“นายไม่ได้ล้อฉันเล่นใช่ไหม” ไทเลอร์ถามย้ำอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ถ้าฉันล้อเล่น ฉันคงไม่ยืนอยู่ตรงนี้หรอกไทเลอร์” อัลฟ่าแดนเหนือตอบพลางเอื้อมมือไปจับฝ่ามือของทรูอัลฟ่าหนุ่มมาจับไว้เบาๆ “ต่อให้นายไม่อ้อนวอน ยังไงเสียฉันก็คงปฏิเสธไม่ได้อยู่ดีว่าจริงๆแล้วมันเป็นอย่างไร”
“ฉันเข้าใจว่ามันคงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับนายที่จะต้องเป็นคนแดนใต้”
“ถ้าเมื่อก่อนฉันก็คงเป็นอย่างที่นายพูดจริงๆ แต่ตอนนี้..”
“....”
“เหตุผลพวกนั้นมันคงไม่มีความหมายอะไรกับฉันมากไปกว่าความรู้สึกของตัวเอง”
ความภาคภูมิใจของการเป็นเลสลีย์และการเป็นคนของแดนเหนือนั้นแม้จะยากที่จะละทิ้ง แต่ทั้งเหตุผลและความรู้สึกของแอชเชอร์ เลสลีย์ ในตอนนี้ก็ไม่สามารถที่จะเห็นแก่ตัวเพื่อตัวเองและทำให้อีกฝ่ายเดือดร้อนได้อีกต่อไป
เชส ไทเลอร์ ยังคงยืนฟังอีกฝ่ายเงียบๆพลางก้มลงมองมือของตัวเองที่ถูกอีกฝ่ายจับไว้เบาๆ พอได้ยินอีกฝ่ายพูดออกมาแบบนี้ก็กลับทำให้ไทเลอร์ไม่สามารถคิดคำพูดอื่นใดออกมาได้อีก
“เป็นแอชเชอร์ ไทเลอร์ก็คงไม่แย่เท่าไหร่หรอกจริงไหม?”
“นี่เรียกว่าเป็นคำบอกรักที่ไม่มีคำว่ารักหรือเปล่า” หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ว่าก่อนจะเปลี่ยนเป็นฝ่ายที่กุมมือขาวแทน
“นายอยากฟังหรือ” แอชเชอร์ถามอย่างลองเชิง แต่มีหรือว่าไทเลอร์จะปล่อยโอกาสนั้นให้หลุดลอยไป
“มากกว่าคำว่าอยากเสียอีก”
คนตัวขาวคลี่ยิ้มบางๆแบบที่ไทเลอร์ไม่เคยได้เห็น จนกลายเป็นว่าหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ในตอนนี้นั้นกำลังมึนเมาไปกับรอยยิ้มสวยของอัลฟ่าผิวสีหิมะ
“ฉันไม่รู้ว่ามันจะเรียกว่ารักได้หรือเปล่า ที่ฉันรู้ตอนนี้ก็คือความรู้สึกที่อยากยืนอยู่ข้างๆนาย”
เพราะอย่างน้อยความรู้สึกดีๆที่มีอยู่ตอนนี้มันก็มากพอที่จะเหนี่ยวรั้งให้แอชเชอร์อยู่ที่เดอะฮิลล์ได้
"แม้จะต้องแลกมาด้วยการเป็นคนของแดนใต้น่ะหรือ"
"ฉันไม่ได้แลกมันเพื่อตัวเอง แต่ที่ฉันยอมก็เพราะนาย"
"แค่นี้ฉันยังหลงนายไม่พอหรือ ถึงต้องทำให้ฉันใจเต้นแรงเพราะคำพูดพวกนี้อีก" ไทเลอร์ว่าก่อนจะขยับเข้าไปสวมกอดคนตัวขาวอีกครั้งด้วยความมั่นใจที่มากขึ้นจนแทบไม่เหลือความกังวลใดๆทั้งสิ้น
"ไม่ต้องกอดฉันแน่นขนาดนี้ก็ได้ ฉันไม่หายไปไหนหรอกน่า"
"ที่กอดก็เพราะคิดถึง.." ทรูอัลฟ่าหนุ่มไม่ได้โกหกแต่อย่างใด ช่วงเวลาที่เจ้าตัวต้องเข้าไปในแบล็คฟอเรสต์ทั้งที่ยังพะวงถึงเรื่องของแอชเชอร์นั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิดที่จะเลิกคิดได้ง่ายๆ "ไม่ได้นอนกอดนายมาตั้งหลายวัน ไม่เห็นใจกันบ้างหรือ"
"ก็ให้กอดแล้วนี่ไง" มือขาวยกขึ้นลูบแผ่นหลังกว้างของอีกฝ่ายช้าๆ พลางเงยหน้าขึ้นมองคนที่เอาแต่กอดตัวเองไม่ยอมปล่อย
"จูบได้ไหม.." คนผิวสีแทนเข้มเอ่ยถามอย่างไม่อายปากกับคู่ชีวิตของตน ใบหน้างดงามที่เฝ้าคิดถึง ไหนจะริมฝีปากหวานล้ำที่เคยได้ลิ้มลองมันนับครั้งไม่ถ้วน
ริมฝีปากบางที่แนบจูบลงบนริมฝีปากหนาค้างไว้คงเป็นคำตอบที่ชัดเจนสำหรับไทเลอร์ในตอนนี้จนแทบไม่ต้องเอ่ยถามอะไรอีก แม้จะรู้สึกโทษตัวเองที่เป็นเหตุผลซึ่งทำให้ตาสวยคู่นี้แดงช้ำ แต่ไทเลอร์เองก็รู้สึกดีใจเช่นกันที่ตัวเองยังสามารถรักษาอีกคนไว้กับตัวเองได้
สัมผัสเย็นเยียบของวัตถุบางอย่างที่ถูกสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของแอชเชอร์โดยที่เจ้าตัวไม่ทันได้ตั้งตัว ย่อมทำให้คนตัวขาวได้แต่มองการกระทำของไทเลอร์เงียบๆ
หากจำไม่ผิด แหวนที่ถูกสวมใส่บนนิ้วเรียวของแอชเชอร์นั้นคงเป็นแหวนที่เจ้าตัวมักจะเห็นไทเลอร์สวมใส่หรือไม่ก็ใส่ห้อยคอเป็นสร้อยติดตัวอยู่เสมอ
"นับตั้งแต่นี้ไป นายคือแอชเชอร์ ไทเลอร์ และเป็นคนของแดนใต้"
"เป็นคนของไทเลอร์ด้วย"
คนตัวขาวเสริมยิ้มๆ จนคนฟังนั้นอดยกยิ้มตามด้วยไม่ได้
"ย่อมเป็นตามที่นายว่าเลยคนดี"
หลังมือขาวถูกยกขึ้นมาจรดจูบอีกครั้งโดยที่สายตาของทั้งคู่ยังคงสอดประสานและทอดมองกันและกัน ความรู้สึกอบอุ่นที่แทรกเข้ามาแทนที่ความหนาวเหน็บที่เคยเกาะกินจิตใจนั้นช่วยปลอบประโลมความรู้สึกที่ถูกบั่นทอนทีละน้อย
ทิฐิที่เคยตั้งมันไว้เสียงสูงก็กลับถูกทำลายลงด้วยน้ำมือของตัวเองเพียงเพราะความรู้สึกที่ถูกนำเข้ามาใช้ประกอบกับเหตุผล
"พูดดีๆแบบคนอื่นเขาก็เป็นนี่นา"
"เก็บไว้พูดกับนายคนเดียวนี่ไง" หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ยังไม่วายพูดจาออดอ้อนเอาใจคนของตัวเอง
"เชื่อได้ด้วยหรือคนเจ้าเล่ห์แบบนาย คงมีแต่ฉันที่ตามไม่ทัน"
"งั้นก็จงภูมิใจไว้เสียว่าคนอย่างฉันทำได้ทุกอย่างก็เพื่อนาย"
"จะพูดย้ำให้ฉันจำได้ขึ้นเลยหรือไงกัน" เจ้าของเสียงนุ่มว่าในขณะที่ยกมือของตัวเองขึ้นมาดูแหวนที่ทรูอัลฟ่าเจ้าของกลิ่นไม้ซีดาร์นั้นเป็นคนสวมใส่ให้ตัวเอง
"ถ้าเป็นแบบนั้นได้ก็ยิ่งดี"
"ท่าจะบ้า!"
"แหวนนี้มันสำคัญสำหรับฉันมาก.. ฝากนายช่วยดูแลแทนฉันด้วยนะแอช"
"หากสำคัญก็ไม่ควรเอามันมาให้ฉัน" คนตัวขาวแย้งเข้าให้
"แต่สิ่งที่สำคัญกว่าแหวนนี่ มันก็คือนาย..."
"ฉันไม่ได้ต้องการสิ่งของแทนใจอะไรทั้งนั้นเลยไทเลอร์" ยิ่งอีกฝ่ายบอกว่ามันสำคัญก็ยิ่งทำให้แอชเชอร์รู้สึกว่ามันมากเกินกว่าที่ตนเองจะรับไว้ได้
"อย่างน้อยนายก็ควรมีสิ่งที่เป็นเครื่องยืนยันในการเป็นคนของไทเลอร์.. สถานะของนายที่ไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนมันจะเป็นตัวยืนยันอีกแรงหนึ่งที่ทำให้คนในหน่วยต่างยอมรับ"
"แต่ว่า.."
"ฉันทำทุกอย่างเพื่อนายอย่างที่คู่ชีวิตคนหนึ่งพึงจะได้รับ"
"....."
"อย่าคิดว่ามันจะมากเกินไปสำหรับนายเลยแอช เพราะถ้าเทียบกันจริงๆแล้วนายเองก็สมควรได้รับเกียรติที่มากกว่านี้เสียด้วยซ้ำ"
นายน้องจากตระกูลเก่าแก่ของแดนเหนือย่อมไม่ใช่บุคคลธรรมดาที่ไทเลอร์จะสามารถข้ามผ่านได้ เพราะต่อให้อีกฝ่ายนั้นจะไม่มีอำนาจในแดนเหนือแล้ว
แต่ใครๆ ต่างก็รู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่อีกฝ่ายถูกหล่อหลอมและเติบโตมานั้นมันสูงค่าเกินกว่าที่จะได้รับการเหยียบย่ำ
"งั้นนายก็ควรรู้ว่าว่าฉันเองก็ไม่ได้ต้องการที่จะสูงส่งเหนือนายเลยเชส.." มือขาวลูบเบาๆที่ตามโครงหน้าคมของอีกฝ่ายในขณะที่ยังคงขยับริมฝีปากเอ่ยในสิ่งที่ตนคิด "แค่นี้มันก็มากเกินพอแล้ว"
"อย่าน่ารักไปมากกว่านี้เลยคนดี"
"....."
"แค่นี้ฉันก็ไปไหนไม่รอดแล้วแอช..."
"รักแค่ฉันก็พอ"
รอยยิ้มที่งดงามยิ่งกว่าดอกไม้ที่กำลังผลิบานรับฤดูที่กำลังเปลี่ยนแปลงชวนให้หัวใจของทรูอัลฟ่าหนุ่มเต้นถี่ระรัว ราวกับเด็กหนุ่มที่พึ่งสัมผัสประสบการณ์ความรักเป็นครั้งแรก
ระยะห่างที่เหลือน้อยลงทุกทีแต่ก็ไม่ได้สร้างความอึดอัดให้กับทั้งคู่ คงเป็นเรื่องราวดีๆในวันที่แอชเชอร์พานพบเรื่องเสียใจจนต้องเสียน้ำตา
"กลับมาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำให้ร่างกายสดชื่นคงจะดีกว่ามายืนกอดฉันอยู่แบบนี้นะไทเลอร์" แอชเชอร์เอ่ยขึ้นเมื่อไทเลอร์นั้นดูไม่มีท่าทีที่จะออกห่างจากตัวเองเลยสักนิด
"ช่วยยิ้มให้ฉันสักครั้งได้หรือเปล่า.."
"อารมณ์ไหนกันเนี่ย" คนตัวขาวถึงกับเลิกคิ้วถามทรูอัลฟ่าหนุ่มที่เอ่ยขออะไรแปลกๆจากตัวเอง
"ฉันชอบรอยยิ้มของนาย"
"...."
"ชอบเหลือเกินในทุกครั้งที่นายมีความสุข"
และแน่นอนว่าหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ก็ได้รับรอยยิ้มหวานจากนายน้อยตัวขาวจนสมใจอยาก ทั้งดวงตาและริมฝีปากที่ยิ้มไปพร้อมกันนั้นหากใครได้เห็นก็คงจะต้องตกหลุมรักเป็นแน่
"ถ้าพอใจแล้วก็ไปอาบน้ำเสีย เดี๋ยวฉันจะเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้"
"แล้วภรรยาคนนี้จะช่วยสามีอาบน้ำไม่ได้หรือ"
"!!!!"
"ร่างกายมันปวดเมื่อยไปหมด"
วาจาออดอ้อนที่เกินจริงจากปากไทเลอร์นั้นใครก็ต้องดูออกว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง ร่างกายแข็งแรงแบบนี้น่ะหรือจะล้าเพียงเพราะการออกไปทำงานเพียงไม่กี่วัน
ไม่มีทางเสียหรอก..
นอกเสียจากว่าเชส ไทเลอร์ นั้นกำลังจะออดอ้อนเพื่อที่จะให้อีกฝ่ายเอาใจ
.
.
.
.
แสงไฟสลัวในห้องน้ำที่คุ้นเคยไม่ได้ช่วยให้แอชเชอร์นั้นเคยชินกับการที่จะต้องเข้าไปพร้อมกับไทเลอร์เลยสักนิด แทบจะเรียกได้ว่าตรงกันข้ามเสียจนได้แต่หยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องน้ำเสียด้วยซ้ำ
"ทำไมไม่เดินเข้ามาล่ะ"
เจ้าของแผ่นหลังกว้างที่เนื้อตัวเปลือยเปล่าก้าวลงไปนั่งอยู่ในบ่อน้ำอุ่นเอ่ยค้านเมื่อเห็นคนตัวขาวยังยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตู และไม่มีท่าทีที่จะเดินเข้ามาเสียที
"ถ้าจะถอดเสื้อผ้าก็ควรบอกกันเสียก่อนไหมเชส.."
"พูดอย่างกับนายไม่เคยเห็นอย่างนั้นล่ะ" ไทเลอร์เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆ พลางเอี้ยวใบหน้ากลับมามองคนตัวขาว "มาเถอะ ยังไงนายก็ต้องเห็นอยู่แล้ว"
"อายฉันสักนิดก็ไม่มี"
"คนเป็นสามีภรรยากันยังต้องเขินอายเรื่องแบบนี้อีกหรือ" ทรูอัลฟ่าหนุ่มถามย้อนจนคนตัวขาวนิ่งเงียบ
"ใครจะคุ้นชินง่ายเหมือนนายกัน"
"เดี๋ยวก็ชิน..."
อดีตคนที่เคยเป็นอัลฟ่าแดนเหนือสาวเท้าลงไปหยุดนั่งบริเวณขอบบ่อซึ่งมีพื้นที่มากพอให้สามารถนั่งได้อย่างสบาย แต่ถึงอย่างนั้น...
"อาบน้ำพร้อมกับฉันไหมคนดี.." ฝ่ามือใหญ่ของทรูอัลฟ่าหนุ่มเลื่อนมาจับมือขาวที่กำลังวักน้ำไล่ชำระร่างกายแข็งแรง พร้อมทั้งบีบนวดช่วงลาดไหล่กว้างด้วยน้ำหนักแรงที่ทำให้คนผิวเข้มผ่อนคลายความเมื่อยล้าที่สะสมมานานนับหลายวัน
"ฉันอาบไปแล้วไทเลอร์..."
"แต่นายจะเปียกเอา"
"ถ้านายไม่แกล้งฉันก็คงไม่เปียกหรอก.." แค่เห็นสายตาเจ้าเล่ห์ที่มองมาที่ตนก็พอทำให้แอชเชอร์รับรู้ถึงความคิดของอีกฝ่าย แต่ก็ดูว่าจะไม่ทันวงแขนแข็งแรงที่โอบกระชากร่างกายของตัวเองให้ลงไปอยู่ด้วยกันเสียจนคนที่พึ่งจะอาบน้ำไปไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านั้นเปียกปอนตามไปด้วย
"เปียกซะแล้ว.."
คำพูดที่แสนจะรู้สึกผิดนั้นช่างขัดกับหน้าตาเจ้าเล่ห์ของไทเลอร์เสียเหลือเกิน น้ำอุ่นที่กระทบกับผิวขาวก็พานทำให้เนื้อตัวของแอชเชอร์เริ่มจะขึ้นสีอย่างช่วยไม่ได้ในขณะที่นั่งทับอยู่บนหน้าขาของทรูอัลฟ่าหนุ่ม
"ให้มันได้อย่างนี้สิไทเลอร์"
"คิดถึงกลิ่นหอมๆ ของนายจะแย่" ไทเลอร์ไม่ได้พูดเปล่าเพราะจมูกได้รูปของเจ้าตัวเองนั้นก็กดลงดมความหอมของกลิ่นกุหลาบดามัสก์ที่ตัวเองชมชอบหนักหนา
มือขาวบีบลาดไหล่กว้างหนักเมื่อรู้สึกวาบหวิวไปกับสัมผัสร้อนที่รินริดบริเวณซอกคอของตัวเอง ต่อให้เบี่ยงหน้าหนีมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นการเปิดทางให้เจ้าของใบหน้าคมนั้นได้ซุกไซ้ผิวเนื้ออ่อนของตัวเองมากขึ้นเท่านั้น
"ไทเลอร์.."
"ไม่มากกว่านี้ ฉันสัญญา"
ถึงจะพูดแบบนั้นออกมา แต่แอชเชอร์นั้นก็รับรู้ถึงความร้อนผ่าวที่ดุนดันอยู่ตรงสะโพกของตัวเองอย่างชัดเจน
"มั่นใจหรือว่านายอดทนได้น่ะเชส.."
คนตาสวยถามอย่างหยอกเย้า พลางไล่มองใบหน้าดุคมที่กำลังสะกดกลั้นความรู้สึกที่กำลังปะทุของตัวเองในขณะที่มีร่างกายของแอชเชอร์แนบชิดอยู่บนร่างกาย
แววตาร้ายกาจของคนตัวขาวที่ท้าทายนั้นคงเป็นเรื่องที่ยากจะคาดเดาได้สำหรับอารมณ์ของแอชเชอร์...
“นายไม่จำเป็นต้องแบบนี้เลยแอช..” เสียงแหบต่ำของคนที่เปลือยเปล่าแช่ตัวอยู่ในบ่อน้ำอุ่นขนาดใหญ่นั้นเอ่ยบอกเจ้าของผิวขาวจัดที่กำลังขยับร่างกายอยู่บนตักของตัวเอง เนื้อผ้าบางเบาที่เมื่อเปียกน้ำนั้นก็พาทำให้แนบชิดติดไปกับผิวนวลเนียนเสียจนกลายเป็นภาพที่ยากจะละสายตา
“นายเหนื่อยไม่ใช่หรือ..” คนที่นั่งอยู่ด้านบนเอ่ยถามในขณะที่มือเรียวสวยนั้นยังคงบีบนวดลาดไหล่กว้างของทรูอัลฟ่าหนุ่มจนได้รับเสียงครางฮึมฮัมอย่างพอใจออกมาจากลำคอ
“ทำแบบนี้ยิ่งเหนื่อยกว่าเดิม นายก็รู้ดี”
“มันก็เป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่หรือสำหรับพวกทหารที่กลับมาจากการทำงาน”
“ฉันไม่ต้องการให้นายเหมือนกับคนพวกนั้น..”
มันเป็นเรื่องปกติอย่างที่แอชเชอร์พูดจริงๆสำหรับทหารที่กลับมาจากการทำงานซึ่งยากลำบาก คงจะปฏิเสธได้ยากว่าเซ็กส์พวกนั้นมันช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดที่สะสมได้ไม่มากก็น้อยสำหรับใครหลายคน แต่คงไม่ใช่สำหรับหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ที่มักจะเฉยชากับเรื่องพวกนี้จนมักจะถูกกล่าวหาว่าตายด้าน
ต่อให้เดอะฮิลล์ไม่มีโอเมก้า ก็ใช่ว่าเบต้ากับโอเมก้าที่อยู่ด้วยกันในหน่วยนั้นจะเมินเฉยต่อกันสักเท่าไหร่กันเชียว ไม่ใช่ไม่รู้ แต่เพราะรู้ว่าเรื่องพวกนี้มันยากที่จะห้ามถึงทำให้ไทเลอร์ยอมละเลยและมองข้ามผ่านมันไปหากมันไม่ได้มากพอจนเกินงาม
เพราะคนในหน่วยเองก็ต่างรู้กฎเหล็กของที่นี่ดีเช่นกัน แทบจะเป็นส่วนน้อยเลยเสียด้วยซ้ำที่จะแหกกฎที่ถูกตั้งไว้ แม้จะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งแต่ก็ใช่ว่าจะยอมให้เกิดความผิดพลาดขนาดที่จะก่อกำเนิดชีวิตอีกหนึ่งชีวิต ถ้าหากเป็นเช่นนั้นไทเลอร์เองก็จำเป็นต้องปลดบุคคลที่เป็นปัญหานั้นออกจากหน่วยอย่างไม่ลังเล
และมันคงจะไม่ดีสักเท่าไหร่สำหรับการใช้ชีวิตในหน่วยเดอะฮิลล์โดยที่มีสิ่งมีชีวิตตัวน้อยอยู่ในท้อง
“นายก็รู้ว่าคนพวกนั้นมันเทียบกับฉันไม่ได้สักนิด..”
“ไม่มีใครดีได้เท่านายหรอกแอช..”
/////
“นายไม่จำเป็นต้องแบบนี้เลยแอช..” เสียงแหบต่ำของคนที่เปลือยเปล่าแช่ตัวอยู่ในบ่อน้ำอุ่นขนาดใหญ่นั้นเอ่ยบอกเจ้าของผิวขาวจัดที่กำลังขยับร่างกายอยู่บนตักของตัวเอง เนื้อผ้าบางเบาที่เมื่อเปียกน้ำนั้นก็พาทำให้แนบชิดติดไปกับผิวนวลเนียนเสียจนกลายเป็นภาพที่ยากจะละสายตา
“นายเหนื่อยไม่ใช่หรือ..” คนที่นั่งอยู่ด้านบนเอ่ยถามในขณะที่มือเรียวสวยนั้นยังคงบีบนวดลาดไหล่กว้างของทรูอัลฟ่าหนุ่มจนได้รับเสียงครางฮึมฮัมอย่างพอใจออกมาจากลำคอ
“ทำแบบนี้ยิ่งเหนื่อยกว่าเดิม นายก็รู้ดี”
“มันก็เป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่หรือสำหรับพวกทหารที่กลับมาจากการทำงาน”
“ฉันไม่ต้องการให้นายเหมือนกับคนพวกนั้น..”
มันเป็นเรื่องปกติอย่างที่แอชเชอร์พูดจริงๆสำหรับทหารที่กลับมาจากการทำงานซึ่งยากลำบาก คงจะปฏิเสธได้ยากว่าเซ็กส์พวกนั้นมันช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดที่สะสมได้ไม่มากก็น้อยสำหรับใครหลายคน แต่คงไม่ใช่สำหรับหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ที่มักจะเฉยชากับเรื่องพวกนี้จนมักจะถูกกล่าวหาว่าตายด้าน
ต่อให้เดอะฮิลล์ไม่มีโอเมก้า ก็ใช่ว่าเบต้ากับโอเมก้าที่อยู่ด้วยกันในหน่วยนั้นจะเมินเฉยต่อกันสักเท่าไหร่กันเชียว ไม่ใช่ไม่รู้ แต่เพราะรู้ว่าเรื่องพวกนี้มันยากที่จะห้ามถึงทำให้ไทเลอร์ยอมละเลยและมองข้ามผ่านมันไปหากมันไม่ได้มากพอจนเกินงาม
เพราะคนในหน่วยเองก็ต่างรู้กฎเหล็กของที่นี่ดีเช่นกัน แทบจะเป็นส่วนน้อยเลยเสียด้วยซ้ำที่จะแหกกฎที่ถูกตั้งไว้ แม้จะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งแต่ก็ใช่ว่าจะยอมให้เกิดความผิดพลาดขนาดที่จะก่อกำเนิดชีวิตอีกหนึ่งชีวิต ถ้าหากเป็นเช่นนั้นไทเลอร์เองก็จำเป็นต้องปลดบุคคลที่เป็นปัญหานั้นออกจากหน่วยอย่างไม่ลังเล
และมันคงจะไม่ดีสักเท่าไหร่สำหรับการใช้ชีวิตในหน่วยเดอะฮิลล์โดยที่มีสิ่งมีชีวิตตัวน้อยอยู่ในท้อง
“นายก็รู้ว่าคนพวกนั้นมันเทียบกับฉันไม่ได้สักนิด..”
“ไม่มีใครดีได้เท่านายหรอกแอช..”
คำหวานที่มาพร้อมกับจูบนุ่มนวลซึ่งทาบทับบนริมฝีปากนุ่ม ทำให้ร่างขาวไม่สามารถเอื้อนเอ่ยประโยคที่ตั้งใจไว้ได้ นอกเสียจากจะจูบตอบรับสัมผัสนุ่มนวลของอีกฝ่าย บดเบียดริมฝีปากร้อนอย่างเชื่องช้า หยอกเย้า เสียจนคนที่เป็นฝ่ายรุกจูบนั้นใช้เรียวลิ้นชื้นกระหวัดเกี่ยวต้อนเจ้าของกลิ่นหอมของกุหลาบดามัสก์ให้ตัวอ่อนจนเหลวเป็นขี้ผึ้งลนไฟ
เสียงเฉอะแฉะจากของเหลวหนืดซึ่งไหลล้นออกมาตามมุมปากที่ไม่สามารถกักเก็บไว้ได้ ยังคงถูกเรียวปากสีเข้มตามมาจูบซับให้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ยิ่งขยับกลีบปากดูดดึงซึ่งกันและกันก็พาลให้เกิดเสียงน่าละอายจนอัลฟ่าแดนเหนือเองต้องปิดเปลือกเพื่อหลีกหนีภาพวาบหวิวตรงหน้า
กลิ่นหอมฟุ้งของกลิ่นกายประจำตัวทั้งคู่นั้นอบอวลไปทั่วห้องอาบน้ำใหญ่จนกลบกลิ่นเทียนหอมที่ถูกจุดขึ้นเพื่อความผ่อนคลาย กลายเป็นกลิ่นที่ชวนให้เลือดในกายนั้นสูบฉีดจนร้อนผ่าวไม่ต่างกันทั้งคู่
ความสวยงามของเรือนร่างที่พระเจ้ามอบให้ยังคงงดงาม จนน่าสัมผัสให้ความบริสุทธิ์พวกนั้นได้แปดเปื้อน
ปลายนิ้วร้อนของเจ้าของผิวสีเข้มนั้นไม่ต่างจากความอุ่นร้อนของเตาผิงที่กำลังทำงานนั้นกำลังไล้ไปตามเรือนกายที่อยู่ภายใต้เสื้อผ้าตัวบางซึ่งแทบจะไม่ช่วยปกปิดส่วนใดๆของร่างกายเมื่อยามที่มันเปียกน้ำ
จูบร้อนจัดพานทำให้ร้อนผ่าวไปทุกทีที่กลีบปากนั้นลากผ่านชวนให้ร่างขาวแทบจะหลุดเสียงร้องครางผะแผ่วออกมา สัมผัสร้อนยังคงไล่ตั้งแต่แก้มขาวที่ขึ้นซับสีจาง ไล่ลงมาจนถึงลำคอระหง ต่ำลงมาถึงไหปลาร้าได้รูป จวบมาจนถึงหน้าอกที่มีเม็ดเชอร์รี่ที่ตัดกับผิวขาวนวล ปลายลิ้นร้อนบรรจงสร้างความวาบหวิวที่ยอดอกข้างหนึ่ง โดยที่ไม่ลืมที่จะใช้ปลายนิ้วมือช่วยบดขยี้ยอดอกอีกข้างให้อย่างไม่น้อยหน้าจนแผ่นหลังขาวนั้นแอ่นโค้งเข้าหากลีบปากร้อน ราวกับเชื้อเชิญให้ลิ้มรสความหอมหวานของร่างกายของตัวเองได้จนกว่าจะที่ไทเลอร์จะพอใจ
ร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแน่นของทรูอัลฟ่าหนุ่มยังคงทำหน้าที่รองรับเรือนร่างงดงามของแอชเชอร์ เลสลีย์ ได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง
จิตรกรรมบนผืนผ้าใบชิ้นใหม่ที่กำลังจะรังสรรค์ขึ้นนั้นยังคงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าที่พู่กันหัวใหญ่นั้นจะพร้อมสำหรับการจุ่มสีชั้นดีแล้วขยับวาดภาพไปตามจังหวะของลายเส้นที่ต้องการ
“ถ้ายังยืนยันที่จะทำแบบนี้ มันก็เท่ากับว่ายาพวกนั้นมันสูญเปล่าสำหรับนาย..”
สัมผัสลึกซึ้งของร่างกายที่มอบให้แก่กันนั้นมันคงจะเป็นเรื่องยากที่ไทเลอร์จะสะกดกลั้นอารมณ์ของตัวเองให้ไม่พังทลายลงกับร่างกายของอีกฝ่าย และนั่นก็คงเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับการปรับตัวของร่างกายอัลฟ่าแดนเหนืออีกครั้ง
“ฉันไม่เสียใจเลยสักนิดถ้ามันเป็นนาย เชส”
มือขาวแทรกไปตามกลุ่มผมของไทเลอร์ก่อนจะขยุ้มโคนเส้นผมของอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนที่จะขยับกายเบียดชิดกับริมฝีปากร้อนที่ยังคงห่อปากดูดยอดอกจนกลายเป็นสีแดงช้ำ โดยไม่นับรวมไปถึงร่องรอยสีกุหลาบที่เกิดจากการขบกัดของไทเลอร์
“ขอบคุณที่ยังเชื่อใจกัน..”
“หากคนของนายไม่เชื่อใจนาย แล้วฉันจะยังเป็นคนของไทเลอร์ได้อย่างไร”
ฝ่ามือสากถูกเจ้าของผิวขาวซีดชักนำลงไปสัมผัสกับความนุ่มนิ่มของก้อนกลมที่เต็มไม้เต็มมือ แรงบีบขยำที่เคล้นคลึงหนักเบาเป็นจังหวะสลับกันไป จนอดีตอัลฟ่าแดนเหนือนั้นต้องคุกเข่าสูงและขยับร่างกายให้ทรูอัลฟ่าสัมผัสได้อย่างถนัดมากขึ้น
รสสัมผัสที่ต่างก็มีสติเต็มร้อยด้วยกันทั้งคู่นั้นเทียบไม่ได้กับสัมผัสฉาบฉวยที่เกิดขึ้นในครั้งก่อน ครั้งแรกที่เต็มไปด้วยสัญชาตญาณที่ชักนำชวนให้เว้าวอนและร้องขอเพราะความกำหนัด ความรู้สึกที่ควบคุมไม่ได้จะไม่มีทางเกิดขึ้นอีกในครั้งนี้ที่ต่างฝ่ายต่างมีสติ
“แล้วรู้ไหวว่าภรรยานั้นควรปฏิบัติกับสามีแบบไหน”
“ถ้าฉันตอบว่าไม่รู้ นายจะช่วยสอนให้กันได้หรือเปล่า..”
ถ้อยคำที่เชิญชวนให้ไทเลอร์แทบจะตะครุบอีกฝ่ายเอาไว้ ยังคงไม่ชัดเจนเท่ากับตาคู่สวยที่ยังคงเป็นประกายน่าค้นหาไม่มีเปลี่ยน
ทั้งเชื้อเชิญให้ลิ้มลอง
และหลอกล่อให้ลุ่มหลง
ความอุ่นร้อนภายใต้น้ำอุ่นที่แช่อยู่นั้นช่างไร้ประโยชน์ถ้าเทียบกับความอุ่นของร่างกายที่ไทเลอร์กำลังกกกอด
“ไม่มีเหตุผลที่จะต้องตอบว่าไม่ได้เลยคนดี”
แทบทุกครั้งที่ไทเลอร์ใช้คำๆนี้กับแอชเชอร์ มันมักจะทำให้คนที่ถูกเรียกรู้สึกเขินอายไม่น้อย สรรพนามหวานชวนให้หัวใจเต้นถี่ระรัวพร้อมทั้งสายตาหวานซึ้งที่มอบให้ราวกับแอชเชอร์นั้นเป็นของล้ำค่าที่ควรค่าแก่การครอบครอง ยังคงทำให้ร่างขาวไม่สามารถทำใจให้ชินได้เสียที
ริมฝีปากสีระเรื่อน่ากัดไม่ต่างจากผลไม้สุกที่กำลังรอคอยใครสักคนมาช่วงชิงความหวานล้ำ ยังคงทำให้ทรูอัลฟ่าหนุ่มไม่สามารถหยุดลิ้มรสความหอมหวานนั้นได้ ราวกับเป็นสิ่งเสพติดที่มอมเมาจนยากที่จะถอนตัว
“แล้วตอนนี้ฉันควรจะทำอะไรก่อนกัน…”
ปากบางที่แดงช้ำขบกัดเข้าหาน้อยๆ เพราะความขัดเขินที่แล่นริ้วขึ้นมาบนใบหน้าเสียจนแดงก่ำ แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวก็ยังคงใจกล้าที่จะเอ่ยถามทรูอัลฟ่าของตัวเองออกไป
“ถอดมันออกเสีย..”
เสียงแหบต่ำเอ่ยสั้นๆ พลางใช้สายตามองที่กางเกงตัวบางซึ่งยังคงปกปิดสะโพกได้รูปไม่ให้เปลือยเปล่า
เปลือกตาสีอ่อนกะพริบขึ้นลงช้าๆในขณะที่ปลายนิ้วเรียวค่อยๆไล่ปลดอาภรณ์บนร่างกายของตัวเองออกเสียจนหมด ทั้งเสื้อที่เปียกชุ่มและกางเกงที่แสนอึดอัดก็เช่นกัน
งดงามอย่างไม่มีที่ติ
ราวกับเทพีแห่งความงามที่ใครต่างเลื่องลือ
“ทั้งหมดที่เป็นฉัน มันเป็นของนายคนเดียว..”
“เช่นกันแอชเชอร์…”
มือขาวที่ยังคงนุ่มนิ่มตามนิสัยของคนที่ดูแลตัวเอง ถูกดึงรั้งให้แตะสัมผัสกับส่วนกลางของร่างกายที่อยู่ใต้น้ำของทรูอัลฟ่าหนุ่ม ความร้อนผ่าวของท่อนเนื้อที่ขยายตัวจนสัมผัสได้ถึงเส้นเลือดที่เต้นตุบนั้นพานทำให้แอชเชอร์อดคิดถึงสัมผัสในวันนั้นที่ไทเลอร์ได้ลิ้มลองมันครั้งแล้วครั้งเล่า
สัมผัสหนักแน่นที่ทำให้ช่วงขานั้นชาหนึบและอ่อนแรงราวเหมือนคนไม่มีแรงนั้นคนตัวขาวเองก็ยังจดจำมันได้เป็นอย่างดี
เมื่อปล่อยให้มือนุ่มนั้นได้สัมผัสกับร่างกาย ทรูอัลฟ่าหนุ่มก็เลือกที่จะเตรียมความพร้อมให้กับอัลฟ่าของตัวเองด้วยการแหวกก้อนกลมที่เด้งมือ บีบคลึงที่เนื้อนุ่มหยุ่นจนเอวขาวบดตอบรับก่อนจะสอดนิ้วเข้าไปในจีบพับที่ปิดสนิท น้ำอุ่นจำนวนไม่น้อยยังคงเป็นตัวช่วยชั้นดีที่ทำให้ร่างกายของแอชเชอร์นั้นผ่อนคลาย แต่ก็ใช่ว่าส่วนร้อนผ่าวนั้นจะเลิกบีบรัดนิ้วยาวเสียเมื่อไหร่
“ชะ เชส..” ใบหน้าขาวซบลงกับไหล่กว้างในทันทีที่ทรูอัลฟ่าหนุ่มงอนิ้วทั้งสองที่กำลังขยายช่องทาง ขยับหมุนมันไปมาช้าๆทั้งซ้ายและขวาก่อนจะค่อยๆถ่างมันออกจนถูกบีบรัดระรัว ฝ่ามือขาวที่เคยรูดรั้งท่อนเนื้อในมือนั้นหยุดลงในทันทีเพราะสติที่กำลังแตกกระเจิงไปกับสัมผัสหนักของการขยับกระแทกเข้าออก
น้ำหมึกชั้นดียังคงถูกผสมและเติมเต็มวัตถุดิบต่างๆอย่างไม่รีบเร่ง ในขณะที่พู่กันหัวใหญ่นั้นก็ถูกปั้นขึ้นจนพร้อมใช้งาน
“สั่นไปหมดแล้วหรือคนดี”
น้ำตาหยดแรกถูกกลั่นออกมาจากหัวตาคู่สวยเมื่อนิ้วยาวนั้นสร้างความกระสันให้กับร่างกายเสียจนไม่รู้จะปลดปล่อยออกมาเช่นไร แกนกายขนาดพอดีมือของคนตัวขาวเองที่กระตุกเกร็งปล่อยหยาดน้ำสีขาวขุ่นไปเมื่อครู่ก่อนหน้าก็ยังไม่มีท่าทีจะสงบแต่อย่างใด
ความทรมานที่แสนวาบหวิวทั้งด้านหน้าและด้านหลังกำลังเล่นงานลูกรักของพระเจ้าให้ตกลงไปในความโสมมจนไม่อาจหาทางขึ้นมาได้
ทรูอัลฟ่าหนุ่มขยับร่างกายขึ้นมานั่งบนขอบบ่อน้ำที่มีพื้นที่กว้างมากพอให้สามารถทำอะไรได้อย่างไม่ยากลำบาก โดยที่ไม่ลืมจะคว้าเอาเจ้าของร่างกายขาวนั้นมานั่งคร่อมทับอยู่บนตักของตัวเอง
“อะ อย่าคว้าน อึก มะ มัน..” มือขาวทุบไหล่ของอีกฝ่ายหนักๆเมื่อไทเลอร์นั้นจงใจกลั่นแกล้งตัวเองให้สั่นไปแทบทั้งตัว
แอชเชอร์ถูกดันให้นอนราบลงกับพื้นหินเรียบ ก่อนที่ไทเลอร์จะโถมตัวคร่อมทับและชักรูดแกนกายของตนพลางจับขาเรียวสวยที่ของร่างขาวขึ้นพาดบ่า
และ….
“อ๊ะ..”
แขนขาวยกขึ้นโอบรอบคอแกร่งอย่างสั่นเทาในขณะที่ปากบางนั้นอ้าออกและสั่นระริกเพราะความรู้สึกจากร่างกายช่วงล่างที่กำลังบีบรัดท่อนเนื้อขนาดไม่ธรรมดาของทรูอัลฟ่าแดนใต้ โพร่งนุ่มของอัลฟ่าตัวขาวค่อยๆโอบรัดดูดกลืนลำกายทีละนิดตามแรงส่งของสะโพกสอบ ที่ค่อยๆขยับชำแรกความรู้สึก ตีตราสัมผัสลึกซึ้งจนฝังลึกเข้าไปในหัวสมองของคนที่กำลังรองรับ
หยาดเหงื่อเม็ดโตถูกเช็ดออกด้วยมือใหญ่ที่ไล่ซับไปตามใบหน้ารูปสลัก พร้อมทั้งริมฝีปากร้อนที่ยังคงกดจูบปลอบประโลมคนของตัวเองอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ยิ่งลึกมากเท่าใดแอชเชอร์ก็ยิ่งสั่นเทาเพิ่มขึ้นจนต้องตระกองกอดไว้เสียแน่น
“ใกล้แล้วคนดี.. อีกนิด”
ใบหน้าเย้ายวนส่ายไปมาน้อยๆทั้งที่น้ำตายังคงไม่หยุดไหล ร่างกายของอัลฟ่าไม่ได้สร้างมาเพื่อรองรับ ย่อมไม่แปลกที่จะเจ็บปวดจนเรียกน้ำตา แต่ก็คงต้องขอบคุณครั้งแรกของทั้งคู่ที่ทำให้ร่างกายของแอชเชอร์ได้ปรับตัวเพิ่มมากขึ้น
ความรู้สึกจุกและคับแน่นไปทั่วทั้งช่วงล่างทำให้ริมฝีปากแดงช้ำหอบหนัก ในสมองนั้นขาวโพลนไปเสียหมดจนแทบไม่สามารถนึกอะไรออกได้แล้วทั้งสิ้น
“เชส..”
เป็นอีกครั้งที่แอชเชอร์ต้องกลับมานั่งคร่อมทับร่างกายของทรูอัลฟ่าหนุ่ม ขาเรียวสวยนั้นสั่นระริกจนแทบไม่เหลือแรงเมื่อต้องส่งแรงขยับตัวเองขึ้นลงไปพร้อมๆกับเอวบางที่บดคลึงกับหน้าขาของไทเลอร์
เชื่องช้าจนสัมผัสได้ถึงร่างกายที่โอบรัด หนักแน่นทุกครั้งที่ขยับตอกลึก
จังหวะหนักเบาของการลงสีด้วยปลายพู่กันใหญ่ นั้นบิดพลิ้วไปตามแรงสวนสะโพกของทรูอัลฟ่าหนุ่มที่ตอบรับเอวบางที่กดสะโพกลงมา
จิตรกรรมที่พึ่งเริ่มรังสรรค์ขึ้นนั้นคงใช้เวลาอีกนานโขกว่าที่จะเสร็จสมบูรณ์ สีมากมายที่ต้องสาดใส่ครั้งแล้วครั้งเล่าจนเกิดเป็นศิลปะชั้นเยี่ยม
“พอแล้วคนดี..” เจ้าของผิวสีเข้มบีบเบาๆที่ช่วงเอวบางของคนที่กำลังขยับโยกบนร่างกายของตัวเอง นัยน์ตาหวานฉ่ำทอดมองไทเลอร์ด้วยความไม่เข้าใจเมื่ออีกฝ่ายนั้นถอดถอนท่อนเนื้อออกไปจนเกิดเป็นความรู้สึกวาบโหวงที่ยังคงเรียกร้องหาสิ่งนั้นให้มาเติมเต็ม
“ทำไม..”
“คงไม่ดีสักเท่าไหร่ถ้านายผิวของนายจะต้องเป็นแผลเพราะพื้นหินพวกนี้”
เพราะความหมายที่ว่าของไทเลอร์นั้นทำให้แอชเชอร์ได้แต่ซุกใบหน้าลงกับไหล่กว้างอย่างไม่คิดจะกล้ามองสิ่งอื่นใดได้ เสียงกรีดร้องที่หลุดออกมาในแต่ละครั้งยังคงบ่งบอกถึงความรู้สึกที่แทบบ้าของร่างขาวได้เป็นอย่างดี
ช่วงข้อพับตรงขาขาวซึ่งถูกลำแขนแกร่งนั้นโอบอุ้มทำให้แอชเชอร์ได้แต่กอดไทเลอร์แน่น ท่าทางแสนน่าอายพวกนี้คงเป็นที่น่าอายไม่น้อยหากใครได้มาพบเห็น
แต่ละครั้งที่ไทเลอร์ก้าวเดินย่อมทำให้คนที่ถูกโอบอุ้มไว้แนบเอวสอบนั้นครางเสียงผะแผ่ว แรงเสียดสีของร่างกายที่ยังคงเป็นหนึ่งเดียวสร้างความรู้สึกเสียวซ่านจนแอชเชอร์อึดอัดไปทั่วร่างกายส่วนหน้าไปเสียหมด
แรงกระแทกครั้งคราวที่ตั้งใจขยับยามก้าวเดินคงไม่ต่างจากการกลั่นแกล้งของไทเลอร์ที่ทำให้แอชเชอร์แทบอยากจะกลั้นหายใจเสียตอนนี้
ร่างกายที่ถูกชำระล้างด้วยน้ำตกอันแสนบริสุทธิ์ หล่อหลอมด้วยสายน้ำอุ่นที่โอบรัดให้ไม่สามารถหักห้ามใจ หยดน้ำล้ำค่าที่พอได้ลิ้มลองก็ยิ่งชวนให้กระหายมันมากขึ้นไปเรื่อยๆ
ใครกันเล่าที่จะอดทนไหว
ยิ่งกระหายก็ยิ่งต้องการอะไรที่มาเติมเต็ม
ดั่งเช่นในตอนนี้….
บันไดที่เชื่อมต่อระหว่างชั้นของบ้านดูจะเป็นระยะทางที่แสนทรมานและเชื่องช้าสำหรับแอชเชอร์ ไทเลอร์ ไม่ว่าจะขยับไปทิศทางใดร่างกายของเจ้าตัวก็ตอดรัดส่วนนั้นของอัลฟ่าหนุ่มไปเสียหมด จังหวะที่ถลำลึกเข้ามาจนเกินกว่าจะรับไหวก็มีอยู่หลายครั้งหลายครา
“แอชเชอร์…”
เสียงแหบต่ำยังคงเรียกชื่อคนของตัวเองซ้ำไปซ้ำมาในขณะที่เจ้าตัวเองยังคงขบกรามแน่นและฝืนอดทนก้าวเดินเพื่อขึ้นไปยังด้านบนห้องนอนที่มีสัมผัสนุ่มของผืนเตียงและผ้าผืนใหญ่ที่พอจะรองรับแรงอารมณ์ที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ของทั้งคู่
“มะ มันลึก..อึก ฉันจะไม่ไหว..”
“ฉันกอดนายได้ลึกมากกว่านี้เสียอีกแอช..”
แววตาของนักล่าที่ฉายชัดให้แอชเชอร์ได้เห็นยามที่แผ่นหลังขาวสัมผัสถึงความนุ่มของผืนเตียง แทบจะทำให้แอชเชอร์นั้นคว้าเอาผ้าห่มขึ้นมากกกอดไว้แน่น
“ถ้าเจ็บก็กัดมันแน่นๆล่ะ”
จูบร้อนแรงที่เพิ่มมากขึ้นไปพร้อมๆกับเสียงกระทบของหน้าขาที่กระทบกับสะโพกดังขึ้นทุกครั้งที่ไทเลอร์ออกแรงขยับโหมกระหน่ำ ตอกย้ำอัดกระแทกตัวตนเข้าออกภายในร่างกายเย้ายวนของอัลฟ่าผิวสีหิมะ
เสียงหวีดร้องที่หลุดออกมาอยู่เนืองๆสลับกับเสียงครางฮึมฮำในลำคอแกร่ง สามารถบ่งบอกได้ดีว่าบทรักที่เกิดขึ้นนั้นเป็นที่น่าพอใจมากแค่ไหนสำหรับคนทั้งคู่
ตอกอัดบดเบียดและสวนรับอย่างเข้าจังหวะ หดขยายตามสภาพของร่างกายที่ปรับให้คุ้นชินแต่ก็ยังคงความคับแน่น
“ริคต้องบ่นฉันหูชาแน่ๆที่กอดนาย” เชส ไทเลอร์ ว่าพลางปัดผมที่ปรกหน้าของอีกฝ่ายออกจนเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายชัดๆ
“ใครสนกัน อึก ตะ ตอนนี้ฉันสนแค่นาย”
“ถ้าเขามาครั้งนี้จริงๆก็เพราะความตั้งใจของเราสองคนใช่ไหมคนดี”
ไทเลอร์ลดแรงลงเป็นจังหวะเนิบนาบที่ยังคงฝังแน่นทุกสัมผัสในขณะที่ก้มลงไปคุยกับคนที่หอบหนัก
“มั่นใจหรือว่านายจะทำได้” คำสบประมาทอ้อมๆของแอชเชอร์ทำให้ทรูอัลฟ่าหนุ่มกระตุกยิ้มน้อยๆ
“นายไม่ควรดูถูกทรูอัลฟ่าแบบนี้เลยแอช”
“ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าทรูอัลฟ่าจะมีน้ำยาสักแค่ไหนกันเชียว”
คนที่ทำให้เชส ไทเลอร์ ปลดเปลื้องความทะนงตนและคุกเข่านอบน้อมต่อคนตรงหน้าคงจะมีเพียงแอชเชอร์ ไทเลอร์ เท่านั้น…
ใบหน้ารูปสลักที่ยกยิ้มเย้ายวนชวนให้บดขยี้นั้นในอีกไม่กี่วินาทีต่อมาก็ต้องเหยเกเพราะจังหวะรัวเร่งที่ทำให้ร่างกายโยกคลอนจนเส้นผมสีสว่างนั้นกระจายไปตามหมอนใบใหญ่ ฝ่ามือทั้งสองข้างของร่างขาวจิกกำผ้าปูที่นอนแน่นจนแทบขาดติดมือเมื่อจังหวะหนักๆนั้นทำเอาช่วงขาเรียวนั้นสั่นระริก
เสียงกรีดร้องครั้งสุดท้ายที่หลุดออกมาจากปากสีช้ำเพราะแรงกระตุกเกร็งของท่อนเนื้อที่ปลดปล่อยและอัดฉีดน้ำพันธุ์ชั้นดีเข้ามาภายในร่างกายงดงามจนคนตัวขาวนั้นสั่นเทาไปทั้งร่างกาย ความอุ่นวาบที่รู้สึกได้ถือเป็นตัวบ่งบอกถึงการเติมเต็มที่ล้นปรี่
กลไกร่างกายของทรูอัลฟ่าหนุ่มนั้นทำให้ทั้งคู่ไม่สามารถที่จะขยับแยกออกจากกันได้หลังจากที่ปลดปล่อย แบบนั้นจึงทำให้ไทเลอร์ล้มตัวลงนอนกอดคนที่สั่นไปทั้งตัวพลางพรมจูบหนักๆไปทั่วใบหน้ารูปสลัก
กดจูบซ้ำๆอยู่ที่จุดดาวเล็กๆใต้หางตาของอีกฝ่ายที่เป็นเอกลักษณ์อย่างรักใคร่ ในขณะที่คนถูกกอดนั้นก็เงยหน้าขึ้นรับสัมผัสของเชส ไทเลอร์ อย่างเต็มใจเช่นกัน
หน้าขาและสะโพกของแอชเชอร์นั้นชาหนึบจนแทบไร้ความรู้สึก เรียวขาที่ยังคงตั้งชันแยกออกกว้างก็ยังคงสั่นระริกจนไม่สามารถควบคุมได้ จวบจนเป็นมือของไทเลอร์นั้นที่เลื่อนลงไปขยับบีบนวดเพื่อผ่อนคลายอาการเกร็งและขบเมื่อยของคนตัวขาว
“ถึงกับหมดแรงเถียงเลยหรือแอช..”
นัยน์ตาหวานฉ่ำตวัดมองคนที่หยอกล้อตัวเองก่อนจะเบนหน้าหนีด้วยความอายที่ตีตื้นขึ้นมา แต่ก็ใช่ว่าเชส ไทเลอร์จะยอมเลิกราง่ายๆเสียเมื่อไหร่ เพราะในเมื่อแอชเชอร์ไม่ตอบด้วยคำพูด ไทเลอร์ก็ทำให้แอชเชอร์ต้องตอบรับอีกฝ่ายด้วยร่างกาย
“ไทเลอร์!”
“ก็นายไม่ตอบ ฉันก็เลย..” สายตาคมไล่ลงมาหยุดมองที่ยอดอกสีช้ำที่ตัวเองขบกัดและดูดดึงไปเมื่อครู่
“ฉันช้ำไปหมดแล้วนะเชส..”
ไทเลอร์สวมกอดคนที่พูดจาตัดพ้อตัวเองแน่นๆ พลางลูบไหล่ขาวเบาๆให้อีกฝ่ายรู้สึกสงบแทนที่จะร้อนรุ่ม จวบจนกลไกทางธรรมชาตินั้นสิ้นสุด ถึงทำให้ไทเลอร์สามารถถอดถอนกายออกมาจากช่องทางร้อนผ่าว
และแน่นอนว่าภาพที่เกิดขึ้นนั้นก็คงไม่พ้นเป็นจิตรกรรมที่ไทเลอร์นั้นสร้างมันขึ้น..
จีบเนื้อที่ยังคงกระตุกถี่พ่นคายน้ำสีขาวขุ่นไหลย้อนออกมาตามกายที่ถอนออกมา จนหยดเลอะไปกับผืนที่นอนและหน้าขาขาวเนียน เป็นภาพที่ยากจะปฏิเสธว่ามันเรียกเลือดลมในตัวให้สูบฉีด
ร่องรอยสีแดงที่ไทเลอร์ฝากไว้กับร่างกายงดงามยังคงเด่นชัดแม้กระทั่งบริเวณต้นขาอ่อนและปลีน่องขาวนวลที่เจ้าตัวขบกัดมันยามยกขาเรียวขึ้นพาดบ่าของตัวเอง
ความรู้สึกเต็มอิ่มที่ถูกตอบสนองจากทางด้านร่างกายและรสสัมผัสย่อมทำให้ทั้งคู่พึงพอใจไม่ต่างกัน รอยยิ้มบางๆที่ถูกจุดขึ้นบนริมฝีปากแดงช้ำของแอชเชอร์กับดวงตาที่ยกยิ้มโค้งจนเป็นรูปเสี้ยวพระจันทร์คว่ำยามที่ไทเลอร์แกล้งพ่นลมหายใจรินรดต้นคอ คงเป็นภาพที่ทำให้คนมองอย่างหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์หัวใจฟูฟ่อจนยากที่จะหยุดยั้ง
รอยยิ้มของแอชเชอร์ที่หายากนักหนามันล้ำค่าเสียจนเชส ไทเลอร์ รู้สึกคุ้มค่าเหลือเกินที่ได้สัมผัสด้วยตาของตัวเอง และได้เป็นเจ้าของรอยยิ้มพวกนี้
ไม่เชื่อก็คงต้องเชื่อว่าสวรรค์บนดินนั้นมันยังคงมีอยู่จริง...
////////
สัมผัสบางเบาที่แตะลงบนไหล่ขาวคนของที่กำลังนอนหลับพักผ่อนเพราะความอ่อนเพลียของร่างกายที่สูญเสียพลังงานไปอย่างมากมาย สร้างความรบกวนให้กับแอชเชอร์ได้ไม่น้อยจนเปลือกตาสีอ่อนของคนที่นอนซุกตัวอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนใหญ่นั้นต้องเปิดตาขึ้นมามองสิ่งที่กำลังสร้างความรบกวนให้กับตนเอง
ความอบอุ่นจากเจ้าของกลิ่นไม้ซีดาร์ที่เคยโอบกอดเจ้าตัวในก่อนหน้านี้เลือนรางหายไปจนเหลือแค่เพียงกลิ่นบางเบาที่ยังติดอยู่กับข้าวของเครื่องใช้
แต่ที่แปลกและทำให้หัวคิ้วสวยขมวดเข้าหากันก็คงเป็นเพราะ..
กลิ่นไม้ป่าที่ร่างขาวไม่เคยได้กลิ่นมาก่อนนั้นชวนให้รู้สึกถึงความลึกลับและซับซ้อนจากเจ้าของกลิ่นนี้
"ไง..."
คำทักทายแสนสั้นที่หลุดออกมาจากคนแปลกหน้าทำให้คนที่พึ่งลืมตาตื่นนั้นยกมือขยี้ตาของตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ ตาสวยไล่มองดวงตาที่ฉายแววดุร้ายของอีกฝ่ายเพียงชั่วครู่ก็ทำให้จดจำได้ทันทีว่าเคยพบเจอมาแล้วครั้งหนึ่ง ใบหน้าที่เห็นเพียงครึ่งเดียวแต่ก็ไม่ได้ยากเกินกว่าที่จะจดจำได้กำลังปรากฏอยู่ตรงหน้าแอชเชอร์
"นาย..."
กายขาวกระถดตัวหมายจะหนีเจ้าของดวงตาร้ายกาจแต่ทว่าร่างกายของคนที่กำลังเจ็บเสียดเพราะความสัมพันธ์แสนลึกซึ้งก่อนหน้านี้ย่อมช่วยเหลือตัวเองได้น้อยกว่ายามปกติ จนเป็นเหตุให้เจ้าของผิวสีผิวแทนเข้มไม่ต่างจากเชส ไทเลอร์นั้นสามารถกระชากข้อเท้าเล็กของคนตัวขาวได้อย่างง่ายดาย
เสียงหลุดร้องที่ออกมาจากริมฝีปากสวยจากแรงฉุดรั้งที่ทำให้เจ็บร้าวไปทั่วสะโพกไม่ได้ทำให้เจ้าของเรือนผมที่ถอดแบบเดียวมากับเชส ไทเลอร์ นั้นเห็นใจแต่อย่างใด
"ครั้งที่แล้วนายทำฉันไว้แสบมากนะเจ้าหนู"
เสียงเย็นที่กระซิบลอดไรฟันเอ่ยบอกคนตัวขาวที่กำลังตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด
"รอยที่คอนายสวยดีนี่"
ไม่ว่าจะเป็นรอยช้ำที่เกิดจากคอที่ถูกบีบก่อนหน้า หรือ จะเป็นรอยแดงช้ำที่เกิดจากเชส ไทเลอร์ เมื่อตัดกับผิวขาวซีดนั่นก็ชวนให้น่ามองไม่หยอก
"ต้องการอะไร" ขาเรียวพยายามที่จะสะบัดการเกาะกุมแต่ก็ดูุจะไม่เป็นผลเมื่อมือใหญ่ที่จับข้อเท้านั้นเพิ่มแรงบีบที่มากขึ้นจนแอชเชอร์นั้นต้องกัดฟันข่มความเจ็บปวด
แรงมากมายขนาดนั้นหากลงแรงอีกเพียงนิดเดียวก็คงจะทำให้เจ้าของข้อเท้าเล็กนั้นได้เจ็บตัวเป็นแน่
"อย่าถามอะไรโง่ๆดีกว่า"
"นายก็น่าจะเห็นอยู่นี่ว่าเรื่องทุกอย่างมันเป็นยังไง"
"ไม่มีทางที่ฉันจะยอมรับพวกแดนเหนือเข้ามาเกี่ยวข้อง.."
"อย่าใจแคบนักเลย.. ไม่เห็นหรือว่าน้องชายนายหวงฉันมากแค่ไหน" ความตื่นตระหนกของคนตัวขาวถูกกดลงไปให้ลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนที่เจ้าตัวจะตั้งสติพูดคุยกับบุคคลอันตรายที่ไม่ได้อันตรายแค่เพียงคำพูดอย่างเดียวดั่งเช่นเบลเลอมอนท์
เพราะ แมดส์ ไทเลอร์ ต่างหากคือตัวอันตรายที่แท้จริง
"มันจะสักแค่ไหนกันเชียว" มืออีกข้างของทรูอัลฟ่ากลิ่นไม้ป่าที่ไม่สามารถระบุได้กระชากผ้าที่ปิดบังใบหน้าเกือบครึ่งของตัวเองออกจนเผยให้เห็นใบหน้าดุคมที่แม้จะถอดแบบอย่างเช่นฝาแฝดมาสักเท่าไหร่ แต่ทั้งแววตาและกลิ่นอายของความเป็นตัวตนก็แตกต่างกันอย่างชัดเจนเสียจนสามารถแยกออกได้
ก่อนที่ผ้าห่มผืนใหญ่ที่เคยปกคลุมร่างกายขาวนั้นจะถูกปัดกระชากออกไปให้พ้นทางและฉุดรั้งให้คนตัวขาวนั้นลุกออกมาจากเตียง แต่สุดท้ายคนที่ยังคงไร้เรี่ยวแรงที่ขานั้นก็ต้องนั่งทรุดลงกับพื้นอย่างหมดท่าต่อหน้าแฝดคนพี่ของตระกูลไทเลอร์ ภาพเรือนร่างขาวเนียนของอดีตอัลฟ่าแดนเหนือที่สวมใส่เพียงเสื้อตัวโคร่งของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์นั้นแทบไม่ได้ทำให้แมดส์ ไทเลอร์ ชมชอบเฉกเช่นน้องชายสักนิด
เท้าที่ถูกสวมด้วยรองเท้าหนักนั้นจงใจเขี่ยขาเรียวของคนที่นั่งกอดเข่าปกปิดร่างกายของตัวเองจนสุดท้ายขาเรียวนั้นก็แยกออกกว้างจนเผยให้เห็นจีบเนื้อที่แดงช้ำและปิดไม่สนิทที่ยังคงขับคราบน้ำสีขุ่นที่ถูกปลดปล่อยมาในกายขาวสองถึงสามครั้งก่อนหน้าออกมาเรื่อยๆ
การกระทำที่แสนหยาบคายของแมดส์ ไทเลอร์ นั้นทำให้อัลฟ่าตัวขาวถึงกับกำหมัดแน่นด้วยความเจ็บใจ ทั้งเท้าของอีกฝ่ายที่ใช้แตะสัมผัสร่างกายของเขา ทั้งแววตาหยามเหยียดที่ทอดมองเหมือนเขาเป็นแค่พวกของไร้ค่า
"ยอมเชสมันขนาดนี้เชียว"
"มากกว่ายอมก็คงต้องเรียกว่าเต็มใจ" คนตัวขาวว่าพลางขยับร่างกายให้อีกฝ่ายได้เห็นชัดๆ "หรือนายไม่เห็นว่าสิ่งที่อยู่ในร่างกายฉันมันคืออะไร"
"น่าไม่อาย"
"ใครกันแน่ที่น่าไม่อาย ไม่ใช่คนที่บุกรุกเข้ามาอย่างนายหรือ"
"นายนี่มันปากดีกว่าที่ฉันคิดไว้เสียอีก"
"ส่วนนายเองก็หยาบคายไม่แพ้กับที่ฉันคิดไว้เช่นกันแมดส์ ไทเลอร์"
"ก็น่าเสียดายที่ฉันมันคนละขั้วกับเชส"
"นี่มันยิ่งกว่าสวรรค์กับนรกเสียอีก"
"หรือนายอยากลองลงนรกไปพร้อมกับฉันดีล่ะ"
เจ้าของแววตาดุร้ายย่อตัวลงมาอยู่ในระดับเดียวกับแอชเชอร์ก่อนที่จะเอื้อมมือมาบีบคางได้รูปของคนอวดดีแน่น ความท้าทายที่แอชเชอร์คงไม่รู้ตัวว่ามันคือความผิดมหันต์ที่แสดงออกไปให้คนอย่างแมดส์ ไทเลอร์ ได้เห็นจะนำมาซึ่งความวุ่นวายที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า
"น่าเสียดายที่ฉันมีความสุขกับสวรรค์บนดินกับน้องชายนายมากกว่า"
คำพูดสองแง่สองง่ามที่เอ่ยต่อปากต่อคำกับแฝดคนพี่นั้นชวนให้แมดส์อดไม่ได้ที่จะลอบเลียริมฝีปากที่แห้งผากของตัวเองช้าๆ
"แล้วไอ้สวรรค์บนดินของนาย มันช่วยนายให้พ้นจากนรกแบบฉันตอนนี้ได้ไหม"
แรงกระชากที่ไหล่ได้รูปจากน้ำมือของบุคคลลึกลับที่ตามหาตัวจับได้ยากทำให้เสียงนุ่มทุ้มร้องหวีดลั่นกับการกระทำที่เกินคาดหมาย ก้อนเนื้อในอกนั้นบีบรัดและเต้นถี่ระรัวไปพร้อมๆ กับอาการชาที่แล่นริ้วตามร่างกายจนเย็นวาบไปทั้งตัว
กลิ่นคาวเลือดลอยคละคลุ้งภายในริมฝีปากร้อนจากการถูกกระแทกบดจูบอย่างแรงทำให้คนที่ถูกบังคับนั้นทั้งออกแรงผลักและแรงต่อต้านที่จะผลักไสคนที่กำลังล่วงเกินตัวเองด้วยแรงทั้งหมดที่มีของตัวเอง
ความเป็นทรูอัลฟ่าของแมดส์นั้นกดดันและข่มคนที่อยู่ในสถานะต่ำกว่าจนเนื้อตัวขาวนั้นสั่นสะท้านไปทั้งตัวเพราะความหวาดกลัว
"หมอนั่นมันน่าจะรู้ดีว่าฉันเกลียดอะไรมากที่สุด"
ฝาแฝดที่เติบโตด้วยกันมาในช่วงระยะเวลาหนึ่งย่อมต้องรู้จักนิสัยของกันและกันเป็นอย่างดี และแมดส์ ไทเลอร์ เองก็ไม่เชื่อหรอกว่าน้องชายตัวเองจะหลงลืมสิ่งต้องห้ามที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง
"ไอ้บัดซบเอ๊ย!"
แรงกระชากจากทางด้านหลังของคนที่พึ่งเข้ามาใหม่นั้นเหวี่ยงร่างกายของคนที่กำลังคุกคามแอชเชอร์ออกอย่างแรงก่อนที่เจ้าของบ้านตัวจริงที่พึ่งกลับเข้ามาในบ้านนั้นจะร้อนรนเข้าไปหาคนตัวขาวที่กระถดตัวหนีจนแผ่นหลังชิดขอบเตียง สภาพเจ้าของผิวสีหิมะที่ถูกเปิดเผยจนเห็นร่างกายนั้นทำให้ทรูอัลฟ่าหนุ่มก่อเกิดอารมณ์คุกรุ่นในใจจนยากที่จะดับ ยิ่งเห็นว่าใครที่เป็นคนทำให้เกิดเหตุการณ์ซึ่งอุกอาจนี่ก็ยิ่งทำให้เชสแทบอยากจะเข้าไประบายความโมโหทั้งหมดที่มีใส่อีกฝ่าย
แต่มันก็ทำไม่ได้เพราะคนที่กำลังแสยะยิ้มน่าเกลียดนั่นคือพี่ชายฝาแฝดของตัวเอง...
กลิ่นไม้ซีดาร์ของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์นั้นย่อมไม่มีผลต่อทรูอัลฟ่าเช่นเดียวกันอย่างแมดส์ ไทเลอร์ มันจึงทำให้ไม่แปลกที่เจ้าตัวจะกล้าทำอะไรได้ขนาดนี้
อันที่จริงแล้วคนอย่าง แมดส์ ไทเลอร์ สามารถเลือดเย็นได้มากกว่าที่ใครจะคาดคิดไว้เสียอีก
เพราะไม่อย่างนั้นเจ้าตัวก็คงจะไม่ใช่นักฆ่าฝีมือดีที่ใครต่างก็ต้องการตัวอยากจะเรียกใช้..
"ทักทายกันได้ดีนี่น้องชาย"
HASTAG #youngmastermn
เบลเลอมอนท์ว่าตัวปั่นแล้ว คนนี้อะตัวทำลายชัดๆ คือคุณแมดส์น่ะเค้าก็เป็นแบบนี้ล่ะคับ...
ปล.อาจจะกลับมาอีกทีหลังช่วงสอบมิดเทอมนะคับ แล้วก็ข่าวดีก็คืออาจจะเปิดพรีเล่มในช่วงกลางเดือนหน้าหรือสิ้นเดือนนะงับ หยอดกระปุกรอกันได้เลยงับ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in