เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
YOUNG MASTER #MINNOninezexsky
23

  • **ค่อยๆอ่านนะคะ** 







    ช่วงเวลาอันแสนสงบที่สมควรจะได้ใช้มันกับตัวเองอย่างเช่นทุกวันของคุณชายเลสลีย์นั้นกลับถูกรบกวนจากคนสนิทของใครคนนั้น ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นเรียกได้ว่าแทบไม่มีวันไหนเลยด้วยซ้ำที่อาเธอร์จะรอดพ้นจากสายตาของริโอ สเปนเซอร์ แต่ก็ยังมีบ้างที่เคนส์ สเปนเซอร์ จะคอยแวะเวียนมาถามไถ่อาการของอาเธอร์อยู่เป็นระยะเพื่อให้น่าเกลียดจนเกินไป ซึ่งริโอเองก็ไม่ได้คิดติดใจหรือสงสัยอะไรในตัวทั้งคู่สักเท่าไหร่นัก



    และมันคงจะไม่ดีสักเท่าไหร่นักหากเคนส์ สเปนเซอร์ จะทำตัวสนิทสนมกับอาเธอร์ เลสลีย์ออกนอกหน้านอกตาให้ญาติผู้พี่อย่างริโอ สเปนเซอร์ได้หงุดหงิดใจ



    ถึงแม้ว่าในความเป็นจริงแล้วตัวของคุณชายเลสลีย์เองจะรู้จักกับญาติผู้น้องของริโอมากเกินกว่าที่ใครจะคาดคิดก็ตามแต่



    'ฉันว่านี่ไม่ใช่ทางออกที่ดีสำหรับนายหรอกเลสลีย์'



    คำเตือนจากปากของเคนส์เมื่อไม่กี่วันก่อนนั้นไม่ได้ทำให้อาเธอร์เก็บมันมาใส่ใจแต่อย่างใด ความนิ่งเฉยที่ไม่อาจคาดเดาของคุณชายเลสลีย์คงเป็นเรื่องที่หากใครได้พบเจอคงจะต้องหวาดหวั่นไม่มากก็น้อย



    แม้จะโอนอ่อนและยอมเป็นหมากในเกม แต่ก็ใช่ว่าหมากที่ถูกควบคุมจะหาทางปลดปล่อยตัวเองไม่ได้



    ความพยายามครั้งสุดท้ายที่อาเธอร์ เลสลีย์ ยอมทำมันก็เพื่อรอเวลาที่สมควร..

    รักที่กล้ำกลืนฝืนทนซึ่งเจ้าตัวต้องแสดงมันออกไปให้กับริโอ สเปนเซอร์ ในตลอดเวลานับหลายสัปดาห์ ใครจะรู้กันว่าแท้จริงแล้วความรู้สึกภายในจิตใจของอาเธอร์ เลสลีย์ นั้นมันแหลกละเอียดไปหมดแล้ว



    "เป็นเรื่องด่วนหรือ?" เจ้าของผิวขาวสะอาดที่อยู่ในชุดสีดำสนิทเอ่ยถามอัลฟ่าหนุ่มที่ยืนอยู่ไม่ห่างจากตัวเอง ก่อนที่จะได้รับคำตอบที่ทำให้หัวคิ้วสวยขมวดเข้าหากันในทันที



    "ถ้ายังรีรออยู่แบบนี้ เกรงว่าอีกไม่นานคุณชายคงได้มาหาคุณชายเลสลีย์ถึงที่เป็นแน่"



    "ฉันอยากพักผ่อน.."



    อาเธอร์ เลสลีย์ ตอบกลับอย่างไม่คิดลังเล แน่นอนว่าเจ้าตัวไม่ได้ยินดียินร้ายเลยสักนิดกับคำสั่งของริโอ สเปนเซอร์ ก็คงต้องมาลองดูกันว่าเรื่องด่วนที่ทำให้เซบาสเตียนต้องรีบร้อนมาตามเขาถึงที่นี่มันจะเป็นเรื่องใหญ่สักแค่ไหนกันเชียว



    "คุณชายไม่ควรขัดคำสั่งของ..."



    "ถ้าตัวฉันไม่ยอมเดินไปเอง นายจะกล้าลากฉันไปไหมล่ะเซบาสเตียน?" ใบหน้าดูดียังคงตีสีหน้าเรียบเฉยราวกับไปคิดหวั่นเกรงกับคำสั่งของคนที่เป็นใหญ่ของที่นี่ อีกทั้งยังท้าทายด้วยคำพูดที่เจ็บแสบเสียด้วย



    แน่นอนว่าคำตอบที่แสบสันนั่นทำให้เซบาสเตียนได้แต่ข่มอารมณ์ของตัวเองและเดินออกไปจากห้องเงียบๆ  จะมีใครกันที่กล้าไปแตะต้องคุณชายคนโตของเลสลีย์ คนที่อยู่ในสถานะคลุมเครือกับคุณชายสเปนเซอร์เช่นนี้คงไม่มีใครกล้ายื่นมือเข้ามาข้องเกี่ยวด้วยสักเท่าไหร่



    เขาอดทนมามากเกินพอ..

    หากต้องให้อดทนมากไปกว่านี้ก็คงจะเป็นตัวเขาเองที่ต้องทนทุกข์ทรมาน

    ยิ่งเจ็บปวดยิ่งไม่ได้ช่วยทำให้ชินชาซ้ำยังมีแต่จะทรมานมากขึ้นเรื่อยๆ ความชินชาที่ว่านั่นคงเป็นความรู้สึกสุดท้ายยามที่ไม่เหลือแม้เพียงเศษเสี้ยวใดให้ได้รู้สึก



    ยิ่งย้อนมองมันก็ยิ่งเป็นไปได้ยากที่จะเดินย้อนกลับไป

    ทางแยกที่เขาเลือกเดินเข้ามาด้วยตนเอง ผลสุดท้ายมันก็คือหุบเหวลึก



    ความสัมพันธ์ที่พยายามอยู่เพียงฝ่ายเดียวมันไม่ได้ช่วยพิสูจน์หรือทำให้ใครอีกคนเห็นค่า

    เขาได้แต่นึกขันและสมเพชตัวเองอยู่ทุกครั้งที่นึกถึงคำพูดของน้องชาย

    ไม่มีอะไรผิดเพี้ยนอย่างที่แอชเชอร์พูด ไม่มีเลยสักนิด...



    เมี๊ยว



    เสียงร้องจากสัตว์สี่ขาตัวเล็กซึ่งนอนขดตัวอยู่บนเตียงร้องทักคนตัวขาวในทันที เมื่อได้รับแรงสั่นสะเทือนจากผืนเตียงที่ยุบลงเพราะการนั่งของมนุษย์ตัวโต ดวงตาสีใสแสนหยิ่งยโสของมันทำเพียงแค่ปรายตามองอาเธอร์เพียงเล็กน้อยก่อนที่จะปิดเปลือกตาลงนอนหลับต่ออย่างสบายใจ



    เอซ เป็นเจ้าเหมียวตาสองสีที่มีขนสีขาวแต้มสีน้ำตาลส้มบนหัวและพวงหาง อาเธอร์ได้มันมาจากเคนส์ สเปนเซอร์ ที่จู่ๆก็มาฝากเลี้ยงเจ้าสี่ขานี่อย่างมัดมือชก ซึ่งก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งเลยด้วยซ้ำที่ทำให้อาเธอร์ยังพอมีความสุขอยู่บ้านในการใช้ชีวิตอยู่ในการควบคุมของสเปนเซอร์ เพราะอย่างน้อยมันก็ช่วยเบี่ยงเบนความน่าหนักใจในหัวของอาเธอร์ได้ส่วนหนึ่ง



    มองไปมองมาก็อดทำให้คุณชายเลสลีย์ อดนึกถึงน้องชายของตัวเองอย่างเสียไม่ได้ ด้วยลักษณะที่ค่อนข้างจะคล้ายกันย่อมไม่แปลกที่จะทำให้เจ้าตัวนั้นนึกถึง



    เข้าใจยากแต่ก็มีมุมออดอ้อนซึ่งนับครั้งได้ที่จะได้เห็น

    ไหนจะชื่อที่ใกล้เคียงกันนี่ก็ด้วย



    เงาจากบานกระจกที่ตั้งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลสะท้อนภาพความเหม่อลอยของคนที่นั่งนิ่งอยู่บนเตียงหลังใหญ่เงียบๆ ดวงตาคู่สวยที่มักจะสะกดใครหลายคนให้ได้ลุ่มหลงมานักต่อนัก ในตอนนี้กลับดูไร้ประกายอย่างที่สมควรจะเป็น



    ต่อให้อาเธอร์จะรู้จักผู้คนมากมายสักเท่าไหร่ แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรมันง่ายขึ้นมาเลยสักนิด ตรงกันข้ามเสียด้วยซ้ำ ยิ่งรู้จักก็ยิ่งทำให้การจะทำอะไรสักอย่างนั้นเป็นเรื่องที่น่าลำบากใจ



    อย่างเช่นเคนส์ สเปนเซอร์ เองก็ด้วย แม้จะรู้จักกันไม่ได้นานหากเทียบกับเชส ไทเลอร์ แต่อาเธอร์เองก็มั่นใจว่าเคนส์เป็นคนที่ตัวเขาเองนั้นมองไม่เคยผิดพลาด เมื่อก่อนเป็นอย่างไรทุกวันนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้น  ทั้งเคนส์และอาเธอร์ต่างก็มีอะไรที่คล้ายกันไม่น้อย และที่ตรงกันมากที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องที่พวกเขาทั้งคู่สร้างพันธมิตรกับคนแดนใต้อย่างที่ไม่สมควรทำในฐานะของคนแดนเหนือ



    แต่นั่นก็คงไม่ใช่เรื่องที่อาเธอร์จะต้องเก็บมาใส่ใจ..

    เพราะอย่างน้อยความดื้อรั้นของตัวเขาเองก็สามารถปกป้องชีวิตของแอชเชอร์ได้



    "นายกำลังทำให้ฉันเหลืออด รู้ตัวบ้างไหมอาร์ธ"



    เสียงฝีเท้าหนักๆ จากคนที่เข้ามาในห้องโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากริโอนั่นเองที่เป็นฝ่ายเข้ามาหาอาเธอร์ถึงในห้อง ซึ่งทางฝั่งของคุณชายเลสลีย์เองก็ดูจะพร้อมเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายเหมือนกัน



    "ความอดทนของนายมันถึงขีดจำกัดได้แล้วหรือ?"



    เจ้าของลักยิ้มบนแก้มขาวเอ่ยถามเสียงเรียบ ในขณะหยัดตัวลุกขึ้นยืนเพื่อเผชิญหน้าในการสนทนากับรอยัลอัลฟ่าตัวสูง ใบหน้าเคร่งขรึมที่ปราศจากความเป็นมิตรนั่นไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจสักเท่าไหร่นักจากความคาดหมายของอาเธอร์



    "มิน่า นายถึงดูไม่เดือดร้อนอะไร..."



    ตาสวยปรายตามองกระดาษที่แสนยับยู่ยี่ในมือของริโอ ก่อนจะตัดสินใจเอื้อมมือไปดึงกระดาษเจ้าปัญหานั่นมาอ่านเงียบๆ ทันทีที่สายตาของอาเธอร์ไล่มองข้อความในกระดาษจนจบ ริมฝีปากบางก็เหยียดยิ้มให้กับความพยายามที่สูญเปล่าของริโอ



    ผู้ปกครองฟลัมยังคงทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีอย่างเช่นเคยเสียจน อาเธอร์ เลสลีย์ นั้นอยากจะกล่าวสรรเสริญให้ รีส เบลเลอมอนท์ ด้วยความรู้สึกขอบคุณจากใจจริง เครื่องยืนยันจากผู้ที่มีอำนาจในอีกดินแดนย่อมเป็นเรื่องยากที่ริโอ สเปนเซอร์ จะปฏิเสธมันได้ ข้อนี้อาเธอร์ เลสลีย์ทราบมันดี จดหมายที่ส่งมายืนยันถึงการที่แอชเชอร์ เลสลีย์ ได้เป็นคนของแดนใต้อย่างสมบูรณ์มันคงทำให้รอยัลอัลฟ่าตัวสูงนั้นโมโหเป็นอย่างมาก



    เพราะนอกเสียจากจะไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับแอชเชอร์ได้แล้ว ริโอเองก็จะไม่มีเครื่องผูกมัดใดๆ ที่จะสามารถรั้งตัวอาเธอร์ เลสลีย์ไว้กับตัวเองได้อีก



    "นายรู้เรื่องพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่.." เสียงเข้มที่กดลงต่ำจนไม่น่าฟังยังคงไม่อาจทำให้เจ้าของลักยิ้มนั้นยอมหุบยิ้มลงแต่อย่างใด "ฉันถาม.."



    "มันไม่สำคัญสักนิดว่าฉันรู้เมื่อไหร่"



    "...."



    "เพราะสุดท้ายแล้วต่อให้นายจะพยายามแค่ไหน นายก็ไม่มีทางเอาตัวแอชเชอร์กลับมาที่ไรเนอร์ได้"



    การดึงความสนใจของริโอ สเปนเซอร์ ด้วยคำบอกรักและการกระทำที่ยอมโอนอ่อนดั่งเช่นคนที่ยอมพร้อมแลกทุกอย่างเพียงเพราะความรักพวกนั้น ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้วล่ะว่ามันสามารถทำให้รอยัลอัลฟ่าหนุ่มแทบจะหลงลืมเรื่องของแอชเชอร์ไปครู่ใหญ่



    "นั่นก็เท่ากับว่าการที่นายยอมส่งแอชเชอร์ไปที่นั่นก็เพราะตั้งใจจะให้มันเป็นแบบนี้"



    "มันเหนือความคาดหมายของฉันไปมากเลยล่ะ"



    "...."



    "ต่อให้เสียใจสักแค่ไหน แต่การทำให้แอชหลุดพ้นจากเรื่องนี้ย่อมเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งกว่าอะไร"



    ฝ่ามือใหญ่หมายจะจับเข้าที่แขนของอาเธอร์นั้นกลับคว้าไว้ได้เพียงธาตุอากาศเปล่า การตอบสนองด้วยการเบี่ยงตัวหลบของตัวคุณชายเลสลีย์ที่ชัดเจนย่อมทำให้รอยัลอัลฟ่าหนุ่มใช้ร่างกายที่สูงใหญ่กว่าไล่ต้อนอีกฝ่าย



    "ไม่ใช่ว่าเสียใจที่มันเปลี่ยนใจไปรักน้องชายของนายหรอกหรือ" 



    คนโง่ก็ย่อมเป็นคนโง่อยู่วันยังค่ำ..



    "มันยังมีอะไรที่น่าเสียใจไปกว่าการที่เชื่อคนอย่างนายอีก"



    "...."



    "สู้เอาเวลาของนายไปทุ่มเทกับโอเมก้าคู่ชีวิตในตอนนี้ มันไม่ดีกว่าหรอกหรือ"



    "เลิกพูดเรื่องไร้สาระพวกนั้นสักที"



    "ชีวิตที่นายยังเลือกเองไม่ได้มันไม่มีทางไปรอด หากนายยังยืนยันที่จะเลือกฉัน"



    สเปนเซอร์ยังคงต้องรักษาชื่อเสียงและเกียรติของตัวเอง ยิ่งเป็นริโอแล้วด้วยล่ะก็มันย่อมเป็นเรื่องยากที่จะทำทุกอย่างได้ตามใจชอบ แค่ทุกวันนี้ที่เจ้าตัวกำลังฝืนทำอยู่ครึ่งๆกลางๆมันก็ได้รับผลกระทบมากมายจนนับไม่ถ้วน



    "ฉันทำมันได้ เพียงแต่ขอเวลา.."



    "เท่าไหร่ถึงจะพอสำหรับนาย?" ขอเวลาบ้าบออะไรกัน ชีวิตของเขาทั้งชีวิตจะต้องมาจมปลักอยู่ในสถานะเช่นนี้อย่างไม่รู้จักสิ้นสุดอีกสักเท่าไหร่  "มันถึงคราวที่นายต้องเป็นฝ่ายเลือกแล้วล่ะริโอ"



    "แล้วฉันควรเลือกทางไหนเพื่อรักษานาย"



    "ก็น่าตลกดีเหมือนกันที่นายมีโอกาสตั้งมากมาย แต่กลับไม่เคยคิดใส่ใจ"



    "อาร์ธ.."



    "ไม่ว่าจะเลือกทางไหน มันก็เพื่อตัวนายไม่ใช่เพื่อฉัน"



    "ฉันไม่เลือก.."



    "สุดท้ายนายก็ยังเลือกเป็นคนเห็นแก่ตัวเหมือนทุกครั้ง"



    "ฉันไม่อยากบีบนายไปมากกว่านี้"



    การบีบบังคับและการกดขี่ที่ไม่ได้เกิดจากความยินยอมของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมันช่างเป็นความรักที่แสนขม

    หิมะยังมีวันละลายเมื่ออุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น แล้วมันจะแปลกตรงไหนที่ความรักที่มีมากเกินไปมันจะกลายเป็นพิษร้ายที่สร้างความเจ็บปวดให้กับตัวคนที่ได้รับ



    "ฉันเองก็ไม่ได้มีทางให้นายเลือกมากหรอกริโอ" รอยยิ้มที่ฝืนฉีกกว้างจนกลายเป็นรอยยิ้มบิดเบี้ยวย่อมสั่นคลอนจิตใจของคนที่มองได้อย่างไม่ยาก



    "นายคิดจะทำอะไร"



    "คิดว่าฉันไม่รู้หรือว่านายกับซัลลิแวนทำอะไรไว้.."



    คนถูกถามด้วยประโยคที่ไม่คาดคิดนั้นคว้ามือขาวของอาเธอร์ซึ่งถามตัวเองด้วยดวงตาแดงก่ำที่พร้อมจะปล่อยหยาดน้ำตาที่คลอหน่วงลงมาทุกเมื่อ 



    อาเธอร์เองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองจะโทษใครกันดี โทษตัวเขาที่ยังปิดหูปิดตาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  โทษความไม่พอของริโอที่ทำให้เกิดเรื่องแย่ๆ เพิ่มขึ้นอีกหรือจะต้องโทษโอเมก้านั่นที่มีผลต่อรอยัลอัลฟ่ามากเกินไปกันแน่



    แต่ไม่ว่าจะโทษใครมันก็ไม่ได้ทำให้เรื่องทุกอย่างเปลี่ยนไป



    เหตุการณ์ไม่กี่วันก่อนที่อาเธอร์จะได้รับจดหมายจากเบลเลอมอนท์ที่ส่งข่าวคราวน้องชายของตัวเอง ย่อมเป็นเรื่องเลวร้ายซ้ำสองที่ถาโถมเข้ามาใส่คนที่ต้องต่อสู้ทุกอย่างด้วยตัวเองอย่างโดดเดี่ยว  อาเธอร์จำได้ดีว่าตัวเองไม่ได้ฟูมฟายเหมือนคนจะเป็นจะตาย ตรงกันข้ามเสียด้วยซ้ำที่ความชาหนึบอย่างความเจ็บปวดมันกัดกินความรู้สึกของเขาไม่ต่างจากอากาศหนาวเย็น



    คนในตระกูลสเปนเซอร์ใช่ว่าจะเห็นด้วยกับการที่ริโอพาเขาเข้ามาอยู่ที่นี่เสียเมื่อไหร่

    ซึ่งนั่นก็คงเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้คนเหล่านั้นพยายามหาทางจะบีบบังคับอาเธอร์ เลสลีย์ทุกวิถีทาง

    และมันก็ช่างประจวบเหมาะกับการเข้ามาของโอเมก้าตระกูลซัลลิแวนอย่างพอดิบพอดี



    สายตาของริโอ สเปนเซอร์ ที่มอง เอวาน ซัลลิแวน ทำไมอาเธอร์จะมองมันไม่ออกกัน...

    ยิ่งเป็นอัลฟ่าด้วยกันแล้ว ย่อมรู้ดีว่าท่าทางพวกนั้นมันกำลังแสดงออกถึงอะไร



    อัลฟ่าที่คู่กับโอเมก้าย่อมเป็นเรื่องที่ไม่ผิดฝืนธรรมชาติ เขารู้ดี..

    สัญชาตญาณของคนเรามันคงไม่ใช่เรื่องที่จะห้ามกันได้ง่ายๆ



    "เรื่องนี้ฉันอธิบายได้" รอยัลอัลฟ่าตัวสูงพยายามที่จะอธิบายให้คนตรงหน้าฟัง แต่เพราะดวงตาที่เจ้าตัวเคยเอ่ยชมว่ามันสวยงามนักหนานั้นกลับสะท้อนร่องรอยของความผิดหวังอย่างที่ไม่เคยแสดงให้เห็น



    "ฉันรังเกียจนายเกินกว่าที่จะต้องทนเห็นหน้านายอีก"



    "อาร์ธ!"  ฝ่ามือใหญ่ของริโอบีบมือขาวอย่างเต็มแรงจนฝ่ามือของเจ้าตัวนั้นเปื้อนไปด้วยของเหลวเหนียวหนืดที่เกิดจากคมมีดที่แทงเข้าบริเวณหน้าท้องของคนตัวสูงกว่า อาเธอร์รู้ดีว่าจุดที่เจ้าตัวลงคมมีดนั้นมันไม่ใช่จุดที่อันตรายมากต่อตัวริโอ สเปนเซอร์ แต่ที่เขาทำเช่นนี้ก็เพราะข้อเสนอที่ถูกกหยิบยื่นมาจากคนในตระกูลสเปนเซอร์



    'ถ้านายจบเรื่องพวกนี้ได้ด้วยตัวเอง พวกเราย่อมยินดีปล่อยตัวนาย'



    'อย่าคิดตุกติกเสียล่ะ เพราะถ้ามีอะไรที่เหนือข้อตกลงของเรา สเปนเซอร์จะต้องสูญเสียไม่แพ้กับเลสลีย์'



    คุณชายเลสลีย์ไม่ได้คิดจะข่มขู่ประมุขของตระกูลสเปนเซอร์เลยสักนิด อีกฝ่ายเองก็ย่อมรู้ดีว่าคนอย่างอาเธอร์ เลสลีย์ ทำอะไรที่พวกเขาเองไม่สามารถคาดคิดได้ตั้งเท่าไหร่ 



    'ฉันมีสัจจะพอน่าเลสลีย์'



    'งั้นมันคงไม่มากไปที่สเปนเซอร์จะทำให้อาเธอร์ เลสลีย์ กลายเป็นคนที่ตายแล้วในสายตาทุกคน'



    บางทีการเป็นคนตายในความทรงจำของใครสักคนก็คงจะทำให้คนๆนั้นเจ็บปวดอย่างที่เขาเคยเป็น



    "ขอให้นายทุกข์ทรมานอย่างที่ฉันเคยเจอ"



    ใช่ว่าทุกคนที่มีความรักจะสมหวังในความรัก...














    ผิวขาวเนียนละเอียดประกอบกับกลิ่นกายที่เชิญชวนให้ฝังปลายจมูกลงตามร่างกายที่หอมหวาน..

    รูปลักษณ์ที่ว่างดงามคงเทียบไม่ได้กับรสสัมผัสเมื่อได้ลิ้มลอง



    เจ้าของดวงตาสวยเปิดเปลือกตามามองสิ่งรบกวนที่กำลังวุ่นวายแถวช่วงลำคอตัวเอง ก่อนจะหลับตาเพื่อพักผ่อนต่ออย่างไม่คิดจะผลักไสเจ้าของผิวสีแทนที่กำลังไล่พรมจูบตามช่วงลำคอและลาดไหล่ที่โผล่พ้นเสื้อตัวบาง



    ความคุ้นชินจากการสัมผัสที่บ่อยครั้งทำให้แอชเชอร์คุ้นเคยกับการกระทำของไทเลอร์เช่นนี้ในทุกเช้าจนกลายเป็นเรื่องปกติ 



    "ปวดตรงไหนบ้างหรือเปล่า..."



    เจ้าของเสียงแหบต่ำเอ่ยถามคนในอ้อมกอดซึ่งยังคงหลับตานิ่งๆ แต่ดูจากท่าทางแล้วคนตัวขาวตรงหน้าของเชส ไทเลอร์ คงจะกำลังตั้งสติของตัวเองหลังจากที่ถูกปลุกเสียมากกว่า



    "ที่ปาก.."



    "ก็ทำให้ฉันเสียขนาดนั้น"



    เชส ไทเลอร์ กดจูบลงบนริมฝีปากของแอชเชอร์ ก่อนสวมกอดเข้าที่ช่วงเอวได้รูป



    "หยุดพูดไปเลยน่า.." เจ้าของผิวขาวลืมตาขึ้นมาทำตาดุใส่หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ด้วยความรู้สึกร้อนผ่าวที่เห่อขึ้นบนใบหน้า 



    "ภาพมันยังติดอยู่เต็มสองตาฉันเลย ให้ตายสิ" ไทเลอร์เอ่ยพลางยกยิ้มเจ้าเล่ห์ให้แอชเชอร์ที่เม้มปากแน่นเพราะเถียงอะไรไม่ออก



    "เชส!"



    รสสัมผัสร้อนแรงที่ทำให้หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์แทบคลั่ง ยามที่ริมฝีปากอุ่นร้อนของอดีตอัลฟ่าแดนเหนือนั้นรองรับความอุ่นร้อนเสียจนล้นมุมปากสวย มันยังคงติดตาเชส ไทเลอร์ อย่างยากที่จะลบเลือน



    ของขวัญก่อนการแข่งชิงธงของหน่วยนี่มันทำให้หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์หึกเหิมขึ้นยิ่งกว่าเดิม 



    "เล่นเอารางวัลมาล่อกันเสียขนาดนี้ ฉันจะแพ้ได้ยังไงกันล่ะแอช.."



    รางวัลที่เป็นตัวของแอชเชอร์ก็นับว่าเป็นแรงจูงใจที่มีพลังมากน่าดู



    ช่วงเวลาอาทิตย์กว่าๆ ที่ผ่านมาเชส ไทเลอร์เองก็เอาแต่ใช้เวลากับการฝึกซ้อมอย่างหนักน่าดู จากร่างกายที่แอชเชอร์ว่าแข็งแรงด้วยกล้ามเนื้อพวกนั้นมันก็กลับยิ่งมากขึ้นเสียจนรู้สึกได้ในยามที่กอดกัน  เส้นเลือดตามร่างกายก็ยิ่งชัดขึ้นจนแทบจะไม่ต้องออกแรงก็สามารถเห็นได้



    "รางวัลอะไรของนาย พูดไปเรื่อย" คนตัวขาวว่าก่อนจะเบี่ยงหน้าหนีริมฝีปากร้อนที่พยายามจะกดจูบลงบนริมฝีปากของตัวเอง



    "ก็ของขวัญของคนดีไง.." ชายเสื้อตัวบางถูกเลิกขึ้นจนเผยให้เห็นช่วงท้องขาวและเอวได้รูปที่ไทเลอร์สัมผัสมันมานับครั้งไม่ถ้วน ทรูอัลฟ่าหนุ่มถดตัวลงไปจนใบหน้าอยู่ในระดับหน้าท้องของอัลฟ่าตัวขาว พลางใช้ริมฝีปากกดจูบลงบนหน้าท้องเนียนจนมือขาวนั้นเอื้อมมาบีบไหล่กว้างแรงๆ



    "เชส!" แอชเชอร์ดุคนที่เอาแต่พรมจูบลงบนหน้าท้องของตัวเองอยู่อย่างนั้น  "วันนี้นายต้องออกไปฝึกไม่ใช่หรือไง"



    "ฉันอยากใช้เวลาอยู่กับคนดีบ้างไม่ได้หรือ?" คำพูดออดอ้อนกับการกระทำที่แสนจะวาบหวิวทำให้คนตัวขาวเม้มปากแน่นอย่างชั่งใจ



    "อดทนหน่อยสิ อีกแค่ไม่กี่วันมันก็จะจบแล้ว" มือขาวลูบกลุ่มผมสีอ่อนของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์เบาๆ



    "ฉันอยากให้ทุกอย่างมันจบเสียที"



    "ฉันเองก็เหมือนกัน"



    จูบบางเบาที่แตะลงบนหน้าผากของทรูอัลฟ่าหนุ่มจากอัลฟ่าตัวขาวก็ดูจะเป็นคำอวยพรของวันที่ทำให้เชส ไทเลอร์ นั้นรู้สึกมีกำลังใจอย่างเช่นทุกวัน แม้จะต้องออกไปเผชิญกับเรื่องปวดประสาทอย่างเช่นการเจอแฝดพี่ของตัวเองที่มักจะสรรหาคำพูดที่กวนประสาทมาให้ได้เขม่นกันทุกวัน









    ใบหน้าตื่นตกใจของลูฟที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาหาเชส ไทเลอร์ ยามที่หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์นั้นเดินเข้ามาทำให้ทรูอัลฟ่าหนุ่มรู้ได้ทันทีว่าคงเกิดเรื่องอะไรบางอย่างที่น่าปวดหัวอีกแน่ๆ



    "อาเธอร์รอนายอยู่ที่ห้องทำงาน.."



    และคำบอกเล่าที่ได้รับก็ดูจะเป็นเรื่องที่เชส ไทเลอร์ ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นในตอนนี้เช่นกัน ใครจะคิดกันว่า อาเธอร์ เลสลีย์ จะโผล่มาที่เดอะฮิลล์ในช่วงเวลาที่ทุกอย่างกำลังตึงเครียดแบบนี้  ดูท่าทางว่าการฝึกซ้อมในวันนี้ของเชส ไทเลอร์ คงต้องเป็นอันพับเก็บไปเสียแล้วจริงๆ



    ใบหน้าที่คล้ายคลึงกันของพี่น้องเลสลีย์ยังคงเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้ใครหลายคนจดจำได้อย่างง่ายดาย ถึงแม้ว่าอาเธอร์จะดูผอมลงจนเห็นโครงหน้าที่ชัดเจนก็ตามแต่  เจ้าของผิวขาวนั้นเพียงแค่ยกยิ้มทักทายหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ก่อนที่จะเอ่ยปากถามอย่างตรงไปตรงมา



    "รู้ใช่ไหมว่าฉันมาที่นี่เพราะอะไร?"



    มันก็คงไม่พ้นรับรู้เรื่องของเขาและแอชเชอร์เป็นแน่...



    "แน่นอน.."



    "น้องชายฉันเข้ากับนายได้ดีใช่หรือเปล่า.." คุณชายเลสลีย์เอ่ยถามต่ออย่างไม่รอช้า ในขณะที่เชส ไทเลอร์ เองก็ลอบสังเกตท่าทางของเลสลีย์คนโตอย่างไม่วางตา



    "เราเข้ากันได้ดี.." หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ตอบตามความจริง "ทั้งฉันทั้งแอชต่างก็ปรับตัวเข้าหากัน ไม่ใช่แค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง"



    "คนอย่างน้องชายฉันน่ะหรือ?"



    "ถ้านายเคยลองใช้เหตุผลคุยกับแอช นายจะไม่ถามคำถามพวกนี้กับฉัน" คำตอบที่ดูจะเป็นประโยคที่ตั้งใจว่ากระทบนั้นทำให้อาเธอร์ยิ้มไม่ออก "ถึงแอชจะยึดมั่นใจความคิดของตัวเองแค่ไหน แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่จะไม่รับฟังเหตุผลอะไร"



    "ฉันคงคิดน้อยไป.."



    "นายคิดมากเกินไปต่างหาก" ดวงตาของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์จ้องมองและกดดันไปที่คุณชายเลสลีย์เสียจนคนถูกจ้องนั้นหลุบตาต่ำ "นายคิดว่าการไม่รู้จะเป็นเรื่องที่ดีสำหรับแอช แต่นายดันลืมคิดไปว่าการไม่รู้อะไรเลยมันเป็นเรื่องที่แย่ยิ่งกว่าอะไร"



    "...."



    "นายรู้บ้างไหมว่าแอชถามฉันด้วยคำถามเดิมๆ พวกนั้นกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง  เหตุผลอะไรที่ทำให้นายไปอยู่กับพวกสเปนเซอร์ และเหตุผลอะไรที่นายเลือกส่งเขาให้มาอยู่กับฉัน"



    "ฉัน..."



    "แอชไม่สนุกไปกับการวางแผนของนายหรอกนะอาร์ธ"  เชสถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ "แต่นั่นก็คือความคิดของคนนอกที่มองอย่างฉัน ถ้ามันเป็นการกล่าวโทษนายเกินไปก็คงต้องขอโทษเอาไว้ตรงนี้"



    "ตบหัวแล้วลูบหลังชะมัดเลยนะนายเนี่ย"



    "ยังมีอีกเรื่องที่ต้องบอกนายตามตรงว่าฉันมีอะไรกับแอชตอนที่กำลังรัทไปแล้ว..." คำสารภาพที่พูดออกมาอย่างไม่ได้ทันตั้งตัวทำให้อาเธอร์นิ่งไปไม่น้อย



    "นายอย่าบอกนะว่า.."



    "แต่ฉันไม่คิดว่ามันคือความผิดพลาดซ้ำสองเหมือนนายกับริโอสักนิด"



    เมื่อชื่อของใครอีกคนที่ถูกดึงเข้ามาในบทสนทนานั้นหลุดออกมาจากปากของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ก็ทำให้คุณชายเลสลีย์เผลอบีบมือเข้าหากันอย่างลืมตัว



    "ไม่ใช่เพราะนายหรอกหรือที่ตั้งใจ?" เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างอาเธอร์และริโอคนที่มีส่วนมากที่สุดก็คงไม่พ้นเชส ไทเลอร์



    "ก็ให้มันรู้กันไปว่ารักของมันจะให้นายได้สักเท่าไหร่" 



    "รักแบบไหน จนถึงตอนนี้ฉันก็ไม่เคยเข้าใจ"



    "แล้วทำไมจู่ๆ ริโอถึงปล่อยนายออกมาจากไรเนอร์ง่ายๆ ขนาดนี้" จากการที่ฟังลูฟพูดก่อนหน้าที่จะเข้ามาเจอกับอาเธอร์ เลสลีย์ การมาเดอะฮิลล์ของเจ้าตัวก็ดูปกติเสียจนแทบไม่น่าเชื่อว่าไม่ใช่การหลบหนีออกมาจากที่นั่น ซึ่งมันไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นสำหรับคนอย่างริโอ สเปนเซอร์



    "เรื่องมันยาว นายอยากจะฟังหรือ?"



    "ดูจากหน้าตานายแล้ว มันคงไม่น่าใช่เรื่องดี"



    "ฉันจัดการทุกอย่างได้ นายก็เห็น"



    "ถ้าแบบนั้นอย่างแรกที่นายควรไปทำตอนนี้ ก็คงเป็นการจัดการกับความรู้สึกที่ทำให้หน้าตาของนายดูเหมือนคนอมทุกข์เสียก่อน"



    "....."



    "สภาพแบบนี้มันไม่เหมาะกับการเป็นนายเลย อาเธอร์ เลสลีย์














    แอชเชอร์ เลสลีย์ เดินวนไปวนมาภายในบ้านพักของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์จนก้นไม่ติดเก้าอี้ เพราะรู้สึกเบื่อหน่ายกับการใช้ชีวิตอยู่ภายใต้การดูแลของเอริค เมอร์เรย์ ที่รับงานเสริมนอกจากจะเป็นหมอในหน่วยแล้วทุกวันนี้ก็มีหน้าที่มาอยู่เป็นเพื่อนกับเขาเสียจนเหม็นเบื่อ



    "เอริค! ฉันบอกนายแล้วไงว่าอย่าเอาเสื้อนายมาวางไว้ตรงนี้ ถ้าเกิดเซเบอร์เอาไปกัดอีก ฉันจะไม่รับผิดชะ...."  อัลฟ่าคนตัวขาวร้องบอกในทันที เมื่อเจ้าตัวเห็นเสื้อของเอริคนั้นพาดอยู่บนเก้าอี้ตัวไม่สูงมาก ซึ่งมันอยู่ในระยะที่จะทำให้เซเบอร์นั้นกระโดดกัดหรืองับเสื้อผ้านั่นได้อย่างไม่ยาก



    ท้ายประโยคที่ขาดหายไปของอดีตอัลฟ่าแดนเหนือนั้นคงเกิดจากการที่ใบหน้าขาวนั้นผินใบหน้ากลับไปเห็นใครคนหนึ่งที่เจ้าตัวไม่ได้พบเจอมานาน 



    เจ้าของใบหน้าที่คล้ายคลึงกับแอชเชอร์จนเรียกได้ว่าคล้ายกันมากนั้นกำลังยืนอยู่ตรงหน้าเจ้าตัว ซึ่งมันไม่ใช่ความฝันที่แอชเชอร์คิดไปเอง



    "หายโกรธฉันบ้างหรือยัง แอช..."



    แรงกอดที่โถมเข้าหาร่างของอาเธอร์จนทำให้เจ้าตัวนั้นเซถอยไปเล็กน้อย ไม่ได้ทำให้คุณชายเลสลีย์นั้นโกรธเคืองคนเป็นน้องแต่อย่าใด มิหนำซ้ำเจ้าตัวยังยกแขนขึ้นกอดตอบคนเป็นน้องที่เอาแต่ซุกใบหน้าลงกับอกตัวเองพลางลูบกลุ่มผมสีอ่อนที่ยังคงลื่นมือไม่เปลี่ยน



    "ฉันคิดว่าฉันจะไม่ได้เจอนายแล้ว"



    เสียงอู้อี้ของคนเป็นน้องเอ่ยตอบในขณะที่เจ้าตัวยังคงหลับตาแน่นเพื่อซึมซับความรู้สึกที่แสนโหยหามาตลอดของตัวเอง



    "ก็เจอกันแล้วนี่ไง"



    "แล้วนายออกมาจากไรเนอร์ได้ยังไง  นายไม่ได้โดนพวกนั้นตามมาใช่ไหม?"



    "พวกเขามาส่งฉันแล้วก็กลับไปแล้ว.."



    "เป็นไปได้ยังไงกัน" แอชเชอร์แทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยินเลยสักนิด



    "ฉันเป็นนักเจรจาที่ดีแค่ไหนนายก็รู้นี่แอช.." อาเธอร์ว่า "ฉันก็แค่รอเวลาที่จะมั่นใจได้ว่านายจะปลอดภัยมากที่สุด"



    "แล้วถ้าฉันไม่ใช่คนของแดนใต้ จะอีกนานแค่ไหนกันกว่าที่นายจะออกมาจากตรงนั้น"



    "มันไม่ใช่ที่ของฉัน คิดหรือว่าฉันจะอดทนอยู่ได้นาน"



    "แต่นายกับริโอ.."



    "น่าเสียดายที่ความรักของฉันมันเป็นเรื่องงี่เง่าอย่างที่นายว่าจริงๆ" อาเธอร์ไม่ได้ประชดแอชเชอร์แต่อย่างใด แต่เขาแค่พูดไปตามความจริงก็เท่านั้น



    "นายมันเป็นพี่ชายที่ใจร้ายที่สุด" คนเป็นน้องค่อนขอดคนเป็นพี่อย่างเคืองๆ แต่ก็กลับไม่ยอมคลายอ้อมกอดออกจากพี่ชาย "ฉันกลายเป็นคนโง่ที่ไม่เคยรู้อะไรเลยสักอย่าง"



    "...."



    "ถ้าฉันรู้ ฉันจะไม่พูดประโยคพวกนั้นออกไปเลยสักนิด"



    ประโยคหลังนั้นแผ่วเบาลงตามความรู้สึกผิดที่ยังคงติดค้างอยู่ในใจของคนเป็นน้อง



    "ฉันไม่ได้โกรธสักหน่อย.."



    "แต่ฉันโกรธตัวเอง" แอชเชอร์ว่าพลางผละตัวออกจากพี่ชายเพื่อที่จะมองหน้าอาเธอร์ชัดๆ "คำพูดของฉันมันแย่มากจริงๆ"



    "อย่าไปคิดถึงเรื่องที่มันผ่านไปแล้วเลยแอช.. เรื่องที่มันผิดพลาดไปแล้วก็คงย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้" คนเป็นพี่ยิ้มน้อยๆ พลางลูบแก้มของน้องชาย "นายเองก็โตขึ้นเยอะจากเรื่องนี้เหมือนกัน"



    "แล้วมันถึงเวลาที่นายจะเล่าทุกอย่างให้ฉันฟังได้หรือยัง"



    เป็นอาเธอร์ที่ลอบกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงไปในลำคอของตัวเองอย่างยากลำบาก เมื่อเห็นสายตาที่กดดันของน้องชายตัวเองซึ่งจดจ้องมาที่ตัวเองอย่างคาดหวัง



    "ก็เอาสิ"



    หลังจากที่แอชเชอร์ปล่อยให้อาเธอร์นั้นพูดคุยกับเอริคสักครู่หนึ่งจนหมอหนุ่มขอตัวออกไปด้านนอก เพื่อให้ทั้งสองพี่น้องได้พูดคุยกัน และมันก็เป็นโอกาสที่ดีที่แอชเชอร์นั้นจะได้ใช้เวลาอย่างส่วนตัวกับพี่ชาย



    "มันเป็นเรื่องจริงใช่หรือเปล่าที่ท่านพ่อเป็นกบฏอย่างที่เขากล่าวหา..." แม้จะเตรียมใจมาเกินกว่าครึ่งแล้วสำหรับเรื่องนี้ แต่เมื่อต้องพูดถึงมันแอชเชอร์ก็อดที่จะใจหายไม่ได้



    "พวกเขาไม่ได้กล่าวหา ทั้งหมดนั่นคือความจริง" ขนาดสำหรับอาเธอร์มันยังเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับ คงไม่ต้องพูดถึงแอชเชอร์หรอกว่าจะรู้สึกอย่างไร แววตาที่แสดงออกถึงความผิดหวังนั้นมันฉายชัดเสียจนคนเป็นพี่นั้นทำได้แค่บีบมือของอีกฝ่ายเบาๆ  "ฟังดูเป็นเรื่องยาก แต่นายต้องยอมรับมันจริงๆนะแอช"



    "นายรู้เรื่องพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่"



    "หลังจากที่กลับมาจากแดนใต้ครั้งแรก.." นับว่านานพอสมควรเลยด้วยซ้ำกับการที่อาเธอร์รับรู้เรื่องพวกนี้..



    "นี่ใช่ไหมที่เป็นเหตุผลที่ทำให้นายชอบหนีมาที่นี่บ่อยๆ"



    "ฉันสบายใจเวลามาที่นี่.."



    "แต่ฉันก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมนายถึงรู้จักไทเลอร์ดีขนาดนั้น"



    "งั้นฉันถามนายดีกว่านะแอช.. ว่าก่อนหน้านี้นายเคยรู้เรื่องอะไรระหว่างฉันกับเชสมาบ้าง" คนเป็นพี่ถามย้อนกลับมาด้วยประโยคง่ายๆที่ทำให้แอชเชอร์กัดปากตัวเองน้อยๆ



    "ก็พอจะรู้มาบ้างว่าเชสเคยคิดอะไรกับนาย.."



    "เชสเล่าหรือ?"



    "เบลเลอมอนท์ต่างหากที่ปั่นประสาทฉัน" แอชเชอร์อดพ่นลมหายใจหนักๆ ออกมาไม่ได้ เมื่อนึกถึงพี่ชายคนโตของเชสที่นิสัยเสียยิ่งกว่าอะไร



    "หมอนั่นน่ะตัวดี นี่ฉันยังไม่เจอหน้าเลย" อาเธอร์เอ่ยอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของน้องชาย "งั้นก็แสดงว่านายต้องรู้แล้วล่ะสิว่ารีสเป็นพี่ชายของเชส"



    "อื้ม..." เจ้าของผมสีสว่างพยักหน้ารับน้อยๆ "เชสก็เล่าอะไรให้ฉันฟังหลายอย่างอยู่เหมือนกัน"



    "ปกติต้องง้างปากแทบตายกว่าจะยอมพูด แต่ดันบอกนายเสียหมดเปลือกขนาดนี้ ก็คงต้องเชื่อแล้วล่ะว่านายไม่ธรรมดาเลยนะแอช"



    "จะล้อฉันหรืออาร์ธ"



    "ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าจะเป็นนายที่ทำให้เชส ไทเลอร์ ยอมอ่อนข้อได้ขนาดนี้"



    "แล้วนายไม่คิดบ้างหรือไงว่าคนอย่างเชส ไทเลอร์ ทำอย่างไรถึงทำให้ฉันยอมฟังได้"



    "เห็นนายสองคนเข้ากันได้ดีฉันก็หมดห่วง"  อาเธอร์ว่า "แต่ลูฟบอกฉันว่าวันมะรืนที่นี่จะแข่งชิงธงกันแล้วนี่"



    "นายพูดถึงเรื่องนี้ก็ดี" ใครอีกคนที่แอชเชอร์มักจะพบเจออยู่เป็นระยะ ถึงแม้จะไม่ได้เข้ามาพูดคุยแต่สายตาของแมดส์ ไทเลอร์ นั้นก็ย่อมเป็นที่คุกคามสำหรับคนที่ถูกมองอย่างน่าอึดอัด "นายเคยเจอฝาแฝดเชสหรือเปล่า?"



    "ก็แค่พอรู้มาบ้างว่าเป็นคนยังไง และก็รู้สึกว่ามันจริงมากเหมือนกันในตอนที่เจอ"



    แน่นอนว่าอาเธอร์ต้องพบกับแมดส์ ไทเลอร์ แล้วก่อนที่จะมาเจอแอชเชอร์ ทรูอัลฟ่านั่นไม่ได้ทำตัวหลบๆซ่อนๆอะไรเลยสักนิด แถมยังใช้ชีวิตปกติราวกับเป็นคนในเดอะฮิลล์จนน่าหมันไส้  แม้ตอนแรกอาเธอร์จะคิดว่าหมอนี่คือเชสไปแล้วก็ตามจนเกือบจะเข้าไปทัก แต่ก็โชคดีที่ได้เชอร์ชิลตัวสูงนั้นดึงไว้เสียก่อน



    และเมื่อได้เห็นสายตาและท่าทางของแมดส์ ไทเลอร์ นั้นก็ยิ่งทำให้อาเธอร์แยกออกได้ทันทีว่าทรูอัลฟ่านั่นไม่ใช่คนเดียวกับหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์



    "หมอนั่นพูดจาแปลกๆ ถึงความสัมพันธ์ของไทเลอร์กับเลสลีย์.." ฟังดูผิวเผินนั้นอาจจะหมายถึงเชสกับอาเธอร์ แต่ถ้าคิดพิจารณาดูจริงๆแล้วแอชเชอร์ก็คิดว่ามันไม่น่ามีความเกี่ยวข้องกันสักนิด



    เหตุผลมันดูไม่มากพอที่จะทำให้แมดส์เกลียดคนแดนเหนือได้ขนาดนั้น



    "ทั้งที่ควรได้เป็นเบลเลอมอนท์แต่กลับได้รับการเมินเฉยแบบนั้น มันก็คงขัดเคืองใจไม่น้อย"



    "แล้วมันเกี่ยวอะไรกัน"



    "เพราะเลสลีย์ยังไงล่ะ..."



    "!!!"



    "ความสัมพันธ์ระหว่างอัลฟ่าด้วยกันเองมันไม่ได้แหกคอกตั้งแต่ที่รุ่นลูกอย่างเราหรอกนะแอช.." อาเธอร์ยังจำได้ดีว่าความเจ็บปวดของฝ่ามือของพ่อตัวเองที่ตบลงมาที่ใบหน้าของเขาในวันนั้นมันเจ็บปวดแค่ไหน ยามที่เจ้าตัวยอกย้อนด้วยประโยคที่จี้ใจ "ที่แม่ของเชสต้องถูกจงเกลียดจงชังก็เพราะฝั่งเราที่ยุ่งเกี่ยวกับเขา"



    มันไม่ผิดจากที่อาเธอร์บอกหรอก ก็ในเมื่อคนเป็นพ่อของพวกเขานั้นตกหลุมรักอัลฟ่าสาวแดนใต้คนนั้นจริงๆ รักที่ถึงแม้ว่าจะดูเป็นไปไม่ได้ รักที่ถึงขั้นคิดจะครอบครองแต่ก็กลับไม่ได้รับความรักพวกนั้นกลับมาเพราะอัลฟ่าสาวแดนใต้นั้นไม่ได้มีใจให้



    "ฉันคิดแค่ว่ามันเพราะการเป็นอัลฟ่า"



    "นั่นก็ส่วนหนึ่ง ความสัมพันธ์ซับซ้อนพวกนั้นฉันเองก็ไม่เข้าใจนักหรอกถ้าเทียบกับสองแฝดนั่น" แฝดไทเลอร์ย่อมรู้เรื่องทุกอย่างดีกว่าใคร "เชสกับแมดส์ไม่เหมือนกัน นายก็เห็นว่าคนหนึ่งน่ะรับฟังเหตุผล แต่อีกคนไม่ใช่..."



    "แล้วมันผิดที่ใครกัน ในเมื่อทุกอย่างเกิดเพราะรุ่นพ่อแม่ของเรา"



    "มันก็พูดยากนะแอช.. ชีวิตที่ผ่านมาของแฝดไทเลอร์ไม่ได้อยู่สุขสบายเหมือนเราสองคน" ความรู้สึกของการถูกดูถูกและเหยียดหยามทั้งๆที่ตัวเองก็มีเลือดเนื้อเชื้อไขที่ไม่ได้ต่ำต้อยไปกว่าใครพี่น้องเลสลีย์เองก็พึ่งรู้ซึ้งเมื่อไม่นานมานี้ มันคงเทียบไม่ได้กับแฝดไทเลอร์



    "แต่สุดท้ายก็กลับมาเป็นปัญหาอีกอยู่ดี"



    "ปัญหามันจะเกิดก็ต่อเมื่คนของนายแพ้เท่านั้นล่ะแอช.."



    อาเธอร์สังเกตเห็นใบหน้าขาวของน้องชายตัวเองที่ขึ้นซับสีจางจนลามไปถึงใบหูก็อดจะหัวเราะเบาๆไม่ได้ ท่าทางเจ้าตัวก็คงจะติดเชส ไทเลอร์ ไม่น้อยอยู่เหมือนกันแน่ๆ



    "หมอนั่นบอกฉันว่าจะไม่แพ้.."



    "แล้วนายเชื่อใจหมอนั่นไหมล่ะ?"



    "ฉันก็เชื่อมาตลอด.."



    ถ้าหาก เชส ไทเลอร์ มาได้ยินอย่างที่ อาเธอร์ เลสลีย์ ได้ยินตอนนี้ล่ะก็ เชื่อเถอะว่าหมอนั่นคงฉีกยิ้มไม่หุบเป็นแน่
















    ฝนที่ตกพรำๆ ในช่วงใกล้จะเช้านั้นดูประจวบหมาะกับวันแข่งชิงธงของเดอะฮิลล์อย่างน่าประหลาด  การแข่งขันในวันนี้ยังคงใช้กฎกติกาเดิมอย่างเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา ที่แบ่งเป็นฝั่งป้องกันและฝั่งจู่โจม และในครั้งนี้ เชส ไทเลอร์ ก็อยู่ในตำแหน่งฝั่งป้องกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และฝั่งจู่โจมก็คงหนีไม่พ้น แมดส์ ไทเลอร์ ที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ด้วยท่าทีสบายๆ




    ตัวหลอกที่แฝงอยู่ในฝั่งจู่โจมนั้นเชสเองก็คงไม่หวังพึ่งว่าบุคคลนั้นจะช่วยเหลืออะไรฝั่งป้องกันได้มาก เพราะถ้าเชส ไทเลอร์ นั้นไม่เคยพลาดในการจับตัวหลอก แมดส์ ไทเลอร์ เองก็คงไม่ต่างกัน เผลอๆ ตัวหลอกนั่นอาจจะถูกกำจัดตั้งแต่ต้นเกมเลยด้วยซ้ำเพื่อไม่ให้เป็นตัวขัดขวางในการแข่งขัน



    เสียงกลองและเสียงคึกโครมที่ดังขึ้นเรียกขวัญกำลังใจจากทั้งสองฝั่งนั้นทำให้ภายในหน่วยป้องกันก้องไปด้วยเสียงเฮของอัลฟ่าและเบต้าที่พร้อมใจกันตะโกนออกมาเพื่อข่มขวัญกันเอง 



    อัลฟ่าผมสีแดงสดที่ยืนคั่นกลางนั้นได้แต่มองหน้าน้องชายฝาแฝดของตัวเองนิ่งๆ ซ้ายมือที่เป็นแฝดพี่อย่างแมดส์ ไทเลอร์ นั้นเบลเลอมอนท์เองก็รู้อยู่เต็มอกว่าคนอย่างแมดส์ต้องเล่นไม่ซื่ออะไรบางอย่างเป็นแน่ สังเกตจากการที่เจ้าตัวมักจะขึ้นไปสำรวจบนเขาลูกใหญ่ที่ใช้ในการแข่งขันอยู่เงียบๆ ส่วนทางด้านเชส ไทเลอร์ นั้นก็ยังคงยกยิ้มมุมปากอย่างเช่นทุกครั้งที่เจ้าตัวชอบเมื่อเจอเรื่องสนุกๆ



    เดาไม่ออกเลยจริงๆว่าเกมนี้ใครกันที่จะเป็นฝ่ายชนะ..



    "ฉันไม่ไว้ใจหมอนั่นเลยจริงๆ" แอชเชอร์ที่ยืนอยู่ข้างๆ หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์เอ่ยกระซิบบอกคนเป็นพี่ เมื่อเจ้าตัวนั้นเผลอไปสบตาเข้ากับตัวอันตรายนั่น



    แอชเชอร์ไม่รู้หรอกว่าคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าและหันหลังให้ตัวเองนั้นกำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่ แต่เพราะความรู้สึกของแผ่นหลังกว้างที่ไม่ต่างจากเกราะป้องกันชั้นดีมันก็ทำให้ความรู้สึกลึกๆของแอชเชอร์นั้นรู้สึกปลอดภัยเป็นอย่างมาก



    "ถ้าหมอนั่นตุกติกขึ้นมาจริงๆ นายคิดหรือว่าเชสจะยอมปล่อยง่ายๆ" อาเธอร์เอ่ยตอบก่อนจะหันไปสบตากับเบลเลอมอนท์ที่ยังคงยกยิ้มเจ้าเล่ห์ ทั้งที่น้องชายของตัวเองทั้งสองคนจะต่อสู้กันเองแล้วแท้ๆ



    หลังจากที่ฟังเบลเลอมอนท์ย้ำเตือนถึงกติกาของการชิงธงในครั้งเป็นที่เรียบร้อยก็ย่อมถึงเวลาที่ฝั่งป้องกันซึ่งเป็นฝั่งที่เชส ไทเลอร์ นั้นอยู่จะต้องเข้าไปในเกมการแข่งขันก่อนอย่างช่วยไม่ได้ ซึ่งมันก็เป็นเวลาที่ผ่านไปรวดเร็วเหลือเกินที่แอชเชอร์นั้นแทบไม่อยากจะให้มันมาถึง



    "ทำไมทำหน้าแบบนี้.." เชส ไทเลอร์ หันมามองอัลฟ่าตัวขาวที่ยืนแสดงสีหน้าเป็นกังวลออกมา "ก็คุยกันแล้วไม่ใช่หรือว่าจะยิ้มให้กัน"



    "พอเอาเข้าจริงๆ มันก็ยิ้มไม่ออก" คนตัวขาวว่าก่อนจะก้มลงมองปลายเท้าตัวเองด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง "ฉันกังวลไปหมด"



    "คนแข่งอย่างฉัน ยังไม่รู้สึกกังวลอะไรเลยนะคนดี" หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์เชยใบหน้าได้รูปของอีกฝ่ายขึ้น ก่อนจะโน้มลงไปจูบเบาๆที่ปลายจมูกโด่งก่อนจะค้างเอาไว้ครู่หนึ่ง โดยไม่สนใจสายตาของคนนับสิบที่ยืนอยู่ตรงนั้น พร้อมกับใช้ดวงตาคมสบตากับเจ้าของตาคู่งามที่ทรูอัลฟ่าหนุ่มชมชอบนักหนา



    "ฉันอยากอยู่ที่นี่.. อยู่ที่เดอะฮิลล์และอยู่กับนาย"



    แม้จะไม่ใช่คำอวยพรแต่ก็เป็นกำลังใจที่เปี่ยมล้นและทำให้เกิดแรงผลักดันในตัวของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์จนแทบคลั่ง



    "ฉันเองก็คงไม่มีทางยอมให้คนของไทเลอร์ต้องกลับไปที่แดนเหนือเช่นกัน"



    "ไม่ต้องร่ำลากันขนาดนั้นหรอกมั้ง ก็แค่เกมมันคงไม่ตายหรอก"



    แมดส์ ไทเลอร์ เอ่ยขึ้นด้วยโทนเสียงราบเรียบพลางตบบ่าแฝดผู้น้องของตัวเองหนักๆ พลางเลื่อนสายตามาจดจ้องที่อัลฟ่าตัวขาวอย่างคนเหนือกว่า



    "เดอะฮิลล์คงได้อยู่ไม่สุขแน่เพราะการมาเยือนของนาย.."



    เชส ไทเลอร์ จับมือแฝดพี่ที่บีบไหล่ของเจ้าตัวออกด้วยแรงที่ไม่แพ้กัน หลังจากที่เอ่ยประโยคแฝงความหมายโดยนัย ซึ่งแมดส์ ไทเลอร์ เองก็ขบกรามแน่นไม่แพ้กันกับการตอกกลับของน้องชาย



    สายตาของสองพี่น้องที่ฟาดฟันอย่างไม่มีใครยอมใครย่อมทำให้คนที่ลอบมองนั้นแอบกลืนน้ำลายไปตามๆกัน



    "เตรียมใจไว้ให้ดีล่ะเลสลีย์.."



    แมดส์ ไทเลอร์ เอ่ยบอกอดีตอัลฟ่าแดนเหนือก่อนที่จะเดินกลับไป หลังจากทิ้งประโยคที่ไม่ต่างจากการไม่ยอมรับคนจากตระกูลเลสลีย์เข้ามาเป็นคนของไทเลอร์



    "ทุกอย่างมันจะจบแล้วแอช เชื่อฉัน"



    ประโยคสุดท้ายที่เชส ไทเลอร์ ได้เอ่ยบอกแอชเชอร์ เลสลีย์ ก่อนจะหันหลังเดินออกไปจากหน่วยยังคงก้องอยู่ในหูของคนที่ทำได้แต่เฝ้ารออยู่ด้านล่าง  ความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยายได้ช่างเป็นความอึดอัดที่ไร้ซึ่งทางออกจนน่าเจ็บใจ



    ถึงแม้เชส ไทเลอร์ จะไม่ศรัทธาต่อพระเจ้าแต่แอชเชอร์เองก็เลือกที่จะภาวนาให้คนของตัวเองนั้นบาดเจ็บให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้







    หยาดฝนเม็ดเล็กๆ ที่เคยตกลงมาก่อนหน้านั้นจางหายไปหลงเหลือก็แต่เพียงความมืดครึ้มของกลุ่มเมฆที่ยังคงปกคลุมเดอะฮิลล์ พื้นดินเฉอะแฉะและเจิ่งนองด้วยน้ำที่ขังทำให้เป็นเรื่องยากสำหรับการที่จะใช้ฝีเท้าให้เบาที่สุดเหมือนอย่างปกติ เพราะแค่เพียงเหยียบย่ำลงไปบนพื้นดินก็ทำให้เกิดเสียงและรอยเท้าที่ยากจะห้ามได้



    การแข่งขันที่เริ่มต้นขึ้นนั้นผ่านไปพักใหญ่แต่ก็ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าผลจะออกมาในรูปแบบใด หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ยังคงเป็นฝ่ายตั้งรับกับอีกฝั่งหนึ่งได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยพละกำลังของทรูอัลฟ่าที่ไม่ได้น้อยไปกว่าใคร  หากเป็นการแข่งขันทุกคนย่อมทำตามหน้าที่ของตัวเองโดยไม่เลือกฝักใฝ่ตามความคิดของตัวเอง และนั่นก็ทำให้ฝั่งจู่โจมที่มีแมดส์ ไทเลอร์ เป็นผู้นำนั้นก็ค่อนข้างจะบ้าดีเดือดกันไม่น้อย



    เชส ไทเลอร์ ยังคงวนเวียนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกับธงของหน่วยที่ถูกปักไว้ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุดในตอนนี้  เสียงร้องที่ดังก้องไปทั่วสลับกับเสียงพื้นดินซึ่งถูกเหยียบย่ำผสมกับเสียงที่แทรกตัวยามผ่านต้นไม้ที่ขึ้นรกทึบนั้นดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ



    อีกไม่นานแมดส์ ไทเลอร์เองก็คงจะฝ่าเข้ามาถึงที่นี่อย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่เชสต้องการเลยสักนิด เมื่อคิดได้ดังนั้นเจ้าตัวถึงได้หันไปกำชับลูฟที่คอยคุมเชิงอยู่กับตัวเองให้เฝ้าธงนี่ไว้ดีๆ ก่อนที่ทรูอัลฟ่าหนุ่มนั้นจะออกแรงวิ่งลัดเลาะมาตามเส้นทางที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี เพื่อไปดักหน้าคนที่กำลังจะบุกมาถึง



    เจ้าของกล้ามเนื้อแข็งแรงนั้นเหวี่ยงหมัดด้วยแรงไม่น้อยเข้าใส่ใบหน้าของฝั่งตรงข้ามที่โผล่เข้ามาขัดขวางทางของตัวเอง น้ำหนักที่กะไปให้ชาหนึบและมึนไปอีกพักใหญ่คงทำให้เบต้าที่โชคร้ายนั่นไม่มีแรงเหลือมากพอที่จะขวางทางตนเอง



    ในระหว่างที่กำลังจัดการกับเบต้านั่นหางตาคมเองก็เหลือบไปเห็นใครบางคนที่ซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้เพื่อรอจังหวะที่จะเข้าทำร้ายตน มีดเล่มเล็กที่อยู่ในมือของเชสนั้นเหวี่ยงเข้าไปอย่างเต็มแรงที่บริเวณต้นขาของอีกฝ่ายด้วยความแม่นยำ



    "นายไม่ควรพลาดจังหวะดีๆ เลยด้วยซ้ำ"



    ถ้าหมอนั่นตัดสินใจที่จะเข้ามาในตอนที่เชส ไทเลอร์ กำลังเผลออีกสักนิดมันก็คงจะทำให้เจ้าตัวมีโอกาสที่ดีในการต่อสู้เพิ่มมากขึ้น จนไม่ต้องตกเป็นเป้านิ่งให้ตัวเองต้องเดือดร้อนเช่นนี้



    อัลฟ่าที่ถูกคมมีดปักเข้าที่ขานั้นกดฟันข่มความเจ็บปวดไว้ด้วยความเจ็บใจ แต่ก็ยังไม่วายที่จะคิดต่อสู้ด้วยการฝืนพุ่งเข้ามาใส่เชส ไทเลอร์ ด้วยแรงทั้งหมดที่มี



    พลั่ก!



    ต้นขาแกร่งของทรูอัลฟ่าหนุ่มแตะอัดเข้าที่ลำตัวของอัลฟ่านั่นจนอีกฝ่ายล้มนอนตัวงอ แววตาของหัวหน้าหน่วยกระหายในการล่านั้นมันทั้งดุดันและน่าหวั่นเกรง อีกทั้งฝ่าเท้าที่เปื้อนโคลนของทรูอัลฟ่าหนุ่มก็ยกขึ้นเหยียบต้นขาที่มีบาดแผลด้วยใบหน้านิ่งเรียบ เสียจนอัลฟ่านั่นยกมือยอมแพ้อย่างจำยอม



    ผู้ล่าอย่างเชส ไทเลอร์ ย่อมไม่มีวันปรานีเหยื่อของตัวเองจนกว่าเหยื่อของมันจะยอมแพ้



    หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์กวาดตามองรอบๆ พลางฟังเสียงการเคลื่อนไหวโดยรอบแล้วก็กลับต้องฉุกคิดและเปลี่ยนทิศทางของตัวเองในทันทีเมื่อเจ้าตัวนั้นเอะใจถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น



    ในเมื่อทางที่เจ้าตัวลงมาดักนั้นเป็นทางเดียวที่จะขึ้นไปสู่ด้านบน แต่ทำไมถึงไม่มีแม้แต่เงาของแมดส์ ไทเลอร์ ที่สมควรจะขึ้นมา แผนที่คร่าวๆ ในหัวของเชสถูกร่างขึ้นมาด้วยความรวดเร็วจนทำให้เจ้าตัวนึกได้ว่าพลาดอะไรไปสักอย่างหนึ่งให้กับแฝดพี่



    ขายาวรีบเร่งเต็มกำลังในการวิ่งขึ้นไปด้านบนอีกครั้งเพื่อหวังจะให้ทันแฝดพี่ของตัวเองที่ใช้กลโกงในการขึ้นไปด้านบนอย่างนอกกฎกติกา เส้นทางที่ถูกจำกัดไว้นั้นถูกแหกกฎก็เพราะแมดส์ ไทเลอร์



    ไม่ตุกติกด้วยอาวุธก็ตุกติกด้วยกลโกง... ให้มันได้อย่างนี้สิ!!!



    มันไม่เคยผิดคาดอย่างที่หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์คิดเลยสักนิด  เพราะเมื่อเจ้าตัวย้อนกลับไปที่ด้านบนก็พบเข้ากับแมดส์ ไทเลอร์ ที่กำลังต่อสู้กับลูฟอยู่ ใบหน้าของคนสนิทของเชส ไทเลอร์ นั้นเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำและเลือดที่ไหลออกมาเพราะบาดแผลที่ปริแตกบริเวณหัวคิ้วและมุมปาก  ก่อนที่แมดส์ ไทเลอร์ จะแตะตัดต้นขายาวในช่วงจังหวะที่ลูฟไม่ระวังตัว จนทำให้แมดส์สามารถที่จะแตะเข้าที่สีข้างจนเจ้าตัวสูงนั่นล้มลงไปกองกับพื้น



    "ฉันบอกนายแล้วไงว่าอย่าตุกติก"



    คนถูกต่อว่าหันกลับมาเผชิญหน้ากับเชสก่อนจะยกยิ้มกว้าง ฝ่ามือสีแทนปาดคราบเลือดที่เลอะตามมือและใบหน้าของตัวเองออกลวกๆ พลางก้าวเดินเข้ามาหาแฝดน้องอย่างใจเย็น ร่องรอยบาดแผลต่างๆ ที่เกิดขึ้นคงเป็นตัวบ่งบอกความบ้าคลั่งของแมดส์ ไทเลอร์ ที่กระทำต่อคนในหน่วยเดอะฮิลล์ได้เป็นอย่างดี



    "ฉันทำมันลงไปหรือ?" แมดส์ยังไม่วายกวนประสาท  "แต่ก็ยังดีนะที่นายฉลาดพอจนนึกขึ้นได้"



    "แล้วคือหรือว่าฉันจะยอมให้นายขึ้นไปบนนั้นง่ายๆ"



    "ก็มาลองดู"



    สิ้นสุดคำท้าทายทรูอัลฟ่าหนุ่มต่างก็พุ่งเข้าหากันอย่างไม่มีใครยอมใคร หมัดหนักๆของ เชส ไทเลอร์ นั้นกระแทกเข้าที่ใบหน้าแฝดพี่ของตัวเองเป็นอันได้เปรียบ ก่อนที่แมดส์จะใช้แรงทั้งหมดนั้นผลักตัวแฝดน้องของตัวเองจนกระแทกเข้ากับลำต้นของต้นไม้ใหญ่ด้านหลังจนได้ยินเสียงกระดูกที่ลั่นขึ้นเพราะแรงกระแทก



    "อั่ก.."



    แฝดน้องร้องออกมาด้วยเสียงไม่เบานักเมื่อแมดส์ ไทเลอร์ บีบเข้าที่ลำคอของเจ้าตัวจนใบหน้าของเชสนั้นแดงก่ำ แม้มีดเล่มสั้นที่อยู่ในมือเชสจะปักลงที่ไหล่ขวาของทรูอัลฟ่านักฆ่าก็ยังไม่ทำให้แมดส์นั้นยอมหยุด จนทำให้เชสนั้นตัดสินใจกระแทกหัวของตัวเองชนเข้ากับอีกฝ่ายอย่างแรงจึงเป็นผลทำให้หมาบ้านั่นผงะถอยออกไปเพราะความเจ็บที่หน้าผากที่ได้รับแรงกระแทก ต่างฝ่ายต่างหอบหายใจหนักไม่แพ้กันเพราะความเหนื่อยจากการออกแรงและใช้กำลังอย่างมาก



    หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์สะบัดหัวไล่ความมึนงงที่เกิดขึ้นก่อนหน้าเล็กน้อย ก่อนจะใช้โอกาสนี้พุ่งตัวเข้าใส่แมดส์และซัดหมัดลงไปที่ใบหน้าของแฝดพี่อีกครั้ง  ด้วยกำลังที่มากพอกันทั้งคู่ทำให้ต่างฝ่ายต่างล้มลุก พลัดกันขึ้นคร่อมทับพลัดกันแลกหมัดจนสภาพนั้นเละเทะไม่ต่างกัน



    แมดส์ ไทเลอร์ ถ่มเลือดในปากของตัวเองลงพื้นอย่างลวกๆ ในขณะที่หยัดตัวลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง มีดที่ถูกดึงออกจากการถูกเชส ไทเลอร์ ปักบนไหล่ขวาถูกหยิบขึ้นมาในมือของแมดส์ ก่อนที่หมาบ้าซึ่งกำลังคลั่งจนแทบบ้านั้นจะสาวเท้าเดินเข้ามาใกล้หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ที่ถูกแมดส์นั้นอัดเข้าที่สีข้างจนกองอยู่กับพื้น



    "จะให้พี่ชายคนนี้ทำยังไงต่อไปดีล่ะ.."



    แมดส์เอ่ยถามก่อนจะเดาะลิ้นอย่างชอบใจที่เห็นเชส ไทเลอร์ นั้นนอนหมอบอยู่ที่พื้นจนแทบไม่มีแรงเหลือลุกขึ้นมาสู้กับตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นเชสเองก็ยังคงพยายามที่จะฝืนลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับแฝดพี่ของตัวเอง



    "ก็เลือกเอาว่านายจะลงไปพร้อมกับธงนี่ หรือ จะลงไปมือเปล่าแล้วเอาตัวโอเมก้าจากฮาร์เดนเจอร์นั่นกลับไป"



    "!!!"



    เชส ไทเลอร์ เหยียดยิ้มหยันให้กับแมดส์ ไทเลอร์ ที่ขบกรามแน่นจนได้ยินเสียงดังกรอดๆ ยามที่เชสเอ่ยถึงบุคคลที่สามซึ่งก็คงจะกระตุกต่อมโมโหของเจ้าตัวได้เป็นอย่างมาก



    "พวกอัลฟ่าที่เดอะฮิลล์ข้างล่างคงลุกเป็นไฟกันแล้วน่าดูกับการที่ได้เจอคุณหนูโอเมก้านั่น.."



    "เชส!"



    ใบหน้าเรียบนิ่งที่ไร้อารมณ์ของแมดส์นั้นฉุนกึกจนแสดงสีหน้าเกรี้ยวกราดออกมาเต็มที่เมื่อเจ้าตัวปะติปะต่อเรื่องทั้งหมดได้ในทันทีที่แฝดน้องของตัวเองพูดจบ



    "คนที่โรสต์คือคนของฉัน แล้วมันจะแปลกอะไรที่พวกเขาจะยินดีที่จะเอาโอเมก้าที่นายฝากไว้มาที่นี่"



    เสียงสบถด่าหยาบคายนับไม่ถ้วนที่หลุดออกจากปากแมดส์ ไทเลอร์ ยิ่งทำให้เชสยกยิ้มร้ายกาจขึ้นอย่างช่วยไม่ได้



    "ไอ้เวรเอ๊ย!"



    "คุณหนูเยลเวอร์ตันที่ว่านี่สำคัญกับนายพอไหมล่ะแมดส์..."



    มีดที่อยู่ในมือของแมดส์ ไทเลอร์ นั้นถูกขว้างปักลงที่พื้นอย่างแรงก่อนที่สายตาดุคมของแฝดพี่นั้นจะตวัดกลับมามองน้องชายราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ



    "ฉันก็มีของสำคัญของฉัน นายเองก็เหมือนกัน จริงไหม?"



    "...."



    "ถ้าแอชจะต้องกลับไรเนอร์ ฉันเองก็จะส่งเยลเวอร์ตันกลับฮาร์เดนเจอร์เช่นกัน"



    "...."



    คนอย่างแมดส์ ไทเลอร์ หากไล่ตามไม่ทันก็มีแต่จะเสียเปรียบ แต่ถ้าหากจับจุดได้แล้วล่ะก็ก็คงไม่ต่างจากหมาบ้าที่ถูกขังอยู่ในกรงสี่เหลี่ยม



    "นายจะลองแลกกับฉันไหมล่ะ"













    HASTAG : #youngmastermn











    Talk : ไประลึกพาร์ทที่หายไปมา.. มาช้านิดหน่อยแต่ก็มาแหละคับ! ก็อย่างที่บอกว่าเรื่องของแมดส์คาบเกี่ยวกับเรื่องของเชสอยู่นิดหน่อย เดี๋ยวคงมีพาร์ทแยกของริโอกับอาเธอร์จากเรื่องหลักนะคับ ;-; 


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in