เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
High school teen's playgroundHooka.
The pianist (2002) หนังดีในปีที่ฉันยังไม่เกิด
  •          อาจจะเป็นความโชคดีอย่างหนึ่งของฉันที่ได้เกิดในยุคที่ไม่มีสงครามบ่อยนัก หรือถึงมีก็ไม่ส่งผลโดยตรงกับประเทศไทยแบบสงครามโลกที่ผ่านมา ทำให้ฉันจินตนาการไม่ออกเลยจริงๆว่าถ้าตอนนี้บ้านเมืองเผชิญสงคราม ฉันจะเป็นอย่างไรบ้าง จะได้เป็นวีรสตรี หรือเป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กๆของผู้ลี้ภัยสงครามกัน สงสัยอาจจะเพราะไม่เคยเจอสงคราม ทำให้เราหาหนังเกี่ยวกับสงครามมาดู แต่ขอยอมรับตามตรงว่าปกติจะไม่ดูหนังที่หดหู่มากนัก ทำใจไม่ได้ค่ะ (ฮา) แต่เนื่องจากตอนที่เราเลื่อนหน้าฟีดแอพนกสีฟ้าไปเรื่อยๆเพราะคร้านที่จะอ่านหนังสือเตรียมสอบ เราไปเจอทวิตนึงที่แนะนำหนังเรื่องนี้ เราได้เห็นรูปที่เป็นฉากนักเปียโนชาวยิว ตัวละครหลักของเรื่อง เล่นเปียโนให้ทหารชาวเยอรมันฟัง และเมื่อได้อ่านว่าสร้างมาจากเรื่องจริง ทำให้เรากดออกจากแอพ แล้วเข้าnetflix เพื่อไปเปิดดูโดยทันทีทั้งๆที่รู้ว่ามันต้องเศร้าและหดหู่มากๆแน่  (หรือจริงๆเราแค่ขี้เกียจอ่านหนังสือก็ไม่มั่นใจนะคะ555) 
                                     รูปที่ทำให้เราอยากทดลองดูหนังแนวนี้ดูสักครั้ง

    คำเตือน :อาจมีสปอยล์บ้างเล็กน้อย
            The pianist หรือชื่อไทยคือ “สงคราม ความหวัง บัลลังก์เกียรติยศ” แน่นอนค่ะ เปิดเรื่องมาก็แสดงให้เห็นถึงบรรยากาศสงครามโลกครั้งที่ 2 ในประเทศที่ตกอยู่ใต้อำนาจของนาซีได้เป็นอย่างดี โดยประเทศที่ตัวเอกซึ่งเป็นนักเปียโนชาวยิวอาศัยอยู่นั้น คือประเทศโปแลนด์ ประเทศชายขอบใกล้กับประเทศเยอรมัน ทำให้ถูกกองทัพนาซีของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์แผ่ขยายอำนาจมาอย่างไม่ต้องสงสัย ในช่วงนั้นนาซียังไม่ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ชาวยิวยังพอทำอะไรต่างๆได้บ้าง แต่ก็ถูกแบ่งแยกเป็นอีกชนชั้น อย่างเช่นในตอนที่ตัวเอกหรือ วลาเดก สปิลมัน นัดกับสาวชาวเยอรมันเพื่อออกไปเดทกัน เธอชวนสปิลมันไปร้านกาแฟ แต่กลับมีป้ายหน้าร้านว่าห้ามคนยิวเข้า เมื่อเธอจะไปสวนสาธารณะแทน ก็ไม่ได้อีกเพราะมีกฎห้ามชาวยิวนั่งเก้าอี้สาธารณะ และเมื่อสถานการณ์เริ่มทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ชาวยิวต้องสวมปลอกแขนแสดงตัวตนว่าเป็นชาวยิว ห้ามชาวยิวมีทรัพย์สินในครอบครองเกิน 2,000 ชลอตี (ค่าเงินของโปแลนด์สมัยนั้น) จนอยู่มาวันหนึ่งก็มีประกาศให้ชาวยิวในกรุงวอร์ซอ (เมืองหลวงของโปแลนด์) ต้องย้ายมาอาศัยที่เขตอาศัยสำหรับชาวยิว ซึ่งแออัดเมื่อเทียบกับจำนวนคน รวมถึงความเป็นอยู่ที่ลำบากขึ้นมาก จนช่วงที่นาซีเริ่มจะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว ตรงนี้เป็นฉากที่เรายกให้เป็นฉากที่หดหู่มากที่สุดสำหรับเราเลยค่ะ ตอนดูต้องหลุดกรี๊ดออกมาเลย เป็นฉากที่ทหารบุกเข้าไปในแฟลตตรงข้ามกับแฟลตที่ครอบครัวสปิลมันอาศัยอยู่ตอนกลางคืน แล้วสั่งให้คนในห้องลุกขึ้น แต่ในห้องนั้นมีคนแก่นั่งรถเข็นอยู่ค่ะ และเมื่อเขาลุกไม่ได้ ก็ถูกจับโยนลงมาจากระเบียงค่ะ TT แล้วคนอื่นก็ถูกยิงตายอยู่ดี ชาวยิวในนั้นถูกฆ่ามากขึ้นเรื่อยๆๆ หาทางต่างๆให้รอดตายก็แล้ว สุดท้ายครอบครัวรวมถึงวลาเดกก็โดนพาไปขึ้นรถไฟไปค่ายกักกันอยู่ดีค่ะ แต่ด้วยเคราะห์ดีของตัววลาเดก ทหารชาวยิวที่ไปทำงานให้กับเยอรมันคนหนึี่งที่รู้จักกับครอบครัวแอบดึงตัวให้หนีออกมาได้คนเดียวค่ะ 
                                                       สปิลมันที่รอดมาได้คนเดียว

    หลังจากนั้นวลาเดกก็ล้มลุกคลุกคลาน เอาตัวรอดอย่างสุดชีวิต จนได้คนโปแลนด์ช่วยให้ที่ซ่อนตัวรอสงครามสงบ ย้ายที่ไปมาหลายครั้งเพราะคนที่ช่วยคนแรกถูกจับได้ จนช่วงปลายๆสงครามที่รัสเซียบุกมาที่โปแลนด์ได้ หรือตอนที่ชาวโปแลนด์ก่อจราจล ด้วยเพราะเขตที่ไปซ่อนตัวเป็นเขตของชาวเยอรมัน วลาเดกก็ได้เห็นคนสู้กันตลอด ระเบิดลงบ้าง (เป็นเราคงทนไม่ไหวแล้ว แต่เขาก็คงต้องเอาตัวรอดล่ะเนอะ) จนวันที่ระเบิดลงที่ที่เขาแอบพอดี และมีทหารมาเดินตรวจแถวนั้น สปิลมันก็หนีไปหาที่ซ่อนใหม่ในตึกที่ก็พังไปมากจากระเบิด จนได้มาเจอทหารเยอรมัน และเขาได้แอบช่วยไว้นี่ล่ะค่ะ ตอนจบเหมือนทหารคนท่ี่ช่วยจะไม่รอดด้วยนะคะ เสียชีวิตในค่ายเชลยของโซเวียต น่าเสียดายมากๆเลย ;_; 
                  แต่เมื่อเราดูจบใช่มั้ยคะ เราแอบมีคำถามว่าทำไมทหารคนนั้นถึงช่วยสปิลมันนะ หวังผลให้รอดเพราะรู้ว่าจะแพ้สงครามหรือ หรือแค่ต้องการช่วยเหลือ”เพื่อนมนุษย์”ด้วยกัน ถึงแม้ในหนังทหารนาซีจะยิงชาวยิวเล่นเหมือนเป็นผักปลาไม่ใช่คนจนภาพลักษณ์ติดลบ555 จากที่เราเคยบอกใช่มั้ยคะว่าสร้างจากเรื่องจริง เราเลยไปหาข้อมูลของทหารท่านนี้มา ประทับใจจนต้องเอามาเขียนเลยค่ะ! 
    ทหารท่านนี้ชื่อว่า Wilm hosenfield ค่ะ ความจริงแล้วเรียกว่าทหารนาซีก็ไม่ถูกเนอะ เหมือนเขาจะเป็นหน่วย ss ของเยอรมันค่ะ(ใหญ่กว่า โหดกว่าทหารนาซีปกติ55) ตามบันทึกของเขาที่ครอบครัวHosenfieldเก็บไว้เนี่ย ในตอนแรกเขาเลื่อมใสเทิดทูนนาซีจริงๆค่ะ แต่เมื่อได้เห็นชีวิตความเป็นอยู่ของนักโทษชาวยิวแล้ว ทำให้เขาสงสาร และมองนาซีและเยอรมนีเหมือนปีศาลแทนค่ะ เขาได้ตัดสินใจแอบช่วยเหลือชาวยิวในค่าย แอบนำอาหารไปให้เมื่อทำได้ ช่วยปล่อยตัวนักโทษที่จะถูกนำไปฆ่า รวมถึงตัววลาเดก สปิลมันด้วย จนมีชาวยิวเป็นหนี้บุญคุณมากมายเลยค่ะ ทั้งๆที่ทหารคนอื่นบังคับชาวยิวทำตามใจชอบ ไม่พอใจก็ฆ่าทิ้งได้ง่ายๆ จุดนี้ทำให้เราประทับใจมากๆเลยค่ะ ทั้งที่เสี่ยงจะโดนแทนแท้ๆ แล้วก็น่าเสียดายมากๆด้วยที่เขาไม่รอดชีวิตจริงๆค่ะ ในตอนที่เขาใกล้เสียชีวิตมีชาวยิวที่ถูกเขาช่วยไว้รวมถึงสปิลมันไปขอให้ปล่อยตัวด้วย แต่ก็ไม่สำเร็จ สำหรับเรา อย่างน้อยเขาก็แสดงให้เห็นว่าเขามีมนุษยธรรมและศีลธรรมหลงเหลืออยู่ ถ้าไม่มีเขาก็อาจจะทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากสงครามเพิ่มขึ้นอีกก็ได้
                                                                            Wilm hosenfieldตัวจริง
                                                                     Vladek spiegelman ตัวจริง
                                                                         ส่วนนี่Adrien brody ค่ะ!

                สุดท้ายนี้เราต้องขอชื่นชมนักแสดงทุกคนด้วยค่ะ แสดงได้สมบทบาทจนเราอินเลย โดยเฉพาะตัวหลัก Adrien brody ที่แสดงเป็นวลาเดก สปิลมัน แสดงได้ดีมากเลย ตอนป่วยก็ป่วย จีบสาวเราก็เขิน ร้องไห้เราก็น้ำตาซึมตาม ตอนเอาตัวรอดก็ทำเอาลุ้นไปด้วย กับอีกความชอบส่วนตัวคือจมูกของเอเดรียนค่ะ555 (เราดูไปจ้องจมูกไปเพราะเราไม่มีดั้ง T-T) รวมถึงซีจีหรืออะไรต่างๆ เพราะจากปีที่ฉายนั้น เราว่ามันสมจริงมากๆแล้ว หลังจากดูจบและถ้ารอดจากการสอบซัมเมทีฟ (กลางภาค) เรามีแผนว่าจะดูเรื่อง The boy with striped pajamas ,schindler’s listต่อดัวยค่ะ! ถ้าได้ดูเราจะมาเขียนในนี้อีกนะคะถ้าไม่ขี้เกียจ เจอกันใหม่บทความต่อไปนะคะ! ขอบคุณที่อ่านมาจบจบค่ะ เราลองเขียนครั้งแรกอาจจะไม่ลื่นเท่าไหร่ ขออภัยดัวยนะคะT_T รักทุกคน สวัสดีค่ะ<3 
                                                                                                                                                                               Hooka.
    ขอบคุณข้อมูลจาก https://pantip.com/topic/35686251
                                           
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in