เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
YOUNG MASTER #MINNOninezexsky
21







  •            แรงกอดรัดจากวงแขนแกร่งในช่วงเวลาก่อนหน้านี้แปรเปลี่ยนกลับมาเป็นอ้อมกอดหลวมๆที่ไทเลอร์กอดรั้งคนตัวขาวไว้ในอ้อมกอด  คำพูดมากมายก่อนหน้าที่ไทเลอร์ร้องขอกับเลสลีย์นั้นยังคงไม่มีแม้แต่คำตอบหลุดออกมาจากกลีบปากสวยสักคำเดียว  ครั้นจะให้ไทเลอร์คะยั้นคะยอและเร่งรัดให้อีกฝ่ายพูดมันก็คงไม่ใช่เรื่อง อีกอย่างการกระทำและสิ่งที่ทั้งคู่นั้นแสดงออกมามันก็มากพอแล้วที่จะยืนยันได้ว่าความรู้สึกที่ตรงกันของทั้งคู่นั้นมันไม่ใช่เรื่องโกหกหรือเรื่องที่คิดไปเองเพียงคนเดียว 



              ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่ทรูอัลฟ่าหนุ่มยังคงหยุดยืนนิ่งให้เจ้าของกลุ่มผมสีสว่างนั้นได้ซบแอบอิงอยู่ที่หน้าอกกว้าง จากหยาดน้ำตาที่เคยพรั่งพรูราวกับฝนที่กำลังโปรยปรายไม่ยอมหยุดและเสียงสะอื้นฮักที่ไม่ต่างจากลมที่พัดหวนกระทบกับต้นไม้ที่กีดขวางก็พลันเลือนหายไปหมด หลงเหลือก็แต่เพียงอัลฟ่าแดนเหนือที่เอาแต่หลับตานิ่งซบอยู่กับอกของไทเลอร์ 



              "ที่ฉันพูดเมื่อครู่ นายไม่ต้องตอบฉันก็ได้ รู้ใช่ไหม.." 



              ฝ่ามือใหญ่ซึ่งผ่านการเปื้อนเลือดในช่วงเวลาหลายวันที่ล่วงเลยมานี้ เฝ้าคอยลูบเรือนผมสีสว่างของอีกฝ่ายอย่างเบามือพลางกระซิบบอกประโยคที่พอจะทำให้อีกฝ่ายไม่ต้องคิดอะไรให้มาก 



              "ไม่กลัวว่าฉันจะปฏิเสธนายบ้างหรือไง.."



              "งั้นนายก็ควรรู้ไว้ว่าคนของนายพยายามเก่งไม่แพ้ใครหรอกเลสลีย์..." 



              คำหวานที่ไม่ได้พูดออกมาตรงๆ จากไทเลอร์นั้นทำให้คนที่กำลังหลับตาสงบอารมณ์รวบรวมสติของตัวเองที่กระจัดกระจายจนแทบประกอบไม่ได้ เพราะความเสียใจก่อนหน้านั้นลืมตาขึ้นมาในทันทีแต่ก็ยังคงไม่ได้เงยหน้ามองทรูอัลฟ่าหนุ่มเสียทีเดียว  ดวงตาคู่สวยที่ยังคงมีร่องรอยแดงช้ำจากการร่ำไห้เสมองพื้นห้องเงียบๆ ก่อนที่ริมฝีปากระเรื่อจะขยับเอื้อนเอ่ยคำพูดที่ทำให้ไทเลอร์นั้นหยุดฝ่ามือที่กำลังลูบเรือนผมนุ่มไปในทันที



              "อย่าพยายามเลยไทเลอร์.." 



              คำตอบที่คล้ายจะปฏิเสธของคนที่ยังเอาแต่ก้มหน้า ยังคงสร้างความวิตกกังวลให้กับทรูอัลฟ่าหนุ่มที่ไม่ค่อยจะแสดงอาการอะไรได้อย่างดี  ร่างขาวในอ้อมกอดไม่แม้แต่จะมองหน้าของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์เลยด้วยซ้ำในตอนนี้



              "มันไม่มีโอกาสเหลือให้ฉันเลยหรือ" 


              ช่วงแขนขาวที่กอดรอบเอวสอบของไทเลอร์นั้นผ่อนแรงลงจนแทบไม่เหลือความรู้สึกโอบกอดให้ได้สัมผัส  ระยะห่างที่เกิดขึ้นจากการที่เลสลีย์คนเล็กใช้มือดันอีกฝ่ายให้ออกห่างจากตัวเอง จนเกิดระยะที่สามารถทำให้ไทเลอร์ได้มองเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างชัดเจนในระดับสายตานั้นยังคงฉายชัดถึงร่องรอยความปวดร้าวที่อีกฝ่ายได้ลิ้มรสมันก่อนหน้านี้



              "มีครั้งแรกก็ย่อมต้องมีครั้งต่อไป.. หรือไม่จริง"



              "จริงหรือไม่จริง คำตอบทุกอย่างก็ล้วนอยู่ที่ใจนาย หากยังเชื่อใจฉันอยู่ก็คงไม่มีอะไรต้องให้กังวล.."  ความสงบของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ที่ยังคงแฝงความดุดันในตัวนั้นแสดงออกมาอย่างเช่นในทุกครั้งดังที่เคยเป็น  "มันอยู่ที่นายเลือกไม่ใช่ฉัน.."



              "ฉันไม่มีโอกาสอะไรให้นายทั้งนั้น" 


              
              "อืม.."



              รอยยิ้มเล็กๆ ยังคงประดับที่มุมปากหนาแต่กลับดูขมขื่นเสียจนไม่น่าเชื่อว่ามันจะอยู่บนใบหน้าของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ที่แสนจะแข็งแกร่ง  ดวงตาคมที่เคยจ้องมองใบหน้ารูปสลักนั้นแสร้งเลื่อนมองผนังห้องด้านหลังอีกฝ่ายแทน 



              "เสียใจหรือ?" 



              เสียงนุ่มเอ่ยถามคนที่ไม่มองหน้าตัวเองอย่างเช่นทุกทีแต่ก็ไม่ได้รับประโยคตอบรับใดๆกลับมาจากอีกฝ่ายนอกเสียจากความเงียบ ลาดไหล่กว้างที่ผึ่งผายแม้จะดูหนักแน่นสักแค่ไหนแต่สันกรามที่ขึ้นนูนเพราะแรงขบกัดของฟันนั้นก็ดูชัดเจนเสียจนคนมองสังเกตได้

              
              "รสชาติของความผิดหวังมันเป็นแบบนี้นี่เองสินะ..." ไทเลอร์ตอบแค่นั้นก่อนจะแค่นยิ้มออกมาน้อยๆ พลางเลื่อนสายตากลับมามองคนตัวขาวตรงหน้า 



              "เหมือนกับที่นายเคยเจ็บเพราะอาร์ธใช่หรือเปล่า" แอชเชอร์ยังคงเอ่ยถามต่อ "แบบไหนเจ็บกว่ากัน..."



              "สำหรับอาร์ธมันไม่ได้เรียกว่าความเจ็บปวด แค่ความรู้สึกดีๆ ที่ยังไม่ได้พัฒนาเป็นรัก มันเทียบไม่ได้กับนายหรอกแอช"



              "....."



              "นายคนที่ฉันมีสิทธิ์แต่กลับรักษาไว้ไม่ได้" 



              "แต่นายก็ยังรักษาฉันไว้ได้ไม่ใช่หรือ"



              "หมายความว่ายังไงเลสลีย์"           


              
              "ที่ฉันไม่ให้โอกาสนาย ก็เพราะนายได้มันไปแล้วต่างหาก" 



    “นายไม่ได้ล้อฉันเล่นใช่ไหม” ไทเลอร์ถามย้ำอย่างไม่อยากจะเชื่อ




    “ถ้าฉันล้อเล่น ฉันคงไม่ยืนอยู่ตรงนี้หรอกไทเลอร์” อัลฟ่าแดนเหนือตอบพลางเอื้อมมือไปจับฝ่ามือของทรูอัลฟ่าหนุ่มมาจับไว้เบาๆ “ต่อให้นายไม่อ้อนวอน ยังไงเสียฉันก็คงปฏิเสธไม่ได้อยู่ดีว่าจริงๆแล้วมันเป็นอย่างไร”




    “ฉันเข้าใจว่ามันคงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับนายที่จะต้องเป็นคนแดนใต้” 




    “ถ้าเมื่อก่อนฉันก็คงเป็นอย่างที่นายพูดจริงๆ แต่ตอนนี้..”




    “....”




    “เหตุผลพวกนั้นมันคงไม่มีความหมายอะไรกับฉันมากไปกว่าความรู้สึกของตัวเอง” 




    ความภาคภูมิใจของการเป็นเลสลีย์และการเป็นคนของแดนเหนือนั้นแม้จะยากที่จะละทิ้ง แต่ทั้งเหตุผลและความรู้สึกของแอชเชอร์ เลสลีย์ ในตอนนี้ก็ไม่สามารถที่จะเห็นแก่ตัวเพื่อตัวเองและทำให้อีกฝ่ายเดือดร้อนได้อีกต่อไป 




    เชส ไทเลอร์ ยังคงยืนฟังอีกฝ่ายเงียบๆพลางก้มลงมองมือของตัวเองที่ถูกอีกฝ่ายจับไว้เบาๆ พอได้ยินอีกฝ่ายพูดออกมาแบบนี้ก็กลับทำให้ไทเลอร์ไม่สามารถคิดคำพูดอื่นใดออกมาได้อีก 




    “เป็นแอชเชอร์ ไทเลอร์ก็คงไม่แย่เท่าไหร่หรอกจริงไหม?”




    “นี่เรียกว่าเป็นคำบอกรักที่ไม่มีคำว่ารักหรือเปล่า” หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ว่าก่อนจะเปลี่ยนเป็นฝ่ายที่กุมมือขาวแทน 




    “นายอยากฟังหรือ” แอชเชอร์ถามอย่างลองเชิง แต่มีหรือว่าไทเลอร์จะปล่อยโอกาสนั้นให้หลุดลอยไป




    “มากกว่าคำว่าอยากเสียอีก”




    คนตัวขาวคลี่ยิ้มบางๆแบบที่ไทเลอร์ไม่เคยได้เห็น จนกลายเป็นว่าหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ในตอนนี้นั้นกำลังมึนเมาไปกับรอยยิ้มสวยของอัลฟ่าผิวสีหิมะ 




    “ฉันไม่รู้ว่ามันจะเรียกว่ารักได้หรือเปล่า ที่ฉันรู้ตอนนี้ก็คือความรู้สึกที่อยากยืนอยู่ข้างๆนาย” 




    เพราะอย่างน้อยความรู้สึกดีๆที่มีอยู่ตอนนี้มันก็มากพอที่จะเหนี่ยวรั้งให้แอชเชอร์อยู่ที่เดอะฮิลล์ได้




    "แม้จะต้องแลกมาด้วยการเป็นคนของแดนใต้น่ะหรือ"




    "ฉันไม่ได้แลกมันเพื่อตัวเอง แต่ที่ฉันยอมก็เพราะนาย"




    "แค่นี้ฉันยังหลงนายไม่พอหรือ ถึงต้องทำให้ฉันใจเต้นแรงเพราะคำพูดพวกนี้อีก" ไทเลอร์ว่าก่อนจะขยับเข้าไปสวมกอดคนตัวขาวอีกครั้งด้วยความมั่นใจที่มากขึ้นจนแทบไม่เหลือความกังวลใดๆทั้งสิ้น




    "ไม่ต้องกอดฉันแน่นขนาดนี้ก็ได้ ฉันไม่หายไปไหนหรอกน่า"




    "ที่กอดก็เพราะคิดถึง.." ทรูอัลฟ่าหนุ่มไม่ได้โกหกแต่อย่างใด ช่วงเวลาที่เจ้าตัวต้องเข้าไปในแบล็คฟอเรสต์ทั้งที่ยังพะวงถึงเรื่องของแอชเชอร์นั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิดที่จะเลิกคิดได้ง่ายๆ "ไม่ได้นอนกอดนายมาตั้งหลายวัน ไม่เห็นใจกันบ้างหรือ"




    "ก็ให้กอดแล้วนี่ไง" มือขาวยกขึ้นลูบแผ่นหลังกว้างของอีกฝ่ายช้าๆ พลางเงยหน้าขึ้นมองคนที่เอาแต่กอดตัวเองไม่ยอมปล่อย




    "จูบได้ไหม.." คนผิวสีแทนเข้มเอ่ยถามอย่างไม่อายปากกับคู่ชีวิตของตน ใบหน้างดงามที่เฝ้าคิดถึง ไหนจะริมฝีปากหวานล้ำที่เคยได้ลิ้มลองมันนับครั้งไม่ถ้วน




    ริมฝีปากบางที่แนบจูบลงบนริมฝีปากหนาค้างไว้คงเป็นคำตอบที่ชัดเจนสำหรับไทเลอร์ในตอนนี้จนแทบไม่ต้องเอ่ยถามอะไรอีก แม้จะรู้สึกโทษตัวเองที่เป็นเหตุผลซึ่งทำให้ตาสวยคู่นี้แดงช้ำ แต่ไทเลอร์เองก็รู้สึกดีใจเช่นกันที่ตัวเองยังสามารถรักษาอีกคนไว้กับตัวเองได้




    สัมผัสเย็นเยียบของวัตถุบางอย่างที่ถูกสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของแอชเชอร์โดยที่เจ้าตัวไม่ทันได้ตั้งตัว ย่อมทำให้คนตัวขาวได้แต่มองการกระทำของไทเลอร์เงียบๆ




    หากจำไม่ผิด แหวนที่ถูกสวมใส่บนนิ้วเรียวของแอชเชอร์นั้นคงเป็นแหวนที่เจ้าตัวมักจะเห็นไทเลอร์สวมใส่หรือไม่ก็ใส่ห้อยคอเป็นสร้อยติดตัวอยู่เสมอ




    "นับตั้งแต่นี้ไป นายคือแอชเชอร์ ไทเลอร์ และเป็นคนของแดนใต้"




    "เป็นคนของไทเลอร์ด้วย"




    คนตัวขาวเสริมยิ้มๆ จนคนฟังนั้นอดยกยิ้มตามด้วยไม่ได้




    "ย่อมเป็นตามที่นายว่าเลยคนดี"




    หลังมือขาวถูกยกขึ้นมาจรดจูบอีกครั้งโดยที่สายตาของทั้งคู่ยังคงสอดประสานและทอดมองกันและกัน ความรู้สึกอบอุ่นที่แทรกเข้ามาแทนที่ความหนาวเหน็บที่เคยเกาะกินจิตใจนั้นช่วยปลอบประโลมความรู้สึกที่ถูกบั่นทอนทีละน้อย




    ทิฐิที่เคยตั้งมันไว้เสียงสูงก็กลับถูกทำลายลงด้วยน้ำมือของตัวเองเพียงเพราะความรู้สึกที่ถูกนำเข้ามาใช้ประกอบกับเหตุผล




    "พูดดีๆแบบคนอื่นเขาก็เป็นนี่นา"




    "เก็บไว้พูดกับนายคนเดียวนี่ไง" หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ยังไม่วายพูดจาออดอ้อนเอาใจคนของตัวเอง




    "เชื่อได้ด้วยหรือคนเจ้าเล่ห์แบบนาย คงมีแต่ฉันที่ตามไม่ทัน"




    "งั้นก็จงภูมิใจไว้เสียว่าคนอย่างฉันทำได้ทุกอย่างก็เพื่อนาย"




    "จะพูดย้ำให้ฉันจำได้ขึ้นเลยหรือไงกัน" เจ้าของเสียงนุ่มว่าในขณะที่ยกมือของตัวเองขึ้นมาดูแหวนที่ทรูอัลฟ่าเจ้าของกลิ่นไม้ซีดาร์นั้นเป็นคนสวมใส่ให้ตัวเอง




    "ถ้าเป็นแบบนั้นได้ก็ยิ่งดี"




    "ท่าจะบ้า!"




    "แหวนนี้มันสำคัญสำหรับฉันมาก.. ฝากนายช่วยดูแลแทนฉันด้วยนะแอช"




    "หากสำคัญก็ไม่ควรเอามันมาให้ฉัน" คนตัวขาวแย้งเข้าให้




    "แต่สิ่งที่สำคัญกว่าแหวนนี่ มันก็คือนาย..."




    "ฉันไม่ได้ต้องการสิ่งของแทนใจอะไรทั้งนั้นเลยไทเลอร์" ยิ่งอีกฝ่ายบอกว่ามันสำคัญก็ยิ่งทำให้แอชเชอร์รู้สึกว่ามันมากเกินกว่าที่ตนเองจะรับไว้ได้




    "อย่างน้อยนายก็ควรมีสิ่งที่เป็นเครื่องยืนยันในการเป็นคนของไทเลอร์.. สถานะของนายที่ไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนมันจะเป็นตัวยืนยันอีกแรงหนึ่งที่ทำให้คนในหน่วยต่างยอมรับ"




    "แต่ว่า.."




    "ฉันทำทุกอย่างเพื่อนายอย่างที่คู่ชีวิตคนหนึ่งพึงจะได้รับ"




    "....."




    "อย่าคิดว่ามันจะมากเกินไปสำหรับนายเลยแอช เพราะถ้าเทียบกันจริงๆแล้วนายเองก็สมควรได้รับเกียรติที่มากกว่านี้เสียด้วยซ้ำ"




    นายน้องจากตระกูลเก่าแก่ของแดนเหนือย่อมไม่ใช่บุคคลธรรมดาที่ไทเลอร์จะสามารถข้ามผ่านได้ เพราะต่อให้อีกฝ่ายนั้นจะไม่มีอำนาจในแดนเหนือแล้ว

    แต่ใครๆ ต่างก็รู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่อีกฝ่ายถูกหล่อหลอมและเติบโตมานั้นมันสูงค่าเกินกว่าที่จะได้รับการเหยียบย่ำ




    "งั้นนายก็ควรรู้ว่าว่าฉันเองก็ไม่ได้ต้องการที่จะสูงส่งเหนือนายเลยเชส.." มือขาวลูบเบาๆที่ตามโครงหน้าคมของอีกฝ่ายในขณะที่ยังคงขยับริมฝีปากเอ่ยในสิ่งที่ตนคิด "แค่นี้มันก็มากเกินพอแล้ว"




    "อย่าน่ารักไปมากกว่านี้เลยคนดี"




    "....."




    "แค่นี้ฉันก็ไปไหนไม่รอดแล้วแอช..."




    "รักแค่ฉันก็พอ"




    รอยยิ้มที่งดงามยิ่งกว่าดอกไม้ที่กำลังผลิบานรับฤดูที่กำลังเปลี่ยนแปลงชวนให้หัวใจของทรูอัลฟ่าหนุ่มเต้นถี่ระรัว ราวกับเด็กหนุ่มที่พึ่งสัมผัสประสบการณ์ความรักเป็นครั้งแรก




    ระยะห่างที่เหลือน้อยลงทุกทีแต่ก็ไม่ได้สร้างความอึดอัดให้กับทั้งคู่ คงเป็นเรื่องราวดีๆในวันที่แอชเชอร์พานพบเรื่องเสียใจจนต้องเสียน้ำตา




    "กลับมาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำให้ร่างกายสดชื่นคงจะดีกว่ามายืนกอดฉันอยู่แบบนี้นะไทเลอร์" แอชเชอร์เอ่ยขึ้นเมื่อไทเลอร์นั้นดูไม่มีท่าทีที่จะออกห่างจากตัวเองเลยสักนิด




    "ช่วยยิ้มให้ฉันสักครั้งได้หรือเปล่า.."




    "อารมณ์ไหนกันเนี่ย" คนตัวขาวถึงกับเลิกคิ้วถามทรูอัลฟ่าหนุ่มที่เอ่ยขออะไรแปลกๆจากตัวเอง




    "ฉันชอบรอยยิ้มของนาย"




    "...."




    "ชอบเหลือเกินในทุกครั้งที่นายมีความสุข"




    และแน่นอนว่าหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ก็ได้รับรอยยิ้มหวานจากนายน้อยตัวขาวจนสมใจอยาก ทั้งดวงตาและริมฝีปากที่ยิ้มไปพร้อมกันนั้นหากใครได้เห็นก็คงจะต้องตกหลุมรักเป็นแน่




    "ถ้าพอใจแล้วก็ไปอาบน้ำเสีย เดี๋ยวฉันจะเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้"




    "แล้วภรรยาคนนี้จะช่วยสามีอาบน้ำไม่ได้หรือ"




    "!!!!"




    "ร่างกายมันปวดเมื่อยไปหมด"




    วาจาออดอ้อนที่เกินจริงจากปากไทเลอร์นั้นใครก็ต้องดูออกว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง ร่างกายแข็งแรงแบบนี้น่ะหรือจะล้าเพียงเพราะการออกไปทำงานเพียงไม่กี่วัน




    ไม่มีทางเสียหรอก..

    นอกเสียจากว่าเชส ไทเลอร์ นั้นกำลังจะออดอ้อนเพื่อที่จะให้อีกฝ่ายเอาใจ





    .


    .


    .


    .







    แสงไฟสลัวในห้องน้ำที่คุ้นเคยไม่ได้ช่วยให้แอชเชอร์นั้นเคยชินกับการที่จะต้องเข้าไปพร้อมกับไทเลอร์เลยสักนิด แทบจะเรียกได้ว่าตรงกันข้ามเสียจนได้แต่หยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องน้ำเสียด้วยซ้ำ




    "ทำไมไม่เดินเข้ามาล่ะ"




    เจ้าของแผ่นหลังกว้างที่เนื้อตัวเปลือยเปล่าก้าวลงไปนั่งอยู่ในบ่อน้ำอุ่นเอ่ยค้านเมื่อเห็นคนตัวขาวยังยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตู และไม่มีท่าทีที่จะเดินเข้ามาเสียที




    "ถ้าจะถอดเสื้อผ้าก็ควรบอกกันเสียก่อนไหมเชส.."




    "พูดอย่างกับนายไม่เคยเห็นอย่างนั้นล่ะ" ไทเลอร์เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆ พลางเอี้ยวใบหน้ากลับมามองคนตัวขาว "มาเถอะ ยังไงนายก็ต้องเห็นอยู่แล้ว"




    "อายฉันสักนิดก็ไม่มี"




    "คนเป็นสามีภรรยากันยังต้องเขินอายเรื่องแบบนี้อีกหรือ" ทรูอัลฟ่าหนุ่มถามย้อนจนคนตัวขาวนิ่งเงียบ




    "ใครจะคุ้นชินง่ายเหมือนนายกัน"




    "เดี๋ยวก็ชิน..."




    อดีตคนที่เคยเป็นอัลฟ่าแดนเหนือสาวเท้าลงไปหยุดนั่งบริเวณขอบบ่อซึ่งมีพื้นที่มากพอให้สามารถนั่งได้อย่างสบาย แต่ถึงอย่างนั้น...




    "อาบน้ำพร้อมกับฉันไหมคนดี.." ฝ่ามือใหญ่ของทรูอัลฟ่าหนุ่มเลื่อนมาจับมือขาวที่กำลังวักน้ำไล่ชำระร่างกายแข็งแรง พร้อมทั้งบีบนวดช่วงลาดไหล่กว้างด้วยน้ำหนักแรงที่ทำให้คนผิวเข้มผ่อนคลายความเมื่อยล้าที่สะสมมานานนับหลายวัน



    "ฉันอาบไปแล้วไทเลอร์..."




    "แต่นายจะเปียกเอา"




    "ถ้านายไม่แกล้งฉันก็คงไม่เปียกหรอก.." แค่เห็นสายตาเจ้าเล่ห์ที่มองมาที่ตนก็พอทำให้แอชเชอร์รับรู้ถึงความคิดของอีกฝ่าย แต่ก็ดูว่าจะไม่ทันวงแขนแข็งแรงที่โอบกระชากร่างกายของตัวเองให้ลงไปอยู่ด้วยกันเสียจนคนที่พึ่งจะอาบน้ำไปไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านั้นเปียกปอนตามไปด้วย




    "เปียกซะแล้ว.."




    คำพูดที่แสนจะรู้สึกผิดนั้นช่างขัดกับหน้าตาเจ้าเล่ห์ของไทเลอร์เสียเหลือเกิน น้ำอุ่นที่กระทบกับผิวขาวก็พานทำให้เนื้อตัวของแอชเชอร์เริ่มจะขึ้นสีอย่างช่วยไม่ได้ในขณะที่นั่งทับอยู่บนหน้าขาของทรูอัลฟ่าหนุ่ม




    "ให้มันได้อย่างนี้สิไทเลอร์"




    "คิดถึงกลิ่นหอมๆ ของนายจะแย่" ไทเลอร์ไม่ได้พูดเปล่าเพราะจมูกได้รูปของเจ้าตัวเองนั้นก็กดลงดมความหอมของกลิ่นกุหลาบดามัสก์ที่ตัวเองชมชอบหนักหนา




    มือขาวบีบลาดไหล่กว้างหนักเมื่อรู้สึกวาบหวิวไปกับสัมผัสร้อนที่รินริดบริเวณซอกคอของตัวเอง ต่อให้เบี่ยงหน้าหนีมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นการเปิดทางให้เจ้าของใบหน้าคมนั้นได้ซุกไซ้ผิวเนื้ออ่อนของตัวเองมากขึ้นเท่านั้น




    "ไทเลอร์.."




    "ไม่มากกว่านี้ ฉันสัญญา"




    ถึงจะพูดแบบนั้นออกมา แต่แอชเชอร์นั้นก็รับรู้ถึงความร้อนผ่าวที่ดุนดันอยู่ตรงสะโพกของตัวเองอย่างชัดเจน




    "มั่นใจหรือว่านายอดทนได้น่ะเชส.."




    คนตาสวยถามอย่างหยอกเย้า พลางไล่มองใบหน้าดุคมที่กำลังสะกดกลั้นความรู้สึกที่กำลังปะทุของตัวเองในขณะที่มีร่างกายของแอชเชอร์แนบชิดอยู่บนร่างกาย




    แววตาร้ายกาจของคนตัวขาวที่ท้าทายนั้นคงเป็นเรื่องที่ยากจะคาดเดาได้สำหรับอารมณ์ของแอชเชอร์...




    “นายไม่จำเป็นต้องแบบนี้เลยแอช..” เสียงแหบต่ำของคนที่เปลือยเปล่าแช่ตัวอยู่ในบ่อน้ำอุ่นขนาดใหญ่นั้นเอ่ยบอกเจ้าของผิวขาวจัดที่กำลังขยับร่างกายอยู่บนตักของตัวเอง เนื้อผ้าบางเบาที่เมื่อเปียกน้ำนั้นก็พาทำให้แนบชิดติดไปกับผิวนวลเนียนเสียจนกลายเป็นภาพที่ยากจะละสายตา 




    “นายเหนื่อยไม่ใช่หรือ..” คนที่นั่งอยู่ด้านบนเอ่ยถามในขณะที่มือเรียวสวยนั้นยังคงบีบนวดลาดไหล่กว้างของทรูอัลฟ่าหนุ่มจนได้รับเสียงครางฮึมฮัมอย่างพอใจออกมาจากลำคอ 




    “ทำแบบนี้ยิ่งเหนื่อยกว่าเดิม นายก็รู้ดี” 




    “มันก็เป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่หรือสำหรับพวกทหารที่กลับมาจากการทำงาน” 




    “ฉันไม่ต้องการให้นายเหมือนกับคนพวกนั้น..” 




    มันเป็นเรื่องปกติอย่างที่แอชเชอร์พูดจริงๆสำหรับทหารที่กลับมาจากการทำงานซึ่งยากลำบาก คงจะปฏิเสธได้ยากว่าเซ็กส์พวกนั้นมันช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดที่สะสมได้ไม่มากก็น้อยสำหรับใครหลายคน แต่คงไม่ใช่สำหรับหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ที่มักจะเฉยชากับเรื่องพวกนี้จนมักจะถูกกล่าวหาว่าตายด้าน




    ต่อให้เดอะฮิลล์ไม่มีโอเมก้า ก็ใช่ว่าเบต้ากับโอเมก้าที่อยู่ด้วยกันในหน่วยนั้นจะเมินเฉยต่อกันสักเท่าไหร่กันเชียว ไม่ใช่ไม่รู้ แต่เพราะรู้ว่าเรื่องพวกนี้มันยากที่จะห้ามถึงทำให้ไทเลอร์ยอมละเลยและมองข้ามผ่านมันไปหากมันไม่ได้มากพอจนเกินงาม




    เพราะคนในหน่วยเองก็ต่างรู้กฎเหล็กของที่นี่ดีเช่นกัน แทบจะเป็นส่วนน้อยเลยเสียด้วยซ้ำที่จะแหกกฎที่ถูกตั้งไว้ แม้จะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งแต่ก็ใช่ว่าจะยอมให้เกิดความผิดพลาดขนาดที่จะก่อกำเนิดชีวิตอีกหนึ่งชีวิต  ถ้าหากเป็นเช่นนั้นไทเลอร์เองก็จำเป็นต้องปลดบุคคลที่เป็นปัญหานั้นออกจากหน่วยอย่างไม่ลังเล 




    และมันคงจะไม่ดีสักเท่าไหร่สำหรับการใช้ชีวิตในหน่วยเดอะฮิลล์โดยที่มีสิ่งมีชีวิตตัวน้อยอยู่ในท้อง 




    “นายก็รู้ว่าคนพวกนั้นมันเทียบกับฉันไม่ได้สักนิด..” 




    “ไม่มีใครดีได้เท่านายหรอกแอช..” 









    /////









     “นายไม่จำเป็นต้องแบบนี้เลยแอช..” เสียงแหบต่ำของคนที่เปลือยเปล่าแช่ตัวอยู่ในบ่อน้ำอุ่นขนาดใหญ่นั้นเอ่ยบอกเจ้าของผิวขาวจัดที่กำลังขยับร่างกายอยู่บนตักของตัวเอง เนื้อผ้าบางเบาที่เมื่อเปียกน้ำนั้นก็พาทำให้แนบชิดติดไปกับผิวนวลเนียนเสียจนกลายเป็นภาพที่ยากจะละสายตา 
                


    “นายเหนื่อยไม่ใช่หรือ..” คนที่นั่งอยู่ด้านบนเอ่ยถามในขณะที่มือเรียวสวยนั้นยังคงบีบนวดลาดไหล่กว้างของทรูอัลฟ่าหนุ่มจนได้รับเสียงครางฮึมฮัมอย่างพอใจออกมาจากลำคอ 


              “ทำแบบนี้ยิ่งเหนื่อยกว่าเดิม นายก็รู้ดี” 


              “มันก็เป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่หรือสำหรับพวกทหารที่กลับมาจากการทำงาน” 



              “ฉันไม่ต้องการให้นายเหมือนกับคนพวกนั้น..” 


              มันเป็นเรื่องปกติอย่างที่แอชเชอร์พูดจริงๆสำหรับทหารที่กลับมาจากการทำงานซึ่งยากลำบาก คงจะปฏิเสธได้ยากว่าเซ็กส์พวกนั้นมันช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดที่สะสมได้ไม่มากก็น้อยสำหรับใครหลายคน แต่คงไม่ใช่สำหรับหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ที่มักจะเฉยชากับเรื่องพวกนี้จนมักจะถูกกล่าวหาว่าตายด้าน


              ต่อให้เดอะฮิลล์ไม่มีโอเมก้า ก็ใช่ว่าเบต้ากับโอเมก้าที่อยู่ด้วยกันในหน่วยนั้นจะเมินเฉยต่อกันสักเท่าไหร่กันเชียว ไม่ใช่ไม่รู้ แต่เพราะรู้ว่าเรื่องพวกนี้มันยากที่จะห้ามถึงทำให้ไทเลอร์ยอมละเลยและมองข้ามผ่านมันไปหากมันไม่ได้มากพอจนเกินงาม



              เพราะคนในหน่วยเองก็ต่างรู้กฎเหล็กของที่นี่ดีเช่นกัน แทบจะเป็นส่วนน้อยเลยเสียด้วยซ้ำที่จะแหกกฎที่ถูกตั้งไว้ แม้จะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งแต่ก็ใช่ว่าจะยอมให้เกิดความผิดพลาดขนาดที่จะก่อกำเนิดชีวิตอีกหนึ่งชีวิต  ถ้าหากเป็นเช่นนั้นไทเลอร์เองก็จำเป็นต้องปลดบุคคลที่เป็นปัญหานั้นออกจากหน่วยอย่างไม่ลังเล 


              และมันคงจะไม่ดีสักเท่าไหร่สำหรับการใช้ชีวิตในหน่วยเดอะฮิลล์โดยที่มีสิ่งมีชีวิตตัวน้อยอยู่ในท้อง 


              “นายก็รู้ว่าคนพวกนั้นมันเทียบกับฉันไม่ได้สักนิด..” 


              “ไม่มีใครดีได้เท่านายหรอกแอช..” 


              คำหวานที่มาพร้อมกับจูบนุ่มนวลซึ่งทาบทับบนริมฝีปากนุ่ม ทำให้ร่างขาวไม่สามารถเอื้อนเอ่ยประโยคที่ตั้งใจไว้ได้ นอกเสียจากจะจูบตอบรับสัมผัสนุ่มนวลของอีกฝ่าย บดเบียดริมฝีปากร้อนอย่างเชื่องช้า หยอกเย้า เสียจนคนที่เป็นฝ่ายรุกจูบนั้นใช้เรียวลิ้นชื้นกระหวัดเกี่ยวต้อนเจ้าของกลิ่นหอมของกุหลาบดามัสก์ให้ตัวอ่อนจนเหลวเป็นขี้ผึ้งลนไฟ 


              เสียงเฉอะแฉะจากของเหลวหนืดซึ่งไหลล้นออกมาตามมุมปากที่ไม่สามารถกักเก็บไว้ได้ ยังคงถูกเรียวปากสีเข้มตามมาจูบซับให้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ยิ่งขยับกลีบปากดูดดึงซึ่งกันและกันก็พาลให้เกิดเสียงน่าละอายจนอัลฟ่าแดนเหนือเองต้องปิดเปลือกเพื่อหลีกหนีภาพวาบหวิวตรงหน้า 


              กลิ่นหอมฟุ้งของกลิ่นกายประจำตัวทั้งคู่นั้นอบอวลไปทั่วห้องอาบน้ำใหญ่จนกลบกลิ่นเทียนหอมที่ถูกจุดขึ้นเพื่อความผ่อนคลาย กลายเป็นกลิ่นที่ชวนให้เลือดในกายนั้นสูบฉีดจนร้อนผ่าวไม่ต่างกันทั้งคู่


              ความสวยงามของเรือนร่างที่พระเจ้ามอบให้ยังคงงดงาม จนน่าสัมผัสให้ความบริสุทธิ์พวกนั้นได้แปดเปื้อน 


              ปลายนิ้วร้อนของเจ้าของผิวสีเข้มนั้นไม่ต่างจากความอุ่นร้อนของเตาผิงที่กำลังทำงานนั้นกำลังไล้ไปตามเรือนกายที่อยู่ภายใต้เสื้อผ้าตัวบางซึ่งแทบจะไม่ช่วยปกปิดส่วนใดๆของร่างกายเมื่อยามที่มันเปียกน้ำ



               จูบร้อนจัดพานทำให้ร้อนผ่าวไปทุกทีที่กลีบปากนั้นลากผ่านชวนให้ร่างขาวแทบจะหลุดเสียงร้องครางผะแผ่วออกมา  สัมผัสร้อนยังคงไล่ตั้งแต่แก้มขาวที่ขึ้นซับสีจาง ไล่ลงมาจนถึงลำคอระหง ต่ำลงมาถึงไหปลาร้าได้รูป จวบมาจนถึงหน้าอกที่มีเม็ดเชอร์รี่ที่ตัดกับผิวขาวนวล ปลายลิ้นร้อนบรรจงสร้างความวาบหวิวที่ยอดอกข้างหนึ่ง โดยที่ไม่ลืมที่จะใช้ปลายนิ้วมือช่วยบดขยี้ยอดอกอีกข้างให้อย่างไม่น้อยหน้าจนแผ่นหลังขาวนั้นแอ่นโค้งเข้าหากลีบปากร้อน ราวกับเชื้อเชิญให้ลิ้มรสความหอมหวานของร่างกายของตัวเองได้จนกว่าจะที่ไทเลอร์จะพอใจ 


              ร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแน่นของทรูอัลฟ่าหนุ่มยังคงทำหน้าที่รองรับเรือนร่างงดงามของแอชเชอร์ เลสลีย์ ได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง 


              จิตรกรรมบนผืนผ้าใบชิ้นใหม่ที่กำลังจะรังสรรค์ขึ้นนั้นยังคงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าที่พู่กันหัวใหญ่นั้นจะพร้อมสำหรับการจุ่มสีชั้นดีแล้วขยับวาดภาพไปตามจังหวะของลายเส้นที่ต้องการ 


              “ถ้ายังยืนยันที่จะทำแบบนี้ มันก็เท่ากับว่ายาพวกนั้นมันสูญเปล่าสำหรับนาย..”


              สัมผัสลึกซึ้งของร่างกายที่มอบให้แก่กันนั้นมันคงจะเป็นเรื่องยากที่ไทเลอร์จะสะกดกลั้นอารมณ์ของตัวเองให้ไม่พังทลายลงกับร่างกายของอีกฝ่าย และนั่นก็คงเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับการปรับตัวของร่างกายอัลฟ่าแดนเหนืออีกครั้ง


              “ฉันไม่เสียใจเลยสักนิดถ้ามันเป็นนาย เชส”



              มือขาวแทรกไปตามกลุ่มผมของไทเลอร์ก่อนจะขยุ้มโคนเส้นผมของอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนที่จะขยับกายเบียดชิดกับริมฝีปากร้อนที่ยังคงห่อปากดูดยอดอกจนกลายเป็นสีแดงช้ำ โดยไม่นับรวมไปถึงร่องรอยสีกุหลาบที่เกิดจากการขบกัดของไทเลอร์


              “ขอบคุณที่ยังเชื่อใจกัน..”



              “หากคนของนายไม่เชื่อใจนาย แล้วฉันจะยังเป็นคนของไทเลอร์ได้อย่างไร” 



              ฝ่ามือสากถูกเจ้าของผิวขาวซีดชักนำลงไปสัมผัสกับความนุ่มนิ่มของก้อนกลมที่เต็มไม้เต็มมือ แรงบีบขยำที่เคล้นคลึงหนักเบาเป็นจังหวะสลับกันไป จนอดีตอัลฟ่าแดนเหนือนั้นต้องคุกเข่าสูงและขยับร่างกายให้ทรูอัลฟ่าสัมผัสได้อย่างถนัดมากขึ้น


              รสสัมผัสที่ต่างก็มีสติเต็มร้อยด้วยกันทั้งคู่นั้นเทียบไม่ได้กับสัมผัสฉาบฉวยที่เกิดขึ้นในครั้งก่อน  ครั้งแรกที่เต็มไปด้วยสัญชาตญาณที่ชักนำชวนให้เว้าวอนและร้องขอเพราะความกำหนัด ความรู้สึกที่ควบคุมไม่ได้จะไม่มีทางเกิดขึ้นอีกในครั้งนี้ที่ต่างฝ่ายต่างมีสติ 


               “แล้วรู้ไหวว่าภรรยานั้นควรปฏิบัติกับสามีแบบไหน”


                “ถ้าฉันตอบว่าไม่รู้ นายจะช่วยสอนให้กันได้หรือเปล่า..” 


                 ถ้อยคำที่เชิญชวนให้ไทเลอร์แทบจะตะครุบอีกฝ่ายเอาไว้ ยังคงไม่ชัดเจนเท่ากับตาคู่สวยที่ยังคงเป็นประกายน่าค้นหาไม่มีเปลี่ยน 


                 ทั้งเชื้อเชิญให้ลิ้มลอง           

       และหลอกล่อให้ลุ่มหลง 


              ความอุ่นร้อนภายใต้น้ำอุ่นที่แช่อยู่นั้นช่างไร้ประโยชน์ถ้าเทียบกับความอุ่นของร่างกายที่ไทเลอร์กำลังกกกอด 


    “ไม่มีเหตุผลที่จะต้องตอบว่าไม่ได้เลยคนดี”



    แทบทุกครั้งที่ไทเลอร์ใช้คำๆนี้กับแอชเชอร์ มันมักจะทำให้คนที่ถูกเรียกรู้สึกเขินอายไม่น้อย สรรพนามหวานชวนให้หัวใจเต้นถี่ระรัวพร้อมทั้งสายตาหวานซึ้งที่มอบให้ราวกับแอชเชอร์นั้นเป็นของล้ำค่าที่ควรค่าแก่การครอบครอง ยังคงทำให้ร่างขาวไม่สามารถทำใจให้ชินได้เสียที
    ริมฝีปากสีระเรื่อน่ากัดไม่ต่างจากผลไม้สุกที่กำลังรอคอยใครสักคนมาช่วงชิงความหวานล้ำ ยังคงทำให้ทรูอัลฟ่าหนุ่มไม่สามารถหยุดลิ้มรสความหอมหวานนั้นได้ ราวกับเป็นสิ่งเสพติดที่มอมเมาจนยากที่จะถอนตัว


               “แล้วตอนนี้ฉันควรจะทำอะไรก่อนกัน…” 


                ปากบางที่แดงช้ำขบกัดเข้าหาน้อยๆ เพราะความขัดเขินที่แล่นริ้วขึ้นมาบนใบหน้าเสียจนแดงก่ำ แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวก็ยังคงใจกล้าที่จะเอ่ยถามทรูอัลฟ่าของตัวเองออกไป


    “ถอดมันออกเสีย..”


               เสียงแหบต่ำเอ่ยสั้นๆ พลางใช้สายตามองที่กางเกงตัวบางซึ่งยังคงปกปิดสะโพกได้รูปไม่ให้เปลือยเปล่า


              เปลือกตาสีอ่อนกะพริบขึ้นลงช้าๆในขณะที่ปลายนิ้วเรียวค่อยๆไล่ปลดอาภรณ์บนร่างกายของตัวเองออกเสียจนหมด ทั้งเสื้อที่เปียกชุ่มและกางเกงที่แสนอึดอัดก็เช่นกัน 



              งดงามอย่างไม่มีที่ติ      

    ราวกับเทพีแห่งความงามที่ใครต่างเลื่องลือ



              “ทั้งหมดที่เป็นฉัน มันเป็นของนายคนเดียว..” 


              “เช่นกันแอชเชอร์…” 



              มือขาวที่ยังคงนุ่มนิ่มตามนิสัยของคนที่ดูแลตัวเอง ถูกดึงรั้งให้แตะสัมผัสกับส่วนกลางของร่างกายที่อยู่ใต้น้ำของทรูอัลฟ่าหนุ่ม ความร้อนผ่าวของท่อนเนื้อที่ขยายตัวจนสัมผัสได้ถึงเส้นเลือดที่เต้นตุบนั้นพานทำให้แอชเชอร์อดคิดถึงสัมผัสในวันนั้นที่ไทเลอร์ได้ลิ้มลองมันครั้งแล้วครั้งเล่า


              สัมผัสหนักแน่นที่ทำให้ช่วงขานั้นชาหนึบและอ่อนแรงราวเหมือนคนไม่มีแรงนั้นคนตัวขาวเองก็ยังจดจำมันได้เป็นอย่างดี 


              เมื่อปล่อยให้มือนุ่มนั้นได้สัมผัสกับร่างกาย ทรูอัลฟ่าหนุ่มก็เลือกที่จะเตรียมความพร้อมให้กับอัลฟ่าของตัวเองด้วยการแหวกก้อนกลมที่เด้งมือ บีบคลึงที่เนื้อนุ่มหยุ่นจนเอวขาวบดตอบรับก่อนจะสอดนิ้วเข้าไปในจีบพับที่ปิดสนิท น้ำอุ่นจำนวนไม่น้อยยังคงเป็นตัวช่วยชั้นดีที่ทำให้ร่างกายของแอชเชอร์นั้นผ่อนคลาย แต่ก็ใช่ว่าส่วนร้อนผ่าวนั้นจะเลิกบีบรัดนิ้วยาวเสียเมื่อไหร่ 



              “ชะ เชส..” ใบหน้าขาวซบลงกับไหล่กว้างในทันทีที่ทรูอัลฟ่าหนุ่มงอนิ้วทั้งสองที่กำลังขยายช่องทาง ขยับหมุนมันไปมาช้าๆทั้งซ้ายและขวาก่อนจะค่อยๆถ่างมันออกจนถูกบีบรัดระรัว ฝ่ามือขาวที่เคยรูดรั้งท่อนเนื้อในมือนั้นหยุดลงในทันทีเพราะสติที่กำลังแตกกระเจิงไปกับสัมผัสหนักของการขยับกระแทกเข้าออก 


              น้ำหมึกชั้นดียังคงถูกผสมและเติมเต็มวัตถุดิบต่างๆอย่างไม่รีบเร่ง          ในขณะที่พู่กันหัวใหญ่นั้นก็ถูกปั้นขึ้นจนพร้อมใช้งาน


              “สั่นไปหมดแล้วหรือคนดี” 



              น้ำตาหยดแรกถูกกลั่นออกมาจากหัวตาคู่สวยเมื่อนิ้วยาวนั้นสร้างความกระสันให้กับร่างกายเสียจนไม่รู้จะปลดปล่อยออกมาเช่นไร แกนกายขนาดพอดีมือของคนตัวขาวเองที่กระตุกเกร็งปล่อยหยาดน้ำสีขาวขุ่นไปเมื่อครู่ก่อนหน้าก็ยังไม่มีท่าทีจะสงบแต่อย่างใด 


              ความทรมานที่แสนวาบหวิวทั้งด้านหน้าและด้านหลังกำลังเล่นงานลูกรักของพระเจ้าให้ตกลงไปในความโสมมจนไม่อาจหาทางขึ้นมาได้


              ทรูอัลฟ่าหนุ่มขยับร่างกายขึ้นมานั่งบนขอบบ่อน้ำที่มีพื้นที่กว้างมากพอให้สามารถทำอะไรได้อย่างไม่ยากลำบาก โดยที่ไม่ลืมจะคว้าเอาเจ้าของร่างกายขาวนั้นมานั่งคร่อมทับอยู่บนตักของตัวเอง


              “อะ อย่าคว้าน อึก มะ มัน..” มือขาวทุบไหล่ของอีกฝ่ายหนักๆเมื่อไทเลอร์นั้นจงใจกลั่นแกล้งตัวเองให้สั่นไปแทบทั้งตัว 



              แอชเชอร์ถูกดันให้นอนราบลงกับพื้นหินเรียบ ก่อนที่ไทเลอร์จะโถมตัวคร่อมทับและชักรูดแกนกายของตนพลางจับขาเรียวสวยที่ของร่างขาวขึ้นพาดบ่า


              และ….


    “อ๊ะ..”


    แขนขาวยกขึ้นโอบรอบคอแกร่งอย่างสั่นเทาในขณะที่ปากบางนั้นอ้าออกและสั่นระริกเพราะความรู้สึกจากร่างกายช่วงล่างที่กำลังบีบรัดท่อนเนื้อขนาดไม่ธรรมดาของทรูอัลฟ่าแดนใต้  โพร่งนุ่มของอัลฟ่าตัวขาวค่อยๆโอบรัดดูดกลืนลำกายทีละนิดตามแรงส่งของสะโพกสอบ ที่ค่อยๆขยับชำแรกความรู้สึก ตีตราสัมผัสลึกซึ้งจนฝังลึกเข้าไปในหัวสมองของคนที่กำลังรองรับ 


    หยาดเหงื่อเม็ดโตถูกเช็ดออกด้วยมือใหญ่ที่ไล่ซับไปตามใบหน้ารูปสลัก พร้อมทั้งริมฝีปากร้อนที่ยังคงกดจูบปลอบประโลมคนของตัวเองอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ยิ่งลึกมากเท่าใดแอชเชอร์ก็ยิ่งสั่นเทาเพิ่มขึ้นจนต้องตระกองกอดไว้เสียแน่น 



    “ใกล้แล้วคนดี.. อีกนิด” 



    ใบหน้าเย้ายวนส่ายไปมาน้อยๆทั้งที่น้ำตายังคงไม่หยุดไหล ร่างกายของอัลฟ่าไม่ได้สร้างมาเพื่อรองรับ ย่อมไม่แปลกที่จะเจ็บปวดจนเรียกน้ำตา แต่ก็คงต้องขอบคุณครั้งแรกของทั้งคู่ที่ทำให้ร่างกายของแอชเชอร์ได้ปรับตัวเพิ่มมากขึ้น


    ความรู้สึกจุกและคับแน่นไปทั่วทั้งช่วงล่างทำให้ริมฝีปากแดงช้ำหอบหนัก ในสมองนั้นขาวโพลนไปเสียหมดจนแทบไม่สามารถนึกอะไรออกได้แล้วทั้งสิ้น 



    “เชส..” 



    เป็นอีกครั้งที่แอชเชอร์ต้องกลับมานั่งคร่อมทับร่างกายของทรูอัลฟ่าหนุ่ม ขาเรียวสวยนั้นสั่นระริกจนแทบไม่เหลือแรงเมื่อต้องส่งแรงขยับตัวเองขึ้นลงไปพร้อมๆกับเอวบางที่บดคลึงกับหน้าขาของไทเลอร์


    เชื่องช้าจนสัมผัสได้ถึงร่างกายที่โอบรัด หนักแน่นทุกครั้งที่ขยับตอกลึก



              จังหวะหนักเบาของการลงสีด้วยปลายพู่กันใหญ่ นั้นบิดพลิ้วไปตามแรงสวนสะโพกของทรูอัลฟ่าหนุ่มที่ตอบรับเอวบางที่กดสะโพกลงมา 


              จิตรกรรมที่พึ่งเริ่มรังสรรค์ขึ้นนั้นคงใช้เวลาอีกนานโขกว่าที่จะเสร็จสมบูรณ์ สีมากมายที่ต้องสาดใส่ครั้งแล้วครั้งเล่าจนเกิดเป็นศิลปะชั้นเยี่ยม 


              “พอแล้วคนดี..” เจ้าของผิวสีเข้มบีบเบาๆที่ช่วงเอวบางของคนที่กำลังขยับโยกบนร่างกายของตัวเอง นัยน์ตาหวานฉ่ำทอดมองไทเลอร์ด้วยความไม่เข้าใจเมื่ออีกฝ่ายนั้นถอดถอนท่อนเนื้อออกไปจนเกิดเป็นความรู้สึกวาบโหวงที่ยังคงเรียกร้องหาสิ่งนั้นให้มาเติมเต็ม


              “ทำไม..”



              “คงไม่ดีสักเท่าไหร่ถ้านายผิวของนายจะต้องเป็นแผลเพราะพื้นหินพวกนี้”


              เพราะความหมายที่ว่าของไทเลอร์นั้นทำให้แอชเชอร์ได้แต่ซุกใบหน้าลงกับไหล่กว้างอย่างไม่คิดจะกล้ามองสิ่งอื่นใดได้ เสียงกรีดร้องที่หลุดออกมาในแต่ละครั้งยังคงบ่งบอกถึงความรู้สึกที่แทบบ้าของร่างขาวได้เป็นอย่างดี



              ช่วงข้อพับตรงขาขาวซึ่งถูกลำแขนแกร่งนั้นโอบอุ้มทำให้แอชเชอร์ได้แต่กอดไทเลอร์แน่น ท่าทางแสนน่าอายพวกนี้คงเป็นที่น่าอายไม่น้อยหากใครได้มาพบเห็น 



              แต่ละครั้งที่ไทเลอร์ก้าวเดินย่อมทำให้คนที่ถูกโอบอุ้มไว้แนบเอวสอบนั้นครางเสียงผะแผ่ว แรงเสียดสีของร่างกายที่ยังคงเป็นหนึ่งเดียวสร้างความรู้สึกเสียวซ่านจนแอชเชอร์อึดอัดไปทั่วร่างกายส่วนหน้าไปเสียหมด


              แรงกระแทกครั้งคราวที่ตั้งใจขยับยามก้าวเดินคงไม่ต่างจากการกลั่นแกล้งของไทเลอร์ที่ทำให้แอชเชอร์แทบอยากจะกลั้นหายใจเสียตอนนี้ 


              ร่างกายที่ถูกชำระล้างด้วยน้ำตกอันแสนบริสุทธิ์ หล่อหลอมด้วยสายน้ำอุ่นที่โอบรัดให้ไม่สามารถหักห้ามใจ หยดน้ำล้ำค่าที่พอได้ลิ้มลองก็ยิ่งชวนให้กระหายมันมากขึ้นไปเรื่อยๆ 



              ใครกันเล่าที่จะอดทนไหว          

    ยิ่งกระหายก็ยิ่งต้องการอะไรที่มาเติมเต็ม



              ดั่งเช่นในตอนนี้….


              บันไดที่เชื่อมต่อระหว่างชั้นของบ้านดูจะเป็นระยะทางที่แสนทรมานและเชื่องช้าสำหรับแอชเชอร์ ไทเลอร์ ไม่ว่าจะขยับไปทิศทางใดร่างกายของเจ้าตัวก็ตอดรัดส่วนนั้นของอัลฟ่าหนุ่มไปเสียหมด จังหวะที่ถลำลึกเข้ามาจนเกินกว่าจะรับไหวก็มีอยู่หลายครั้งหลายครา


              “แอชเชอร์…” 


              เสียงแหบต่ำยังคงเรียกชื่อคนของตัวเองซ้ำไปซ้ำมาในขณะที่เจ้าตัวเองยังคงขบกรามแน่นและฝืนอดทนก้าวเดินเพื่อขึ้นไปยังด้านบนห้องนอนที่มีสัมผัสนุ่มของผืนเตียงและผ้าผืนใหญ่ที่พอจะรองรับแรงอารมณ์ที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ของทั้งคู่


              “มะ มันลึก..อึก ฉันจะไม่ไหว..” 


              “ฉันกอดนายได้ลึกมากกว่านี้เสียอีกแอช..” 



    แววตาของนักล่าที่ฉายชัดให้แอชเชอร์ได้เห็นยามที่แผ่นหลังขาวสัมผัสถึงความนุ่มของผืนเตียง แทบจะทำให้แอชเชอร์นั้นคว้าเอาผ้าห่มขึ้นมากกกอดไว้แน่น


    “ถ้าเจ็บก็กัดมันแน่นๆล่ะ” 



    จูบร้อนแรงที่เพิ่มมากขึ้นไปพร้อมๆกับเสียงกระทบของหน้าขาที่กระทบกับสะโพกดังขึ้นทุกครั้งที่ไทเลอร์ออกแรงขยับโหมกระหน่ำ ตอกย้ำอัดกระแทกตัวตนเข้าออกภายในร่างกายเย้ายวนของอัลฟ่าผิวสีหิมะ


    เสียงหวีดร้องที่หลุดออกมาอยู่เนืองๆสลับกับเสียงครางฮึมฮำในลำคอแกร่ง สามารถบ่งบอกได้ดีว่าบทรักที่เกิดขึ้นนั้นเป็นที่น่าพอใจมากแค่ไหนสำหรับคนทั้งคู่ 


    ตอกอัดบดเบียดและสวนรับอย่างเข้าจังหวะ หดขยายตามสภาพของร่างกายที่ปรับให้คุ้นชินแต่ก็ยังคงความคับแน่น


    “ริคต้องบ่นฉันหูชาแน่ๆที่กอดนาย”  เชส ไทเลอร์ ว่าพลางปัดผมที่ปรกหน้าของอีกฝ่ายออกจนเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายชัดๆ 



    “ใครสนกัน อึก ตะ ตอนนี้ฉันสนแค่นาย” 


    “ถ้าเขามาครั้งนี้จริงๆก็เพราะความตั้งใจของเราสองคนใช่ไหมคนดี” 


    ไทเลอร์ลดแรงลงเป็นจังหวะเนิบนาบที่ยังคงฝังแน่นทุกสัมผัสในขณะที่ก้มลงไปคุยกับคนที่หอบหนัก 


    “มั่นใจหรือว่านายจะทำได้” คำสบประมาทอ้อมๆของแอชเชอร์ทำให้ทรูอัลฟ่าหนุ่มกระตุกยิ้มน้อยๆ 


    “นายไม่ควรดูถูกทรูอัลฟ่าแบบนี้เลยแอช”


    “ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าทรูอัลฟ่าจะมีน้ำยาสักแค่ไหนกันเชียว”


    คนที่ทำให้เชส ไทเลอร์ ปลดเปลื้องความทะนงตนและคุกเข่านอบน้อมต่อคนตรงหน้าคงจะมีเพียงแอชเชอร์ ไทเลอร์ เท่านั้น… 


    ใบหน้ารูปสลักที่ยกยิ้มเย้ายวนชวนให้บดขยี้นั้นในอีกไม่กี่วินาทีต่อมาก็ต้องเหยเกเพราะจังหวะรัวเร่งที่ทำให้ร่างกายโยกคลอนจนเส้นผมสีสว่างนั้นกระจายไปตามหมอนใบใหญ่ ฝ่ามือทั้งสองข้างของร่างขาวจิกกำผ้าปูที่นอนแน่นจนแทบขาดติดมือเมื่อจังหวะหนักๆนั้นทำเอาช่วงขาเรียวนั้นสั่นระริก


    เสียงกรีดร้องครั้งสุดท้ายที่หลุดออกมาจากปากสีช้ำเพราะแรงกระตุกเกร็งของท่อนเนื้อที่ปลดปล่อยและอัดฉีดน้ำพันธุ์ชั้นดีเข้ามาภายในร่างกายงดงามจนคนตัวขาวนั้นสั่นเทาไปทั้งร่างกาย ความอุ่นวาบที่รู้สึกได้ถือเป็นตัวบ่งบอกถึงการเติมเต็มที่ล้นปรี่ 


    กลไกร่างกายของทรูอัลฟ่าหนุ่มนั้นทำให้ทั้งคู่ไม่สามารถที่จะขยับแยกออกจากกันได้หลังจากที่ปลดปล่อย แบบนั้นจึงทำให้ไทเลอร์ล้มตัวลงนอนกอดคนที่สั่นไปทั้งตัวพลางพรมจูบหนักๆไปทั่วใบหน้ารูปสลัก 


    กดจูบซ้ำๆอยู่ที่จุดดาวเล็กๆใต้หางตาของอีกฝ่ายที่เป็นเอกลักษณ์อย่างรักใคร่ ในขณะที่คนถูกกอดนั้นก็เงยหน้าขึ้นรับสัมผัสของเชส ไทเลอร์ อย่างเต็มใจเช่นกัน 


    หน้าขาและสะโพกของแอชเชอร์นั้นชาหนึบจนแทบไร้ความรู้สึก เรียวขาที่ยังคงตั้งชันแยกออกกว้างก็ยังคงสั่นระริกจนไม่สามารถควบคุมได้ จวบจนเป็นมือของไทเลอร์นั้นที่เลื่อนลงไปขยับบีบนวดเพื่อผ่อนคลายอาการเกร็งและขบเมื่อยของคนตัวขาว


    “ถึงกับหมดแรงเถียงเลยหรือแอช..”


    นัยน์ตาหวานฉ่ำตวัดมองคนที่หยอกล้อตัวเองก่อนจะเบนหน้าหนีด้วยความอายที่ตีตื้นขึ้นมา แต่ก็ใช่ว่าเชส ไทเลอร์จะยอมเลิกราง่ายๆเสียเมื่อไหร่ เพราะในเมื่อแอชเชอร์ไม่ตอบด้วยคำพูด ไทเลอร์ก็ทำให้แอชเชอร์ต้องตอบรับอีกฝ่ายด้วยร่างกาย


    “ไทเลอร์!”


    “ก็นายไม่ตอบ ฉันก็เลย..” สายตาคมไล่ลงมาหยุดมองที่ยอดอกสีช้ำที่ตัวเองขบกัดและดูดดึงไปเมื่อครู่ 


    “ฉันช้ำไปหมดแล้วนะเชส..”


    ไทเลอร์สวมกอดคนที่พูดจาตัดพ้อตัวเองแน่นๆ พลางลูบไหล่ขาวเบาๆให้อีกฝ่ายรู้สึกสงบแทนที่จะร้อนรุ่ม จวบจนกลไกทางธรรมชาตินั้นสิ้นสุด ถึงทำให้ไทเลอร์สามารถถอดถอนกายออกมาจากช่องทางร้อนผ่าว

    และแน่นอนว่าภาพที่เกิดขึ้นนั้นก็คงไม่พ้นเป็นจิตรกรรมที่ไทเลอร์นั้นสร้างมันขึ้น..


    จีบเนื้อที่ยังคงกระตุกถี่พ่นคายน้ำสีขาวขุ่นไหลย้อนออกมาตามกายที่ถอนออกมา จนหยดเลอะไปกับผืนที่นอนและหน้าขาขาวเนียน เป็นภาพที่ยากจะปฏิเสธว่ามันเรียกเลือดลมในตัวให้สูบฉีด 


    ร่องรอยสีแดงที่ไทเลอร์ฝากไว้กับร่างกายงดงามยังคงเด่นชัดแม้กระทั่งบริเวณต้นขาอ่อนและปลีน่องขาวนวลที่เจ้าตัวขบกัดมันยามยกขาเรียวขึ้นพาดบ่าของตัวเอง 


    ความรู้สึกเต็มอิ่มที่ถูกตอบสนองจากทางด้านร่างกายและรสสัมผัสย่อมทำให้ทั้งคู่พึงพอใจไม่ต่างกัน รอยยิ้มบางๆที่ถูกจุดขึ้นบนริมฝีปากแดงช้ำของแอชเชอร์กับดวงตาที่ยกยิ้มโค้งจนเป็นรูปเสี้ยวพระจันทร์คว่ำยามที่ไทเลอร์แกล้งพ่นลมหายใจรินรดต้นคอ คงเป็นภาพที่ทำให้คนมองอย่างหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์หัวใจฟูฟ่อจนยากที่จะหยุดยั้ง


    รอยยิ้มของแอชเชอร์ที่หายากนักหนามันล้ำค่าเสียจนเชส ไทเลอร์ รู้สึกคุ้มค่าเหลือเกินที่ได้สัมผัสด้วยตาของตัวเอง และได้เป็นเจ้าของรอยยิ้มพวกนี้



    ไม่เชื่อก็คงต้องเชื่อว่าสวรรค์บนดินนั้นมันยังคงมีอยู่จริง...








    ////////

        












    สัมผัสบางเบาที่แตะลงบนไหล่ขาวคนของที่กำลังนอนหลับพักผ่อนเพราะความอ่อนเพลียของร่างกายที่สูญเสียพลังงานไปอย่างมากมาย สร้างความรบกวนให้กับแอชเชอร์ได้ไม่น้อยจนเปลือกตาสีอ่อนของคนที่นอนซุกตัวอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนใหญ่นั้นต้องเปิดตาขึ้นมามองสิ่งที่กำลังสร้างความรบกวนให้กับตนเอง




    ความอบอุ่นจากเจ้าของกลิ่นไม้ซีดาร์ที่เคยโอบกอดเจ้าตัวในก่อนหน้านี้เลือนรางหายไปจนเหลือแค่เพียงกลิ่นบางเบาที่ยังติดอยู่กับข้าวของเครื่องใช้

    แต่ที่แปลกและทำให้หัวคิ้วสวยขมวดเข้าหากันก็คงเป็นเพราะ..




    กลิ่นไม้ป่าที่ร่างขาวไม่เคยได้กลิ่นมาก่อนนั้นชวนให้รู้สึกถึงความลึกลับและซับซ้อนจากเจ้าของกลิ่นนี้




    "ไง..."




    คำทักทายแสนสั้นที่หลุดออกมาจากคนแปลกหน้าทำให้คนที่พึ่งลืมตาตื่นนั้นยกมือขยี้ตาของตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ ตาสวยไล่มองดวงตาที่ฉายแววดุร้ายของอีกฝ่ายเพียงชั่วครู่ก็ทำให้จดจำได้ทันทีว่าเคยพบเจอมาแล้วครั้งหนึ่ง ใบหน้าที่เห็นเพียงครึ่งเดียวแต่ก็ไม่ได้ยากเกินกว่าที่จะจดจำได้กำลังปรากฏอยู่ตรงหน้าแอชเชอร์




    "นาย..."




    กายขาวกระถดตัวหมายจะหนีเจ้าของดวงตาร้ายกาจแต่ทว่าร่างกายของคนที่กำลังเจ็บเสียดเพราะความสัมพันธ์แสนลึกซึ้งก่อนหน้านี้ย่อมช่วยเหลือตัวเองได้น้อยกว่ายามปกติ จนเป็นเหตุให้เจ้าของผิวสีผิวแทนเข้มไม่ต่างจากเชส ไทเลอร์นั้นสามารถกระชากข้อเท้าเล็กของคนตัวขาวได้อย่างง่ายดาย




    เสียงหลุดร้องที่ออกมาจากริมฝีปากสวยจากแรงฉุดรั้งที่ทำให้เจ็บร้าวไปทั่วสะโพกไม่ได้ทำให้เจ้าของเรือนผมที่ถอดแบบเดียวมากับเชส ไทเลอร์ นั้นเห็นใจแต่อย่างใด




    "ครั้งที่แล้วนายทำฉันไว้แสบมากนะเจ้าหนู"




    เสียงเย็นที่กระซิบลอดไรฟันเอ่ยบอกคนตัวขาวที่กำลังตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด




    "รอยที่คอนายสวยดีนี่"




    ไม่ว่าจะเป็นรอยช้ำที่เกิดจากคอที่ถูกบีบก่อนหน้า หรือ จะเป็นรอยแดงช้ำที่เกิดจากเชส ไทเลอร์ เมื่อตัดกับผิวขาวซีดนั่นก็ชวนให้น่ามองไม่หยอก




    "ต้องการอะไร" ขาเรียวพยายามที่จะสะบัดการเกาะกุมแต่ก็ดูุจะไม่เป็นผลเมื่อมือใหญ่ที่จับข้อเท้านั้นเพิ่มแรงบีบที่มากขึ้นจนแอชเชอร์นั้นต้องกัดฟันข่มความเจ็บปวด




    แรงมากมายขนาดนั้นหากลงแรงอีกเพียงนิดเดียวก็คงจะทำให้เจ้าของข้อเท้าเล็กนั้นได้เจ็บตัวเป็นแน่




    "อย่าถามอะไรโง่ๆดีกว่า"




    "นายก็น่าจะเห็นอยู่นี่ว่าเรื่องทุกอย่างมันเป็นยังไง"




    "ไม่มีทางที่ฉันจะยอมรับพวกแดนเหนือเข้ามาเกี่ยวข้อง.."




    "อย่าใจแคบนักเลย.. ไม่เห็นหรือว่าน้องชายนายหวงฉันมากแค่ไหน" ความตื่นตระหนกของคนตัวขาวถูกกดลงไปให้ลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนที่เจ้าตัวจะตั้งสติพูดคุยกับบุคคลอันตรายที่ไม่ได้อันตรายแค่เพียงคำพูดอย่างเดียวดั่งเช่นเบลเลอมอนท์




    เพราะ แมดส์ ไทเลอร์ ต่างหากคือตัวอันตรายที่แท้จริง




    "มันจะสักแค่ไหนกันเชียว" มืออีกข้างของทรูอัลฟ่ากลิ่นไม้ป่าที่ไม่สามารถระบุได้กระชากผ้าที่ปิดบังใบหน้าเกือบครึ่งของตัวเองออกจนเผยให้เห็นใบหน้าดุคมที่แม้จะถอดแบบอย่างเช่นฝาแฝดมาสักเท่าไหร่ แต่ทั้งแววตาและกลิ่นอายของความเป็นตัวตนก็แตกต่างกันอย่างชัดเจนเสียจนสามารถแยกออกได้




    ก่อนที่ผ้าห่มผืนใหญ่ที่เคยปกคลุมร่างกายขาวนั้นจะถูกปัดกระชากออกไปให้พ้นทางและฉุดรั้งให้คนตัวขาวนั้นลุกออกมาจากเตียง แต่สุดท้ายคนที่ยังคงไร้เรี่ยวแรงที่ขานั้นก็ต้องนั่งทรุดลงกับพื้นอย่างหมดท่าต่อหน้าแฝดคนพี่ของตระกูลไทเลอร์ ภาพเรือนร่างขาวเนียนของอดีตอัลฟ่าแดนเหนือที่สวมใส่เพียงเสื้อตัวโคร่งของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์นั้นแทบไม่ได้ทำให้แมดส์ ไทเลอร์ ชมชอบเฉกเช่นน้องชายสักนิด




    เท้าที่ถูกสวมด้วยรองเท้าหนักนั้นจงใจเขี่ยขาเรียวของคนที่นั่งกอดเข่าปกปิดร่างกายของตัวเองจนสุดท้ายขาเรียวนั้นก็แยกออกกว้างจนเผยให้เห็นจีบเนื้อที่แดงช้ำและปิดไม่สนิทที่ยังคงขับคราบน้ำสีขุ่นที่ถูกปลดปล่อยมาในกายขาวสองถึงสามครั้งก่อนหน้าออกมาเรื่อยๆ




    การกระทำที่แสนหยาบคายของแมดส์ ไทเลอร์ นั้นทำให้อัลฟ่าตัวขาวถึงกับกำหมัดแน่นด้วยความเจ็บใจ ทั้งเท้าของอีกฝ่ายที่ใช้แตะสัมผัสร่างกายของเขา ทั้งแววตาหยามเหยียดที่ทอดมองเหมือนเขาเป็นแค่พวกของไร้ค่า




    "ยอมเชสมันขนาดนี้เชียว"




    "มากกว่ายอมก็คงต้องเรียกว่าเต็มใจ" คนตัวขาวว่าพลางขยับร่างกายให้อีกฝ่ายได้เห็นชัดๆ "หรือนายไม่เห็นว่าสิ่งที่อยู่ในร่างกายฉันมันคืออะไร"




    "น่าไม่อาย"




    "ใครกันแน่ที่น่าไม่อาย ไม่ใช่คนที่บุกรุกเข้ามาอย่างนายหรือ"




    "นายนี่มันปากดีกว่าที่ฉันคิดไว้เสียอีก"




    "ส่วนนายเองก็หยาบคายไม่แพ้กับที่ฉันคิดไว้เช่นกันแมดส์ ไทเลอร์"





    "ก็น่าเสียดายที่ฉันมันคนละขั้วกับเชส"




    "นี่มันยิ่งกว่าสวรรค์กับนรกเสียอีก"




    "หรือนายอยากลองลงนรกไปพร้อมกับฉันดีล่ะ"




    เจ้าของแววตาดุร้ายย่อตัวลงมาอยู่ในระดับเดียวกับแอชเชอร์ก่อนที่จะเอื้อมมือมาบีบคางได้รูปของคนอวดดีแน่น ความท้าทายที่แอชเชอร์คงไม่รู้ตัวว่ามันคือความผิดมหันต์ที่แสดงออกไปให้คนอย่างแมดส์ ไทเลอร์ ได้เห็นจะนำมาซึ่งความวุ่นวายที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า




    "น่าเสียดายที่ฉันมีความสุขกับสวรรค์บนดินกับน้องชายนายมากกว่า"




    คำพูดสองแง่สองง่ามที่เอ่ยต่อปากต่อคำกับแฝดคนพี่นั้นชวนให้แมดส์อดไม่ได้ที่จะลอบเลียริมฝีปากที่แห้งผากของตัวเองช้าๆ




    "แล้วไอ้สวรรค์บนดินของนาย มันช่วยนายให้พ้นจากนรกแบบฉันตอนนี้ได้ไหม"




    แรงกระชากที่ไหล่ได้รูปจากน้ำมือของบุคคลลึกลับที่ตามหาตัวจับได้ยากทำให้เสียงนุ่มทุ้มร้องหวีดลั่นกับการกระทำที่เกินคาดหมาย ก้อนเนื้อในอกนั้นบีบรัดและเต้นถี่ระรัวไปพร้อมๆ กับอาการชาที่แล่นริ้วตามร่างกายจนเย็นวาบไปทั้งตัว




    กลิ่นคาวเลือดลอยคละคลุ้งภายในริมฝีปากร้อนจากการถูกกระแทกบดจูบอย่างแรงทำให้คนที่ถูกบังคับนั้นทั้งออกแรงผลักและแรงต่อต้านที่จะผลักไสคนที่กำลังล่วงเกินตัวเองด้วยแรงทั้งหมดที่มีของตัวเอง




    ความเป็นทรูอัลฟ่าของแมดส์นั้นกดดันและข่มคนที่อยู่ในสถานะต่ำกว่าจนเนื้อตัวขาวนั้นสั่นสะท้านไปทั้งตัวเพราะความหวาดกลัว




    "หมอนั่นมันน่าจะรู้ดีว่าฉันเกลียดอะไรมากที่สุด"




    ฝาแฝดที่เติบโตด้วยกันมาในช่วงระยะเวลาหนึ่งย่อมต้องรู้จักนิสัยของกันและกันเป็นอย่างดี และแมดส์ ไทเลอร์ เองก็ไม่เชื่อหรอกว่าน้องชายตัวเองจะหลงลืมสิ่งต้องห้ามที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง





    "ไอ้บัดซบเอ๊ย!"





    แรงกระชากจากทางด้านหลังของคนที่พึ่งเข้ามาใหม่นั้นเหวี่ยงร่างกายของคนที่กำลังคุกคามแอชเชอร์ออกอย่างแรงก่อนที่เจ้าของบ้านตัวจริงที่พึ่งกลับเข้ามาในบ้านนั้นจะร้อนรนเข้าไปหาคนตัวขาวที่กระถดตัวหนีจนแผ่นหลังชิดขอบเตียง สภาพเจ้าของผิวสีหิมะที่ถูกเปิดเผยจนเห็นร่างกายนั้นทำให้ทรูอัลฟ่าหนุ่มก่อเกิดอารมณ์คุกรุ่นในใจจนยากที่จะดับ ยิ่งเห็นว่าใครที่เป็นคนทำให้เกิดเหตุการณ์ซึ่งอุกอาจนี่ก็ยิ่งทำให้เชสแทบอยากจะเข้าไประบายความโมโหทั้งหมดที่มีใส่อีกฝ่าย




    แต่มันก็ทำไม่ได้เพราะคนที่กำลังแสยะยิ้มน่าเกลียดนั่นคือพี่ชายฝาแฝดของตัวเอง...




    กลิ่นไม้ซีดาร์ของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์นั้นย่อมไม่มีผลต่อทรูอัลฟ่าเช่นเดียวกันอย่างแมดส์ ไทเลอร์ มันจึงทำให้ไม่แปลกที่เจ้าตัวจะกล้าทำอะไรได้ขนาดนี้




    อันที่จริงแล้วคนอย่าง แมดส์ ไทเลอร์ สามารถเลือดเย็นได้มากกว่าที่ใครจะคาดคิดไว้เสียอีก

    เพราะไม่อย่างนั้นเจ้าตัวก็คงจะไม่ใช่นักฆ่าฝีมือดีที่ใครต่างก็ต้องการตัวอยากจะเรียกใช้..





    "ทักทายกันได้ดีนี่น้องชาย"















    HASTAG #youngmastermn










    เบลเลอมอนท์ว่าตัวปั่นแล้ว คนนี้อะตัวทำลายชัดๆ คือคุณแมดส์น่ะเค้าก็เป็นแบบนี้ล่ะคับ... 

    ปล.อาจจะกลับมาอีกทีหลังช่วงสอบมิดเทอมนะคับ แล้วก็ข่าวดีก็คืออาจจะเปิดพรีเล่มในช่วงกลางเดือนหน้าหรือสิ้นเดือนนะงับ หยอดกระปุกรอกันได้เลยงับ 

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in