เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Paracetamol StoryNarawit Takame
My Real Teacher : ครูเคมี ที่ทำให้ผมกลับมาเรียนหนังสืออีกครั้ง
  • คนเราถ้าหมดศรัทธาในอะไรซักอย่าง เราจะยังทำสิ่งนั้นต่อไปได้มั้ย ?

    มันก็ต้องมีบ้างแหล่ะ กับการหมดศรัทธากับอะไรบางอย่าง
    ตอนมันหมดไป เราอาจจะทำสิ่งนั้นต่อไปไม่ได้เลย
    สำหรับผม แย่หน่อยครับ ผมเคยหมดศรัทธากับการเรียน


    มันเกิดขึ้น ตั้งแต่ผมสอบเข้าม.ต้น ห้องคิงของ รร.ที่ว่ากันว่าเก่งที่สุดในจังหวัดได้
    ตอนสอบติดนี่พ่อแม่พี่น้องดีใจกันมาก แทบจะปิดหมู่บ้านฉลอง
    เราก็คิดไปเองแล้ว เราเก่งแล้วว่ะ ต่อไปจะใช้ชีวิตยังไงก็ได้
    และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้น ของช่วงชีวิตที่ผมไม่ตั้งใจเรียนที่สุด

    หลังจากเรียนจบหนึ่งเทอม ผลการเรียนก็ออกมาตามคาด
    ซึ่งก็คือโคตรแย่  ผมสัญญากับแม่ว่า เทอมหน้ามันจะต้องดีขึ้น
    หลายเทอมผ่านไป ผมก็ยังคิดผิดสัญญากับแม่เสมอ

    ในขณะที่เกรดของผมลดลง อย่างอื่นก็ลดลงตามไปด้วย อย่างเช่น
    ความมั่นใจที่เพื่อนให้เรา , ความคาดหวังของพ่อแม่ , การได้รับความสนใจจากเหล่าอาจารย์ , ฯลฯ
    ผมรับรู้สิ่งเหล่านี้ ได้จากสายตา คำพูด และการกระทำ เวลาที่ได้คุยกัน
    แต่ผมไม่โทษพวกเค้าหรอกครับ บางทีนั่นอาจเป็นสิ่งที่ผมสมควรได้รับแล้ว
    และที่เลวร้ายที่สุด ไฟในการเรียนของผม ตอนนี้มันลดลง จนจะหายไปหมดแล้ว

    แต่บางอย่างมันกลับเพิ่มขึ้น โดยที่ผมไม่รู้ตัว
    ผมอยากมีเวลาเล่นกับเพื่อนมากขึ้น , ชีวิตผมสนุกขึ้น , ความสบายใจเพิ่มมากขึ้น
    ผมได้ลองทำอะไรหลายอย่างมากขึ้น ในขณะเพื่อนคนอื่นอ่านหนังสือเตรียมสอบ
    ผมกลับออกไปเล่นกีตาร์ , เล่นเกม , ถ่ายรูป ตามประสาเด็กไม่ตั้งใจเรียนในสมัยนั้น
    แต่มันก็ทำให้ผมรู้ว่า อะไรที่ผมชอบ

    เสียดายเหมือนกัน ที่เรื่องนี้ไม่ได้หักมุม แบบ ผมกลับไปตั้งใจเรียนก่อนสอบเข้าม.ปลาย
    ผมยังไม่ตั้งใจเรียนเหมือนเดิม ตอนประกาศผลสอบเข้าม.ปลาย สายวิทย์-คณิต
    แน่นอนครับ ผมเป็นเพียงไม่กี่คน ที่ไม่ได้อยู่ห้องเดียวกับเพื่อนเก่า
    ผมหลุดไปอยู่ห้องที่ไกลกว่า

    ตอนนั้น ความมั่นใจและไฟ ในการเรียนของผม ลดหวบไปเลย
    ผมกลายเป็นคนขาดความมั่นใจในการทำอะไรซักอย่าง เพราะฝังใจไปแล้วว่าทำไปมันก็คงไม่ดี
    กลัวจะต้องผิดหวัง เหมือนครั้งที่ผ่านมา 

    แม่คงเห็นผมสิ้นหวังกับการเรียนขนาดหนัก เลยบังคับให้ผมไปเรียนกวดวิชาที่กรุงเทพ !
    และเมื่อพูดถึง กวดวิชาที่กรุงเทพ ชื่ออาจารย์คนแรกที่ผุดขึ้นมา ก็คือ อ.อุ๊ อาจารย์สอนเคมีผู้โด่งดัง
    โชคดีที่ผมลงทะเบียนทันรอบสด ซึ่งได้เรียนกับอ.อุ๊ ตัวเป็นๆ ไม่ใช่ผ่านจอทีวี
    ต้องบอกก่อนว่า การเรียนกวดวิชา ปกติจะแบ่งเป็น 3 แบบ คือ 
    • 1.แบบสด คือเรียนกับอาจารย์ตัวเป็นๆเลย รอบนี้จะถูกอัดเป็นวีดีโอ ไปใช้ในรอบวีดีโอต่อ
    • 2.VDO คือการเรียนผ่านจอทีวี โดยเทปที่อัดไว้ คล้ายการฉายหนัง ผ่านทีวีหลายๆเครื่อง ให้หลายๆคนดู ในเวลาเดียวกัน
    • 3.On demand อันนี้จะเป็นอะไรที่แปลกใหม่ที่สุด ระบบคล้าย Youtube คือเรียนผ่านคอม เลือกได้ว่าจะหยุด หรือเรียนตอนไหนก็ได้ ตามใจเราเลย

    การได้เรียนรอบสดของอ.อุ๊ เป็นอะไรที่เปลี่ยนชีวิตผมไปมาก ทั้งด้านวิชาการ และชีวิต
    ผมไม่เคยชอบวิชาเคมีเลย จริงๆแล้วต้องบอกว่า ผมไม่ค่อยชอบเรียนวิชาอะไรซักเท่าไหร่
    เพราะจากประสบการณ์ที่เรียนมา ผมสังเกตได้ว่า ครูจะสนใจแต่เด็กเก่งวิชานั้นๆเสมอ
    ครูหลายคนไม่สนใจเด็กที่เรียนไม่เก่ง บางคนถึงขั้นบั่นทอนกำลังใจเด็กไม่เก่ง
    ประโยคที่ว่า "นักเรียนแค่นี้ทำได้ไม่ได้หรอ" , "แค่นี้ไ่ม่เข้าใจหรอ" , "เพื่อนเค้าทำได้หมดแล้วนะ"
    ความรู้สึกว่าตัวเองด้อยจะเกิดขึ้นมาทุกครั้ง ที่ได้เรียนวิชาใดๆ

    บรรยากาศคลาสเรียนของอ.อุ๊ จะแบ่งเป็นการสอนเนื้อหา สลับกับการทำโจทย์
    ทุกครั้งที่ทำโจทย์ อ.อุ๊จะให้เวลาแต่ละข้อประมาณหนึง นักเรียนคนไหนคิดออกก็ชูนิ้วช้อยส์ที่เลือก
    แล้วอาจารย์อุ๊ จะประกาศออกไมค์ว่าที่เราชูนิ้วหน่ะ มันถูกมั้ย
    เช่น เสื้อขาวแว่นส้มถูกค่ะ , เสื้อฟ้ายังไม่ใช่ค่ะ เกือบแล้วนะ , เสื้อเขียวรอบคอบอีกหน่อยลูก , ฯลฯ

    พอเห็นคนอื่นชูนิ้วแล้วอ.อุ๊ บอกว่าถูกค่ะ ผมก็อยากจะลองชูนิ้วเหมือนคนอื่นเขาบ้าง
    ผมก็เลยยกนิ้วตอบ ตามนิ้วของเพื่อนแถวหน้า แล้ ... ไม่ใช่โว้ย ผมก็เริ่มตั้งใจเรียน
    จากที่กลับบ้านมา ไม่เคยแตะหนังสือเลย ก็มีการเปิดอ่านบ้าง , เริ่มทำโจทย์ ทำการบ้านบ้าง

    ไม่กี่อาทิตย์ต่อมา ผมก็ได้คำว่า ถูกค่ะ จากอ.อุ๊ เป็นครั้งแรก
    จริงๆผมก็ไม่ได้ใส่ใจการเรียนมากหรอกนะ แต่ไม่รู้ทำไมตอนนั้นมันรู้สึกภูมิใจ และบันดาลใจจัง
    เหมือนเห็นผลของการที่เราเริ่มตั้งใจเรียน , กลับบ้านอ่านหนังสือทบทวน

    คำพูดเพียงแค่สองคำ กับแววตาที่มองมาพียงเสี้ยววิ ของครูคนหนึ่ง
    แม้มันจะไม่ได้ยิ่งใหญ่ถึงขั้นเปลี่ยนโลกใบนี้ แต่มันก็เปลี่ยนโลกของนัก(ไม่ตั้งใจ)เรียนบางคนได้
    วันนั้นความเชื่อมั่นในตัวเอง และศรัทธาในการเรียนของผมกลับมาอีกครั้ง

    หลายครั้งที่ผม(และอีกหลายคน) ยกนิ้วตอบไม่ได้ คิดว่าข้อนั้นมันคงยากเกินไปสำหรับเรา
    อ.อุ๊ก็จะบิ้วท์ให้เราพยายามทำโจทย์ข้อนั้น อย่าเพิ่งยอมแพ้ พูดให้เราเชื่อมั่นว่าเราทำได้
    "สู้หน่อยลูก" , "พยายามหน่อยลูก" , "ครูเชื่อหนูทำได้"
    ผมจำประโยคเหล่านี้ได้แม่น ทุกวันนี้ก็ยังคงจำได้อยู่

    แต่ล่ะสัปดาห์ที่เรียน ผมเริ่มเปลี่ยนตัวเองเป็นคนละคน ตั้งใจเรียนมากขึ้น , มั่นใจในตัวเองมากขึ้น
    มีศรัทธาและเชื่อว่า ถ้าเราพยายามตั้งใจทำสิ่งไหน ไม่นานเราก็จะทำได้ ,
    ผมได้รับคำว่า "ถูกค่ะ"  ในทุกอาทิตย์ที่เรียน , ผมตั้งใจเรียนในทุกๆวิชา และทุกสิ่งอย่าง

    จนจบคอร์ส และจบเทอม ผลการศึกษา(เกรด)ของผมเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
    รวมทั้งชีวิตของผมด้วย ผมกลายเป็นคนมีไฟ ความเชื่อ และศรัทธาของผม กลับมาอีกครั้ง
    ตลกดีเหมือนกันครับ ที่ผมได้รับสิ่งเหล่านี้ จากครูสอนพิเศษ วิชาเคมี ที่ตึกแห่งหนึ่งย่านพญาไท
    แทนที่จะเป็นครูแนะแนว ประจำโรงเรียนมัธยมปลาย

    ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ คุณอยากจะเจอคุณครูแบบไหนกันครับ ?
    -ครูที่กดดัน/ตัดสินเด็กว่า เธอไม่เก่ง ไม่ต้องไปทำหรอก
    -ครูที่สนใจแต่เด็กเก่ง
    -ครูที่ไม่เคยจะให้โอกาสเด็กที่เรียนไม่เก่ง
    -ครูที่พร้อมจะหยิบยื่นโอกาสให้เด็กทุกคน
    -ครูที่เชื่อมั่นในตัวเด็กๆเหล่านั้น เชื่อว่าถ้าเค้าตั้งใจทำอะไรซักอย่าง ซักวันเค้าจะต้องทำได้

    ผมไม่รู้เหมือนกัน ว่าคุณครูแบบไหน ถึงจะเรียกได้ว่าเป็นครูที่ดี
    สำหรับผม ครูที่เปลี่ยนโลกของเด็กคนๆไปในทางที่ดีขึ้น หยิบยื่นศรัทธาให้เค้า นั่นแหล่ะครับ คือครูที่ดี
    และโชคดีเหลือเกิน ที่ผมได้เจอกับครูคนนั้นแล้ว


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in