“...กิ”
“ว่า ?”
“โลกิ..”
“อืม.. ขอตัวนี้หมดก่อนดิ” พูดไปอย่างนั้นแต่นิ้วกลับย้ายบุหรี่แท่งเรียวออกจากปากมาขยี้กับกระถางต้นไม้ริมระเบียงที่เขาเป็นคนเอามาปลูกไว้เองแทน แสงไฟสีส้มค่อย ๆ หรี่ลงจนดับไปในกลุ่มปุ๋ยดิน เขานึกขอโทษเจ้าต้นเฟิร์นบอสตันที่เอามะเร็งมาเผื่อแผ่ในใจก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้ามาในห้องแล้วปิดประตูระเบียงให้เรียบร้อย
“งอแงอีกแล้วสิ”
“...ไม่ไป”
“เออ ฉันก็อยู่นี่ไง” ตอบกลับคนที่หลับไม่รู้เรื่องราว ใช้นิ้วเกลี่ยซับหยดน้ำสีใสที่ไหลเป็นทางจนเปรอะเปื้อนเต็มหมอนใบโต
“อุตส่าห์พาไปเที่ยวทะเลจนดึกยังกลับมาร้องไห้อีก ขี้แยว่ะ” ถึงจะออกปากบ่นแต่กลับมีรอยยิ้มเล็ก ๆ จุดขึ้นตรงมุมปาก
เสียงเรียกชื่อเขาเปลี่ยนเป็นเสียงลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ โลกิเกลี่ยน้ำตาที่ดูจะเป็นหยดสุดท้ายของคืนนี้ออกแล้วจัดผ้าห่มให้เจ้าเพื่อนหน้าแมวของเขาดี ๆ ก็ดูสิ ขี้หนาวแท้ ๆ แต่เวลานอนกลับเตะผ้าห่มทิ้งไปเฉย เดือดร้อนเขาต้องมาคอยห่มให้ใหม่ตอนกลางดึกแบบนี้แทบทุกคืนถึงจะได้เห็นภาพแมวเป็นก้อนกลมใต้ผ่าห่มในตอนเช้า เอื้อมมือไปปิดโคมไฟหัวเตียงก่อนจะซุกตัวเข้าใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับที่เขาห่มให้คนข้าง ๆ เมื่อครู่นี้
“ฉันจะไม่ไปไหนจนกว่าเขาจะกลับมา”
.
.
.
บัคกี้ตื่นขึ้นมาด้วยสภาพตาบวมเป่ง กระบอกตาทั้งสองข้างปวดร้าวจนต้องยืนหลับตานิ่ง ๆ ที่หน้ากระจก... ตอนนี้เพิ่งเจ็ดโมงเช้า และเขาเพิ่งได้นอนตอนตีสามครึ่ง
แกร๊ก
“ไง ปวดตาหรอ”
“อืม” ส่งเสียงในลำคอตอบโลกิ(ทั้งที่ตาสองข้างยังปิดอยู่)ที่เปิดประตูห้องน้ำเข้ามาอย่างถือวิสาสะ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาตกใจอะไร
“สงสัยนอนน้อยแหง โทษทีที่พาไปเที่ยวดึก”
“เออ เพราะนายเลย” ภาพแรกที่ลืมตามาเห็นในกระจกคือโลกิ ลาฟฟี่ซัน เวอร์ชั่นทั้งตัวมีแต่กางเกงบอลหลวม ๆ (ที่คาดว่าน่าจะรื้อมาจากตู้เสื้อผ้าเขา) ตัวเดียวเดินผ่านไปถอดกางเกงลงอ่างอาบน้ำที่เขาเปิดน้ำเตรียมไว้
“เออขอโทษษษษ รีบ ๆ มาอาบน้ำเร็ว จะได้รีบลงไปช่วยพี่นายเปิดร้าน”
“ฉันง่วงจะตายอยู่แล้วเนี่ย”
“ก็มาอาบน้ำจะได้สดชื่น มาเร็ว ๆ ” ไม่พูดเปล่า เร่งเขาด้วยการวักน้ำออกมาสาดใส่เขาด้วย เลยต้องเดินมุ่ยปากไปลงอ่างที่อีกคนนั่งตบน้ำเล่นสบายใจอยู่
จ๋อม–
“อ่า น้ำอุ่นจัง ง่วงกว่าเดิมอีกนะเนี่ย” พอร่างกายสัมผัสกับน้ำอุ่น ๆ แล้วก็แทบไถลตัวลงอ่าง ติดอยู่ที่ว่ามีโลกินั่งแช่หันหน้าเข้าหาเขาอยู่อีกฝั่ง
“อย่าเพิ่งงอแง เดี๋ยววันนี้พานอนกลางวัน” ปากบ่นไป ส่วนมือทั้งสองข้างก็ค่อย ๆ เอาน้ำลูบหน้าลูบตาเพื่อนที่ตาปรือปรอยใกล้หลับอย่างนึกเอ็นดู ... ลูกชายคนเดียวของบ้านลาฟฟี่ซันสำหรับคนอื่นอาจจะดูเงียบขรึมและแข็งกระด้าง แต่โลกิ ลาฟฟี่ซันสำหรับบัคกี้แล้วก็เหมือนพี่น้องคนหนึ่ง อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กจนการกระทำแบบนี้เป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว
“พูดเหมือนฉันเป็นเด็กอนุบาล”
“ใช่ที่ไหน นายน่ะเด็กทารกชัด ๆ เลย ไม่ใช่ว่าน่ารักนะ แต่สมองยังไม่โต”
“นี่นายว่าฉันหรอ ?” ตาที่เคลิ้มใกล้หลับเมื่อครู่เบิกกว้างจนอีกฝ่ายหัวเราะคิกคัก บัคกี้ที่เริ่มหมั่นไส้เลยกวักน้ำใส่หน้าของอีกคน
“แค่ก.. นี่จะวอร์ใช่ปะ”
“โทษที มือมันลั่น ฮ่า ๆ”
“โอเคไม่โกรธ แต่ห้ามดื้อแล้ว รีบอาบรีบเสร็จ รีบไปช่วยพี่นาย” พูดดักทางไว้ก่อนมือเพื่อนจะลั่นอีกรอบ อีกฝ่ายเลยหยุดมือที่กำลังจะกวักน้ำใส่เขา พยักหน้าแบบเซ็ง ๆ ให้แล้วเริ่มอาบน้ำจริง ๆ จัง ๆ เสียที
แต่บัคกี้คือเด็กที่ต้องการความรัก ความเอาใจใส่มาก ๆ
มากกว่าใคร ๆ ในโลกนี้เลย ...
.
.
.
ชั้นล่างของบ้านบัคกี้เป็นร้านเบเกอรี่เล็ก ๆ จากฝีมือของพี่สาวเขา ทุก ๆ วันเขาจะต้องลงมาช่วยเปิดร้าน ทำขนมบ้างในส่วนที่พอทำได้ ไปจนถึงออกไปส่งขนมแทนพี่เวลาที่ยุ่งมาก ๆ ก็มี ส่วนโลกิเองก็เหมือนกัน เพราะทั้งคู่อยู่ในช่วง gap year
“บัคกี้ น้องโลกิ พี่ฝากร้านหน่อยนะ”
“คร้าบผมมม” ‘
“เดี๋ยวพี่ซื้อขนมมาฝากนะเด็ก ๆ ” ยิ้มใจดีให้และยีหัวน้องชายทั้งสองคนก่อนจะเดินออกจากร้านไป แก้มอวบแนบลงกับโต๊ะไม้เล็ก ๆ ในร้าน ตาที่ปรือปรอยมาตลอดทั้งช่วงเช้าปิดฉับเหมือนถูกสับสวิตช์
“ได้เวลานอนกลางวันแล้วสิ จะนอนตรงนี้เลยหรอ”
“อือออ ขอพักสายตาแป๊บ”
“ไปนอนบนบ้านดี ๆ ไป โต๊ะไว้ให้ลูกค้ามานั่งกินไม่ได้ให้นายมานอนน้ำลายหกใส่นะ” ปากบ่นแต่มือ
“นายจะเฝ้าร้านคนเดียวหรอ”
“อือ ตอนบ่ายไม่มีออร์เดอร์อะไรแล้ว ไปนอนดี ๆ เถอะ”
“จะอยู่คนเดียวจริง ๆ อะ ?”
“เออ อยากไปนอนก็รีบไป ก่อนจะโดนฉันตบให้ตาสว่าง” เจ้าของกลุ่มผมที่เขาลูบอยู่เด้งตัวจนมือเขาลอยหวือ ตาปรือเหมือนแมวง่วงมีประกายวิ้ง ๆ เต็มไปด้วยความหวังจ้องมาจนโลกิหัวเราะลั่น
“งั้นฝากหน่อยนะเพื่อนรัก ขอเวลาครึ่งชั่วโมงพอ”
“จะนอนกี่ชั่วโมงก็นอนไปเถอะ”
“รักนายมาก สู้ ๆ !”
“ถ้าจะเปิดแอร์ก็ห่มผ้าดี ๆ นะ!!” ตะโกนไล่หลังเพื่อนตัวดีที่รีบวิ่งดุ๊ก ๆ ไปทันทีที่เขาอนุมัติ ถึงช่วงบ่ายจะไม่มีอะไรแล้วแต่เขาคงไม่ว่างพอจะไปคอยห่มผ้าห่มผ่อนให้เหมือนตอนกลางคืนหรอกนะ
“คร้าบบบบบ” สิ้นเสียงไอ้แมวตัวแสบของเขาทั้งร้านก็กลับมาสู่บรรยากาศอบอุ่นกับเพลงอะคูสติกฟังสบายที่เขาไม่อินเท่าไหร่ แต่ก็นะ ร้านเค้กจะให้เปิดเพลงร็อคเบสหนัก ๆ อย่างที่ชอบก็ใช่เรื่อง ก็ยอม ๆ ให้เพลงมันเป็นไปตามเพลย์ลิสต์ของเจ้าของร้านเถอะเนอะ
โลกิกวาดตามองผ่านกระจกใสไปนอกร้าน บรรยากาศช่วงบ่ายกับใจกลางเมืองอย่างนี้ก็ดูวุ่นวายใช่ย่อย ถึงจะสู้ช่วงเย็นไม่ได้แต่ถ้าบวกกับแดดเปรี้ยง ๆ ข้างนอกแล้วเขาก็คิดว่ามันบรรลัยกว่าบรรยากาศรถติด ๆ ในตอนเย็นเยอะ
ครืด ครืด
โทรศัพท์เครื่องบางที่สภาพ(โคตร)ไม่น่าเชื่อว่าจะยังใช้ได้สั่นครืดอยู่บนโต๊ะแสดงแจ้งเตือนข้อความเข้าจากแอพพลิเคชั่นสีเขียว –และชื่อห้องแชทที่ทำเอาโลกิมือสั่นไปจนถึงหัวใจดวงที่คิดว่าคงขนาดพอ ๆ กับกำปั้นของเขา
‘เสื้อ Metallica
‘เหรอ' 01:45 pm.
'เออ ช่างเถอะ’ 01:45 pm.
‘เดี๋ยวพรุ่งนี้ซักไปคืนให้’ read 01:46 pm.
‘ไม่เป็นไร’01:46 pm.
‘ไม่เอาแล้ว’01:46 pm.
‘ไม่ต้องเอามาคืนนะ’01:46 pm.
‘เสื้อตัวโปรดนายนี่’ read 01:46 pm.
‘ไม่ชอบแล้ว’01:46 pm.
‘ไม่อยากเห็น’01:46 pm.
‘หมายถึงเสื้อ?’ read 01:46 pm.
‘ฉันหมายถึงนาย’ 01:47 pm.
“ฮ่า ๆ” ถ้ามีลูกค้าเดินเข้ามาตอนนี้โลกิคงรู้สึกผิดแย่ที่ต้องทำให้คนอื่นได้ยินเสียงหัวเราะโคตรขมขื่นของตัวเอง.. เขาปล่อยให้เวลาบ่ายโมงสี่สิบเจ็ดนาทีหยุดบทสนทนาที่แสนใจร้ายนั้นไว้ ถ้าอีกคนไม่ต้องการมัน เขาก็จะไม่ให้ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อสีขาวที่เขาใส่ไปยืนร้องไห้ที่ริมทะเลเมื่อวานจนมันเปื้อนน้ำตา หรือแม้กระทั่งหัวใจพัง ๆ ของคนอย่างเขา ...
ถ้าเจ้าของห้องแชทชื่อว่า THOR O. ไม่ต้องการมันอีกต่อไป เขาก็จะไม่เอามันไปให้อีกแล้ว
โลกิตัดสินใจทิ้งร้านไว้ซักพักแล้วเดินมาที่สวนหลังบ้าน
เขาชอบมองกลุ่มควันที่เดินทางออกจากปากช้า ๆ พวกมันบินออกมาเอื่อย ๆ ราวกับนกปีกหักพยายามบินในท้องฟ้ามืดหม่นครึ้มฟ้าครึ้มฝนที่ชื่อว่าโลกิ ลาฟฟีซัน ...ฟังดูช่างน่าหดหู่ แต่อย่างน้อยควันบุหรี่ก็เป็นสีที่สว่างที่สุดเท่าที่คนหม่นหมองอย่างเขาจะสามารถสร้างออกมาได้
กริ๊ง –
เสียงกระดิ่งประตูร้านทำให้โลกิต้องหยุดชั่วโมงสร้างสรรค์ศิลปะไว้ที่บุหรี่ครึ่งมวนและกระถางต้นไม้ที่มีก้นบุหรี่เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งชิ้น ปัดป่ายมือตามเสื้อผ้า ล้วงเอาน้ำหอมขวดเล็กที่พกไว้ในกางเกงมาฉีดไล่กลิ่นนิโคตินที่คงไม่เหมาะกับร้านเค้กเท่าไหร่แบบลวก ๆ
“ยินดีต้อนระ...”
“ไง” รูปร่างกำยำสมส่วนอย่างคนออกกำลังกายหนัก ๆ ของลูกค้าใหม่ไม่ได้ทำให้พนักงานอย่างเขาตกใจ แต่ใบหน้าที่คุ้นตากับน้ำเสียงที่เขาเคยได้ยินของคนคนนี้ ทำให้โลกิรู้สึกเหมือนลมหายใจสะดุด
“นาย...”
“อืม ฉันเอง”
“ก...กลับมาแล้วหรอ”
.
.
.
โลกิ
“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“หมายถึงฉันหรือหมอนั่น ?”
“นาย...นั่นแหละ”
“ฮ่า ๆ ฉันก็อยู่ที่นี่ตลอดแหละ” ตอบกลับอย่างอารมณ์ดีพร้อมตักเค้กเข้าปาก “โห โคตรอร่อย นี่นายทำ ?”
“ฉันแค่แต่งหน้าเค้กเฉย ๆ” เรดเวลเว็ทชิ้นที่อีกฝ่ายกำลังจะตักคำที่สองเข้าปากนั่นก็ฝีมือเขาตกแต่งเองเหมือนกัน
“เมื่อกี้บอกว่าอยู่ที่นี่ตลอดหรอ ?”
“อ่าฮะ”
“แล้ว...”
“ยังไม่กลับมาหรอก” โลกิคิดว่าเขาไม่ได้รู้สึกไปเองแน่ ๆ ว่าแววตาขี้เล่นเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นสงบนิ่งทันทีที่เขาถามถึงใครอีกคน
“อีกนานแค่ไหน”
“น่าจะซักสองหรือไม่ก็สาม ..”
“ปี ?”
“เดือน” คำตอบสั้น ๆ ที่ทำหัวใจคนฟังกระตุกวูบ เวลาแค่นั้น ..เวลาอีกแค่สองสามเดือนเองหรอ ...
“แต่บัคยังจำไม่ได้”
“ก็ให้หมอนั่นกลับมาช่วยนายสิ”
“ไม่ใช่ว่ามันจะแย่ลงกว่าเดิมหรือไง”
“ทำไมถึงคิดแบบนั้น” เอาล่ะ เขาไม่ได้คิดไปเองแน่ ๆ เพราะมือที่จับส้อมจิ้มเค้กเมื่อกี้วางมันลงบนจานแล้วนั่งกุมมือไว้ท่าเดียวกับเขาแล้ว... เรื่องเครียดกำลังจะเพิ่มเข้ามาในหัวเขาอีกแล้วสินะ
“บัคกี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองร้องไห้เพราะอะไร”
“แต่บัคจำนายได้”
“บัคจำได้ทุกอย่างยกเว้นเรื่องที่เกี่ยวกับหมอนั่น”
“ทำไม”
“ฉันก็ไม่รู้” สิ้นเสียงของเขาก็ไม่มีบทสนทนาใดต่อ รวมถึงเพลงสุดท้ายของเพลย์ลิสต์เล่นจบพอดี ร้านทั้งร้านจึงตกอยู่ในความเงียบ ...
“โลกิ ฉันหิวข้าววววววววว” ไม่ถึงนาที ... เสียงยานคางพร้อมเจ้าของร่างก็ค่อย ๆ เดินมายืนงอแงใส่เขา ด้วยตายังปรืออยู่คงไม่ทันสังเกตเห็นลูกค้าที่นั่งอยู่ด้วย
“หิวมากนอนไม่หลับเล— เอ๊ย มีลูกค้าหรอ ขอโทษครับ”
“ไม่เป็นไร เพื่อนฉันเอง”
“เพื่อนนาย ?”
“ใช่เพื่อนใหม่น่ะ นายไม่รู้จักหรอก ชื่อแซม ...แซม วิลสัน”
“ไง บัคกี้”
“เอ่อ ...หวัด ..หวัดดี แซม” บัคกี้ยิ้มแหยให้ แล้วรีบหันกลับมาขมวดคิ้วใส่เพื่อน ‘
“หิวไม่ใช่รึไง ไปดูตู้เย็นในบ้านดิ๊มีไรให้ทำมั่ง เดี๋ยวตามเข้าไป”
“เอ้ออ ลืมไปเลย ... รีบ ๆ ตามมานะ หิวมาก!”
“อย่าเพิ่งใช้มีดหั่นอะไรเองนะ!!” ตะโกนไล่หลังลูกแมวตัวอวบที่ก้าวฉับ ๆ ไปทันทีที่พูดถึงของกิน บัคกี้ไม่ได้ซุ่มซ่ามขนาดนั้น แต่โลกิอยากมั่นใจว่าเพื่อนเขาจะไม่บาดเจ็บเพราะของมีคมอะไรก็ตามในห้องครัว
“เห็นแล้วใช่ไหม”
“ว่า ? บัคผมยาวขึ้นเยอะเลยใช่ปะนั่น”
“ไม่ใช่โว้ย!
“ก็ อืม...”แซมตอบรับในลำคอเสียงเบา ทำสีหน้าครุ่นคริดอยู่ซักครู่ก่อนจะถอนหายใจ
“เราคงต้องคุยกันอีกทีตอนหมอนั่นกลับมา”
“ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น ระหว่างนี้ฉันจะมาบ่อย ๆ แล้วกัน” โลกิไม่ตอบอะไรนอกจากพยักหน้าให้
“ว่าแต่ดูแลบัคดีกว่าเพื่อนฉันอีกมั้งเนี่ย”
“งั้นก็ไปบอกเพื่อนนายช่วยรักบัคกี้ให้มากกว่าที่ฉันรักด้วยแล้วกัน”
“มันก็เป็นอย่างนั้นมาตลอดอยู่แล้ว”
.
.
.
- TBC -
สำหรับตอนที่
ส่วนภาษาก็อาจจะยังไม่สมูทเท่าไหร่การเดินเรื่องเราก็อยากให้เป็นไปเรื่อยๆ แต่ก็ยังแอบขัดๆใจตัวเองอยู่ แง T_T ยังไงก็ติชมได้เลยนะคะ ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ เย้
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in