เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ทุกข์ตรมของคนเคยตัวสูงAkkani Wassachol
(ผมเคย) สูงที่สุดในห้อง, สูงที่สุดของรุ่น
  • ปี 2545 ผมเพิ่งเริ่มเรียนมหาวิทยาลัยปี 3

    ประมาณเดือนกรกฎาคม ผมและเพื่อนๆ ได้ไปร่วมกิจกรรมรับน้องใหม่ของโต๊ะ (คณะของผมจะจัดแบ่งนักศึกษาออกเป็น "โต๊ะ" ต่างๆ) ที่จังหวัดชายทะเลแห่งหนึ่ง

    ในคืนแรก หลังทำกิจกรรมและกินข้าวเย็นเสร็จเรียบร้อย ผมก็ไปนั่งพูดคุยเล่นหัวกับเพื่อนๆ รุ่นเดียวกัน

    สักพักหนึ่ง วงสนทนาก็วกเข้าประเด็นเรื่องส่วนสูง

    จุดเริ่มต้น คือ มีเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่ง (ซึ่งถือเป็นผู้หญิงรูปร่างค่อนข้างสูงในรุ่น) เอ่ยเล่าว่า สมัยเด็กๆ เธอเป็นคนตัวสูงมาก ตอนใกล้จบ ป.6 เธอก็สูง 168-169 ซม. แล้ว เวลานั้น เธอเชื่อว่าเมื่อโตขึ้น ตนเองคงจะต้องสูงเกิน 170 แน่ๆ แถมยังน่าจะถึงระดับ 175 ด้วย แต่กลายเป็นว่าส่วนสูงของเพื่อนผู้หญิงคนนี้กลับแน่นิ่งอยู่ตรงตัวเลขเกือบๆ 170 มาจนถึงวัย 20   

    จากนั้น เพื่อนผู้หญิงอีกคนที่สูง 171 ซม. (สูงพอๆ กับผม) ก็เล่าบ้างว่า ตอนเด็กๆ เธอไม่ได้สูงมากแบบเพื่อนคนแรก จำได้ว่าช่วง ป.6 เธอจะสูงประมาณ 155 ซม. แต่พอขึ้นมัธยม เธอยังตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ จนมาสูงถึง 171 ตอนประมาณ ม.4

    ระหว่างเพื่อนผู้หญิงคนที่สองเล่าเรื่องส่วนสูงของเธออยู่ ผมก็พูดแทรกขึ้นว่า "โห ตอน ป.6 เราก็สูงพอๆ กับเธอเลย เราสูง 157"

    น่าแปลกมากว่า เพื่อนๆ ในวงนั้น (เป็นผู้หญิง 6-7 คน มีผู้ชายรวมผมด้วย 3 คน) ต่างทำหน้างงๆ และดูไม่เชื่อถือในสิ่งที่ผมเพิ่งพูดออกไปซักเท่าไหร่

    "ตอน ป.6 สูง 157 แล้วทำไมตอนนี้ ถึงสูงแค่นี้เองล่ะ?" เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งที่สูงประมาณ 150 ปลายๆ ถามผมตรงๆ

    "ไม่รู้ดิ พอขึ้นมัธยมมันก็แผ่วลงไปเฉยๆ แต่ตอนประถมนี่เราตัวสูงมากจริงๆ นะ อย่างตอนประมาณ ป.3 เราเคยตัวสูงที่สุดของรุ่นด้วยซ้ำ" ผมพยายามอธิบาย

    "ตอนประถมตัวสูงที่สุดในรุ่น พอขึ้นมหาลัย ดันเป็นผู้ชายตัวสูงพอๆ กับผู้หญิงซะงั้น" เพื่อนผู้หญิงที่สูง 168-169 ซม. แซวผมบ้าง

    ---

    พอเริ่มรู้ความและจำความได้ชัดๆ ช่วงเรียนอนุบาล จนถึง ป.2 ผมก็พบว่าตัวเองเป็นเด็กผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ประจำรุ่นเรียบร้อยแล้ว

    เวลานั้น ผมจะมีรูปร่างสูงกว่าเพื่อนผู้ชายคนอื่นๆ แบบชัดเจน เพื่อนร่วมห้องคนเดียวที่พอจะมีส่วนสูงใกล้เคียงกับผม ก็คือเพื่อนผู้หญิงชื่อ "พิมพ์" (ชื่อของเพื่อนๆ ในงานเขียนชุดนี้ เป็น "นามสมมุติ" ที่ดัดแปลงมาจากชื่อจริงๆ ของพวกเขาและเธอ)

    ทุกวัน ทุกสัปดาห์ ทุกเดือน ทุกปี ตั้งแต่อนุบาล 1 ถึง ป.2 ผมจะยืน "หัวแถว" คู่กับพิมพ์ตลอด ในฐานะนักเรียนชาย-หญิงที่สูงที่สุดของห้อง (ขออนุญาตใช้คำว่า "หัวแถว" แต่เท่าที่ผมจำรายละเอียดได้ บางปี ครูก็จะให้คนตัวสูงที่สุดไปยืนด้านท้ายแถว บางปี คนตัวสูงที่สุดต้องไปยืนด้านหน้าแถว แถมมีบางปี ที่เข้าแถวแบบหน้ากระดาน คนตัวสูงสุดจะยืนอยูทางขวามือ) 

    จนถึงตอน ป.2 จู่ๆ ทั้งผมและพิมพ์ก็ตั้งคำถามขึ้นพร้อมๆ กันว่า เมื่อผมเป็นหัวแถวผู้ชาย ส่วนพิมพ์เป็นหัวแถวผู้หญิง แล้วตกลงใครเป็นนักเรียนที่ตัวที่สุดในห้องกันแน่?

    หลังจากนั้น ผมและพิมพ์ก็จะเฝ้าสังเกตข้อมูลส่วนสูงของกันและกันแบบละเอียด

    ในหนึ่งปีการศึกษา เราจะวัดขนาดร่างกายรวมสี่ครั้งในชั่วโมงพละ เริ่มจากเดือนพฤษภาคม (ต้นเทอม 1) เดือนสิงหาคม (ปลายเทอม 1) เดือนพฤศจิกายน (ต้นเทอม 2) และเดือนกุมภาพันธ์ (ปลายเทอม 2) 

    ในการวัดส่วนสูงทั้งสี่ครั้งนั้น ผมจำได้ว่าผลลัพธ์จะออกมาสองหน้า หน้าแรก คือ ผมกับพิมพ์สูงเท่ากัน อีกหน้าหนึ่ง คือ ผมจะสูงกว่าพิมพ์เล็กน้อย (ไม่เกิน 0.5-1ซม.)

    นอกจากนี้ ผมกับพิมพ์ยังเอาจริงเอาจังถึงขั้นชอบมายืนเทียบส่วนสูงกันเองในห้องเรียน แล้วชักชวนเพื่อนสนิทบางคนมาทำหน้าที่ตัดสินชี้ขาดว่าระหว่างเราสองคน ใครตัวสูงกว่ากัน? และใครกันแน่ที่ตัวสูงที่สุดในห้อง?

    เพื่อนส่วนใหญ่มักบอกว่าเราสองคนตัวสูงพอๆ กัน แต่ถ้ามีบางหน ที่เพื่อนบางคนกล้าฟันธง ข้อสรุปของเพื่อนคนนั้นก็จะบ่งชี้ว่าผมตัวสูงกว่าพิมพ์นิดหน่อย

    เป็นอันว่าในช่วงเรียน ป.2 ผมมีสถานะเป็นนักเรียนที่ตัวสูงที่สุดในห้องอย่างเป็นทางการ (บางครั้งก็ครองตำแหน่งนี้เดี่ยวๆ บางคราวก็ครองตำแหน่งนี้ร่วมกับพิมพ์)

    ---

    ผมเติบโตมาในครอบครัวคนช้้นกลางกรุงเทพฯ ทศวรรษ 2530 ที่เริ่มมีค่านิยมอยากให้ลูกสาวลูกชายมีรูปร่างสูงใหญ่

    แรกๆ ผมมักได้ยินพ่อแม่และญาติๆ พูดว่า ต่อไป ผู้ชายไทยควรสูงซัก 175 ซม. ผู้หญิงไทยควรสูงอย่างน้อย 160 ซม.

    พอผ่านไปอีกพักหนึ่ง ที่พวกพระเอกนางเอก นายแบบนางแบบ และนางงาม เริ่มมีรูปร่างสูงขึ้น ความคาดหวังของผู้ใหญ่บางท่านก็พัฒนาขึ้นไปอีก ว่าผู้ชายไทยในอนาคตน่าจะสูง 180 ซม. ส่วนผู้หญิงไทยน่าจะสูง 165-170 ซม.

    ตามความเชื่อในยุคสมัยดังกล่าว ปัจจัยที่จะช่วยผลักดันให้ลูกหลานในครอบครัวคนชั้นกลางไทยเดินหน้าไปถึงฝั่งฝันแบบนั้นได้ ก็คือ การดื่มนมเยอะๆ และว่ายน้ำแยะๆ

    ผมเป็นเด็กอีกคนหนึ่งที่เติบโตขึ้นมาพร้อมกับค่านิยม-ความเชื่อทำนองนี้ 

    ผมดื่มนมอย่างน้อยๆ 3 แก้วมาตั้งแต่เด็ก คือ มื้อเช้า ดื่ม 1 แก้ว ตอนสายๆ ที่โรงเรียนจะแจกนมฟรี 1 แก้ว และตอนก่อนนอน อีก 1 แก้ว

    แล้วพ่อแม่ก็พาผมไปหัดเรียนว่ายน้ำตั้งแต่ ป.1 แม้ในปีแรก ผมจะเรียนๆ เลิกๆ ตามประสาเด็กน้อยขี้เบื่อสมาธิสั้น ทว่า พอถึง ป.2 เทอมสอง ผมก็กลับไปมุ่งมั่นฝึกฝนว่ายน้ำอย่างหนักหน่วง

    สาเหตุหลักๆ ไม่มีอะไรมาก เพราะ หนึ่ง ผมอยากตัวสูงกว่าคู่แข่งอย่างพิมพ์ และสอง เพิ่งมีลูกพี่ลูกน้องผู้ชายวัย 15 ปีของผมคนหนึ่ง ที่อยู่ดีๆ ก็สูงขึ้นจาก 160 นิดๆ เป็นเกิน 175 ซม. โดยเขาอธิบายว่าตนเองสูงขึ้นเยอะหลังโด๊ปนมและฟิตว่ายน้ำอย่างต่อเนื่อง

    การดื่มนมและว่ายน้ำมาส่งผลต่อภาวะการเจริญเติบโตของผมในช่วงปิดเทอมใหญ่ก่อนขึ้น ป.3 

    ช่วงเดือนมีนาคม เมษายน จนถึงต้นพฤษภาคมปีนั้น ผมไปเรียนว่ายน้ำแทบทุกวัน และดื่มนมราวๆ 4 แก้วต่อวัน (เพิ่มมื้อเย็นเข้าไปด้วย) กระทั่งญาติๆ ที่บ้านต่างตั้งข้อสังเกตตรงกันว่าผมตัวโตขึ้นผิดหูผิดตามากๆ

    พอเริ่มเรียน ป.3 เทอมแรก เดือนพฤษภาคม สิ่งที่ช่วยยืนยันข้อสังเกตข้างต้นได้เป็นอย่างดี ก็คือ ผลการวัดส่วนสูงในชั่วโมงพละ

    คราวนั้น ครูพลศึกษาวัดส่วนสูงให้ผมได้ 137 ซม. ขณะที่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปลาย ป.2 เทอมสอง ผมยังสูงเพียง 132.5 ซม. เท่านั้น หมายความว่า ผมตัวสูงขึ้น 4.5 ซม. ภายในระยะเวลาแค่สามเดือน

    อีกหนึ่งหมุดหมายที่ช่วยยืนยันว่าผมตัวสูงขึ้นเยอะจริงๆ ก็คืออดีตคู่แข่งที่เคยขับเคี่ยวกันอย่างพิมพ์ กลับตัวเล็กกว่าผมชัดเจน จำได้รางๆ ว่าตอนผมสูง 137 ซม. พิมพ์ยังสูงราวๆ 135 ซม. เท่านั้น

    ---

    อย่างไรก็ดี พอขึ้น ป.3 โรงเรียนประถมของผมมีการจัดแบ่งห้องเรียนใหม่ ดังนั้น แม้ผมจะตัวสูงเอาชนะพิมพ์อย่างขาดลอย แต่ผมกลับต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่น่ากลัวเพิ่มขึ้นอีกสามราย ซึ่งโยกย้ายมาจากห้องอื่น

    เพื่อนทั้งสามคนนี้ล้วนเป็นเด็กผู้หญิง คนแรก คือ "โย" เด็กผู้หญิงรูปร่างสูงใหญ่ ที่เป็นคนตัวสูงที่สุดในรุ่นช่วง ป.1-ป.2 

    คนถัดมา คือ "แป้ง" เด็กผู้หญิงรูปร่างสูงสง่า ซึ่งผมทราบมาตั้งแต่ตอน ป.2 ว่าเธอเป็นหนึ่งในเพื่อนร่วมรุ่นไม่กี่คนที่ตัวสูงกว่าผม

    คนสุดท้าย คือ "แอน" เด็กผู้หญิงรูปร่างสูงโย่งผอมบางคล้ายตัวการ์ตูน "โอลีฟ" 

    ต้น ป.3 เทอมแรก จนถึงต้น ป.3 เทอมสอง แม้ผมจะยังได้ยืนเป็นหัวแถวนักเรียนชาย แต่ผมกลับมีสถานะเป็นเพียงคนตัวสูงอันดับสี่ของห้อง เพราะผมยังสูงน้อยกว่าโยชัดเจน และเตี้ยกว่าแป้งกับแอนนิดหน่อย

    แต่ผมก็ยังมุ่งมั่นว่ายน้ำ-ดื่มนมต่อไปไม่มีหยุดหย่อน ผมยังคงแวะไปเรียนว่ายน้ำราว 3-4 วันต่อสัปดาห์ และดื่มนมให้ได้อย่างต่ำ 3 แก้วต่อวัน

    แล้ว "ปาฏิหาริย์" ก็มาบังเกิดตอนช่วงกลาง-ปลาย ป.3 เทอมสอง 

    ในการวัดขนาดร่างกายเดือนพฤศจิกายน ต้น ป.3 เทอมสอง ผมมีส่วนสูง 139 ซม. ถ้าจำไม่ผิด เวลานั้น โยจะสูง 141 ซม. ส่วนแป้งกับแอนจะสูง 140 ซม. 

    แต่พอเข้าเดือนธันวาคม-มกราคม ผมก็รู้สึกได้ว่าตนเองดูตัวโตขึ้นเยอะ จนไม่เป็นรองแป้งกับแอนอีกแล้ว แถมยังเหมือนจะสูงกว่าพวกเธอนิดๆ ด้วย

    ยิ่งกว่านั้น ผมยังพบว่าตนเองไม่ได้ดูเตี้ยกว่าโยเหมือนช่วงหลายเดือนหรือหลายปีที่ผ่านมา กระทั่งโยเองที่นั่งเรียนหนังสือและต้องยืนเข้าแถวคู่กับผม ยังเอ่ยทักว่า "เดี๋ยวนี้ ทำไมนายดูตัวสูงๆ"

    แล้วในการวัดส่วนสูงเดือนกุมภาพันธ์ปลายเทอม ผลก็ปรากฏชัดว่าผมตัวสูงขึ้นถึง 3 ซม. ในเวลาสามเดือน เป็น 142 ซม.

    ขณะที่โยสูง 142 ซม. เท่าผม แป้งกับแอนสูง 141 ซม. เตี้ยกว่าผมอยู่ 1 ซม.

    ผมจึงพุ่งผงาดขึ้นเป็นนักเรียนที่ตัวสูงที่สุดในห้อง และคนตัวสูงที่สุดของรุ่นร่วมกับโยอย่างน่าทึ่ง

    ---

    ระหว่างผมกำลังขับเคี่ยวแข่งขันกับโย แป้ง และแอน อย่างเข้มข้น เพื่อนคนหนึ่งที่ถูกกันออกจากซีนไปเลย ก็คือ พิมพ์

    จากที่เคยเป็นหัวแถวนักเรียนหญิงและคนตัวสูงที่สุดในห้องร่วมกันกับผมสมัย ป.2

    พอขึ้น ป.3 พิมพ์กลับกลายเป็นคนตัวสูงอันดับสี่ในแถวนักเรียนหญิง และนักเรียนตัวสูงอันดับห้าในห้อง

    ตอนผมสูง 142 ซม. พิมพ์ยังสูงแค่ 139 ซม. ตามหลังผมห่างๆ 3 ซม.

    ในความคิดของผมช่วงนั้น พิมพ์คล้ายจะไม่ใช่คู่แข่งเรื่องส่วนสูงผู้น่าเกรงขามอีกแล้ว

    เป้าหมายหลักของผมมีแค่ต้องทำอย่างไร ตนเองจึงจะตัวสูงแซงโยเมื่อขึ้นชั้น ป.4








เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in