เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
สัพเพสาระแอร์โฮสเตส (ที่จำเป็นต้องรู้)A 24-HOUR TALE
รีวิวและแชร์เทคนิคการสอบ TOEIC 965 คะแนน
  • รีวิวการสอบ TOEIC 2020 

    พยายามละเอียดให้ได้ ที่สุด แถมเทคนิคให้ด้วย ซึ่งถือว่าเป็นการสอบครั้งนี้เป็นการสอบรอบที่ 3 นะ 

    รอบที่ 1 : 930 
    รอบที่ 2: 950 
    รอบที่ 3: 965  
    (คะแนนเต็ม 990)
    **เราสอบตั้งแต่ปีที่แล้วนะคะ แต่รีวิวนี้ยัง valid อยู่ค่ะ เราเคยโพสต์ไว้ใน FB Page: A 24-Hour Tale*

    รอบแรกกับรอบที่ 2 ข้อสอบมันเลเวลเท่าเดิม มันเดาได้ แต่ของเวอร์ชั่น 2020 เราเดาไม่ได้ และ เกินคาดมากกว่า บวกกับง่วงมากด้วย เผลอพักสายตาแพรพนึง หลุดเลยแม่ แน็ตไม่ได้อ่านรีวิวอะไรไปด้วย เลยแปลกใจนิดหน่อยแต่ดีที่ดึงสติกลับมาทัน 

    ในแต่ละครั้งที่ไปสอบ จะใช้เทคนิคต่างกัน แน็ตได้เทคนิคมาจากตอนสอบ TOEFL เข้ามหิดลอินเตอร์ ปกติแนตเป็นคนทำข้อสอบเร็วมาก ออกคนแรกของห้อง ที่พอถึงปี 4 เพื่อนบอกว่า "ถ้าแน็ตมันออกก่อนก็ไม่ต้องไปกดดันนะ มันทำเร็วกว่าคนปกติ"  
    ซึ่งเมื่อวานลองทำแบบไม่ใช้เทคนิคอ่านตรงๆ เกือบไม่ทันแหนะ เสร็จก่อนเวลา 10 นาทีเอง 

    ในขณะที่ตอนสอบรอบแรกนั่งรอออกจากห้องอยู่ 40 นาที 

    เอาเป็นว่า เล่าให้ฟังเฉยๆแหละ 

    เริ่มเลยดีกว่า 

    Part 1:  Listening 

    ดูภาพล่ะเลือกประโยคที่ตรงกับภาพมากที่สุด - ก็ตรงไปตรงมานะ - แต่มีรูปสองที่มันเป็นบ้าน 1 หลังกองทรายด้านข้างใหญ่มาก รถกระบะจอดหน้าบ้าน แล้วก็มีอะไรจอดขวางหน้าบ้านอีกอย่าง ... สรุปว่า ช้อยส์เค้าไม่ได้พูดตรงๆ ต้องระวัง- ปกติพาร์ทนี้เป็นพาร์ทเรียกคะแนนของแนต แต่เมื่อวานเหมือนเหลืออยู่ 4-5 ข้อเองมั้ง เส้า 
    สรุปความยาก = ไม่ต่างจากเดิมเท่าไหร่ ทริคในการเอาตัวรอด ! มองก่อนว่าในภาพมีอะไรบ้าง ลิสคำศัพท์ออกมาในหัวให้หมดก่อน

    Part 2: Listening Question and Responses 

    ให้เราตอบตัวเลือกที่เหมาะกับคำถามที่ได้มากที่สุด ตอนแรกไม่ยากเลยนะ เหมือนโทอิคตัวเก่าเลย พอทำไปสักพัก ถึงกับ “เห้ยยยยย !” ในใจ ปกติคอนเวอในข้อสอบพวกนี้จะไม่พูดอะไรซับซ้อนตอบตรงไปตรงมา แต่ครั้งนี้เค้ามีการปรับให้มันเหมือนการสื่อสารเหมือนชีวิตประจำวันมากขึ้น มันเหมือนกับที่แนตพูดกับเพื่อนอยู่ทุกๆวันนี่แหละ แต่แค่ไม่คิดว่า มันจะโผล่มาในข้อสอบ 
    ตัวอย่างเช่น 
    คำถาม Have you seen Mark in the meeting? 
    คำตอบ A: I thought he wouldn’t make it. 
                 B: The meeting is at 3 pm. 
                 C: John has been marked absent

    คำตอบที่ถูกต้องที่สุด คือ A 
    ทริคในการเอาตัวรอด! 
    ใช้ elimination technique เข้าสู้ค่ะ ช้อยส์อื่นมันจะแตกต่างและไม่เกี่ยวอะไรกับคำถามเลย มันจะแค่ชอบใช้คำวนๆเดิมๆทำให้เราสับสน เราต้องฟังแล้วแปลประโยคทันที ห้ามคิดว่าเมื่อกี้ได้ยินคำนี้เลยเอาแบบนี้ ส่วนใหญ่จะผิด มันจะมี mark, meeting โผล่ๆมาให้เราสับสนบอกเลยว่าอันนี้ถ้าใครภาษาอังกฤษไม่แข็งแรงก็น่าจะ struggle ได้ มีแบบนี้อยู่หลายข้อเลย พูดเร็วเลยแหละ เหมือนใช้ชีวิตพูดบทสนทนาของจริงในทุกๆวันวิธีฝึกอีกอย่างคือดูหนังหรือคุยกับเพื่อนต่างชาติเยอะๆ 

    อย่างเรื่อง Frozen 2 ตัวละครไม่ตอบตรงๆ เค้าใช้วลีอื่นในการตอบเยอะมาก 

    สรุปความยาก = ยากกว่าเดิม

    Part 3: Listening Short Conversations 

    ตัวคอนเวอร์เซชั่นถูกอัพเดทให้เป็นภาษาพูดและพูดเร็วมากขึ้น ช้อยส์ก็เตรียมหลอกอีกเหมือนพาร์ทที่แล้ว เค้าจะเอาคำที่มันโผล่มาในคอนเวอร์มารวมในช้อยส์เพื่อหลอกเรา จำไว้ว่า สำคัญที่สุด ตีความหมายของคอนเวอร์ให้ออก ไม่ต้องเอาละเอียด เอาให้รู้ว่าเค้าพูดถึงอะไรพอ แล้วเราจะพอเดาได้ว่าต้องตอบอะไร ส่วนใหญ่เค้าจะถามแบบเดิม คนนี้อยากได้อะไร คนนั้นพยามจะสื่อว่าอะไร ผู้หญิงคนนั้นตั้งใจโทรหาใคร ร้านไหน คิดว่าผู้ชายในคอนเวอร์ทำงานอะไร ไม่ซับซ้อนทริคในการเอาตัวรอด! อ่านช้อยส์ทั้งหมดก่อนที่บทสนทนาจะเริ่ม เหมือนเราจะเริ่มรู้ตัวแหน่งของคำหลายๆคำก่อนที่บทสนทนามา พอบทสนทนาเราจะไม่เสียเวลาในการวนหาคำตอบ เราจะเขี่ยข้อที่ไม่เกี่ยวอะไรกับหัวข้อสนทนาออกได้ ตัดช้อยส์ได้ พอตัดได้เราจะมีเวลามากขึ้น ตอบเร็วขึ้น พอเสร็จแล้วก็ข้ามไปอ่านช้อยส์ของข้อต่อไปได้เลย 

    สรุปความยาก = ยากกว่าเดิมหน่อยนึง

    Part 4: Talks 

    คล้าย ๆ กับอันบนเลย แต่แค่พูดคนเดียว เหมือนฟังประกาศหรือ announcement ไม่มีศัพท์ประหลาดโผล่มานะ ประหลาดๆของแนตคือศัพท์สูง ยาว ๆ สะกดยาก ๆ ไม่มีนะ วิธีการถามเหมือนเค้จะวัดความเข้าใจเราว่าเข้าใจคำประกาศมากน้อยแค่ไหน แปลไม่ออกทั้งหมด ก็รอด ส่วนใหญ่ก็จะถามตรงไปตรงมาไม่ซับซ้อน มีถามไม่เรียงบ้างแต่ไม่ยากเกินไป แต่พอมันไม่เรียงนี่แหละ การได้อ่านช้อยส์ก่อนฟังจะทำให้เคลียมากขึ้นไม่เสียเวลา เพราะเหมือนเราจะรู้ว่าสิ่งที่เค้าพูดถึงจะโดนถามมั้ย
    ตัวอย่าง

    Ladies and gentlemen, this is your cruise director speaking. It’s 7:30 and it’s a beautiful day at sea. We have a lot planned for you on the ship and onshore. The first shore excursion will depart from the main deck at 9 am. Anyone wishing to go to a shore at this time, please report to the lounge for the ticket. Enjoy your breakfast. 

    1. Where does this announcement take place? 
     A. On a tour bus 
     B. At the shore
     C. In a cocktail lounge 
     D. On a ship 

    2. What is required for the first excursion? 
     A. A hearty breakfast 
     B. Some beautiful clothes 
     C. A ticket 
     D. A health report 


    3. What time will the first excursion begin? 
     A. 4.00 am 
     B. 7:30 am 
     C. 9:00 am 
     D. 9:30 am


    ข้อ 1 ประกาศบอกว่าเป็น ผอ. เรือ และ เรือเข้าฝั่งรอบแรก 9 โมงเช้า สรุปว่า ตัดได้ที่เดียว 2 ข้อ เหลือ a cocktail lounge กับ a ship ซึ่ประโยคสุดท้ายก็บอกแล้วว่าให้ไปซื้อตั๋วได้ที่ lounge แต่ไม่ได้พูดถึงคำว่า cocktail เลย 

    ข้อ 2-3 มันเริ่มมาจากประโยคที่ว่า “The first shore excursion will depart from the main deck at 9 am. Anyone _wishing_ to go to a shore at this time, please report to the lounge for the ticket.”  ซึ่งแปลว่า เรือเข้าฝั่งรอบแรก 9 โมง ใครที่อยากไปรอบแรกนี้ต้องไปติดต่อเลาจน์เพื่อซื้อตั๋วก่อน ลองสังเกตช้อยส์แต่ละอัน เค้าจะเอาคำในประกาศมาผสมๆให้เรางง ต้องมีสติ ฟังให้เข้าใจเนื้อหาของประกาศ

    Part 5: Reading Incompleted Sentences 

    ก็มีทุกอย่างตั้งแต่ คำเชื่อมไปจนถึง..... preposition+verbs, verbs และ vocabulary ศัพท์ไม่ยากน้า จำได้ว่ามีคำว่า confer ที่ไม่รู้ว่าแปลว่าไร 


    ทริคในการเอาตัวรอด! 

    ในห้องสอบ - ตัดช้อยส์ก่อนเลย อย่าคิดว่าเฮ้ยคำนี้เรารู้จักแต่แปลออกมาไม่เข้าแต่ก็ยังจะตอบข้อนั้น ไม่ได้จ้า อีกอย่างถ้าเป็นเกี่ยวกับ verb บางทีดูง่ายมาก ถ้าประธานเป็น Singular noun แต่ตัวเลือกมี verb เติม S แค่ 1 ข้อ เล็งไว้ว่าข้อนั้นแหละ เสร็จแล้วค่อยมาดู tense ว่าสอดคล้องกันมั้ย จากที่เห็นมา ร้อยละ 95% - ประโยคแรก present perfect ต้องต่อด้วย present simple หรืออะไรก็ตามที่เป็น present tense - ประโยคแรก past perfect ต้องต่อด้วย past simple หรืออะไรก็ตามที่เป็น past tense จะสลับตำแหน่งหน้าหลังก็ได้ เอาง่ายๆว่า ถ้าข้างหน้าเป็นอนาคต ข้างหลังจะเป็นอดีตทันทีไม่ได้ นี่คือทริคที่แบบ ไม่ไหวล่ะ ออกไปเปิดหนังสือตอนนี้ก็ไม่ทันล่ะแต่การฝึกพาร์ทนี้ ต้องทำแบบฝึกหัดเยอะๆ ไม่มีสูตรลัดนะคะ ยิ่งทำยิ่งจำยิ่งท่องศัพท์ยิ่งได้ 

    Part 6: Reading Text Completion 

    ขอไประลึกก่อน แต่คล้ายๆ กับพาร์ทที่แล้วเลย

    Part 7: Reading Comprehension

    เมื่อก่อนจะเป็นใบประกาศธรรมดา เด๋วนี้เป็นอีเมล อันเดียวไม่พอ มากสุดมี 3 อัน ไม่ก็ ประกาศ+อีเมล 2 อัน คือเอาเป็นว่าอ่านตาลาย ไม่ได้ advance แต่มันแค่มึน เพราะคนส่วนใหญ่จะเลือกอ่านพารากราฟทั้งหมดก่อนทำให้เสียเวลา รอบนี้ลองทำ 2 แบบ อ่านคำตอบก่อนอ่านเนื้อหา แล้วก็สลับกับ อ่านเนื้อหาก่อน ส่วนใหญ่จะอ่านเนื้อหาก่อนรอบนี้ สรุปได้ว่า อ่านเนื้อหาก่อนกินเวลามาก ถ้าอ่านคำตอบก่อนเราจะสามารถ skim through ไปถึงคำ ๆ นั้นได้เลย โดยที่ไม่ต้องเสียเวลามาอ่านทั้งหน้า แต่คำถามมันไม่ได้เรียงตาเนื้อหา มันจะสลับนิดหน่อย อาจจะต้องฝึกให้ตาไวนิดนึง ความซับซ้อนของเนื้อหาล่ะ 

    มันซับซ้อนกว่าเดิมนะ มันไม่ใช่ว่าอ่านแล้วกาได้เลยเหมือนเมื่อก่อน ต้องคิดเยอะหน่อยรอบนี้ ยังไงก็อยากจะบอกทุกคนว่า ไม่มีทางลัดในการเพิ่มคะแนนโทอิคนะคะ การสอบพวกนี้เป็นอะไรที่ต้องใช้การฝึกฝน ถึงไปเรียนเค้าจะให้เราทำแบบฝึกหัดอยู่ดี แต่เค้าอาจจะมีทริคเยอะกว่านี้ อันนี้เอาจากตอนสอบ TOEFL and IELTS มาใช้ แหะ มันยากขึ้นแหละมีคำถามอะไรส่งเค้ามาถามได้ที่เพจ ไม่ก็ไอจีตามด้านล่างนี้เลยนะคะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกๆคนนะคะ 

    ปล. บางช่วงแน็ตเปิดคลาส TOEIC TACTIC WORKSHOPS ด้วยน้า สงสัยช่วงนี้น่าจะต้องเปิดแบบออนไลน์ ถ้าสนใจก็สามารถทักมาถามได้ที่ LINE OA: flyingessentialsbkk จ้า  


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in