—
"ฟง ผมถามจริงๆ กินน้ำเต้าหู้มากี่แก้วแล้ว"
"หมายถึงเมื่อไหร่ล่ะ ถ้าวันนี้อย่างเดียวก็สาม... ถ้ารวมทั้งสัปดาห์ก็เป็นสิบ"
"โคตรเปลืองตัว"
เขาหัวเราะกับถ้อยคำบ่นแกมประชด แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่ามันจริง เคยคิดในใจเหมือนกัน, เรียกว่าในใจคงไม่ได้หรอก เพราะตนก็เผลอทวิตไปเสียหลายรอบว่าเมื่อไหร่จะหลุดพ้นจากอาตี๋ร้านน้ำเต้าหู้นี่สักที ว่ากันตามตรง คอกาแฟอย่างเขาไม่ใช่คนประเภทที่จะมานั่งในร้านน้ำเต้าหู้ติดต่อกันทั้งสัปดาห์หรอก ถ้าไม่ใช่เพราะงาน
"แต่ก็ทำให้ตามตัวเจอนะ"
"คุ้มเหรอ" คนเด็กกว่าเอ่ยถาม ส่วนคุณนักสืบส่ายหน้ารัว
"โคตรไม่คุ้ม ชาร์ทเพิ่มไปแล้ว ดีนะที่สนิทกันไม่งั้นคงโดนด่า คุณขอเงินผมเพิ่มเพราะตัวเองทานน้ำเต้าหู้มากเกินไปเหรอครับ เป็นบ้าอะไร"
ว่าจบฟงก็หัวเราะกับคำพูดของตนเอง ขณะที่เด็กเพิ่งจบมัธยมยังทำหน้าเหมือนแบกโลกไว้เหมือนเดิม ไม่ได้มีท่าทีจะสนุกหรือมีอารมณ์ร่วมไปกับเขาเลยสักนิด ให้ตายเถอะ มันน่าตบหัวหลุดสักที
"แล้วทำไมต้องมานั่งกินอีก"
แทนกลายเป็นเจ้าหนูจำไม เขาถามคำถามมานับไม่ถ้วนตั้งแต่หย่อนตัวลงตรงที่นั่งฝ่ายตรงข้าม เป็นบรรยากาศที่แปลกใหม่ในบางครั้ง เพราะหากไม่ใช่กับแทน บทของฝ่ายถามจะกลายเป็นเขาเสียมากกว่า
"อีกคดี"
ฟงเป็นแค่นักสืบ และนั่นหมายความว่าเขาจะทำอะไรก็ได้ภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย เพื่อผลประโยชน์ของนายจ้างแล้ว นักสืบแบบฟงไม่จำเป็นต้องทำตัวเป็นผู้ผดุงความยุติธรรมเพื่อใคร คงต้องยอมรับว่าตั้งแต่เขาจบนิติมาสามสี่ปี ชายหนุ่มใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ของมันมากกว่าข้อกฎหมายเสียด้วยซ้ำ และมันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้เช่นกัน
"ได้ตายเข้าสักวัน"
เด็กนั่นบ่นอีกแล้ว ชวนให้เขาส่ายหน้ากับคำพูดที่ไม่เคยจะหอมหวาน ถึงอย่างนั้นประโยคของแทนก็เป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ในหลายๆมุมมอง
ข้อหนึ่ง ฟงคงได้ตายกับงานนี้เข้าสักวัน
และข้อสอง ไม่ว่าอย่างไรเมื่อถึงวันหนึ่งคนเราก็ต้องตายอยู่ดี และเขาก็เดาได้ว่าแทนคงจะหมายถึงความหมายทั้งสองแบบนั้นล่ะ
"เอาตัวเองให้รอดเถอะแทน"
ไม่อย่างนั้นคงไม่มีเด็กมอสองที่ไหนขอร้องเขาให้ทำเรื่องมาอยู่ที่กรุงเทพฯเพื่อหาเบาะแสเกี่ยวกับคดีใหญ่ยักษ์นี่ไปพร้อมกับเขาหรอก
—
spoil.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in