เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
YOUNG MASTER #MINNOninezexsky
6



  • "ขอโทษที่ต้องขัดจังหวะ.." 


    หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์แกล้งไอเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยคำขอโทษที่เป็นแค่ข้ออ้างกับผู้มาเยือน ที่รออยู่ภายในห้องทำงานของกองประจำการ  เชสเพียงเสสายตารักษามารยาทเพื่อให้คนทั้งคู่นั้นจัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อนที่จะพูดคุย 


    แสงไฟสีนวลในห้องที่ส่องสว่าง ทำให้ไทเลอร์เห็นอัลฟ่าแดนเหนือได้อย่างชัดเจน คนหนึ่งที่มีรูปร่างสูงชะลูดกับใบหน้าดุคม ส่วนอีกคนก็คือเจ้าของใบหน้าที่พระเจ้าสรรค์สร้าง คลับคล้าบคลับคลากับคนที่เชสพึ่งส่งไปที่โรสต์เมื่อช่วงก่อนฟ้าสาง


    "ยังไงก็ต้องขอโทษอีกครั้งที่ทำให้พวกนายเสียเวลารอ" เชสกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนจะยกยิ้มมุมปากที่สามารถทำให้หัวคิ้วของริโอ สเปนเซอร์ ขมวดเข้าหากันได้อย่างไม่ยาก 


    "เป็นหัวหน้าหน่วยมันก็งานยุ่งดีนะไทเลอร์"  อัลฟ่าร่างสูงชะลูดเอ่ยก่อนจะใช้สายตากดดันให้คนที่ยืนอยู่ข้างกายขยับถอยห่างออกไป 


    ถ้าเชสหูไม่เพี้ยนล่ะก็ เสียงของริโอนั้นดูเหมือนจะลงน้ำหนักกระแทกที่นามสกุลของเขาเสียจนรู้สึกได้ 


    "ก็ตามที่นายเห็น" เชสตอบอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งลงบนเก้าอี้ของตัวเอง โดยไม่มีท่าทีจะเชื้อเชิญแขกผู้มาเยือน ซึ่งนั่นก็เท่ากับเป็นการไม่ให้ความเคารพคนที่มีอำนาจสูงสุดในแดนเหนือตอนนี้ 


    แต่แล้วยังไง? ในเมื่อที่นี่คือเดอะฮิลล์และอยู่ในแดนใต้ ไม่มีตรงไหนระบุไว้ว่าที่นี่คือแดนเหนือ เรื่องอะไรที่เชสจะต้องให้ความเคารพ เพราะเท่าที่วันนี้เชสยอมใส่ชุดเต็มยศแค่นี้มันก็มากพอแล้วสำหรับการให้เกียรติพวกสเปนเซอร์ 


    "ยุ่งขนาดนี้ แต่นายก็ยังดูมีเวลาแส่เรื่องของพวกฉัน" เชสเงยหน้าขึ้นสบตากับอัลฟ่าแดนเหนือที่กำลังต่อว่าตัวเองด้วยสายตาที่ไม่ความเกรงกลัว มิหนำซ้ำรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ยังคงเผื่อแผ่ไปถึงคนข้างกายของริโอ 


    "ถ้าจะพูดถึงเรื่องเมื่อกี้  ฉันก็ขอโทษแล้วนี่" เชสยังคงฉีกยิ้มไม่เลิกก่อนจะพูดต่อไปโดยไม่สนสีหน้าของริโอที่ดูนิ่งมากขึ้นกว่าเดิม "ห้องก็ห้องฉัน ถึงจะเอาไว้รับรองพวกนาย แต่ก็ไม่ได้ความว่าจะเอาไว้ให้นายได้พลอดรักกับเลสลีย์


    ฝีปากของไทเลอร์ยังคงร้ายกาจไม่มีตก ไม่ว่าจะกับใครหน้าไหนเจ้าตัวก็พร้อมจะใช้วาจาของตัวเองเชือดเฉือนอย่างไม่ลังเล


    ฝั่งคนที่ถูกดึงเข้ามาในบทสนทนาก็ยังคงมีสีหน้าเรียบนิ่งไม่ต่างจากสเปนเซอร์ที่ยังคงมองเชสนิ่งๆ แต่เชื่อเถอะว่าในใจของเลสลีย์คนโตคงอยากเข้ามาบีบคอเชสแน่ๆ 


    เขารู้จักอาเธอร์ดี... แม้จะตกใจกับสิ่งที่ไม่คาดคิดซึ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ก็ตาม


    "อย่าเบี่ยงประเด็นดีกว่าไทเลอร์" 


    "แล้วนายกำลังพูดถึงเรื่องอะไรไม่ทราบ เพราะเท่าที่ฉันแส่ก็คงเป็นเรื่องที่นายจูบกับเลสลีย์เมื่อครู่"  หัวหน้าหน่วยได้ยินเสียงหัวเราะหึในลำคอของเลสลีย์คนโต ก่อนที่เจ้าตัวจะเลือกเมินหน้าหนีออกไปราวกับไม่อยากใส่ใจบทสนทนาของทั้งคู่ที่กำลังใช้คำพูุดฟาดฟันกันอยู่


    "ส่งตัวแอชเชอร์มาให้ฉัน" 


    "แอชเชอร์?" เชสทวนชื่อซ้ำก่อนจะใช้มือลูบคางของตัวเอง แสร้งทำเป็นใช้ความคิดก่อนจะเอ่ยตอบริโอ ด้วยน้ำเสียงที่ฟังยังไงก็แสนจะยียวนชวนให้เอาหมัดกระแทกหน้า "ใช่คนที่นายสั่งให้เซบาสเตียนฆ่าในแบล็คฟอเรสต์วันนั้นไหมนะ"

     
    ทางฝั่งของริโอเองเมื่อเห็นท่าทีที่กวนประสาทของเชสก็ได้แต่ข่มอารมณ์คุกรุ่นภายในใจของตัวเอง ทั้งหงุดหงิดสายตาของเชสที่มองอาเธอร์ ทั้งหงุดหงิดคำพูดที่วกไปวนมาชวนให้รำคาญใจ  หางตาคมเหลือบมองร่างขาวจัดของคุณชายตระกูลเลสลีย์เพื่อสังเกตปฏิกริยา แต่ก็ไม่เห็นท่าทีที่เจ้าตัวจะแสดงออกมาให้จับได้คาหนังคาเขา 


    "แอชเชอร์อยู่ที่ไหน.." 


    "นั่นสิ อยู่ที่ไหนกันดีล่ะ" แม้เชสจะเห็นว่าเลสลีย์คนโตเริ่มตาแข็งใส่ตัวเอง แต่เจ้าตัวก็คงตีรวนไม่เลิก ก็มันน่ากวนประสาทนักไหมล่ะ เป็นแขกเสียเปล่าแต่กลับมาทำอะไรที่ไม่สมควรให้หัวหน้าหน่วยเป็นเชสได้เห็นเสียอย่างนั้น แถมยังไม่มีท่าทีจะกระดากอายอะไรเสียเลย  "แล้วนายรู้ไหมว่าปกติแล้ว คนแดนเหนือที่ดื้อดึงจะลงมาที่แดนใต้ สุดท้ายแล้วถูกส่งไปที่ไหน" 


    "ฉันไม่อยากมีปัญหากับนายไทเลอร์" 


    แม้ขีดความอดทนของริโอจะยังไม่หมดในตอนนี้ แต่ก็คงใกล้จวนเจียนเต็มที 


    "จะเชื่อหรือไม่เชื่อ มันก็แล้วแต่นาย.." 


    "...."


    "ถ้าอยากได้ตัวนัก นายก็คงต้องไปเอาคืนจากพวกหน่วยกลางของแดนใต้เอาเอง" เจ้าตัวเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นพลางเดาะลิ้นในปากเพื่อเว้นจังหวะการพูด "เพราะฉันเองก็ไม่ได้รับจ้างหาตัวคนหาย" 


    "ฉันบอกนายแล้วริโอ นายก็ไม่เชื่อ"  เสียงทุ้มฟังรื่นหูของเลสลีย์คนโตเอ่ยก่อนจะเดินเข้ามาใกล้อัลฟ่าตัวสูง โดยที่มือเรียวสวยแบบที่เชสเคยเห็นของเลสลีย์คนเล็กนั้นจับเข้าที่แขนของริโอ 


    "ฉันคุยกับไทเลอร์อยู่อาเธอร์" เมื่อถูกดุ เจ้าของร่างขาวซีดก็ก้าวถอยห่างออกด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ไม่พ้นถูกวงแขนของริโอโอบเอวเอาไว้ก่อน "นายช่วยฟังเงียบๆได้หรือเปล่า" 


    "พึ่งจะรู้เหมือนกันว่านายสองคนสนิทกันถึงขนาดนี้ ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่านายจะยอมให้ใครมาทำตัวเป็นเจ้าของเจ้าของแบบนี้น่ะอาเธอร์


    อาเธอร์ถึงกับหน้าหงิกเมื่อถูกเชสกวนประสาท มือขาวพยายามแกะแขนของคนที่โอบเอวตัวเองออก โดยไม่สนใจว่าริโอจะส่งสายตาดุตัวเองมากแค่ไหน 


    "นายมั่นใจนะว่าส่งไปที่หน่วยกลางแล้วจริงๆ" 


    "ยิ่งกว่ามั่นใจเสียอีก" เชสตอบอย่างไม่ลังเล "นายคงไม่คิดว่าฉันจะเอาชีวิตลูกน้องตัวเองมาเดือดร้อนหรอกจริงไหม" 


    "ถ้านายทำแบบที่พูดฉันก็สบายใจ แต่ถ้าไม่ ครั้งหน้าฉันกับนายคงไม่ได้มายืนคุยกันแบบนี้อีกแน่" 


    "จะว่าไปนายนี่ก็ใจร้ายไม่หยอก กล้าถามถึงน้องชายต่อหน้าพี่ชายเขาได้ยังไงกัน.." 


    "ฉันไม่ได้จะฆ่าแอชเชอร์"


    "แต่ถ้าวันนั้นฉันช่วยไม่ทัน พวกเกรย์วูล์ฟฝั่งนายคงขย้ำเขาไปแล้ว" 


    "เซบาสเตียนทำเกินคำสั่งของฉัน" 


    "ได้ยินไหมเลสลีย์? ได้ยินชัดไหมว่าคนที่ยืนอยู่ข้างนายเห็นค่าชีวิตของน้องนายมากแค่ไหน" เชสไม่ได้ใส่ไฟ แต่ทุกอย่างมันแสดงออกมาเอง 


    "ฉันได้ยินอะไรพวกนี้ จนจำได้ขึ้นใจแล้วไทเลอร์" ใบหน้าเย่อหยิ่งที่ถือดีตามแบบฉบับของเลสลีย์ตอบกลับเชสด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน "แค่วันนี้ฉันได้ยินคำตอบจากปากนายชัดๆ มันก็ทำให้ฉันรู้สึกดีมากแล้ว" 


    "อาเธอร์!"


    "ถ้าเป็นไปได้ ฉันอยากเป็นแอชเชอร์ด้วยซ้ำเลยตอนนี้" แววตาแข็งกร้าวของเลสลีย์ตวัดมองริโอด้วยความขุ่นเคือง ก่อนจะขืนตัวออกจากอีกฝ่ายแล้วเดินถอยห่างออกไป 


    "ไม่เอาน่า อย่ามาทะเลาะกันให้คนนอกอย่างฉันรู้เรื่องด้วยสิ" เชสโบกมือปัดๆ อย่างไม่อยากจะสนใจกับความเป็นไปของทั้งคู่  "ฉันไม่ได้อยากรู้เรื่องของพวกนาย" 


    "ฉ้นจะออกไปอยู่กับเซป เชิญนายคุยกับไทเลอร์ตามสบาย" อาเธอร์พูดเสียงเรียบก่อนจะเดินออกไปข้างนอกห้อง ทิ้งไว้ก็แต่ริโอที่ดูุหัวเสียไม่น้อย


    "ไหนว่าพวกเลสลีย์เป็นกบฏ.. แต่ทำไมฉันไม่เห็นนายปฏิบัติตัวกับเลสลีย์คนโตเหมือนนักโทษเลยล่ะ" 


    "นั่นก็คงไม่ใช่เรื่องของนาย" 


    "อ่า.. จริงสินะ" เชสยังคงมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าไม่จางหาย แม้จะถูกริโอกดดันมากแค่ไหนก็ตาม "ไม่ใช่เรื่องของฉันอย่างที่นายว่าจริงๆ ด้วย" 


    "เรื่องของแอชเชอร์ ถ้านายบริสุทธิ์ใจจริงๆ ก็คงจะไม่มากไปถ้าฉันจะขอค้นในเดอะฮิลล์" 


    "ข้อแลกเปลี่ยนล่ะ" แน่นอนว่าเชสไม่ใช่คนที่จะยอมเสียเปรียบอยู่เพียงฝ่ายเดียว มันไม่มีเหตุผลที่จะต้องยอมให้พวกแดนเหนือมาวุ่นวายกับเดอะฮิลล์โดยที่ฝั่งเขาเองก็ไม่ได้รับประโยชน์ 


    "นายอยากได้อะไร?" ริโอโยนหินถามทางให้เชสเลือกทันที "ทุกอย่างยกเว้นเลสลีย์..." 


    "มีเหตุผลอะไรที่ฉันต้องอยากได้ตัวเลสลีย์กัน" หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์หัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะหยัดตัวลุกขึ้นยืนแล้วก้าวเดินเข้าไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย  "แค่ให้เอริคได้คุยกับอาเธอร์ มันคงไม่มากเกินไปที่สเปนเซอร์จะให้ได้หรอกจริงไหม" 


    "เซบาสเตียนต้องไปกับอาเธอร์.." 


    แม้ริโอจะลังเลแต่สุดท้ายเจ้าตัวก็ยอมตกลงถึงจะไม่พอใจมากแค่ไหนก็ตาม  เชสเองก็ได้แต่ยกยิ้มสะใจเมื่อเห็นท่าทีหัวเสียของริโอยามที่ตัวเองพาอาเธอร์ไปหาเอริค


    "แบบนี้สิค่อยน่าแลกเปลี่ยนหน่อย แต่บอกไว้ก่อนนะว่าคนของฉันไม่ได้ใจเย็นแบบพวกนาย.. เกิดไปทำอะไรให้ไม่พอใจแล้วถูกทำร้ายขึ้น ฉันจะถือว่าพวกเราทำเพื่อป้องกันตัว" 


    "นายมันเจ้าเล่ห์ไทเลอร์" 


    "ใครจะไปเลือดเย็นได้เท่านาย ริโอ" 


    "...."


    "อย่าลืมค้นทุกซอกทุกมุมล่ะ เอาให้มั่นใจไปเลยว่ามีหรือไม่มี" 


    "...." 


    "เพราะถ้าไม่มี ฉันสงสัยว่านายคงต้องใช้สมองที่มีไปเจรจากับพวกหน่วยกลางเอาเอง" 


    ถ้าคิดว่าจะสามารถผ่านคนของเชสไปเจรจากับหน่วยกลางได้ล่ะนะ....


    "แล้วก็... เดอะฮิลล์คงไม่มีทางต้อนรับพวกนายอีกเป็นครั้งที่สอง" 


    แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น ที่เชสจะยอมให้พวกแดนเหนือเข้ามายุ่งวุ่นวายกับคนของตัวเอง... 






    ///








    แสงแดดอ่อนๆ ที่สาดส่องลงมากับเมฆฝนก้อนใหญ่ที่เริ่มตั้งเค้า ดูเหมือนจะเป็นใจไม่น้อยให้กับอัลฟ่าแดนเหนือที่ต้องเดินทางด้วยร่างกายที่ไม่เต็มร้อย การเดินทางด้วยเท้าในระยะที่ไม่ใกล้ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด ต่อให้แอชเชอร์จะมีร่างกายที่แข็งแรงมาก่อนหน้ามันก็กลับกลายเป็นศูนย์ทันทีเมื่อเกิดปัญหาขึ้นระหว่างทาง 


    พื้นดินที่เปียกชื้นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายในการก้าวเดิน ไหนจะลำธารเล็กๆที่เป็นน้ำเย็นจัดที่ไหลมาจากทางแดนเหนือนั่นก็ทำให้แอชเชอร์กัดฟันกรอดๆ ยามต้องเดินลุยมันเพื่อข้ามไป ส่วนชาลีเองก็ดูยังไม่มีท่าทีเหนื่อยอ่อน มันยังคงเฝ้าระแวดระวังภัยให้กับแอชเชอร์ได้อย่างไม่บกพร่องต่อหน้าที่ 


    "ซี๊ด.." แอชเชอร์สูดปากในทันทีเมื่อแขนข้างซ้ายของตัวเองดันไปเกี่ยวเข้ากับกิ่งไม้ที่ยากจะหลบเลี่ยงตามทาง จนทำให้แผลที่ถูกถากจากลูกธนูนั้นเลือดซึมออกมาอีก แม้จะใช้ผ้าพันไว้ลวกๆ แล้วก็ตาม


    ชาลีเองก็หยุดเดินแล้วหันมามองเจ้าของผิวขาวซีดด้วยเช่นกัน... เห็นแบบนี้แล้วแอชเชอร์ก็ได้แต่ยิ้มแห้งแล้วก้าวเดินต่อไปแล้วเลิกสนใจแผลที่แขนของตัวเอง 


    "ฉันชักจะคิดถึงเซเบอร์ขึ้นมาแล้วสิ.." ไม่รู้ว่าป่านนี้จะถูกพวกการ์เดียนงับเข้าให้หรือเปล่า 


    จากการเดินทางผ่านป่าของอีกฝั่งของเดอะฮิลล์ออกมา ก็ทำให้แอชเชอร์ได้เห็นที่ลุ่มสลับกับเนินเขาเล็กๆ ที่โล่งกว้าง เมื่อมองไปจนสุดสายตาก็ทำให้เห็นเหมืองแร่ที่อยู่ห่างออกไป และที่นั่นก็คงเป็นโรสต์ เป้าหมายของการหลบออกจากเดอะฮิลล์ในครั้งนี้ 



    ใช้เวลาพักใหญ่ในการเดินมาถึงเหมืองแร่ ในที่สุดแอชเชอร์ก็มาหยุดยืนอยู่ที่สะพานไม้ที่เป็นทางตัดข้ามเข้าไปในตัวเหมืองแร่ สภาพหมู่บ้านขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ในเหมืองแร่นั้นดูแปลกตาไม่น้อยด้วยรูปทรงของบ้านที่แอชเชอร์ไม่เคยได้เห็นในแดนเหนือ 


    ไม้ท่อนใหญ่ที่ประกอบต่อกันขึ้นมาเป็นบ้านหลังขนาดเล็กใหญ่สลับกันไปทำให้ดูอบอุ่นไม่หยอก ยิ่งกลิ่นอายของความเป็นตัวมันเองนั่นก็ด้วย... 


    "นายมาทำอะไรที่นี่" เบต้าตัวสูงเอ่ยถามแอชเชอร์ในทันที เมื่อหางตาของหมอนั่นเหลือบมาเห็นร่างขาว "แล้วนี่มัน..." ถัดจากตัวขาวๆของเลสลีย์ ก็คงไม่พ้นเกรย์วูล์ฟตัวโตที่อยู่ข้างกาย


    "ไทเลอร์บอกให้ฉันมาพักอยู่ที่นี่สักระยะหนึ่ง" 


    "แต่นายดูไม่ใช่คนแดนใต้" เบต้าหนุ่มแย้งก่อนจะมองหน้าแอชเชอร์สลับกับเกรย์วูล์ฟตัวโตที่จำได้ดีว่ามันเป็นจ่าฝูงของพวกการ์เดียน หรือ อีกนัยหนึ่งมันก็คือเกรย์วูล์ฟของเชส ไทเลอร์ หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ที่อยู่ห่างถัดไปในอีกฟากฝั่งหนึ่งของป่า 


    "ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนาย"  ตัวแอชเชอร์เองก็รู้สึกหมดแรงจะแย่ เขาฝืนทนมาได้จนถึงขนาดนี้ก็นับถือใจตัวเองอยู่มากโข 


    "ท่าทางนายไม่ค่อยจะดี ยังไงก็เข้ามาก่อนแล้วกัน ไว้ค่อยว่ากันอีกที" 






    หลังจากที่เข้ามาในโรสต์ แอชเชอร์ก็ถูกเบต้าที่ชื่อราเชลพามาพักที่บ้านหลังขนาดกลางหลังหนึ่ง พร้อมกับไปพามอร์แกนซึ่งเป็นเบต้าเข้ามาช่วยดูอาการ ซึ่งทันทีที่หล่อนเห็นสภาพของแอชเชอร์ก็ถึงกับร้องอุทานเสียงดังลั่น ก่อนจะกุลีกุจอไปเอาอุปกรณ์เพื่อปฐมพยาบาลคนที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งหน้าซีดขึ้นกว่าเดิมจนแทบจะกลายเป็นกระดาษ 


    "พอจะลุกไหวไหม" ราเชลเอ่ยถามในขณะที่พยายามจะช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับอัลฟ่าแดนเหนือที่กำลังบาดเจ็บอยู่ในตอนนี้ 


    "ไหว.. แต่ไม่ต้องเปลี่ยนก็ได้ แค่ที่ช่วยทำแผลให้ก็มากพอแล้ว" แอชเชอร์ปฏิเสธอย่างถนอมน้ำใจ คงเพราะด้วยกลิ่นของเชสที่ยังติดตัวและเสื้อผ้าจึงทำให้ร่างขาวรู้สึกปลอดภัยมากกว่า 


    "แต่นายจะไม่สสบายตัวเอา" 


    "นอนพักสักหน่อยคงจะดีขึ้น อย่ากังวลเลย"  


    "แต่รอยที่คอนายดูท่าจะเจ็บไม่น้อย" มอร์แกนที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเอ่ยปากบอก โดยที่พยักเผยิดหน้าให้ราเชลมองรอยแดงที่รอบคอของอัลฟ่าผิวขาวจัด


    "นิดหน่อยน่ะ" 


    "นี่นายไปโดนใครทำร้ายมากันแน่ ทำไมถึงได้สภาพเป็นแบบนี้" ราเชลตั้งคำถามอย่างช่วยไม่ได้ พลางเหลือบมองชาลีที่นอนเฝ้าแอชเชอร์อยู่ไม่ห่าง "ฉ้นมั่นใจว่าระหว่างทางที่นายมาที่นี่ก็ไม่น่ามีอันตรายอะไร เพราะแถบนี้เดอะฮิลล์ดูแลแทบทั้งหมด"


    "อย่าพึ่งถามอะไรเขามาตอนนี้เลย ให้เขาได้พักผ่อนก่อนจะดีกว่า" มอร์แกนเป็นฝ่ายปรามราเชล "เดี๋ยวฉันจะคอยเข้ามาดูอาการนายเป็นระยะๆ ระหว่างนี้ก็นอนพักไปก่อน" 


    "ขอบคุณ" แอชเชอร์เอ่ยขอบคุณทั้งคู่ "ถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรงพวกนาย ก็ฝากหาอะไรให้ชาลีกินหน่อยแล้วกัน"


    "เกรงว่ามันจะกัดคอฉันมากกว่า" ราเชลว่าพลางทำหน้าสยอง 


    "ถ้าพวกนายไม่ใช่ศัตรู ก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องกลัวเจ้านี่กัดคอ" แอชเชอร์ตอบก่อนจะหันไปมองชาลีที่ยังนอนมองหน้าตัวเองอยู่ หูของมันยังคงกระดิกราวกับกำลังฟังบทสนทนาที่เกิดขึ้น


    "แต่ดูท่าแล้วมันคงไม่ยอมออกไปข้างนอกแน่ๆ" เบต้าหนุ่มเอ่ย "นายอยู่ที่ไหนมันก็คงอยู่ที่นั่น" 


    ที่ราเชพูดก็ถูกไม่น้อย พวกเกรย์วูล์ฟพอลองได้รับคำสั่งแล้วมันก็จะทำหน้าที่ของมันจนถึงที่สุด ต่อให้แอชเชอร์จะไม่ใช่เจ้านายที่แท้จริงของมันก็ตามแต่ 


    ในที่สุดทั้งราเชลกับมอร์แกนก็ออกไปจากห้อง เพื่อให้แอชเชอร์ได้พักผ่อนโดยที่ยังคงมีชาลีคอยนอนเฝ้าอยู่ใกล้ๆ ทั้งที่บาดแผลไม่ใช่รอยใหญ่อะไรมากมาย ซ้ำยังเป็นเพียงแผลรอยถากแต่กลับทำให้แอชเชอร์รู้สึกเจ็บปวดกว่าบาดแผลที่เคยได้รับในทำนองนี้ 


    มันก็มีความเป็นไปได้จากแผลที่อักเสบระหว่างการเดินทาง ถึงทำให้แอชเชอร์รู้สึกไม่สบายเนื้อไม่สบายตัว คล้ายจะจับไข้ให้ได้ในตอนนี้ 


    การเจ็บป่วยในแดนใต้นั้นไม่ได้ทรมานมากมายหากเทียบกับแดนเหนือที่มีอากาศหนาวจัด.. แต่ขึ้นชื่อว่าพิษไข้นั่นก็ย่อมเป็นที่รู้กันดีว่าสามารถทำให้ร่างกายของคนที่แข็งแรง นั้นอ่อนแอได้มากมายขนาดไหน  


    ใช้เวลาไม่นานนักเจ้าของผมสีปีกกาก็ดำดิ่งเข้าสู่ห้วงของความฝัน แทนการรู้สึกไม่สบายเนื้อไม่สบายตัวยามลืมตาตื่น..











    "ถ้าฉันเป็นโรคหัวใจล่ะก็ ป่านนี้ฉันคงหัวใจวายตายไปแล้ว" ทันทีที่เห็นหน้าเชส ลูฟก็เปิดปากบ่นทันทีอย่างไม่รีรอ เจ้าของร่างสูงชะลูดนั้นถึงกับขยี้ผมตัวเองด้วยความหงุดหงิดอย่างสุดจะทน หลังจากที่ต่อปากต่อคำกับพวกฝั่งแดนเหนือที่เข้ามาค้นหาแอชเชอร์ 


    "ก็ดีที่ไม่ได้เป็น ไม่งั้นคงขายขี้หน้าคนอื่นเขาแย่" เชสตอบยิ้มๆ "นี่นายคงไม่ได้ไปเถียงกับพวกนั้นหรอกใช่ไหม"


    "ไม่เหลือ.. แค่เห็นหน้าผยองๆของพวกมันฉันก็รำคาญตา" 


    "แต่กับเลสลีย์ นายก็ดูไม่เคยจะหัวเสีย"


    "คำตอบนี้นายก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจ ว่าทำไมเลสลีย์ถึงเป็นข้อยกเว้น


    "อย่าเดาอะไรส่งๆ ดีกว่าน่า"


    "ถึงขั้นทำให้นายช่วยกลบกลิ่นให้ขนาดนี้ ก็คงไม่ธรรมดา"


    "พยศเก่งขนาดนั้น จะทำธรรมดาได้ยังไงล่ะ" หัวหน้าหน่วยคนเก่งว่าก่อนจะตบไหล่ลูฟ "ว่าแต่ว่า นายพอจะว่างเลี้ยงเซเบอร์ให้แอชเชอร์หน่อยไหมลูฟ" 


    "ส่งไปให้โจชัวเลยนะเชส ครั้งที่แล้วฉันพึ่งโดนมันกัดมาจำไม่ได้หรือไง" ลูฟบ่นเข้าให้ "แล้วนายน่ะ จะไปที่โรสต์ตอนไหน นี่มันก็ใกล้จะเย็นแล้ว ถ้านายออกไปตอนนี้กว่าจะถึงโรสต์คงดึกดื่นพอดี" 


    "ฉันจะไปรับชาลี..."


    "พูดว่ารับเลสลีย์ฉันก็ไม่ว่านายหรอกน่าเชส" เพื่อนสนิทที่รู้ใจกันแบบอย่างดี ถึงกับกลอกตามองบนให้กับปากของเพื่อนที่หนักเสียเหลือเกิน "ฉันมั่นใจว่าตอนนี้นายยังไม่ได้ชอบ แต่ว่านายสนใจเลสลีย์ต่างหาก"


    "ไร้สาระน่าลูฟ" เชสส่ายหัวกับความคิดที่ไม่เข้าท่าของลูฟ "ที่ฉันต้องรีบไปที่โรสต์ก็เพราะคนของเรา เจอศพของพวกฝั่งแดนเหนือในป่า ดูๆแล้วก็คงไม่พ้นพวกที่ล่าตัวเลสลีย์แน่ๆ"


    "ถ้าเป็นศพก็เท่ากับว่าชาลีจัดการพวกมันได้" 


    "ก็ขอให้เป็นแบบนั้น พวกที่ไปเจอบอกว่าสภาพศพเละใช้ได้ สงสัยชาลีคงคันเขี้ยวไปหน่อย" 


    ลูฟล่ะสยองคำว่าคันเขี้ยวของเชสจริงๆ ชาลีเองก็ไม่ใช่เกรย์วูล์ฟตัวเล็กๆ อย่างเซเบอร์ที่เขี้ยวพึ่งขึ้นแล้วอยากกัดนู่นกัดนี่เสียเมื่อไหร่ 


    "งั้นนายก็รีบไปเถอะ เลสลีย์เป็นยังไงบ้างก็ไม่มีใครรู้" 


    "ฉันเองก็ไม่แน่ใจว่าจะกลับมาที่นี่วันไหน ยังไงก็คงต้องฝากนายคอยคุมพวกที่อยู่ที่นี่ด้วยก็แล้วกัน" 


    "ต่อให้ไม่ฝาก ฉันก็ต้องดูแลแทนนายอยู่แล้วเชส" 


    "นายคงรู้นะว่าต้องจับตาดูพวกแดนเหนือไว้ให้ดี.." 


    แม้จะยอมล่าถอยกลับไปแต่เชสก็เชื่อว่าคนอย่างริโอ ไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ แน่  ทั้งคำพูดและการกระทำมันเป็นตัวบ่งบอกได้ดีว่าหากไม่ได้สิ่งที่ต้องการ หมอนั่นก็จะไม่มีวันยอมล่าถอย 


    'นายอย่าลืมก็แล้วกันว่าอาเธอร์ยังอยู่กับฉัน' 


    'แต่ฉันก็ไม่คิดว่าอาเธอร์จะยอมเป็นนกในกรงให้นายขังไว้หรอกนะริโอ' 


    เพราะการที่อาเธอร์ยังใจเย็นอยู่แบบนี้ ก็แสดงว่าเจ้าตัวต้องมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ต้องอยู่กับริโอแน่นอน 








    ///








    เชสสั่งการให้ลูกน้องในหน่วยของตัวเองจัดการเรื่องศพในป่าที่ถูุกพบ ก่อนที่เจ้าตัวจะออกจาเดอะฮิลล์พร้อมกับเอริคที่เสนอตัวจะไปด้วย และนั่นก็ไม่ได้ทำให้เชสปฏิเสธเลยสักนิด กลับดีด้วยซ้ำที่มีหมอฝีมือดีอย่างเอริคไปด้วยกัน หากมีเรื่องฉุกละหุกขึ้นมาก็คงจะช่วยได้อยู่อย่างมากโข 


    คนที่เดินทางตัวคนเดียวกับเกรย์วูล์ฟ ไม่มีทางหรอกที่จะไม่ได้รับบาดเจ็บ คำนวณจากศพที่มากกว่าหนึ่งย่อมทำให้คนที่ถนัดการต่อสู้ตัวต่อตัวต้องตกที่นั่งลำบากในสถานการ์ณของการเผชิญหน้าเป็นแน่ 


    เชสไม่ปฏิเสธว่าในใจของตัวเองเริ่มจะร้อนรนไม่น้อยในระหว่างที่กำลังเดินทางไปที่โรสต์ เรียกได้ว่าหัวคิ้วเข้มที่ขมวดเข้าหากันมันคงทำให้เอริคที่เดินทางมาด้วยกันถึงกับต้องเปิดปากถามยามที่หยุดพักม้า 


    "ข้างหน้านี่ก็จะพ้นเขตป่าแล้ว นายอย่าพึ่งกังวลอะไรเลยเชส" หมอหนุ่มเอ่ยขึ้นก่อนจะส่งน้ำให้อีกฝ่ายรับไปดื่ม "ส่วนเรื่องอาเธอร์ นายเองก็ได้ยินกับหูว่าหมอนั่นทำใจได้กับทุกอย่างที่ต้องเป็น"


    "ที่ฉันกังวลเพราะอาเธอร์ฝากเลสลีย์ปากดีนั่นไว้กับฉันต่างหาก" 


    "นายทำดีที่สุดแล้ว ที่ๆ นายยืนมันทำให้นายตัดสินใจลำบาก เรื่องนั้นฉันเข้าใจ" 


    "ทุกอย่างมันควรจะดีกว่านี้ ฉันยอมรับว่าอดหวั่นใจกับริโอไม่ได้ นายก็เห็นแล้วนี่ว่าวันนี้หมอนั่นเป็นยังไง" 


    "ก็เป็นหมาบ้าเหมือนเดิม.." 


    "หมาบ้าอย่างหมอนั่นมันก็ต้องเจอหมาบ้าอย่างนายน่ะถูกแล้ว" 


    "แต่ถ้าเลือกได้ฉันก็ขอเลี่ยงที่จะสู้กับหมอนั่น มันไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่ฉันต้องยอมเอาคนของเราไปเสี่ยงกับปัญหาของฝั่งนั้น" 


    "นายก็ลองคิดดูดีๆ ก็แล้วกัน" 


    "...."


    "นายไม่จำเป็นต้องสงสารอาเธอร์เลย เพราะยังไงมันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าริโอคงไม่มีทางฆ่าเขา แต่กับแอชเชอร์ที่ไม่มีทางเลือก เขาก็น่าสงสารไม่ใช่หรือไง" 


    "หรือฉันควรจะสงสารตัวเองที่สุดดี" 


    สุดท้ายแล้วความน่าหนักใจทั้งหมดที่เป็นกังวล ก็กลับมีเรื่องใหม่ที่น่าหนักใจกว่าให้เชสได้ปวดหัวยิ่งกว่าเดิม หลังจากที่เจ้าตัวเดินทางมาถึงโรสต์ในช่วงมืดแล้ว ทันทีที่มาถึงก็มีเบต้าหน้าตาคุ้นเคยวิ่งเข้ามาหาหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ด้วยท่าทีที่ร้อนรนไม่น้อย 


    "อัลฟ่าที่เดินทางมาก่อนหน้าเขาได้รับบาดเจ็บ แต่จนถึงตอนนี้อาการยังไม่ดีขึ้นสักนิด" 


    "เขามาถึงที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่?" เอริคเป็นฝ่ายถาม หลังจากที่ทั้งคู่ลงมาจากหลังม้าและเดินตามราเชลไปที่บ้านพัก ซึ่งเป็นบ้านที่เชสใช้พักอยู่ทุกครั้งที่มาที่นี่ 


    "ช่วงบ่ายเห็นจะได้ ตอนแรกฉันคิดว่าเขาน่าจะแค่อ่อนล้าเพราะใช้เวลาเดินเท้ามาที่นี่ แต่จริงๆ ตามตัวเขาดูมีรอยช้ำไม่น้อย" 


    ทั้งรอยช้ำที่บริเวณใบหน้าและหน้าท้อง ไหนจะแผลที่แขนข้างซ้ายนั่นก็ด้วย..


    ทันทีที่เข้ามาในห้องและได้เห็นสภาพของอัลฟ่าแดนเหนือก็ทำให้เชสถอนหายใจออกมาหนักๆ ชาลีเองเมื่อเห็นเจ้านายที่แท้จริงของตัวเองก็ทำเพียงแค่กระดกหัวขึ้นมามองแล้วนอนต่ออย่างไม่สนใจ ซึ่งนั่นก็ไม่ได้ทำให้เชสสนใจไปมากกว่าคนที่กำลังนอนซมเพราะพิษไข้บนเตียงเลยสักนิด 


    นี่เป็นครั้งที่สองที่เชส ไทเลอร์ ต้องมาเห็นอัลฟ่าแดนเหนือนี่ในช่วงเวลาที่เจ้าตัวบาดเจ็บ แม้ร่องรอยที่ใบหน้าจะไม่ได้มากมายนัก แต่เมื่อได้ลองเข้าไปใกล้และสำรวจตามร่างกายของแอชเชอร์ก็ทำให้เชสเอ่ยปากไล่คนอื่นที่อยู่ในห้องออกไปในทันที 


    "ฉันไม่เอาไปพูดหรอกน่าเชส"  เอริคที่เป็นเพียงคนเดียวที่สามารถยืนอยู่ในห้องได้เอ่ย ดวงตาเฉยชาของเจ้าตัวไล่มองตามผิวกายของแอชเชอร์เพียงเล็กน้อยขณะที่พูดคุยกับเชส "ฉันก็พึ่งรู้เหมือนกันนะว่ากลบกลิ่นแค่นี้ ถึงกับต้องทำรอยทิ้งไว้.."


    "อย่าพูดมากน่าริค.. นายมีหน้าที่รักษาก็รักษาไป"


    "นอกจากแผลข้างนอกนี่ ฉันต้องตรวจอย่างอื่นให้ด้วยไหม?" รอยยิ้มแสยะของเอริคทำให้เชสยิ่งหัวเสียกว่าเดิม 


    "อย่ามากวนประสาทฉันตอนนี้"


    "ฉันก็แค่พูดตามที่เห็น นายหงุดหงิดของนายเองทั้งนั้น"


    "แล้วนั่นนายจะทำอะไร!" เชสถึงกับหลุดเสียงดังเมื่อเห็นมือของเอริคเริ่มจะปลดกระดุมเสื้อผ้าที่แอชเชอร์สวมใส่อยู่ออก 


    "เช็ดตัวกับเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เลสลีย์" 


    "ฉันทำเอง.." 


    พูดจบเชสก็ตรงเข้าไปนั่งข้างเตียงที่อีกฝ่ายนอนอยู่ โดยไม่ลืมส่งสายตาไล่เอริคที่ยังยืนมองอยู่ 


    "ออกไปก่อนสิ ถ้าเปลี่ยนกับเช็ดตัวให้เลสลีย์เสร็จแล้วเดี๋ยวฉันจะออกไปเรียกนาย" 


    "พระเจ้า.. นายต้องล้อฉันเล่นอยู่แน่ๆ" เอริคส่ายหน้าไปมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ คนอย่างเชสเนี่ยนะ จะยอมมาเช็ดตัวให้ใคร พวกที่ไม่ชอบถึงเนื้อถึงตัวใครและไม่ยอมให้ใครมาถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้ มันจะเป็นไปได้ยังไงที่จะยอมทำ


    "หน้าตาฉันดูล่อเล่นกับนายมากไหมริค" 


    ใบหน้าดุคมดูจริงจังขึ้นมาถนัดตาแล้วยังใช้น้ำเสียงราบเรียบคุยกับเอริค ซึ่งนั่นก็บ่งบอกถึงความไม่พอใจที่เริ่มเกิดขึ้นของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์คนเก่ง 


    "ก็ได้ๆ เชิญนายดูแลเลสลีย์ได้ตามสบาย" เอริคจงใจเน้นคำว่าดูแล ให้เชสได้ยินแล้วเดินยิ้มออกมาจากห้องเมื่อได้แหย่คนที่ชอบกวนประสาทตัวเองอย่างเชส 


    คล้อยหลังจากที่เอริคออกไปข้างนอก เชสก็จัดการประคองตัวคนที่ตัวร้อนเหมือนไฟขึ้นมานั่งดีๆ ซึ่งคนที่ถูกจับต้องร่างกายนั้นก็เปิดเปลือกตาขึ้นมามองด้วยความรำคาญ 


    "นะ นาย.."


    "พอจะลุกไหวไหมเลสลีย์" เจ้าของใบหน้าคมก้มลงมองคนที่ทิ้งหัวลงบนไหล่ตัวเองด้วยน้ำเสียงจริงจัง อาการแบบนี้คงไม่พ้นมาจากการช้ำในและแผลที่อักเสบ 


    "อะ อย่ามายุ่ง" เสียงแหบเอ่ยก่อนจะปัดมือของเชสที่จับตามตัวตัวเองออก ซึ่งท่าทีดื้อดึงนั้นก็ทำให้เชสอดที่จะดุอีกฝ่ายไม่ได้


    "แรงไม่มีแล้วยังจะปากดี" 


    เลสลีย์แสดงสีหน้าหงุดหงิดในทันทีเมื่อได้ยินหัวหน้าหน่วยปากร้ายนั่นพูดแบบนั้น ร่างกายที่ยังคงบอบช้ำพยายามจะกระถดตัวหนีคนที่ประคองตัวเองอย่างไม่ยอม จนทำให้เชสเริ่มใช้แรงในการล็อคอีกฝ่ายให้อยู่เฉยๆมากขึ้น 


    "อยากเจ็บตัวเพิ่มหรือไง" เชสไม่ได้ขู่ ถ้าหากดื้อรั้นนักก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องออมแรง ยิ่งเป็นอัลฟ่าเหมือนกันแล้วด้วยยิ่งไม่ต้องคิดอะไรมาก 


    ยื้อกันไปยื้อกันมาสักพัก สุดท้ายคนที่ตอนนี้แรงน้อยกว่าก็ต้องปล่อยให้เชสได้ยุ่มย่ามกับร่างกายตัวเองด้วยความไม่เต็มใจ 


    เสื้อผ้าของเชสที่แอชเชอร์ใส่ถูกออกด้วยฝีมือของเจ้าของเสื้อผ้า ในขณะที่แอชเชอร์เองก็เลือกที่จะเมินหน้าหนีอย่างไม่อยากจะเห็นสายตาของเชสที่กำลังมองร่างกายของตัวเอง  ร่องรอยแดงอ่อนยังคงฉายชัดบนผิวกายขาว ซึ่งทั้งหมดนั่นมันก็มาจากเชสที่ฉวยโอกาสกับร่างกายของนายน้อยตระกูลเลสลีย์ 


    "ถ้าไม่ไหวก็หลับไป" เห็นหน้าตาที่ดูอิดโรยแล้วเชสก็อดจะพูดไม่ได้  แต่เลสลีย์เองก็ไม่ได้ตอบอะไรนอกเสียจากจะนั่งนิ่งให้อีกฝ่ายเช็ดตัว แม้จะกระดากอายยามที่เจ้าของผิวสีแทนนั้นลูบผ้าอุ่นๆ ไปตามร่างกายของตัวเอง ทั้งในที่ๆ ควรและไม่ควร 


    ยิ่งในจังหวะที่เจ้าตัวจะเช็ดหลังของแอชเชอร์ก็ยิ่งทำให้เจ้าของกลีบปากบางเม้มปากแน่น.. ท่าทางที่เป็นตัวของแอชเชอร์ที่ต้องซบกับไหล่ของเชสนี่มันน่าอายสิ้นดี แถมร่างกายของร่างขาวเองก็แนบชิดกับกายแกร่งของไทเลอร์ไม่ต่างจากเมื่อวานที่อาบน้ำด้วยกันเลยสักนิด และนั่นก็ทำให้ภาพตัวเองจูบกับไทเลอร์ผุดขึ้นมาในหัว พร้อมกับความทรงจำในวันนั้นที่หลั่งไหลไม่ยอมหยุด 


    ยิ่งมือของเชสลากต่ำลงไปเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้แอชเชอร์ฝังหน้าลงกับไหล่กว้างมากขึ้นก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นการงับเข้าที่ไหล่กว้าง เมื่อมือสากนั้นลูบสัมผัสตามร่างกายของตัวเอง 


    "อึก..." 


    "ทั้งที่ฉันกลบกลิ่นนายแล้วแท้ๆ แต่ทำไมถึงยังได้กลิ่นของนายอยู่อีกกัน" จมูกโด่งไล่ดมกลิ่นที่ซอกคอขาวของเลสลีย์ด้วยความสงสัย "หรือเพราะนายป่วย.."


    "ฉันไม่รู้..." 


    เพราะที่แอชเชอร์รู้อยู่ตอนนี้่มันคือการที่เขากำลังรู้สึกแปลกๆ เมื่ออยู่ใกล้ไทเลอร์ กลิ่นไม้ซีดาร์พวกนี้มันกำลังทำอะไรกับตัวของเขากันแน่..


    "นายทำอะไรกับฉันกันแน่ไทเลอร์


    การกลบกลิ่นของอัลฟ่าด้วยกันเองมันต้องมีผลข้างเคียงอะไรบางอย่างกับร่างกายของแอชเชอร์แน่ๆ ไม่เช่นนั้นอัลฟ่าร่างขาวซีดก็คงไม่มีความรู้สึกที่ตื่นตัว ต่อสัมผัสของเชสเพียงแค่การแตะต้องร่างกายแบบนี้หรอก...


    "แล้วมันจะแปลกอะไรถ้าอัลฟ่าอย่างนายที่อ่อนแอกว่าทรูอัลฟ่าแบบฉัน จะรู้สึกอยากถูกครอบครอง







    HASTAG #youngmastermn 






    TBC.






    ปล. มอร์แกน เรยโนลด์ = ซึลกิ , ราเชล สแตนลีย์ =  วินวิน 




Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in