"ทางพี่ประชุมกันแล้ว เห็นตรงกันว่าจะยินดีรับน้องเข้
ามาฝึกงานกับทางบริษัท".
.
เพียงแค่ข้อความประโยคเดียว ความเครียดที่สะสมมาตลอดตั้งแต่เมื่อช่วงต้นปีก็ปลิวหายไปในอากาศทันที หายใจได้โล่งไปถึงข้างในปอดเป็นครั้งแรก ในที่สุดฉันก็ได้ที่ฝึกงานเสียที! ขอบคุณพระเจ้า!!
ขอเท้าความก่อนว่าตั้งแต่ที่ทราบเรื่องหลักสูตรการฝึกงาน (ซึ่งจริงๆก็ทราบมามาตั้งแต่ช่วงปีสองแล้ว) เป็นที่รู้กันว่าไม่ช้าก็เร็วเราต้องฝึกงาน ก่อนหน้านี้ก็มีบ้างที่เปิดๆปิดๆหาสถานที่ที่ฉันรู้สึกสนใจจะฝึกงาน ไม่ว่าจะเป็นตามเว็บไซต์ ตามโซเชียล หรือการถามประสบการณ์กับรุ่นพี่ และฉันคงจะไม่เครียดขนาดนี้ถ้าปีที่ฉันต้องฝึกงานไม่มีสิ่งมีชีวิตเล็กๆที่สร้างเรื่องใหญ่ไปทั่วโลก
COVID-19 !!
เป็นแค่สิ่งมีชีวิตเล็กๆที่ไม่มีสมองด้วยซ้ำ แต่กลับทำให้ปีของการฝึกงานกลายเป็นนรกของความเครียดขนาดย่อมๆ เพราะหลายๆบริษัทเองก็ปฏิเสธที่จะรับเด็กฝึกงานในสังกัด โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่เรียกได้ว่าเป็นวิกฤตระดับชาติและระดับโลก
โอเค....โอเค....เราคงไม่โชคร้ายขนาดนั้น ฉันได้แต่คิดแบบนี้ตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา พยายามเชื่อในโชคอันน้อยนิดที่แม้แต่จะหยิบล็อตเตอร์รี่ให้แม่จากแผงขายก็ยังไม่ค่อยจะถูก (ฮา)
แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะยังไม่ใจร้ายกับฉันจนเกินไป เมื่ออีเมลล์ฉบับหนึ่งได้ส่งมาถึงฉัน ข้อความที่ระบุถึงการนัดสัมภาษณ์เพื่อเข้าฝึกงาน
หายใจโล่งปอดได้ข้างหนึ่ง ก่อนที่ฉันจะมานั่งเครียดอีกครั้งให้กับการฝึกงาน....คุณก็รู้ อะไรก็ตามที่เป็นการสัมภาษณ์ มักจะมาพร้อมกับความรู้สึกเหมือนเพิ่งกลืนฝูงผีเสื้อลงท้องเสมอ
.
.
.
"ทางพี่ประชุมกันแล้ว เห็นตรงกันว่าจะยินดีรับน้องเข้ามาฝึกงานกับทางบริษัท"
ขอบคุณพระเจ้า (อีกครั้ง) ที่ฉันผ่านการสัมภาษณ์มาได้ด้วยดี พี่สต๊าฟทุกคนน่ารักมาก แม้ในวันสัมภาษณ์จริงฉันจะตื่นเต้นจนพูดติดๆขัดๆ (ความคิดทำนองที่ว่า "ถามมาก็ตอบไป ตอบอย่างจริงใจและมั่นใจ ช่วยอะไรไม่ค่อยได้เลยในจังหวะนี้) พี่ๆทุกคนก็คอยบอกตลอดว่าไม่ต้องตื่นเต้น ทำใจให้สบาย อย่าเครียดลูก และมันทำให้ฉันยิ้มออก
หลังจากตอบตกลงและคอนเฟิร์มการเข้าฝึกงานเรียบร้อยแล้ว ฉันก็ได้แต่นับวันรอเวลาเริ่มฝึกงานวันแรกอย่างตื่นเต้น
ที่บริษัท Zlapdash Studio
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in