ่งทางใจ....ส่วนสถานที่หลักที่อยากไปคือศาลเจ้าพ่อกวนอู ซึ่งเคยหาๆ ดู บอกว่าอยู่ที่คลองสาน ซึ่งเราเหมือนเคยเห็นเวลานั่งสาย 8 ไปสะพานพุทธ ฝั่งตรงข้ามเห็นมีศาลเจ้าแต่ไม่เคยข้ามไปสักที แต่ที่นี่ไม่ใช่ที่เดียวที่มีศาลเจ้าพ่อกวนอู ไม่ไกลจากกันเท่าไหร่คือเดินไปได้ถ้าคนไม่ขี้เกียจเดิน เดินเข้าไปในสำเพ็งแล้วทะลุออกเยาวราชจะเจอศาลเจ้าพ่อกวนอูอีกแห่งหนึ่ง...ซึ่งการมาไหว้ขอพรศาลเจ้าพ่อกวนอู ถ้าหาข้อมูลจะเจอว่ามาไหว้ได้ทุกวัน แต่ถ้ามาไหว้ในวันอังคารคือจะเน้นผลเกี่ยวกับการสอบเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง แต่ถ้ามาไหว้ในวันอาทิตย์ จะเน้นผลให้หน้าที่การงานเจริญรุ่งเรือง ประสบความสำเร็จ
เริ่มต้นจากบ้านก็มีสาย 8 แอร์ไปถึงสะพานพุทธ ค่ารถ 26 บาท หรือจะไปต่อรถแถวหน้าเดอะมอล์ บางกะปิก็ได้ ระยะเวลาเดินทางก็ขึ้นกับรถจะติดมั้ย ประมาณชั่วโมงกว่าถึงสองชั่วโมง
ตอนไปถึง ก็จะเจอท่าเรือสะพานพุทธ
เดินขึ้นสะพานข้ามไปอีกฝั่ง แดดก็ร้อน แต่ก็เดินข้ามไปไม่ไกล
มองลงไปจะเป็นท่ารถของสาย 8 และ 73 อาจมีสายอื่นอีกแต่จำไม่ได้
มีวัดและมีโบสถ์อยู่ไกลๆ คนละด้านของศาลเจ้าที่เราจะลองเดินไปดู คือในใจคิดว่าอาจเป็นศาลเจ้าพ่อกวนอู แต่ไม่เคยไปก็เลยไม่แน่ใจก็จะเดินไปดูก่อนว่าศาลเจ้าของเทพองค์ไหน
เดินลงมาก็ไม่รู้ไปไหนต่อเพราะไม่เคยมา แต่ก็เลี้ยวขวาไปเพราะเห็นศาลเจ้าตอนมองจากอีกฝั่งว่าถ้ายืนอยู่ตรงบันไดลงของสะพานพุทธต้องไปทางด้านขวา.....เดินๆ ไป ตอนแรกคิดว่าเดินเลียบแม่น้ำเจ้าพระยาได้มั้ย แบบมีทางเดิน แต่พอไปดูคือมันเป็นทางตัน เดินเลียบแม่น่้ำเจ้าพระยาไปไม่ได้
เดินย้อนไปทางเดินที่บังคับให้เดินจะผ่านสวนป่ากรุงเทพฯ เชิงสะพานพระปกเกล้า
เดินตรงไป ไม่แน่ใจอยู่ตรงไหน ต้องเลี้ยวเข้าไปซอยไหน แต่มันก็จะเจอป้ายบอกให้เลี้ยวซ้าย แต่เราไม่แน่ใจก็ถามคนตรงปากซอยก่อนว่าไปศาลเจ้าพ่อกวนอูคือตรงนี้ใช่มั้ย
เจอป้ายนี้ก็เดินตรงเข้าไปเรื่อยๆ จนถึงด้านในสุด
ตอนแรกคิดว่าด้านหน้าคือศาลเจ้าพ่อกวนอูเลย แต่ไปถึงด้านหน้าจริง ปรากฏไม่ใช่ ต้องเลี้ยวซ้าย
ผ่านอุทยานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
ทางเข้าศาลเจ้าพ่อกวนอู
ไปครั้งแรกไม่รู้ ก็เลยเดินไปไหว้ที่อาคารริมน้ำที่มีเจ้าแม่กวนอิมก่อน
อาคารนี้ติดแม่น้ำเจ้าพระยามีทางเดินลงไป มีที่ปล่อยปลา มีองค์เจ้าแม่กวนอินและพระเจ้าตากสิน
เดินขึ้นไปชั้น 2 จะมีองค์พระสังกัจจายน์ ด้านหลังอาจเป็นเจ้าพ่อกวนอู
เดินไปด้านหลังก็จะเห็นศาลเจ้าพ่อกวนอูจากมุมสูง
มองไปด้านข้างจะเห็นอาคารจีนโบราณ ตอนมองดูคิดว่าอยากเข้าไปดู แต่พอไปด้านหน้าคือเฉพาะลูกค้าของร้านที่เข้าได้เท่านั้น
เดินเข้าไปไหว้ขอพรเจ้าพ่อกวนอูด้านใน ตอนแรกจะแค่มายกมือไหว้ แต่ไหนๆ มาแล้วก็เลยหยอดตู้เอาธูป - เทียนมาไหว้ขอพร
ตอนแรกไม่รู้ ก็ไหว้ด้านหน้าเจ้าพ่อกวนอูเลย แต่พอไหว้เสร็จ มีคนแนะออกไปด้านนอกก็มีจุด 1 - 2 - 3 - 4 - 5 ให้ไหว้ตามหมายเลข แดดเปรี้ยง แต่ก็ไหว้ขอพร แต่ชีวิตดั่งเดิม นอกจากจะมีปาฏิหาริย์เท่านั้น
ตอนไหว้ในศาลเจ้าก็ได้ยินเสียงประทัด ตอนแรกก็ไม่สนใจมากเพราะประทัดกับวัฒนธรรมจีนเรื่องปกติ แต่ก็นานก็เลยเดินไปดูๆ ที่เขายืนมุงๆ กันในศาลเจ้า ก็อาจมีคนมาทำบุญไรสักอย่างเลยมีการจุดประทัด ตอนไปนั่งๆ ยืนๆ แอบๆ ถ่ายรูปก็มีเศษประทัดลอยเข้ามาในศาลเจ้าเหมือนกัน แต่ไม่ได้โดนเรา
ที่ไหนมีให้เราเสี่ยงเซียมซี เราก็ไม่พลาด ก็ไปเสี่ยงเซียมซีหน้าเจ้าพ่อกวนอู
ส่วนจุดนี้ให้มาอธิษฐานแล้วเอามือแตะองค์เจ้าพ่อกวนอู แต่ห้ามสตรีที่มีประจำเดือนแตะ
ลาจากศาลเจ้าพ่อกวนอูเพื่อไปไหว้ที่อื่นต่อไป ความจริงก็เห็นคนใส่ชุดสีแดงหลายคนอาจเพื่อความเป็นสิริมงคล
เดินออกมาต้องผ่านอุทยานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีก็เลยลองแวะเข้าไปดู จะเจอรูปปั้นสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีอยู่ทางขวามือ
ตรงนี้จะมีห้องนิทรรศการอยู่ 2 ด้าน ตอนแรกว่าจะเข้าไปตากแอร์ แต่ต้องแต่งตัวเรียบร้อย ใส่ขาสั้นเข้าไม่ได้
เดินทะลุออกมาที่สวน จะมีเหมือนบ้านจำลองที่สมเด็จย่าเคยอยู่ ประวัติเล็กน้อยและแผนผังบ้านสมเด็จย่าว่าเคยตั้งอยู่ตรงไหน
เหมือนมีการจัด Workshop หรือทำงานฝีมือกันในสวน
มีซากสิ่งก่อสร้างเก่าๆ มีป้ายบอกคือ ทิมบริวาร คือ เรือนข้าทาสบริวารของเจ้าพระยาศรีพิพัฒน์รัตนราชโกษาธิบดี (แพ บุนนาค)
ด้านหลังเป็นห้องสมุดเล็กๆ
ตรงข้ามติดกำแพงจะเป็นพืชสมุนไพรหลากหลายชนิด พร้อมป้ายบอกชื่อสมุนไพรและสรรพคุณ
ออกจากอุทยานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีก็เดินกลับทางเดิมที่เข้ามา ตอนเดินเข้ามาเราเห็นมีป้ายศาลเจ้าพ่อเสือแต่ไม่รู้อยู่ตรงไหน จะถามคนแถวนั้น ก็ไม่ค่อยมีใคร เจอคุณป้าคนนึงเลยเดินไปถาม เขาก็บอกเดินไปซอยเล็กๆ ศาลจะอยู่ด้านหลัง เราก็ขอบคุณเขา
น้องแมวแถวศาลเจ้า
เหนื่อยและร้อน ก็เลยนั่งพักที่โต๊ะม้าหิน มีน้องแมวอีกตัวมาวนเวียน
เดินออกมาตามทางเดิน หาวัดไหว้พระต่อ ก็มี 3 แยกซึ่งมีเหมือนหลังคาวัดหรือยอดเจดีย์อยู่ไกลๆ
แวะมินิมาร์ทซื้อน้ำก็ถามคนขายว่ามีวัดแถวนี้ตรงไหนบ้าง คนขายก็บอกมา เราก็ออกจากร้านและเลือกไปทางที่เห็นยอดเจดีย์ขาวไกลๆ ซึ่งก็ผ่านวัดอนงคารามระหว่างทาง
เดินเข้าไปไหว้พระ และลองเสิร์จว่าวัดนี้มีสิ่งน่าสนใจอะไรบ้างก็เจอว่ามีพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นด้วย ก็เลยลองเดินหาดูว่าอยู่ตรงไหนเพราะไหนๆ ก็มาแล้ว
ออกจากโบสถ์ก็เจอศาลเจ้าเล็กๆ และรอยพระพุทธบาทจำลอง
ตามข้อมูลพิพิธภัณฑ์อยู่ชั้นบนของห้องสมุดก็เลยเดินตามหาห้องสมุด
พอเดินขึ้นไปชั้น 2 ก็ไม่เจอพิพิธภัณฑ์อะไร ลองถามคนที่ยืนอยู่ เขาก็บอกให้เดินตรงไปด้านหลังตามเส้นทางนี้ คือชี้ทางจากหน้าต่างห้องสมุด
เราก็เดินไปตามทาง คือเจอแต่ป้ายแต่ไม่เจอว่าตรงไหนคือพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น
เดินออกไปด้านนอกก็ไม่เจอทางเข้าของพิพิธภัณฑ์
ประตูทางเข้าที่ใกล้ๆ ป้ายก็มีคำว่ากุฎิพระคณะที่ 6 ซึ่งก็ไม่ควรเปิดเข้าไป
ตอนนั้นมีคนเดินผ่านเข้ามา ถามเขา เขาก็ไม่รู้ แต่ไม่ยอมแพ้ ลองหาคนถามใหม่ก็เจอคุณป้าคนหนึ่ง เขาก็บอกให้เข้าทางประตูนี้ แต่พอเดินไปตามทางที่เขาบอกคือประตูล็อคเข้าไม่ได้
ยืนๆ ไม่รู้ทำไง พระรูปหนึ่งที่ยืนอยู่ไกลๆ ด้านหลังก็ถามว่ามาทำอะไร เราก็บอกจะมาพิพิธภัณฑ์ ท่านก็บอกให้เข้าประตูที่มีคำว่ากุฎิพระคณะที่ 6 นั่นแหละ เราเลยต้องเดินออกประตูที่คุณป้าคนนั้นเปิด แล้วเดินไปที่ประตูกุฎิพระคณะที่ 6
ความจริงคาดหวังว่าจะมีอย่างน้อย 2 ชั้นและของจัดแสดงเยอะพอประมาณ แต่พอเข้าไปจริงๆ มีแค่ห้องเดียวและชั้น 2 ปิด ก็ผิดหวังแบบอุตส่าห์เดินหา
เดินออกมาที่ถนนใหญ่จะเจอวัดพิชยญาติการาม ตอนแรกก็ลังเลจะข้ามไปมั้ย แบบร้อนมาก แต่ไหนๆ ผ่านมาเจอแล้วก็เลยข้ามไปไหว้พระ
เดินเข้าไปในวัดก็จะเจอหลวงพ่อเงิน - หลวงพ่อทองอยู่คนละโบสถ์ด้านซ้ายและขวา
เดินเข้าไปไหว้พระที่โบสถ์ใหญ่ตรงกลาง
เมื่อเดินไปด้านหลังก็เจอองค์พระประธาน มีทั้งคนมาไหว้พระ ขอพรและคนมานั่งสมาธิ
พอออกจากโบสถ์ ก็จะเดินออกจากวัดแล้ว แต่ติดใจเจดีย์ด้านหลัง ไหนๆ ก็มาแล้วเลยเดินเข้าไปดู
มีทางขึ้นไปบนเจดีย์ด้านบน
ขึ้นไปก็เจอพระพุทธรูปที่หันหลังชนกัน 4 รูป
เดินออกจากวัดพิชยญาติการาม ก็เดินไปตามถนนเรื่อยๆ เลี้ยวกลับไปทางเดิมที่ไปสะพานพุทธ
ตอนเดินจะเห็นฝั่งตรงข้ามจะเห็นหลังคาวัดแห่งหนึ่ง แต่ไม่ทราบว่าวัดอะไร ก็ถามคนขับตุ๊กตุ๊กแถวนั้น ก็ลองเดินไปดู แต่ต้องเดินอ้อมตามทาง ผ่านสะพานพุทธแล้วเดินกลับไปตรงที่ตั้งวัดตรงนั้น
เดินมาถึงวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร....เดินเข้าไปไหว้พระในโบสถ์
ตรงนั้นมีโบสถ์อยู่ 2 โบสถ์ติดกัน วันหลังที่ได้มาวัดนี้อีก เห็นเปิดแค่โบสถ์แรก ก็ไม่แน่ใจคือไม่ได้ไปบ่อยๆ โบสถ์ 2 อาจเปิดเฉพาะตอนพระมาทำวัตรสวดมนต์
เดินออกมาที่พระบรมธาตุมหาเจดีย์ ก็มองแต่ด้านนอกไม่รู้ว่าทางเข้าอยู่ตรงไหน ก็คิดจะไหว้แค่ด้านนอกก็คงพอ จะได้ไปที่อื่นต่อ
แต่เจอป้ายพิพิธภัณฑ์ ถัดไปก็ประตูทางเข้าก็เลยเดินเข้าไปดู
มองไปด้านขวาก็เจอพระบรมสารีริกธาตุและมีบทสวดแปะอยู่ด้านหน้า ก็ไม่แน่ใจมีพระบรมสารีริกธาตุจริงมั้ยแต่ก็ลงไปนั่งสวด ขอพร
เดินออกไปทางด้านหลังพิพิธภัณฑ์ ก็เจอทางเดินขึ้นพระบรมธาตุมหาเจดีย์
มีทางเดินรอบๆ องค์พระบรมธาตุมหาเจดีย์
เดินวนไปตามทางก็จะเจอทางขึ้นไปด้านบน
เข้าไปด้านในจะเจอองค์พระพุทธรูปและป้ายบอกประวัติและเรื่องราวการบูรณะและก่อสร้างพระบรมธาตุมหาเจดีย์
ก่อนเดินเข้าวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารก็เจอป้ายชี้ไปวัดกัลยาณมิตรที่ต้องเดินเข้าซอยไป ก็เลยเดินเข้าซอยนั้นไป
เห็นยอดโบสถ์วัดซางตาครู้ส ก็เลยเดินเขาซอยนั้นไป
โบสถ์วัดซางตาครู้สเป็นสถานที่ที่สวยมาก เคยไปนั่งร่วมพิธีมิสซา คือสวยจริงๆ
ศาลาด้านหน้าก็สวย
เจอคนตกปลาได้พอดีด้านหน้าตรงศาลา
วิวแม่น้ำเจ้าพระยา
เดินตามทางไป ไม่ไกลจะเจอศาลเจ้าแม่กวนอิม (กวนอันเก๋ง)
เดินต่อไปอีกนิดนึงก็จะถึงวัดกัลยาณมิตร เข้าไปไหว้พระพุทธไตรรัตนนายก หรือ หลวงพ่อโต
เดินออกจากวัดกัลยาณมิตรก็เดินตรงไปที่สะพานข้ามที่จะมีที่กั้นแบบยกขึ้น - ลงได้เพื่อให้เรือวิ่งเข้าออก
ลงจะสะพานก็เจอวัดโมลีโลกยาราม
เดินไปทางถนนเส้นเล็กๆ ข้างๆ วัดโมลีโลกยารามแบบตรงไปลอดใต้สะพานผ่านมัสยิดต้นสน
เดินไปอีกไม่ไกลก็จะเจอวัดหงส์รัตนาราม ก็เข้าไปไหว้พระขอพรในโบสถ์
ออกจากวัดหงส์รัตนารามก็เดินย้อนกลับทางเดิม แต่ไม่ได้ตรงไปถึงวัดโมลีโลกยาราม เลี้ยวซ้ายเดินตามถนนเส้นเล็กๆ ในชุมชนเพื่อไปวัดอรุณฯ
เดินจากวัดหงส์รัตนารามประมาณ 10 นาทีก็ถึงวัดอรุณฯ
เดินมาทางด้านหน้าวัดอรุณฯ แถวริมแม่น้ำเจ้าพระยาจะเจอโบสถ์เล็กๆ อีก 2 โบสถ์...โบสถ์แรกเข้ามาไหว้พระเจ้าตากสินและหลวงพ่อรุ่งมงคล
มีการลอดพระแท่นสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี
ส่วนโบสถ์ที่ 2 เข้าไปไหว้ขอพรพระธาตุ
นั่งเรือข้ามฟาก 4 บาทไปวัดโพธิ์
ไหว้พระนอน ณ วัดโพธิ์
ไหว้พระปางนาคปรก พระประจำเกิดที่โบสถ์ด้านใน
....................................................................................
ความจริงจากสะพานพุทธ เดินไปสำเพ็ง เยาวราชได้เพราะไม่ไกลจากกันมาก มีอยู่ครั้งหนึ่งไปไหว้เจ้าพ่อกวนอู, ไหว้เจ้าแม่กวนอิมหรือที่วัดกัลยาณมิตร รวมถึงวัดแถวๆ นั้น แต่ส่วนใหญ่ปิดเพราะ Covid-19 เวลาเหลือก็เลยเดินไปสำเพ็งเพื่อออกไปเยาวราช
วัดนี้คือวัดบพิตรพิมุขวรวิหารซึ่งน่าจะปิดโบสถ์อยู่ แต่อันนี้ภาพเก่า แต่วัดนี้จะอยู่ระหว่างทางถ้าเดินจากสะพานพุทธไปสำเพ็ง
จากสะพานพุทธเดินถึงสำเพ็งประมาณ 20 นาที....แล้วก็เดินไปเรื่อยๆ ข้ามถนนเพื่อไปที่ศาลเจ้าพ่อกวนอูอีกแห่งแถวๆ เยาวราช
ไม่ถึง 10 นาทีก็มาถึงศาลเจ้าพ่อกวนอู
เข้าไปไหว้ขอพรและเสี่ยงเซียมซี แต่คำทำนายหาอ่านเองไม่ได้ ต้องขอคนดูแลศาล ถ้าดีก็เก็บไว้ ถ้าไม่ดี เขาไม่รับคืนให้เอาไปเผา
เดินจากศาลเจ้าพ่อกวนอูก็ข้ามถนนไปยังตลาดหรือร้านค้าที่ตั้งเรียง 2 ข้างทาง...ซึ่งเมื่อออกจากตลาดก็ข้ามถนนอีกครั้ง เลี้ยวซ้ายเดินไปวัดมังกรกมลาวาส
วัดมังกรกมลาวาส....ช่วงล่าสุดที่ไป ปิดประตูใหญ่ เข้า - ออกทางเดียว มีวัดอุณหภูมิ ล้างมือด้วยเจล คนก็ไม่เยอะเท่าไหร่
ออกจากวัดมังกร เดินผ่าน MRT ไปจะเจอศาลเจ้ากวางตุ้ง เข้าไปไหว้เจ้าแม่กวนอิม
ไหว้องค์กวนอู เอาหน้าผากแตะปลายทวนแล้วขอพร
เดินออกจากศาลเจ้ากวางตุ้งไปตรง 4 แยก ถ้าตรงไปจะผ่านศาลเจ้าเห้งเจีย แต่ถ้าข้ามถนนแล้วเดินตรงไปจะเจอศาลเจ้าแม่กวนอิม มูลนิธิเทียนฟ้า ก็เข้าไปไหว้ขอพร
ข้ามถนนมาฝั่งตรงข้ามศาลเจ้าแม่กวนอิม มูลนิธิเทียนฟ้าก็คือวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร
ส่วนใหญ่ชีวิตก็ไหว้พระทำบุญ หาที่พึ่งทางใจแบบหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้ แต่ชีวิตก็ดั่งเดิม อาจเพราะโง่และไม่มีความสามารถเองก็ได้ ตอนนี้หลายๆ วัด หลายๆ ศาลเจ้าคือปิด อยู่ว่างๆ ก็เลยหาอะไรมาพิมพ์ฆ่าเวลา ก็นึกถึงว่าตอนไปเดินไหว้พระตามวัดบริเวณนี้ก็อยากรวบรวมเอามาพิมพ์เหมือนกัน เหมือนกับตอนที่ไปไหว้พระแถวเส้นอ่อนนุช แต่ไหว้ไปก็คือตอนนี้ก็ตกงานเหมือนเดิม และยังคงผิดหวังไปทุกเรื่อง แต่ก็ยอมรับทำเรื่องพลาดไปหลายครั้งเพราะความโง่และคิดช้า แล้วมาเสียใจทีหลัง แต่ในสังคมเราก็เจอทั้งคนที่ดีกับเรา เฉยๆ กับเรา และไม่ดีกับเรานั่นแหละ อยากตายหลายครั้งแบบเครียดมากๆ แม้ทำเหมือนไม่มีไร แม้ตอนนี้ก็เถอะ ยิ่งฟัง Covid-19 เรื่องเศรษฐกิจ เงินช่วยเหลือ ยิ่งเครียด แต่ก็ยังอยู่ต่อไป ไม่กล้าตายจริง ดูน่าเบื่อ น่ารำคาญอ่ะแหละ แต่ก็บ้าแบบนี้มานานแล้ว คือใครไม่ใช่เราที่แบบอึดอัด หาทางออกไม่ได้ ทำไรไม่ได้ พูดไรไม่ได้ มีแต่ความผิดหวัง คิดมาก เสียใจ ก็คงไม่เข้าใจ ไม่อยากประสาทกินกับสังคมอย่าคิดไรมาก แบบชีวิตล่มจมแบบนี้ก็เพราะตัวเองอ่ะแหละ ก็ที่พึ่งทางใจ ไม่มีไรทำก็ไปไหว้พระ ขอพรไป วนๆ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in