ต่อจากจากนำเสนอครั้งก่อน เรานำคำแนะนำที่คณาจารย์ติชมมาปรับปรุงในเส้นเรื่องของตัวเอง
รวมถึงการวางแผนเกี่ยวกับหน้าปกและภาพประกอบภายในเล่ม อาจจะดูเหมือนทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี
แต่เมื่อวันพรีเซนต์งานใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เราถึงได้รู้ว่างานของตัวเองยังไม่คืบหน้าพอที่จะเรียกว่า 90%
เมื่อรู้ตัวแล้วจึงพยายามเขียนงานเพิ่มมากขึ้น เริ่มออกแบบร่างหน้าปกหน้า-หลัง รวมถึงหากลุ่ม
เป้าหมายเพื่อมาทดลองอ่านงาน โชคดีที่คนรอบตัวอาสาติดต่อน้อง ๆ วัยมัธยมปลายให้ เลยได้คนที่สนใจในธีสิสของเรามาช่วยทดลองอ่านถึงสองคน หนึ่งในนั้นเป็นน้องปีหนึ่งที่เพิ่งสอบติดในเอกมาหมาด ๆ
ซึ่งน้อง ๆ ได้ให้ความร่วมมือในการคอมเมนท์เกี่ยวกับความรู้สึกหลังอ่านและพล็อตเรื่องอย่างละเอียด ทำให้เราได้รู้มุมมองของคนข้างนอกที่มีต่องานของตัวเอง และได้มีมีความคืบหน้าไปอัพเดทกับอาจารย์ t-t (ขอบคุณน้องมาก ๆ ค่ะ)
ภาพร่างหน้าปกที่ออกแบบไว้
ก่อนวันพรีเซนต์เราส่งบทที่เขียนเพิ่มให้กับอาจารย์ที่ปรึกษาอ่านแล้วได้รับคอมเมนท์เกี่ยวกับเรื่องบทสนทนาที่ไม่ลื่นไหลของตัวละคร เราจึงได้ย้อนอ่านบทที่ผ่านมาทั้งหมดแล้วเห็นว่ามีหลายจุดที่ยังแปลก ๆ อยู่ พอลองอ่านออกเสียงถึงได้รู้ว่ามันไม่ลื่นไหล และมนุษย์จริง ๆ ไม่น่าจะพูดแบบนี้ ทำให้เราได้กลับมาสังเกตงานตัวเองให้ดี หลังจากนั้นในทุก ๆ ครั้งที่เราเขียนบทสนทนาโต้ตอบระหว่างตัวละคร เราจะอ่านออกเสียงทุกครั้งและมันช่วยได้มากจริง ๆ
ในที่สุดวันพรีเซนต์ก็มาถึง เราอัพเดทงานที่ทำมาทั้งหมดให้แก่คณาจารย์ได้รับฟัง พร้อมทั้งบอกอุปสรรคในการทำงานของตัวเองที่เรารู้สึกได้ เรื่องแรกคือเราไม่สามารถวาดรูปได้ถ้าหากงานเขียนยังไม่เสร็จ ซึ่งตอนแรกเราเป็นกังวลมาก แต่อาจารย์ได้ให้คำแนะนำเราเป็นอย่างดีพร้อมทั้งบอกว่ามันคือสไตล์การทำงานที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคน เลยทำให้เราโล่งใจไปเปราะหนึ่ง เรื่องที่สองคือเรามีบทที่เขียนไปเยอะมาก ๆ แล้วใช้ไม่ได้เลยทำให้เสียเวลา ในส่วนตรงนี้อาจารย์ได้แนะนำว่าต้องลองเขียนสิ่งที่อยู่ในหัวออกมาก่อน แล้วเราจะรู้ว่าอะไรใช้ได้หรือไม่ได้ ซึ่งคอมเมนท์ที่ได้รับมาทั้งหมดมีประโยชน์กับงานเรามาก ๆ
สิ่งที่เราได้หลังจากพรีเซนต์เสร็จคือแรงกระตุ้นมหาศาล เพราะเพื่อนบางคนงานคืบหน้าจนเรียกได้ว่าไฟนอลแล้ว จากที่เราไฟมอดอยู่ก็รู้สึกได้เลยว่าหากไม่ลุกตอนนี้ ธีสิสเราอาจจะไหม้จริง ๆ ทำให้หลังจากนั้นเราเริ่มวางแผนในแต่ละบทดี ๆ แล้วบังคับตัวเองว่าต้องเขียนให้ได้อย่างน้อยอาทิตย์ละสองบท หากรีรอเขียนตามอารมณ์เหมือนอย่างที่ผ่านมางานเราอาจไม่ทันกำหนดการก็เป็นได้