-1-
TAKE ME TO BUSAN
(รีวิว)
เรื่องย่อ.
กงยูจะพาลูกนั่งรถไฟไปเยี่ยมเมียเก่าที่ปูซาน
แต่อ้าวชิบหาย บนรถไฟมีซอมบี้ไล่กัดคนจนติดเชื้อกันหมด
แล้วซอมบี้เรื่องนี้แม่งวิ่งได้ แถมเร็วด้วย เผ่นเร็วสัส /จบ.
เนื้อหนัง.
ไม่อยากพูดถึงอะไรจำเจ ทั้งเรื่องจิตใจมนุษย์น่ากลัวกว่าซอมบี้ ความเห็นแก่ตัวที่เผยออกมาเมื่อสถานการณ์บีบให้ดิ้นรนเอาชีวิตรอด เพราะคงได้อ่านกันมาเยอะแล้ว
เอาเป็นว่าเทรนทูปูซานทำได้ดีและสอบผ่านทุกกรณีที่หนังซอมบี้พึงมี โปรดักชั่นดี ตัดต่อเยี่ยม ขยี้ดีมากในฉากที่ควรขยี้ บทเฉียบคม ขี้แซะและจิกกัด ตัวละครกลมและมีครบทุกรูปแบบ ทั้งเห็นแก่ตัวมาก เห็นแก่ตัวน้อย เด็ก คนแก่ คนท้อง ผู้หญิงวัยรุ่น และมนุษย์ลุงๆป้าๆที่ใจจืดใจดำ สะท้อนอะไรมากมายให้ได้อิ่มเอม
ถ้าใครชอบหนังซอมบี้ ก็น่าจะชอบ
ถ้าใครชอบหนังแอคชั่น ก็น่าจะแฮปปี้
ถ้าใครชอบหนังดราม่า ก็น่าจะรักหนังเรื่องนี้ได้ไม่ยาก
สรุป.ควรไปดู
คะแนน.10/10
-2-
POLITICAL ZOMBIE
(วิจารณ์+เปิดเผยเนื้อหาสำคัญในหนัง)
ชอบประเด็นที่สอดไว้ในเรื่อง หลอกด่ากันแบบเนียนๆ เสียดสีรัฐและสังคมแบบที่มองแล้วต้องยิ้มอ่อน
ถ้าลองเปรียบเทียบการนั่งรถไฟไปปูซาน เราคิดว่ามันเหมือนประเทศๆนึงเหมือนกันนะ การนำพาประเทศ(รถไฟและผู้โดยสารในขบวน)ให้รอดชีวิตและไปสู่จุดหมายที่ตั้งใจ(ปูซาน)ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย
ปัญหาทั้งหมดในเรื่องเริ่มต้นจากความสะเพร่าและไม่รับผิดชอบของคนๆเดียว (เจ้าของรถขนหมูตอนต้นเรื่องที่ขับรถชนกวางในเขตสารเคมีรั่วไหลทำให้กวางตัวนั้นกลายสภาพเป็นซอมบี้ขึ้นมา) และต่อมาปัญหาก็เริ่มต้นลุกลามใหญ่ขึ้นเมื่อนายสถานีที่ปล่อยให้หญิงสาวติดเชื้อซึ่งไม่มีตั๋วเข้าไปในขบวน พอเธอกลายเป็นซอมบี้อย่างเต็มที่ เธอก็แพร่กระจายปัญหาไปในวงกว้างอย่างรวดเร็ว
การแพร่กระจายของปัญหาเปรียบได้กับเชื้อไวรัสซอมบี้ จากคนๆเดียวแพร่ไปสู่วงกว้างและเดือดร้อน นั่นเพราะเจ้าหน้าที่รัฐทำงานหละหลวม
ที่สถานีแดจอน เมื่อไปถึงผู้คนบนรถไฟอพยพออกไปที่สถานี เพราะหวังว่ากองกำลังทหารที่แดจอนจะช่วยคุ้มกันหรือให้ความปลอดภัยได้ แต่ทหารกลายเป็นซอมบี้กันหมดซะนี่! แถมรัฐที่ควรเป็นที่พึ่งให้แก่ประชาชน ก็เสนอข่าวปลอม ล้อหลอกประชาชนว่าตอนนี้สถานการณ์ปกติ ควบคุมได้ อย่าเชื่อข่าวลือ ให้อยู่บ้าน ฟังข่าวรัฐ รัฐบาลเอาอยู่ อย่าถูกชักจูงจากข่าวลือในอินเตอร์เน็ต (คุ้นเนอะ) ทั้งที่ในความเป็นจริงนั้น รัฐไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว
มันเปรียบได้กับระบบที่อ่อนแอ ทหารและรัฐที่ควรช่วยเหลือปกป้องและคุ้มครองประชาชนก็ไม่สามารถพึ่งพาได้ และปล่อยให้ประชาชนเอาตัวรอดกันเอง
แม้บางสถานการณ์ประชาชนด้วยกันสามารถช่วยเหลือกันได้ แต่สถานการณ์บีบคั้นก็ทำให้คนเหล่านั้นมองปัญหาของคนอื่นเป็นเรื่องของคนอื่นและสนใจแต่ตัวเอง ประมาณว่าข้ารอดก็โอเค คนอื่นจะตายยังไงก็เรื่องของมัน การที่คุณลุงและเหล่าแก๊งมนุษย์ลุงป้าในโบกี้หมายเลข 15 ผลักไสทั้งพระเอก เด็ก ผู้หญิง คนท้อง และคนแก่ โดยไม่ยอมให้ความช่วยเหลือเพราะห่วงในสวัสดิภาพของตัวเอง ถ้ามองให้ดีๆ คงพบเห็นได้จนชินตาในสังคม
ในบางครั้งบางหน เราหลายๆคนก็เผลอกลายเป็นตัวละครที่เราเกลียดในหนังไปโดยไม่ทันได้รู้ตัว
การต่อสู้ดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดจนต้องเปลี่ยนขบวนจากรถไฟ KTX (รถไฟความเร็วสูง) มาเป็นรถไฟแบบเก่าธรรมดาซึ่งช้ากว่า นั่นคือวิธีและหนทางในการนำพาสังคมไปสู่การพัฒนาและนำมาซึ่งคุณภาพชีวิตที่ดี
อยากจะรวดเร็วก็ไม่รอด แม้จะตุเลงๆ ขึ้นรถไฟเก่า พากันรอดตายจนถึงปูซานและก้าวไปสู่แสงสว่างปลายอุโมงค์ได้ในตอนสุดท้าย แต่กว่าจะมาถึงตรงนั้นได้ก็สูญเสียเลือดเนื้อไปมากมายสะบักสะบอมกันทั้งกายใจ
ประเทศก็เช่นกันแหละนะ เฮ้อ
-3-
ETC
(ความรู้สึกส่วนตัวทั่วไป)
ตัวละครที่ชอบ.
จินฮี (โซฮี) กับยองกุก (ชเวอูชิก) ไม่ได้ชอบด้วยเหตุผลในแง่บทหรืออะไรเลย แต่รู้สึกว่าโซฮีน่ารัก (อ้าว) มองแล้วสดชื่นระรื่นสายตาดี และฉากสุดท้ายของคู่นี้ก็ตรึงใจมาก
ในเรื่องจินฮีเป็นคนสารภาพรักกับยองกุก แต่ยองกุกยังกั๊กๆ มีท่าทีแบบกึ่งยิงกึ่งผ่าน ทำนองว่าเขินจังที่เพื่อนแซว เราไม่รับรักเธอซะหน่อย ยัยคนนี้ แต่เมื่อถึงเวลาสุดท้ายขของทั้งคู่ แม้จะไม่พูดออกมาว่ารักแต่เรารู้สึกได้นะว่ายองกุกเองก็รักจินฮี ฉากนี้ดี เกือบร้องไห้
ตัวละครที่เกลียด.
เช่นเดียวกับชาวผู้ชมหลายๆคน เกลียดลุงอ้วนผู้เห็นแก่ตัวมาก แต่ก็ต้องยอมรับว่าตัวละครตัวนี้แหละที่มีอยู่มากมายเต็มไปหมดในสังคมจริงๆของเรา ซึ่งเราว่าบทเขียนดี ตัวละครตัวนี้มาสุดทาง มีความเป็นมนุษย์สูงดี
ตัวละครในดวงใจเลย.
พี่อ้วนผัวคนท้อง พี่บู๊มากครับ ผมชอบ
ฉากที่ชอบ.
-ฉากสามทหารเสือตอนจะบุกตู้แรก(และทุกๆตู้) ลุ้นจนเยี่ยวเหนียว
-ฉากสุดท้ายของคู่จินฮี/ยองกุก
-ฉากสุดท้ายของพี่อ้วน
-ฉากสุดท้ายของกงยู
-ชอบสเต็ปการเคลื่อนไหวของซอมบี้มาก วิ่งเร็วกว่านักวิ่งทีมชาติ แถมตอนลุกขึ้นมานี่มีความร่างกระตุก ถ้าจะดูว่าใครจะกลายร่าง ให้ดูว่ามันเริ่มเต้นป็อปปิ้งหรือยัง 55555555
ความรู้สึกอื่นๆ.
ดูแล้วเหนื่อยมาก ลุ้นจนเหนื่อย
เป็นอย่างนี้ประจำเวลาดูหนังที่ตัดต่อไวๆ หายใจไม่ทันเลยครับแม่
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in