เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Dhialannthefirstofmine
ครั้งสุดท้ายกับการพบหมอ



  • "หมอไม่นัดต่อแล้วนะ เอาเป็นว่า ถ้ามีอะไรไม่สบายใจ โทรเข้ามานัดได้เลย"

    "เอ่อ คุณหมอไม่นัดต่อแล้วนะคะ ชำระเงินค่าบริการที่การเงินได้เลย ส่วนใบนี้เป็นใบนัด ถ้าจะขอนัดพบคุณหมอ โทรมาได้ที่เบอร์ด้านล่างนี้นะคะ"

    หลังจากนี้ไป ไม่ได้ไปพบหมอแล้วสินะ ... จากนี้ต้องดูแลตัวเองจริง ๆ แล้ว

    แอบโหวง ๆ ในใจนิดนึงแฮะ 

    จากนี้ต้องดูแลตัวเองจริง ๆ แล้ว

    หลังจากที่พบหมอมา 1 ปี 1 เดือน ในที่สุดก็มาถึงวันนี้

    ตัดภาพไปที่วันที่จะไปหาหมอวันแรก

    โทรมมาก หน้าโทรม น้ำหนักลง เรียกได้ว่าสภาพแย่เอามาก ๆ ซูบลงไปจนเพื่อนทัก และน้ำหนักลงอย่างรวดเร็วในเวลาไม่กี่เดือน

    ตอนที่ตัดสินใจไปหาหมอ เป็นช่วงที่คิดว่า ถ้าไม่ไปหาหมอ ชีวิตฉันแย่แน่ ๆ 

    แล้วก็หารีวิว (?) อ่านเรื่องราวของผู้ที่ไปพบหมอ อ่านถึงผลข้างเคียงของยาที่เขาทาน กลัวบ้าง แต่ห่วงชีวิตตัวเองมากกว่า แล้วบอกแม่เรื่องที่จะไปหาหมอ และบอกถึงผลข้างเคียงกรณีที่ต้องทานยา แม่ไม่ได้ว่าอะไร แต่ขออย่างเดียวคือ ไม่ทานยา ฉันจึงตัดสินใจหอบสังขารโทรม ๆ ไปโรงพยาบาลในวันรุ่งขึ้น

    วันที่ไปโรงพยาบาล ฉันออกจากบ้านแต่เช้าตรู่ เพราะที่อ่านมาบอกว่าต้องไปเช้ามาก ๆ ถ้าไม่ได้โทรนัด ฉันตัดสินใจไปแต่ไม่ได้โทรนัด เมื่อไปถึงโรงพยาบาล ทำบัตรผู้ป่วยเสร็จ แจ้งต่อพยาบาลที่เคาท์เตอร์ผู้ป่วยใหม่ พยาบาลยื่นซองน้ำตาลให้ ฉันเดินไปยังแผนกนั้น ยื่นเอกสารให้พยาบาลในแผนก โดนเอ็ดนิดนึงที่ไม่ยอมโทรนัดล่วงหน้า แล้วก็ให้รอเรียกชื่อ ไม่นานก็มีพยาบาลมาพาไปซักประวัติ โชคดีของฉันที่ได้คิวในวันนั้นเลย (ที่ฉันตัดสินใจไปที่โรงพยาบาลนี้เพราะว่าพยาบาลดี คุณหมอน่ารัก และค่ารักษาที่ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด)

    เข้าไปคุยกับหมอครั้งแรก กลัวเอามาก ๆ แต่กลับรู้สึกเหมือนมีคนอยู่ข้าง ๆ คอยรับฟัง ให้คำแนะนำ หมอของฉันไม่เคยบังคับเลยแม้แต่น้อย (จริง ๆ ก็ขึ้นอยู่กับสไตล์ของคุณหมอแต่ละท่านน่ะนะ) ในครั้งแรก

    ฉันไปตามนัดทุกครั้ง มีอยู่บ้างบางครั้งที่ต้องนัดเร็วกว่าเดิม เพราะมีเรื่องในใจและอาจจะต้องการคนรับฟัง คนคอยช่วย ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเพราะอะไร

    คุยกับหมอ บางครั้งก็หัวเราะ บางครั้งก็คิดได้เองหมด บางครั้งก็ได้หมอช่วยชี้แนะ บางครั้งก็ร้องไห้ฟูมฟายจนหมอหยิบกล่องทิชชูมาให้ บางครั้งก็ดูเหม่อลอย (ส่วนมากเป็นในช่วงแรก ๆ ที่ไปพบหมอและเป็นช่วงที่เพิ่มผ่านเหตุการณ์นั้นมา)

    ตลอดเวลาหนึ่งปีกว่า ๆ นี้ ฉันโดนหลายคนพูดจาไม่ดีใส่เนื่องจากไปพบหมอ หาว่าเป็นบ้าบ้าง เป็นโรคประสาทบ้าง ฯลฯ แต่เอาเข้าจริง ๆ ฉันก็ไม่รู้ว่าเขาไปเอาเรื่องพวกนั้นมาจากไหน ในเมื่อฉันไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพูด แรก ๆ ฉันดูจะเก็บเอามาคิดไปหมดจนตัวเองพัง แต่หลัง ๆ มาฉันเริ่มคิดได้ว่าเราจะเอาคำพูดคนแบบนั้นมาใส่ใจทำไม ทำไมต้องไปให้ค่ากับพวกเขาด้วย เขารู้ไม่จริง แต่อยากจะโพนทะนา มันก็เป็นเรื่องของเขา กับความไม่จริงนั้น

    มีหลายคนเข้ามาปรึกษาฉัน เขาไม่กล้าที่จะไปหาหมอ เพราะกลัวคำพูดที่หาว่าเขาเป็นบ้า เป็นโรคประสาท ฯลฯ เขากลัวที่จะทำร้ายตัวเองไม่ว่าด้วยทางใดทางหนึ่ง เขาอยากจะช่วยเหลือตัวเองให้สภาพจิตใจกลับมาเป็นปกติ บางครั้งเราก็แค่อยากที่จะหาคำแนะนำเพื่อทำให้เราพอใจชื้นบ้าง 

    ที่ฉันกลับมาเป็นปกติได้อย่างทุกวันนี้ ถึงแม้จะไม่เหมือนเดิมแต่ก็เรียกได้ว่าเป็นคนใหม่ (นิดนึง) ก็ต้องขอบคุณเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ หลาย ๆ คนทั้งในชีวิตจริง และในทวิตเตอร์ ที่คอยช่วยเหลือ รับฟัง ให้คำปรึกษา และเป็นกำลังใจให้มาจนถึงทุกวันนี้

    ขอบคุณเพลง โดยเฉพาะเพลงของ Bee Gees ที่คอยประคองเราในช่วงแรก ๆ 


    ส่วนตัวชอบเพลงของ Bee Gees หลายเพลง เพียงแต่ตอนนี้ชอบเพลงนี้มาก In the Morning - Bee Gees ขอบคุณเพลงทุกเพลงที่ได้ฟัง ไม่ว่าจะเป็นจาก YouTube รันมาให้ หรือได้หลาย ๆ คนแนะนำ เป็นการเปิดโลกทางการฟังเพลงอีกทางหนึ่ง

    ขอบคุณหนังหลาย ๆ เรื่อง อย่าง About Time ที่ปลุกหัวใจตัวเองให้กลับมาจากความรู้สึกชาขอบคุณ Sing Street ที่สร้างแรงบันดาลใจ และสร้างแรงผลักดันให้ตัวเองกล้าที่จะทำในเรื่องที่เคยทำอย่างเขียนเรื่องสั้น เล่นกีตาร์ วาดรูป และออกตามหาแรงบันดาลใจขอบคุณ The BFG ที่ทำให้เรารู้สึกถึงความเป็นเด็กในตัวเองขอบคุณหนังเกือบทุกเรื่องที่ได้ดู

    ขอบคุณหนังสือหลาย ๆ เล่มที่ได้ซื้อมาอ่าน ไม่ว่าจะเป็นความอยากอ่านของตัวเอง หรืออ่านตามคนอื่น

    ขอบคุณทุก ๆ อย่าง

    และขอบคุณตัวเอง ที่ตัดสินใจไปหาหมอในวันนั้น และในวันนี้ที่พยายามทำให้ตัวเองดีขึ้นมาอีกครั้ง

    หมอบอกว่า อย่างน้อยที่เราเคยประสบก็เป็นเหตุการณ์หนึ่งในชีวิต ที่จะทำให้เราเข้มแข็งขึ้น และสามารถยืนได้ด้วยตัวเอง

    แค่มีเรื่องเครียด ไม่สบายใจ คิดมาก หรือมีปมในใจ แล้วมันเป็นอุปสรรคต่อกการดำเนินชีวิต สามารถไปพบคุณหมอได้แล้ว เพราะการป้องกันย่อมดีกว่าการแก้ไขเสมอ 

    สำหรับคนรอบ ๆ ข้างเขา ถ้าทำได้ รับฟังเขา เปิดใจกว้าง ให้กำลังใจ และคอยอยู่ข้าง ๆ เขา แม้คุณจะให้เขาได้ไม่มาก แต่การอยู่ข้าง ๆ เขาก็เพียงพอแล้ว ถ้าคุณชื่นชมเขา บอกเขาเลย อย่ามัวรีรอ

    สำหรับเรา เราต้องการแค่รู้ว่ายังมีคนที่อยู่ข้าง ๆ ไม่ทอดทิ้งเราในวันที่เราแย่ ให้กำลังใจ และคอยรับฟัง อาจจะให้คำแนะนำบ้าง แต่แค่รู้ว่ายังมีคนอยู่เคียงข้าง ก็พอแล้ว

    ขอเป็นกำลังใจให้กับทุก ๆ คนทั้งที่อยู่ในภาวะการณ์เดียวกัน และคนที่อยู่เคียงข้างเขา ก้าวเดินต่อไป



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in