เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Letter to myselfno.93
เป็นคนเทาๆ
  •           ฉันลุกออกไปปิดประตู กลับมานั่ง และลุกออกไปปิด กลับมานั่ง ก่อนจะลุกออกไปปิดประตูใหม่ ใช่ ปิด ทั้งๆที่ไม่ได้เป็นคนเปิดมัน วนเวียนไปมาซ้ำๆ เป็นแบบนั้นครั้งแล้วครั้งเล่าในวันๆหนึ่งที่นั่งอยู่ในบ้าน อาจเป็นบนโต๊ะตัวกลมที่ไม่มีเจ้าของและทุกคนสามารถใช้งานมันได้ นั่งพิมพ์อะไรกอกแกกเหมือนเลขานุการฯในหนังทั้งวันแต่ท้ายที่สุดแล้วไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันกลับมา บ้างนั่งหัวเราะเอิ๊กอ๊ากเหมือนคนเสียสติอยู่คนเดียวกับหูฟังที่เสียบอยู่ในหูและหน้าจอที่ปรากฏตัวการ์ตูนอันประกอบขึ้นจากการลากเส้นง่ายๆ หรือไม่ก็อาจกำลังใช้ความสามารถอันน้อยนิดที่มีไปกับตัวหนังสือเรียงรายจากเปเปอร์ที่ได้ใจความบ้าง ไม่ได้ใจความบ้างพวกนั้นอย่างขมักเขม้น
              ยากจะบอกว่าจริงๆแล้วทุกอย่างที่กำลังเคลื่อนไป สิ่งไหนที่ตัวเราเองปราถนา บอกไม่ได้แม้กระทั่งว่ารักหรือเกลียดชังสิ่งใด ใช่แล้ว ฉันเป็นคนแบบนั้น เป็นคนที่ในหลายขอบข่ายของการกระทำจะฟันฉับลงไปยังข้างใดข้างหนึ่ง

              เป็นคนเทาๆ ใช่แล้ว นั่นเป็นความจริงที่ฉันพูดออกไปในรูปของการล้อเล่นบ่อยครั้ง จนดูไม่น่าเชื่อถือเลยสักนิด 
              กับความเทาๆเหล่านี้ อาจหมายถึงการที่ไม่มีสิ่งใดโดดเด่นเห็นชัดเป็นพิเศษ ไม่ใช่ทางขวาหรือซ้าย ไม่ใช่ทั้งขาวหรือดำ ทุกอย่างเอาแต่ที่จะอยู่ตรงกลางอย่างคนไม่มีฟากมีฝั่ง

              ผลการเรียนกลางๆ
              ความสูงกลางๆ
              ความทะเยอทยานกลางๆ
              ไม่ใช่คนดีหนักหนา แต่ก็ใช่ว่าจะเลวทรามต่ำช้า
              ทุกอย่างกลางๆ แม้กระทั่งความสุขหรือทุกข์ที่มีก็ยากจะบอก

              ใช่ว่าความกลัดกลุ้มจะพอกพูนเป็นชั้นหนาอยู่ข้างในอก แต่หากถามว่ามีความสุขหรือไม่ การจะหาคำตอบให้คำถามเหล่านี้กลับไม่มีอะไรดีไปกว่ารอยยิ้มแกนๆที่ส่งตอบกลับไปเป็นได้
              ไม่ใช่ทั้งอารมณ์เศร้า หรือความรู้สึกเริงร่าในแววตา คล้ายกับว่ามีเสี้ยนหนามปักอยู่ข้างในอก ทั้งจากความทุกข์ที่ยากกับการจะเรียงร้อยออกมาเป็นถ้อยคำ หรือกระทั่งที่สามารถเรียบเรียงออกมาแต่สังคมไม่เปิดรับมากพอให้กล่าวถึงในความเป็นจริงได้ และเพราะความรู้สึกประเภทนั้น นั่นจึงทำให้รู้สึกคล้ายกับว่าไม่สามารถอ้าแขนรับความสุขในเวลาที่ควรจะสุขได้จริงๆสักที
              ฉันบอกไม่ได้ว่าตัวเองต้องการอะไร บอกไม่ได้ในที่นี้ คล้ายกับจะหมายถึงไม่สามารถพูดออกไปได้ เป็นความคาดหวังที่รู้ว่าตัวเองต้องผิดหวังแต่ก็ยังตั้งหน้าตั้งตาคอยไม่ต่างจากหมาที่เฝ้ารอเจ้าของซึ่งเป็นคนตายหวนกลับมาที่บ้าน
              ในบางครั้ง ฉันเฉยชา ไม่รู้สึกรู้สาแม้กระทั่งกับความสัมพันธ์ที่จบลงไป ประหนึ่งว่าเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเป็นเรื่องของคนอื่น ทันทีที่เราตระหนักรู้ในจุดที่เหยียบยืน ทุกอย่างที่ผ่านมาหาได้มีความหมายใดต่ออารมณ์มากเป็นพิเศษ แม้การข้ามผ่านเรื่องราเหล่านั้นจะเปลี่ยนเราไปให้เป็นอีกคนอย่างที่ไม่สามารถกลับไปเป็นคนก่อนได้ก็ตาม
              ทำนองเดียวกัน กับบางเหตุการณ์ที่ผ่านมายาวนานนับทศวรรษ ฉันกลับทั้งอาลัยอาวรณ์และโหยหาอย่างที่ยินดีจะแลกกับหลายสิ่งหลายอย่างเพียงเพื่อให้ัมันเกิดขึ้นเป็นหนที่สอง แม้ว่าสิ่งเหล่านั้นจะทำให้ฉันกังวล หมายถึง ในเวลาที่มันคล้ายกับจะหวนย้อนกลับเข้ามาในปัจจุบันนี้ได้จริงๆก็ตาม บางครั้งที่โอกาสหายากแบบนั้นมาถึง ฉันไม่แน่ใจว่าอยากให้มันเกิดขึ้นอีกครั้งจริงๆหรือเปล่า กับเรื่องราวบางประเภท มันอาจจะดีกว่ากับการแค่ปล่อยให้อยู่ได้ในความทรงจำ เป็นภาพถ่ายที่ไม่มีวันซีดจางและจะคงความหอมหวานเอาไว้เสมอในทุกๆครั้งที่เราท่องเข้าไปในอดีตเหล่านั้น
              และกับนิสัยประเภทนี้ของฉัน นั่นอาจเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมการจะบอกถึงความต้องการของตัวเองในหลายมุมมองกลับกลายเป็นเรื่องยากเย็นเหลือเกิน
               บางทีหนามที่ว่าที่ทิ่มแทงฉัน ทั้งยังหน่วงเหนี่ยวกักขังไม่ยอมปล่อยฉันออกไปจากคุกใบเล็กนั่นไปสักทีก็อาจจะถูกวาดขึ้นมาจากความครึ่งๆกลางๆไปไม่ถึงฝั่งในหลายๆเรื่องของตัวฉันเองก็เป็นได้ แม้ว่านิสัยเหล่านี้จะเป็นแค่กับเรื่องบางประเภทก็ตาม แต่เรื่องบางประเภทที่ว่า ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นเรื่องที่เราคิดว่ามันเล็กน้อยและไร้ซึ่งคามสำคัญใดๆ แต่กลับเป็นใหญ่กับชีวิตอยู่แล้วนี่นะ

              หลายๆครั้งที่ฉันรู้สึกว่าสมองของฉันเหมือนฟองน้ำที่โอบอุ้มซึมซับเอาความรู้สึกไปไม่ถึงฝั่งเหล่านั้นเข้ามาเรื่อยๆตามเวลาในชีวิตที่ผันผ่าน          

              น่าสงสัยว่าเมื่อถึงคราวที่ต้องบีบเอาน้ำออกก้อนหน้านุ่ม น้ำที่ออกมาจะเป็นสีเทาด้วยรึเปล่านะ...

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in