เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
YOUNG MASTER #MINNOninezexsky
2

  • Note : เชส ไทเลอร์ = แจมิน , แอชเชอร์ เลสลีย์ = เจโน่ , เอริค เมอร์เรย์ = โดยอง , ลูอิส(ลูฟ) เชอร์ชิล = ลูคัส , เซบาสเตียน โบเว็น = เฮนเดอรี่ , อาเธอร์ เลสลีย์ = แจฮยอน , ริโอ สเปนเซอร์ = จอห์นนี่ , โจชัวร์ คาร์ลิน = มาร์ค 
    ** อาจมีการเรียกชื่อหรือนามสกุลของตัวละครสลับกันไปนะคะ ต้องจำกันนิดนึงเน้อ ** 











    ทุกสิ่งรอบตัวมันดูแปลกประหลาดไปหมดสำหรับคนที่ใช้ชีวิตในแดนเหนือมาตลอด ทุกอย่างกลายเป็นความแปลกใหม่ชวนให้ตื่นเต้น จนเลือดในกายอัลฟ่าหนุ่มเริ่มจะพลุ่งพล่าน


    ความชื้นจากหยดน้ำที่ร่วงลงมาจากท้องฟ้า แม้จะไม่ได้ทำให้รู้สึกหนาวเย็นเท่าแดนเหนือ แต่ความชื้นของแดนใต้ก็ไม่ได้แย่สักเท่าไหร่สำหรับคนที่ต้องปรับตัว กลิ่นไอดิน ไอฝน หรือแม้กระทั่งกลิ่นไม้ป่ากลับเข้ากันอย่างประหลาด 


    ต้นไม้ที่ได้รับหยาดฝนชโลมยิ่งดูมีชีวิตชีวาจนยากที่จะละสายตา สีเขียวชะอุ่มตามใบที่งอกงามตัดกับสีน้ำตาลเข้มของลำต้นและกิ่งก้าน  หากลองแหงนหน้าขึ้นมองไปบนท้องฟ้า ก็จะเห็นกลุ่มเมฆสีขาวที่ลอยพาดผ่านเนินเขาสูงต่ำที่ไล่เรียงสลับกันจนเกิดเป็นความสวยงามที่สร้างสรรค์โดยธรรมชาติ 


    ความรู้สึกที่ไม่เคยได้สัมผัสพวกนี้คงอาจจะทำให้แอชเชอร์รู้สึกดี หากไม่ใช่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เรื่องทุกอย่างมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เกินกว่าที่จะตั้งรับทัน ต่อให้แค้นใจแค่ไหนแต่ด้วยสภาพร่างกายที่ยังไม่เอื้ออำนวย แอชเชอร์ก็คงยังทำอะไรไปไม่ได้มากกว่านี้ อีกทั้งยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไทเลอร์ จะจัดการเรื่องของตัวเองอย่างไร 


    มีความเป็นไปได้เพียงแค่สองอย่างนั่นก็คือถีบหัวส่งเขากลับไปยังแดนเหนือ หรืออีกทางเลือกหนึ่งก็คือเก็บเขาไว้ เป็นตัวต่อรองเพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ 


    อัลฟ่าแดนเหนือยังคงนั่งบนเก้าอี้ ทอดมองสรรพสิ่งรอบตัว ไปพร้อมกับความเงียบที่ปิดกั้นตัวเองออกจากความวุ่นวายภายนอก 


    ต่อให้ที่นี่จะน่าสนใจมากสักแค่ไหน แต่จิตใจของแอชเชอร์ก็ยังคงเป็นกังวลถึงคนที่เป็นสายเลือดเดียวกัน ซึ่งยังอยู่อีกฟากฝั่ง ชะตากรรมของคนเป็นพี่จะเป็นยังไงแอชเชอร์ก็ไม่สามารถจะคาดเดาได้ ถ้าจะพูดให้ถูก ทั้งแอชเชอร์และพี่ชายต่างไม่ได้พบเจอกันร่วมเดือน ก่อนตัวเลสลีย์คนน้องจะหนีออกมา


    หวังว่านายจะปลอดภัย เหมือนอย่างที่ฉันปลอดภัย...







    การกระทำทั้งหมดของแอชเชอร์ ยังคงตกอยู่ภายใต้กรอบสายตาของเชส   แม้จะได้พูดคุยกันไปแล้วแต่ก็ใช่ว่าจะราบรื่นเสียเมื่อไหร่  คนกวนประสาทกับคนความอดทนต่ำมาเจอกัน ใครกันที่จะประสาทเสีย มันก็คงไม่พ้นต้องเป็นแอชเชอร์... แววตาดุดันของหัวหน้าหน่วยประจำเดอะฮิลล์ยังคงจดจ้องไปที่อัลฟ่าแดนเหนืออย่างพิจารณา 


    เชสอดชื่นชมในรูปหน้าของอีกฝ่ายอย่างเสียไม่ได้ แม้ใจจริงจะไม่อยากคิดแบบนั้นก็ตาม แต่จะด้วยความลำเอียงของพระเจ้ามันก็คงใช่ เพราะไม่อย่างนั้นแอชเชอร์ เลสลีย์ ก็คงไม่มีใบหน้าที่สมบูรณ์แบบได้ขนาดนี้  จากจุดที่ร่างสูงยืนมองจะทำให้เห็นเพียงใบหน้าด้านข้าง นั่นมันก็มากพอที่จะทำให้เชสเห็นศิลปะที่เหมือนหลุดออกมาจากภาพวาดได้อย่างเต็มตา 


    ความงดงามของพี่น้องตระกูลเลสลีย์เป็นเรื่องที่ยากจะปฏิเสธ


    คงต้องขอบคุณเลสลีย์คนพี่ที่ทำให้เชสรู้สึกไม่แปลกใจเท่าไหร่นัก กับการที่ได้รับรู้ว่าคนที่ตัวเองช่วยเหลือมาคือคนของเลสลีย์  ถ้าหากเลสลีย์คนน้องเปรียบดั่งจิตกรรมชั้นเลิศ เลสลีย์คนพี่ก็คงไม่ต่างจากประติมากรรมชิ้นเอกเช่นเดียวกัน... 


    ร่องรอยของบาดแผลตามร่างกายที่ถูกรักษา ดูจะทำให้อัลฟ่าแดนเหนือขยับตัวได้คล่องขึ้น แต่ก็ไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ผ้าสีขาวที่ถูกพันอยู่รอบตัวบริเวณช่วงหน้าท้องลามมาถึงลาดไหล่ เชสเข้าใจดีว่ามันน่ารำคาญยจนอยากจะกระชากทิ้ง และการกระทำที่ว่านั่นเชสเองก็เคยทำมันมาแล้ว เรียกได้ว่าโดนเอริคบ่นเสียจนหูุชา จนต้องเอ่ยปากให้อีกฝ่ายทำแผลให้ใหม่เพื่อปิดปากร้ายๆนั่น 


    ทว่าแอชเชอร์ในตอนนี้ คงกลายเป็นคนไข้หนึ่งในดวงใจของเอริคไปแล้วก็คงถูก เป็นเรื่องหายากชนิดที่ทำเอาลูฟถึงกับทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ เมื่อได้ยินเอริคใช้น้ำเสียงนุ่มคุยกับแอชเชอร์ขณะที่กำลังทำแผลเมื่อตอนเช้า 


    'นี่ลูฟ มองขนาดนั้น อีกนิดตานายมันจะถลนออกมาแล้วนะ..'


    'นายทำงานหนักเกินไปใช่ไหมเอริค ถึงได้เป็นแบบนี้..' 


    'ว่างๆ นายก็หัดพาหมอนี่ไปหาอะไรทำให้สมองเลิกฟุ้งซ่านบ้างก็ดีนะเชส" 


    นอกจากพระเจ้าจะลำเอียงแล้ว เอริคเองก็ลำเอียงเช่นกัน ไม่อย่างนั้นคงไม่แว้งมาเหน็บแนมอัลฟ่าแดนใต้ที่ยืนมองอยู่เฉยๆ หรอก 


    "ถ้าฝนหยุดตก นายจะออกไปเดินเล่นข้างนอกก็ได้นะ..."


    ทันทีที่เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นก็ทำให้คนที่กำลังเพลิดเพลินกับการใช้เวลากับตัวเอง ผินใบหน้ากลับมามองเจ้าของห้องตัวจริงที่ยืนกอดอกยกยิ้มให้ตัวเอง 


    "ไม่ล่ะ.. ขอบคุณ" แอชเชอร์ปฏิเสธคำอนุญาตนั้นอย่างไร้เยื่อใย จนหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ถึงกับหัวเราะในลำคอ


    "ปฏิเสธแบบนี้ เจ้าบ้านแบบฉันก็เสียใจแย่" 


    "พึ่งจะรู้เหมือนกันนะว่าห้วหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ ชอบใช้เวลาว่างด้วยการกวนประสาทคนอื่น.." เลสลีย์คนน้องตอกกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ 


    ก็ไม่น่าไปแหย่ตั้งแต่แรก


    "แย่หน่อยนะ พอดีมันแก้ไม่หายน่ะเลสลีย์


    "เชส!!!" 


    เสียงตะโกนที่ดังมาจากด้านล่างทำให้เชสขมวดคิ้วเข้าหากันในทันที เสียงโวยวายแบบนี้มันจะเป็นใครได้นอกจากลูฟ 


    "เสียงนายกำลังรบกวนเลสลีย์อยู่นะลูฟ.." 


    ทันทีที่ลูฟโผล่หน้ามาให้เห็น เชสก็เอ่ยปากว่าทันทีก่อนจะพยักเผยิดไปทางอัลฟ่าแดนเหนือที่หันมามองทั้งสองอย่างสนใจ 


    "โทษทีเลสลีย์ พอดีมันชินน่ะ" ลูฟว่าก่อนจะยิ้มแห้งแล้วหันไปคุยกับเชสต่อ "แล้วนี่นายเตรียมตัวเสร็จหรือยังเชส ฝนใกล้จะหยุดตกแล้ว"


    "จริงจังทุกเรื่องที่ไม่ใช่งานทุกที" เชสว่า


    "ทำงานกับพักผ่อนมันก็คนละเรื่องอยู่แล้วสิ นายก็เห็นว่าคนในหน่วยฮึกเฮิมทุกทีที่เราแข่งกันเองในหน่วย" 


    หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์หันมามองหน้าคนที่ยึดครองห้องนอนตัวเองเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะแสยะยิ้มกวน พลางเอ่ยประโยคที่ทำให้แอชเชอร์ผุดลุกขึ้นยืนจนลืมเจ็บ


    "ซึ่งมันก็ทำให้ไม่แปลก ที่เราจะแข็งแกร่งกว่าพวกแดนเหนือ


    "ยังไม่เลิกหาเรื่องเลสลีย์อีกหรือไง.." ลูฟกระซิบลอดไรฟัน ก่อนจะหันไปฉีกยิ้มแห้งๆให้ใครอีกคนเป็นรอบที่สอง "เดี๋ยวก็ได้โดนต่อยปากเข้าสักวัน" 


    "ก็คงยังไม่ใช่เร็วๆนี้.." 


    จากสภาพของแอชเชอร์ในตอนนี้ ให้เดินให้ไม่เซยังยากเลย นับประสาอะไรกับการพุ่งเข้าชนเชส มันเป็นไปไม่ได้ หรือถ้าเป็นไปได้ก็คงต้องแลกกับแผลฉีก ซึ่งมันก็มีความเป็นไปได้น้อยจนถึงน้อยที่สุดที่อีกคนจะทำแบบนั้น


    "อย่าถือสากันเลยนะเลสลีย์ เพื่อนฉันมันก็แบบนี้ล่ะ" 


    "ทางที่ดี ฉันว่านายรีบพาเขาออกไปตอนนี้เลยน่าจะดีกว่า" แอชเชอร์ว่าก่อนจะหมุนตัวกลับไปสนใจฝนที่ตกทางด้านนอกหน้าต่าง ซึ่งการกระทำแบบนี้มันก็ไม่ต่างจากการเมินเฉย 


    "ไปเถอะ.."  เชสยักไหล่น้อยๆ ก่อนจะเดินนำลูฟลงมาทางด้านล่าง ก่อนจะคว้าเอาเสื้อยืดที่สามารถถอดได้ง่ายๆมาใส่แทนเสื้อตัวหนาที่เคยใส่ 


    "ขนาดนี้แล้ว ไม่ต้องใส่ก็ได้มั้ง ยังไงก็ต้องถอดอยู่ดี" ลูฟว่า 


    "ฉันไม่ใช่พวกชอบโชว์หุ่นแบบนาย.." แม้จะมีร่างกายแข็งแกร่งสมกับการเป็นหน่วยป้องกัน แต่เชสก็ไม่ใช่พวกชอบเปิดเผยร่างกายเสียเท่าไหร่หากไม่จำเป็น อีกอย่างในหน่วยก็มีแค่เบต้ากับอัลฟ่า ส่วนโอเมก้าน่ะตัดทิ้งไปได้เลย 


    มันคงไม่ใช่เรื่องดี ถ้าในหน่วยป้องกันจะมีโอเมก้า เหตุผลหลักๆก็คงไม่พ้นการกดขี่ และความปลอดภัยของพวกที่อยู่ต่ำสุดของห่วงโซ่อาหาร หากมีโอเมก้ามันก็จะรังแต่มีปัญหาให้ปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน เพราะขนาดมีกันแค่นี้


    "ว่าแต่ว่า นายจะปล่อยให้เลสลีย์อยู่ที่นี่คนเดียวงั้นเหรอ?" 


    "ฉันวานให้คนไปบอกเอริคแล้ว เดี๋ยวสักพักหมอนั่นก็คงมา" เชสตอบก่อนจะเสยผมของตัวเองให้เข้าที่ แล้วคว้าซองผ้าสำหรับเก็บมีดพกมารัดที่ต้นขา "ไม่ต้องห่วงหรอกน่า"


    "เกิดหมอนั่นทำอะไรขึ้นมา พวกเราจะซวยเอา"


    "ก็ลองดู..." 


    แล้วคิดเหรอว่าถ้าเข้ามาทำให้พวกเขาเดือดร้อน เชสจะปล่อยให้แอชเชอร์ได้ออกไปง่ายๆ 


    "อย่าพึ่งคลั่ง นายยังไม่ทันได้ลงสนามเลยนะเชส" ลูฟเอ่ยหยอกเพื่อนสนิทที่กำลังแสยะยิ้มร้ายกาจ เห็นกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ลูฟก็อดขนลุกไม่ได้ รอยยิ้มของเชสน่ะ น่ากลัวยิ่งกว่าหน้าตาตอนนิ่งๆเสียอีก 


    "สงสัยว่าเครื่องจะติด.."  


    "ถ้างั้นวันนี้ หัวหน้าหน่วยก็คงกินเรียบเหมือนเคย.." 


    "ขำๆ น่า" 


    คำว่าขำๆของเชสมันมีอยู่จริงเสียที่ไหน จะให้ลูฟพูดกี่ครั้งมันก็ไม่มีอยู่จริง หรือถ้ามีอยู่จริงก็คงจะเป็นคำหลอกลวงที่ฟังยังไงก็ไม่น่าเชื่อ 


    "ออมแรงให้คนอื่นบ้างก็ได้"


    "เผื่อนายจะลืมว่าเกมที่ว่า มันคือการฝึก


    ใช่.. เชสพูดไม่ผิดหรอก  คำเรียกสั้นๆที่รู้กันดีภายในหน่วยเดอะฮิลล์อย่างเกม  คือการฝึกที่เกิดขึ้นเป็นประจำเพื่อให้คนในหน่วยได้มีอะไรฆ่าเวลาเล่น แทนการทำงานที่แสนจะน่าเบื่อ 


    "แต่สำหรับนายมันก็เป็นแค่เกม" 


    "เหมือนอย่างที่นายคิด" เชสตบไหล่เพื่อนตัวสูงหนักๆ "แล้วตัดสินใจหรือยังล่ะว่าจะอยู่ฝั่งไหน" 


    "แน่นอนว่าต้องตรงข้ามกับนาย" 


    ประโยคพูดคุยที่ท้าทายพวกนี้เป็นเรื่องปกติสำหรับเกมการฝึก ทั้งเชสและลูฟต่างไม่มีใครติดใจถ้อยคำกระแทกแดกดันที่พูดกันเท่าไหร่นัก ตรงกันข้ามยิ่งยั่วยุ ก็ยิ่งทำให้เลือดบ้าในตัวมันพลุ่งพล่าน 


    "ถึงจะเป็นเพื่อน ฉันก็ไม่ออมแรงให้หรอกนะลูฟ"


    "เล่นมากี่เกม ฉันก็เห็นนายออมแรงให้ทุกที" ลูฟเบ้ปากน้อยๆกับคำพูดคำจาของเพื่อน "ขนาดออมแรง นายยังเล่นพวกฉันซะอ่วม.."


    ลูกบ้าของเชสน่ะ ยากที่จะหาคนมารับมือ ลูฟที่ฝึกด้วยกันมาก่อนที่จะมาประจำการขอยืนยันได้  แม้จะไม่ได้รูปร่างสูงชะลูดแบบลูุฟ แต่เชสกลับมีรูุปร่างสูงโปร่งที่ไม่ได้มากหรือน้อยเกินไป มัดกล้ามเนื้อแน่นยังคงพอดีกับร่างกายที่ถูกออกแบบ อีกทั้งยังคล่องตัวในการขยับร่างกายจนไม่เป็นที่แปลกใจเท่าไหร่ถ้าจะว่องไวและรวดเร็ว


    "ยังไงฉันก็หวังว่าฝั่งป้องกัน จะพัฒนากว่าครั้งที่แล้ว..." 



    ถ้าจะให้อธิบายง่ายๆ การฝึกหรือเกมที่ว่าของเดอะฮิลล์ก็คือการเล่นชิงธง ซึ่งจะแบ่งเป็นสองฝั่งคือฝั่งป้องกันและฝั่งจู่โจม  ฝั่งป้องกันจะต้องทำหน้าที่รักษาธงของหน่วยที่ปักอยู่บนเนินเขาลูกใหญ่ให้ได้ ส่วนฝั่งจู่โจมก็ต้องทำทุกอย่างที่จะขึ้นไปชิงธง แม้จะดูเสียเปรียบสำหรับฝั่งป้องกันแต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะในทีมจู่โจมเองก็มีตัวหลอกอยู่หนึ่งคน ซึ่งคนๆนั้นจะเป็นคนที่ถูกเลือกโดยเอริค และเป็นความลับซึ่งไม่มีใครรู้ได้จนกว่าโดนจับได้จากฝั่งจู่โจมเอง หรือจากการที่ตัวหลอกนั่นสามารถขึ้นไปยกธงประจำหน่วยที่เป็นที่แย่งชิงนั่นได้ 


    ซึ่งแต่ละครั้งที่ผ่านมาก็ยังไม่มีตัวหลอกคนไหนที่จะรอดพ้นสายตาของเชส ไทเลอร์ได้... 














    "พวกเขาทำอะไรกัน..."  


    ภายในบ้านของหัวหน้าหน่วยที่ตอนนี้มีอัลฟ่าแดนเหนือมาร่วมอาศัยชายคา เกิดเสียงบทสนทนาขึ้นหลังจากที่เอริค เมอร์เรย์ เข้ามาหาคนเจ็บก่อนจะชวนลงมานั่งดื่มชาร้อนๆ 


    "ก็แค่เล่นเกมน่ะ" เอริคตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆ พลางดันกรอบแว่นที่ตกลงถึงสันจมูกให้เข้าที่ 


    "แต่จากที่ฉันเห็นมันดูไม่เข้าเค้ากับคำว่าเกมสักเท่าไหร่" แอชเชอร์แย้งก่อนจะนึกถึงภาพของไทเลอร์และเชอร์ชิลที่เดินออกไปจากบ้านทั้งที่ยังมีอาวุธขนาดเล็กพกพา 


    "เกมของเดอะฮิลล์ มันหมายถึงการฝึกต่างหากล่ะเลสลีย์.." มุมปากหยักยกยิ้มนิดๆ เมื่อเห็นใบหน้าที่แสนจะใคร่อยากรู้อยากเห็นของอัลฟ่าแดนเหนือ 


    "แล้วฝึกกันตอนนี้เนี่ยนะ ฝนยังไม่หายตกดีเลยด้วยซ้ำ" 


    "แบบนี้สิยิ่งดี นายว่ามันไม่ท้าทายดีหรือไง ปกติแล้วการขึ้นไปชิงธงบนเขานั่นมันก็ยากอยู่แล้ว พอฝนตกแบบนี้มันก็ยิ่งยากขึ้น" 


    "แต่มันอันตราย" 


    "นั่นแหละที่เชสต้องการ ยิ่งอันตรายหมอนั่นยิ่งชอบ" คนมาใหม่นั้นไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ที่จะไม่คุ้นชินกับความคิดพวกนี้ "ถ้าแค่นี้ยังรักษาชีวิตตัวเองไม่ได้ ก็คงไม่ต้องหวังว่าจะเอาตัวรอดได้ถ้าต้องสู้ขึ้นมาจริงๆ" 


    ให้ตายสิ.. แอชเชอร์ล่ะไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมคนพวกนี้ถึงมีความคิดแบบนี้กัน เรื่องความเป็นความตายยังเอามาเล่นกับเป็นเกม 


    "ฉันล่ะไม่เข้าใจพวกนาย.."


    "ใครจะรู้ว่าต่อไปนายอาจจะเข้าใจพวกเรามากขึ้นกว่าที่คิดก็ได้" 


    "ขอปฏิเสธตั้งแต่วันนี้เลยคงจะดีกว่า ฉันยังไม่อยากเอาอะไรพวกนี้มาฝังหัว"


    หัวแข็งแบบเลสลีย์นี่มันน่าจับเอาความคิดแดนใต้ฝังหัวให้เข็ดนัก  นั่นคือสิ่งที่เอริคคิดในใจยามที่เห็นอัลฟ่าหัวดื้อตรงหน้า 


    "ไว้นายหาย จะลองไปเล่นดูก็คงไม่เสียหาย" เอริคยังคงคะยั้นคะยออัลฟ่าแดนเหนือไม่เลิก


    "นายคิดว่าฉันจะมีวันนั้นงั้นเหรอ"


    "พูดแบบนี้ นายคงกำลังคิดว่าเชสจะส่งนายกลับไปทางฝั่งนั้น" 


    "หรือไม่ถูกล่ะ?" แอชเชอร์วางแก้วในมือลงก่อนจะหันมามองหน้าคู่สนทนาเป็นจริงเป็นจัง "หมอนั่นคงไม่เก็บฉันไว้เฉยๆหรอก" 


    "เท่าที่รู้ เชสจะไม่ส่งนายกลับไปที่นั่น" เอริคเอ่ยตามสิ่งที่ได้ยินมา ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจความคิดของเชสก็ตาม แต่ก็ต้องยอมรับในการตัดสินใจของหัวหน้าหน่วยอยู่ดี "ไม่ว่าจะกรณีไหนก็ตาม แต่ดูจากท่าทางแล้วนายคงอยากจะกลับไปที่นั่นน่าดู" 


    "การจะอาศัยอยู่ในแดนใต้ คงไม่ใช่วิสัยของคนแดนเหนือ นายก็รู้..."


    "ทั้งที่แดนเหนือไม่เหลืออะไรสำหรับนายอย่างนั้นน่ะเหรอ..." 


    นับว่าเอริค เมอร์เรย์ จี้ใจของแอชเชอร์ได้อย่างถูกจุด แวบนึงที่หมอหนุ่มเห็นดวงตาคู่นั้นแข็งกร้าวขึ้นมาเพียงชั่วครู่ 


    "ใครบอกว่าฉันไม่เหลือ.."


    เจ้าของลาดไหล่กว้างลอบมองปฏิกริยาของอัลฟ่าแดนเหนือด้วยความสนอกสนใจ  ถึงจะบาดเจ็บจนเรียกได้ว่าเกือบจะสาหัสนั่นก็ไม่ได้ทำให้เลสลีย์อ่อนแอจนน่าเกลียด มิหนำซ้ำความเจ็บพวกนี้ก็ดูจะกลายเป็นแรงผลักบางอย่างที่ทำให้เจ้าตัวรอวันฟื้นตัว มองๆดูแล้วก็คงไม่ต่างจากหมาป่าที่กำลังบาดเจ็บ หากวันไหนที่มันหายดี เชื่อได้เลยว่ามันจะต้องกลับมาล่าได้อย่างแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม


    "อ่อ.. ฉันลืมไป ว่ายังมีเลสลีย์คนโตอีก" 


    "ดูเหมือนว่าพวกนายจะรู้จักกับอาเธอร์จังนะ ทั้งๆที่ไม่น่าเป็นไปได้" 


    "พี่ชายนายคือทุกอย่างของการเป็นไปได้ที่อยู่บนความเป็นไปไม่ได้..." แอชเชอร์ขมวดคิ้วแน่นเมื่อได้รับฟังประโยคแปลกๆจากหมอหนุ่ม "นายควรจะดีใจนะที่อย่างน้อยพี่ชายนาย ไม่ใช่ศัตรูของเรา" 


    แม้แอชเชอร์จะพอรู้มาบ้างว่าอาเธอร์มักจะชอบแหกกฏที่คนเป็นพ่อสร้างไว้ แต่เขาก็ไม่เคยคิดว่าพี่ชายตัวดีจะกล้ามาเป็นมิตรกับทางแดนใต้ ทั้งที่มันเป็นข้อห้ามซึ่งต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด  อาเธอร์ชอบเดินทาง ชอบไปในที่ๆอันตรายจนบ่อยครั้งต้องถูกลงโทษ แต่หมอนั่นก็ไม่เคยจำ ผิดกับแอชเชอร์ที่มักจะอยู่ในกฏและทำตามที่คนเป็นพ่อวางไว้  


    "หมอนั่นมันบ้า..." 


    "นายก็คงต้องขอบคุณไอ้บ้านั่นไว้ซะ" 


    "ถ้านายบอกว่าที่นี่เป็นมิตรกับอาเธอร์ งั้นก็แสดงว่าไทเลอร์ก็ต้องสนิทกับพี่ชายฉันพอสมควร?"


    "เรื่องนั้นฉันไม่รู้หรอก ไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่" 


    "!!!"


    "นายก็รู้ว่าเชสมันกวนประสาท พูดกับฉันดีๆได้ไม่กี่ประโยคหรอก" ในที่สุดแอชเชอร์ก็เจอคนที่คิดแบบเดียวกับตัวเองสักที 


    ไทเลอร์ นี่ถนัดหาเรื่องกวนประสาทชาวบ้านเขาไปทั่วจริงๆ 


    "สาบานเลยว่าถ้าไม่ได้เจ็บขนาดนี้ หมอนั่นคงได้ปากแตกเข้าสักวัน"


    "ลองดูสิเลสลีย์ ถ้านายคิดว่าสู้แรงทรูอัลฟ่าได้..." 


    ทรูอัลฟ่า?  


    คงไม่ได้หมายถึงไทเลอร์หรอกนะ.. 










    เชส  มีความหมายว่าการไล่ล่า  เขาไม่เคยเข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงต้องชื่อนี้จนกระทั่ง เขารู้จักตัวตนของตัวเองจริงๆ เมื่อเติบโตขึ้นมา  เชส ไทเลอร์ เป็นทรูอัลฟ่าที่สมบูรณ์แบบ ทักษะ และความสามารถของเชสทำให้เจ้าตัวได้ขึ้นเป็นหัวหน้าหน่วยป้องกันเดอะฮิลล์ด้วยอายุยี่สิบต้นๆ หากเปรียบเทียบกับหัวหน้าหน่วยคนก่อน ประวัติศาสตร์คงต้องจารึกเชสไว้ว่าเป็นหัวหน้าหน่วยป้องกันที่อายุน้อยที่สุด


    แม้จะยากลำบากไม่น้อยในช่วงแรกที่ต้องเข้ามาควบคุมคนหมู่มาก แต่เชส ไทเลอร์ ก็สามารถจัดการกับปัญหาและเรียนรู้ที่จะควบคุมคนได้อย่างอยู่หมัด ไม่ว่าจะอัลฟ่าหรือเบต้าต่างก็ยอมก้มหัวให้กับเชสเพราะความเชื่อมั่นในตัวผู้นำ 


    "วันนี้พวกนายทุกคนทำได้ดีมาก กลับไปพักผ่อนกันให้เรียบร้อย แล้วคืนนี้ค่อยมาฉลองกัน" หัวหน้าหน่วยที่ยืนอยู่ด้านบนเอ่ยบอกเหล่าลูกน้องที่ดูอ่อนล้าจากการฝึกในวันนี้ "ส่วนใครที่เจ็บ ก็ให้แยกไปที่หน่วยพยาบาล" 


    เสียงขานรับแข็งขันทำให้เชสรู้สึกพอใจไม่น้อย ไหนจะผลการประเมินวันนี้ที่ค่อนข้างน่าประทับใจอีก อีหรอบนี้คืนนี้คงต้องฉลองหนักๆ ให้คุ้มกับที่เสียพลังงานกันไป 


    ประเมินจากสายตาคร่าวๆแล้ว ก็ไม่มีใครบาดเจ็บสาหัสมากจนถึงชีวิต อย่างมากก็เป็นแค่แผลฟกช้ำกับแผลจากคมมีดที่เป็นอาวุธอย่างเดียวที่สามารถใช้ได้ 


    "ไปเอาแรงมาจากไหนเยอะแยะวะเชส เมื่อกี้แม่งโคตรจะบ้า" อัลฟ่าหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่เดินเปลือยอกอวดหุ่นแน่นๆของตัวเอง 


    "อยากเอาชนะล่ะมั้ง" เชสตอบขำๆ ก่อนจะคว้าผ้าผืนเล็กมาเช็ดเหงื่อตามใบหน้าตัวเองออกลวกๆ 


    "นายนี่มันสุดๆ ฉันเกือบจะคิดแล้วเชียวว่าวันนี้ฝั่งฉันจะชนะ" ลูฟบ่นอย่างเสียดาย 


    "เอาไว้ครั้งหน้าแล้วกัน" 


    "ครั้งหน้าของนาย อาจจะเป็นชาติหน้าก็ได้ใครจะรู้" คำประชดประชันของลูฟทำเอาหัวหน้าหน่วยคนเก่งถึงกับหลุดขำพรืด  "หัวเราะอะไรของนาย นี่ฉันพูดจริงๆ"


    "นายควรเลิกเพ้อเจ้อจริงๆจังๆได้แล้วลูฟ"


    ผลของเกมในวันนี้ก็คงหนีไม่พ้นผู้ชนะอย่างเชสเช่นเคย  เรียกได้ว่าเป็นการชนะที่ทุกคนต่างยอมรับเพราะไม่มีการใช้กลโกง หรือ ใช้ตัวช่วยอะไรทั้งสิ้น  จะมีก็แต่กำลังกับสมองเท่านั้นที่ถูกใช้ในเกมนี้  แต่ทว่าวันนี้ก็คงเป็นอีกหนึ่งวันที่เชสได้บาดแผลไม่น้อยจากการเข้าไปในป่า 


    แขนแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามมีรอยถากยาวจนเห็นเลือดซิบ จากการถูกกิ่งไม้เกี่ยว ส่วนเรื่องรอยฟกช้ำจากการต่อสู้ตามใบหน้าและร่างกายก็เป็นที่ชินชาเกินกว่าจะต้องมาใส่ใจ 


    "งั้นกลับมาความจริง นายว่าเราจะโดนเอริคบ่นกี่ชั่วโมงกัน?" แค่ได้ยินชื่อ เชสก็เบ้ปากอย่างอัตโนมัติ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเดอะฮิลล์ถึงไม่ได้เปลี่ยนหมอประจำหน่วยมานานถึงสามสี่ปีขนาดนี้ 


    "ก็คงไม่ขนาดหูดับ..." 


    เพราะเชสเองก็มีวิธีทำให้เอริคหุบปากและเลิกบ่นเหมือนกัน  


    "นี่ถ้ามีโอเมก้าอยู่ในหน่วย ฉันคงจะเดินอวดหุ่นได้อย่างภูมิใจกว่านี้ นายเชื่อไหม" ลูฟทุบอกของตัวเองดังปั่กแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ภูมิใจ


    "ขนาดมีแต่อัลฟ่ากับเบต้า ฉันก็เห็นนายยังเดินอวดอย่างภูมิใจ" เชสจิกกัดเข้าให้


    "ใครมันจะดึงดูดทุกเพศแบบนายกันล่ะเชส ขนาดไม่ถอดเสื้อ เบต้าพวกนั้นก็ชมนายไม่หยุดปาก" 


    "นี่ไง เหตุผลที่เดอะฮิลล์ไม่สมควรมีโอเมก้า"


    "ไม่มีโอเมก้า ก็ใช่ว่าจะหมดปัญหา นายก็เห็นว่าอัลฟ่าที่แหกกฏพวกนั้นเป็นยังไง"


    "อย่างน้อยก็เป็นปัญหาที่ไม่ได้จัดการยาก เท่าเรื่องฮีทของโอเมก้า" อัลฟ่าหนุ่มตอบอย่างไม่ยี่หระ ก่อนจะหมุนตัวเดินไปยังทางกลับบ้านพักของตัวเองซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่ง 


    "อย่าไปชวนเลสลีย์ทะเลาะอีกล่ะ!" 


    เสียงตะโกนไล่หลัง ไม่ได้ทำให้เชสสนใจแต่อย่างใด มิหนำซ้ำเจ้าตัวยังเลือกเดินผิวปากอย่างสบายใจ ทำเป็นหูทวนลมจนลูฟหลุดสบถคำหยาบออกมานิดหน่อย 


    อย่างเขาเนี่ยนะจะไปชวนเลสลีย์ทะเลาะ :) 












    ยังไม่ทันที่แอชเชอร์จะได้นอนพัก เจ้าของบ้านตัวจริงก็กลับมาพร้อมกับสภาพที่เรียกได้ว่าสะบักสะบอมพอสมควร เสื้อบนตัวไทเลอร์แนบไปตามร่างกายช่วงบนที่ชุ่มด้วยเหงื่อ ไหนจะคราบเลอะเทอะจากดิน ก็คงไม่เท่ารอยยาวที่ลำแขนซึ่งยังมีเลือดไหลซิบ 


    "แผลแค่นี้ จัดการตัวเองเอาแล้วกันนะเชส" 


    "นายนี่ทำตามแค่ที่สั่งจริงๆ" เชสเหน็บเข้าให้อย่างอดปากไม่ได้ 


    "จะว่ายังไงก็เรื่องของนายเถอะ ฉันเองก็จะไปช่วยคนที่หน่วยแล้วเหมือนกัน"


    "ไม่มีใครเป็นอะไรมากหรอกน่า อย่ากังวลเลย"


    "อยู่ดีๆ ไม่เคยเป็น ชอบพากันไปหาเรื่องเจ็บตัว..." เอริคว่าก่อนจะขอตัวกลับออกไป เมื่อทำหน้าที่ของตัวเองเรียบร้อย หลังจากการฝึกมันคือช่วงหายนะของหน่วยพยาบาลชัดๆ 


    "แล้วมายืนขวางทางอะไรตรงนี้เลสลีย์ ทำไมไม่ไปพัก" ทันทีที่หันมาเห็นอัลฟ่าแดนเหนือยืนขวางอยู่ตรงบันได ปากเสียๆของเชสก็เริ่มทำงานอีกครั้ง


    "ถ้านายแหกตาดู ก็คงจะเห็นนะว่าที่มันตั้งกว้าง" แอชเชอร์อดไม่ได้ที่จะต่อล้อต่อเถียงกับคนกวนประสาท 


    "เลสลีย์นี่ฉลาดจริงๆ.." 


    ฟังก็รู้ว่าไม่ใช่คำชมจากใจ 


    "ขอบคุณ แต่ที่หลังไม่ต้องชมคงจะดีกว่า" อัลฟ่าแดนเหนือว่าเสียงขึ้นจมูก "แล้วก็จะดีมาก ถ้านายเลิกกวนประสาทฉันสักที"


    ไทเลอร์ไม่ได้ตอบอะไร นอกเสียจากจะเดินไปหยิบกล่องอุปกรณ์ทำแผลที่อยู่ในบ้านออกมา ก่อนจะถอดเสื้อที่เปียกชุ่มออกแล้วลงมือนั่งทำแผลให้ตัวเองอย่างคล่องแคล่ว ซึ่งร่างกายของไทเลอร์ที่แข็งแกร่ง กล้ามหน้าท้องที่ขึ้นเป็นลูกชัดเจนอย่างคนออกกำลังกายสมกับการเป็นหน่วยป้องกันก็ ทำให้แอชเชอร์มองอย่างทึ่งๆ ดูเผินๆคงไม่คิดว่าจะมีร่างกายที่สมบูรณ์แบบนี้ เรียกได้ว่าเหนือความคาดหมาย 


    เจ้าของผิวสีคร้ามแดดยังคงนั่งทำแผลของตัวเองโดยไม่ปริปากพูดอะไรสักคำ ซึ่งนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้แอชเชอร์เกิดความรู้สึกลังเลนิดหน่อยที่จะเข้าไปพูดคุยในเรื่องที่ตัวเองอยากจะรู้


    "นายจะยืนอยู่อีกนานไหม มีอะไรจะพูดก็พูดมา" ไทเลอร์เหลือบมองอัลฟ่าต่างแดนเล็กน้อยก่อนจะสนใจการทำแผลของตัวเองต่อ  


    "นายสนิทกับอาเธอร์มากแค่ไหน?" 


    คิ้วหนาเลิกขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อได้ยินประโยคที่เลสลีย์คนเล็กเอ่ยถามตนเอง สงสัยว่าการที่ปล่อยเลสลีย์ทิ้งไว้กับเอริคคงไม่ใช่เรื่องที่ดีสักเท่าไหร่


    "เรียกว่าไม่ได้เป็นศัตรูก็พอ.." 


    "นายตอบไม่ตรงคำถาม"


    "ไม่สนิท" ไทเลอร์เอ่ยเสียงนิ่ง ก่อนจะตวัดสายตาคมกริบมามองอัลฟาแดนเหนือที่กำลังไล่ต้อนตัวเอง "อย่างหนึ่งที่นายควรรู้ในการอยู่กับฉัน คืออย่าพยายามทำตัวเหมือนตอนอยู่แดนเหนือ.." 


    "ฉันมีสิทธิที่จะรู้"


    "เมื่อก่อนอาจจะใช่ แต่ตอนนี้นายมีฐานะเป็นแค่คนที่ต่ำที่สุดในเดอะฮิลล์" 


    "!!!"


    "นายคงไม่คิดว่าตัวเองจะอยู่สูงกว่าคนอื่นในฝั่งแดนใต้หรอกนะเลสลีย์" 


    "นาย..."


    "ไม่มีเหตุผลที่พวกเราจะต้องเชิดชูคนแดนเหนือ"


    "...."


    "ตอนอยู่แดนเหนือนายอาจจะเป็นนายน้อย แต่มันใช้กับที่ไม่ได้" 


    "...."


    "ต่อให้เป็นอัลฟ่าของตระกูลเก่าแก่มันก็ไร้ค่า ถ้านายอยู่ผิดที่" 


    "...."


    "จำไว้เลสลีย์" 



    สาบานว่าต้องมีสักวันที่แอชเชอร์จะทำให้ไทเลอร์มาคุกเข่าก้มหน้าต่อหน้าตัวเองให้ได้!








    #youngmastermn 








    อ่านแล้วเป็นยังไงกันบ้าง อย่าลืมคอมเมนต์บอกกันด้วยนะคะ  >< 



     



























Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in