ปล.(ปฐมลิขิต) บทความนี้มีการเปิดเผยประสบการณ์การเข้าร่วมกิจกรรมของนิทรรศการ Dialogue in the dark อาจทำให้เสียอรรถรสในการเข้าชมนิทรรศการดังกล่าวในอนาคต***นิทรรศการ Dialogue in the dark เป็นนิทรรศการในห้องมืด เพื่อให้คนทั่วไปได้จำลองการใช้ชีวิตแบบคนตาบอดตลอดการชมนิทรรศการ โดยมีอุปกรณ์ที่นำติดตัวไปได้เพียงอย่างเดียวคือ "ไม้เท้า" แบบที่เรามักเห็นคนตาบอดใช้กัน***
เข้าสู่ความมืด
เจ้าหน้าที่พาผมเข้าไปในห้องที่ค่อยๆมืดลงเรื่อยๆจนมองไม่เห็นอะไรในที่สุดก่อนที่จะส่งต่อหน้าที่ให้ “พี่อุดม” ไกด์นำทางในความมืดให้พาผมและเพื่อนๆเดินชมนิทรรศการตลอดการเดินทางในห้องมืด
พี่อุดมบอกให้พวกเราเข้าแถวและเดินตามๆกันไป ซึ่งผมเป็นคนแรกของแถว เพื่อนที่เดินตามหลังกันมามีการเกาะแขน เกาะชายเสื้อกันบ้างเป็นระยะ ผมเดินนำแถวไปตามเสียงของพี่อุดมที่คอยบอกทางโดยที่ไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังเดินไปที่ไหน ต้องเดินไปทางไหน และต้องเดินเท่าไรจึงจะพอ
พี่อุดมคอยบอกทาง คอยถามให้แน่ใจว่าทุกคนยังอยู่กันครบ และคอยบอกให้ลองจับนู่นจับนี่ ฟังเสียง ดมกลิ่น และลองจินนตนาการว่าตอนนี้เราอยู่กันที่ไหน รอบๆตัวเรามีอะไรบ้าง
หากเปรียบการเข้าชมนิทรรศการครั้งนี้เป็นงานอะไรสักอย่าง เป้าหมายของงานคงเป็นการหาทางออก และแน่นอนว่าผมซึ่งเป็นหัวแถวไม่สามารถนำเพื่อนเดินไปตามทางที่ถูกต้องได้ในความมืดนี้ ผู้นำที่แท้จริงของงานนี้คือพี่อุดมนั่นเอง
ลองคิดว่าเราทุกคนมีแรงจูงใจที่จะไปสู่เป้าหมายเดียวกันคือทางออก แม้ว่าจะมีเหตุผลในการออกไปที่ต่างกัน อาจจะเพื่อได้กลับบ้าน หรือเพื่อให้คุ้มกับเงินค่าบัตรเข้าชมก็ตาม ในสถานการณ์นี้พี่อุดมถือว่าเป็นผู้นำที่ดีคนหนึ่งที่ไม่เพียงแต่จะพาทุกคนไปถึงจุดหมาย แต่ยังให้ความใส่ใจ และให้ความรู้กับผู้ตามทุกคนด้วย
Fiedler กล่าวไว้ว่า "งานจะดำเนินไปได้ดีหากผู้นำและผู้ตามมีความเชื่อมั่นซึ่งกันและกัน" ผมไม่แน่ใจว่าพี่อุดมเชื่อมั่นพวกเราหรือเปล่า แต่ผมเชื่อว่าพวกเราทุกคนเชื่อมั่นในพี่อุดมอย่างเต็มที่
บทสนทนาในความมืด
เราเดินมาถึงห้องสุดท้ายก่อนถึงทางออก พี่อุดมเฉลยว่าเจ้าหน้าที่ทุกคนในห้องมืดเป็นคนตาบอดจริงๆ ใช้ชีวิตอยู่ในความมืดจริงๆ ห้องมืดจึงไม่ใช่อุปสรรคในการทำงานของพวกเขา
พี่อุดมเปิดโอกาสให้พวกเราถามคำถามต่างๆได้ก่อนที่จะออกไป เราซักถามเกี่ยวกับการใช้ชีวิตประจำวัน รวมถึงปัญหาและอุปสรรคต่างๆในการใช้ชีวิตซึ่งเกิดจากทั้งความไม่เข้าใจ และความไม่ใส่ใจของทั้งคนทั่วๆไปในสังคม และผู้นำในระดับต่างๆของสังคม
ทางออกจากความมืด
Robert House กล่าวไว้เกี่ยวกับภาวะผู้นำตามสถานการณ์ว่า "ผู้นำจะต้องช่วยให้ผู้ตามได้บรรลุเป้าหมายส่วนบุคคลด้วย และบุคคลที่มีบุคคลิกที่ต่างกันจะสามารถเป็นผู้นำได้ดีในสถานการณ์ที่ต่างกัน"
ในห้องมืดเราอาจต้องให้คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในความมืดได้เป็นผู้นำ ในห้องมืดคนตาดีหลายคนต้องพึ่งพาคนตาบอดหนึ่งคน แต่ในโลกภายนอกห้องมืด โลกที่มีแสงสว่างที่พวกเขามองไม่เห็น เป็นโลกที่คนปกติอย่างพวกเราคุ้นเคยมากกว่า มีความสามารถมากกว่า เราสามารถแสดงความเป็นผู้นำได้ดีกว่าในสถานการณ์นี้ พวกเขาพร้อมที่จะเป็นผู้ตามที่ดีเพียงแค่เราเข้าใจ และใส่ใจพวกเขามากขึ้น เราจะเห็นปัญหา สามารถค้นพบวิธีการช่วยเหลือ และนำพวกเขาให้บรรลุเป้าหมายของพวกเขาได้ ซึ่งบางทีเป้าหมายที่พวกเขาต้องการอาจเป็นเพียงแค่การได้ใช้ชีวิตร่วมกับคนทั่วๆไปด้วยความเข้าใจเท่านั้นเอง
ในความมืดเราอาจไม่ได้ต้องการแสงสว่าง แต่อาจต้องการเพียงคนข้างกายที่มั่นใจได้ว่าจะช่วยชี้ทางให้เราได้ในความมืด
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in