เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
YOUNG MASTER #MINNOninezexsky
17





  • เสียงฟ้าลั่นครืนๆและเสียงลมพัดหวนจากฝนที่กำลังตกหนักมากขึ้นอยู่ทางด้านนอกยังคงดังเข้ามาภายในบ้านของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์อย่างชัดเจน แต่ก็แปลกที่เสียงจากธรรมชาติพวกนั้นยังคงไม่สามารถกลบเสียงของอัลฟ่าแดนเหนือตรงหน้าที่เริ่มต้นปั่นป่วนไทเลอร์ด้วยการกระทำที่ไม่ต่างจากการหยอกเล่นให้รู้สึกต้องการ แต่ก็ไม่สามารถไขว่คว้ามันเอาไว้ได้ 


     
    ปลายนิ้วเรียวสวยไล่เกลี่ยและไล้วนไปตามสันกรามของเลสลีย์คนเล็ก มันก็ชวนทำให้หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์นั้นอยากจะคว้ามือซนนั้นมางับเสียให้เข็ด แต่ก็ทำได้แค่คิดในใจเพียงเท่านั้นเพราะเอาเข้าจริงๆแล้วไทเลอร์เองก็มีวิธีอื่นที่จะเอาคืนอัลฟ่าตัวแสบตรงหน้าเช่นกัน 


    ยิ่งเชส ไทเลอร์ ยังนิ่งและปล่อยให้คนตัวขาวซีดทำตามอำเภอใจได้มากเท่าไหร่ อีกฝ่ายก็ยิ่งไล่ต้อนไทเลอร์มากขึ้นเท่านั้น จนถึงขั้นที่ว่ากล้าใช้ลิ้นของตัวเองไล่หยอกกับริมฝีปากล่างของทรูอัลฟ่าช้าๆสลับกับขบเม้มริมฝีปากล่างเล่น 


    จะว่าไปแล้วเชส ไทเลอร์ก็ไม่ควรประมาทแอชเชอร์ เลสลีย์เลยสักนิด คนพี่ฉลาดยังไง คนน้องก็คงไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเสียเท่าไหร่ 


    "แล้วนายอยากรู้เรื่องอะไรก่อนดีล่ะ.."


    ข้อแลกเปลี่ยนที่เสี่ยงเป็นอย่างมากต่อตัวของไทเลอร์มันก็น่าคิดหนัก แม้เชสอาจจะไม่เข้าใจทั้งหมดและไม่สามารถเดาทุกความคิดของอัลฟ่าแดนเหนือได้ พอลองคิดในอีกมุมหนึ่งการที่จะปล่อยให้แอชเชอร์ เลสลีย์ กลายเป็นคนที่ไม่รู้อะไรเลย มันก็จะดูเป็นการทำร้ายทางอ้อมที่ใจร้ายกับจิตใจของคนๆหนึ่งเกินไป


    "ไม่คิดอยากจะพูดมันออกมาเองบ้างหรือ?" คำตอบจากอัลฟ่าแดนเหนือยังคงทำให้มุมปากหยักหยัดยกขึ้นน้อยๆ วาจาที่เล่นลิ้นของแอชเชอร์ยังคงทำให้หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ที่เป็นคนใจเย็นในการเจรจาแต่ละครั้งนั้นรู้สึกถูกอกถูกใจไม่น้อย 


    "รอลุ้นคำถามจากปากนาย มันน่าตื่นเต้นกว่าเยอะ.." 


    อัลฟ่าแดนเหนือถึงกับหัวเราะเบาๆในลำคอกับความกวนประสาทของไทเลอร์ที่กลับมาอีกครั้ง ยิ่งเห็นว่าไทเลอร์ยังคงใจเย็นแบบนี้ ทั้งที่ควรจะกระวนกระวายกับสิ่งที่แอชเชอร์กำลังต้องการมันก็ยิ่งทำให้ความอยากเอาชนะในตัวเลสลีย์นั้นมากขึ้นเป็นทวีคูณ 


    "แล้วฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่านายไม่โกหก" 


    "นั่นสิ.." หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ว่าก่อนจะขยับตัวละถอยห่างออกมาจากอัลฟ่าแดนเหนือจนเกิดระยะห่างระหว่างกันพอให้เลสลีย์คนเล็กสามารถนั่งได้อย่างสบายตัวมากขึ้น "ถ้าคิดว่ามันคุ้มกับที่ต้องแลก ก็คงต้องลองดู"


    อาจจะดูไม่แฟร์สักเท่าไหร่แต่แอชเชอร์ เลสลีย์ก็ต้องยอมรับว่ามันก็เป็นเรื่องที่น่าเสี่ยงไม่น้อย ยิ่งเห็นแววตาของอีกฝ่ายแล้วมันก็ยิ่งทำให้ความคิดของแอชเชอร์นั้นเอนเอียงไปตามความต้องการแรกมากกว่า


    "ถ้าคิดว่าฉันยังเป็นคนโง่ให้นายหลอกได้มากกว่านี้ นายก็โกหกฉันต่อไปเสีย.." 


    จากแววตาท้าทายเมื่อครู่ของเลสลีย์นั้นหม่นหมองลงในทันทีเมื่อพูดประโยคก่อนหน้าจบ และเชส ไทเลอร์เองก็รับรู้ถึงความรู้สึกที่แทรกซึมอยู่ในคำพูดพวกนั้นเป็นอย่างดี 


    "หากรู้แล้วต้องเจ็บปวดก็ยังเลือกที่จะอยากรู้งั้นหรือ?"


    "เพราะฉันดูอ่อนแอในสายตานายงั้นสิ ถึงได้ถามกันแบบนี้.." 


    เขาไม่ได้อ่อนแอ.. หรือต่อให้ต้องพังกับความรู้สึกไปมากกว่านี้มันก็ย่อมดีกว่าความอึดอัดที่ต้องเก็บมันมาตลอด 


    "ฉันไม่รู้หรอกนะว่าที่ผ่านมานายต้องเจอกับอะไรมาบ้าง แต่อย่างหนึ่งที่ฉันคิดว่านายควรจะรู้ไว้ก็คือความหวังดีของพี่ชายนายที่มันไม่ใช่เรื่องโกหก" 


    "ความหวังดีที่ทิ้งความรู้สึกผิดไว้ให้ มันดูเป็นความสุขที่ฉันควรยินดีจริงๆหรือ?" 


    แสงสว่างที่แลบเข้าตาเพียงชั่ววินาทีก่อนจะตามมาด้วยเสียงฟ้าผ่าลงมาในระยะที่ได้ยินอย่างชัดเจน แต่ทว่าทั้งทรูอัลฟ่าแดนใต้และอัลฟ่าแดนเหนือเองก็ยังคงมองหน้ากันเงียบๆโดยไม่ได้ไหวติงกับเสียงดังลั่นข้างนอกแต่อย่างใด 


    "นายไม่ได้อ่อนแอหรอกเลสลีย์ แต่เพราะความรู้สึกของนายต่างหากที่ควรถูกปกป้อง


    ปกป้องงั้นหรือ? ทำไมคำพวกนี้ถึงยังต้องวนเวียนอยู่ในชีวิตของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า คำๆเดียวที่ตอกย้ำว่าสุดท้ายแล้วเขาเองก็ยังเป็นแค่อัลฟ่าที่อ่อนแอเหมือนในครั้งยังเป็นเพียงเด็กน้อย  ทั้งที่มันไม่สมควรเก็บเอามาเป็นเรื่องที่ควรใส่ใจแต่มันก็อดคิดไม่ได้ทุกทีว่าเพราะเรื่องนี้ใช่หรือไม่ที่ทำให้เขาต้องกลายเป็นคนที่ไม่รู้อะไร...


    "ฉันไม่ต้องการ..."


    เปลือกตาสีอ่อนกะพริบตาถี่ขึ้นเมื่อรู้สึกถึงความร้อนผ่าวที่ขอบกระบอกตา และนั่นก็ไม่ได้มาจากความเสียใจแต่มันกลับเป็นเพราะความรู้สึกโกรธตัวเองมากกว่าที่ทำอะไรไม่ได้


    "การถูกปกป้องมันคือการตัดทอนความเป็นอัลฟ่าในความคิดของนายงั้นหรือเลสลีย์?" 


    "...."


    "คนที่ถูกปกป้องไม่ใช่คนอ่อนแอเสมอไป"


    "...."


    "เพราะคนที่สมควรถูกปกป้องคือคนที่มีค่าอย่างนาย" 


    อัลฟ่าแดนเหนือก้มหน้าลงนั่งมองฝ่ามือของตัวเองที่วางอยู่บนตักเงียบๆ ในขณะที่ไทเลอร์เองก็ยังคงยืนอยู่ตรงหน้าตัวเองไม่ไปไหน ไร้ซึ่งความคิดที่ตีรวนในหัวสมองแต่กลับเรียบเรียงความคิดของตัวเองใหม่ตามที่ได้ฟัง


    "เอาเป็นว่าวันนี้นายเองก็ไปพักผ่อนเสียก่อนดีกว่า ส่วนเรื่องอะไรที่ยังค้างคาในใจก็ไว้ค่อยว่ากันพรุ่งนี้" 


    "แต่ฉัน.." คนดื้อดึงเงยหน้าขึ้นมาหมายจะอ้าปากเถียงแต่ก็ต้องปิดปากฉับเมื่อเชส ไทเลอร์นั้นเลือกที่จะเดินหันหลังให้ตัวเองเป็นการตัดบทสทนา "แล้วนั่นนายจะไปไหน?"


    "ทำแผล.. ไม่เห็นหรือว่าหน้าฉันมันดูไม่ได้แค่ไหน" ไทเลอร์ว่า 


    "ก็มานั่งตรงนี้เสียสิ ที่ฉันลงมาก็เพราะจะทำแผลให้นาย" ยิ่งฟังไทเลอร์พูดมันก็ยิ่งทำให้แอชเชอร์ต้องกลับไปคิดอะไรบางอย่างให้ถี่ถ้วนกว่านี้  บางอย่างที่เขาเคยคิดเอง เคยเข้าใจเอง เมื่อได้ฟังไทเลอร์มันก็อดทำให้มุมมองในความคิดพวกนั้นมันเริ่มแยกออกเป็นสองชุดความคิด 


    "จะมาไม้ไหนกันอีก หื้ม?" ทรูอัลฟ่าเลิกคิ้วขึ้นสูงเป็นเชิงไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองสักเท่าไหร่นัก ที่ได้ยินอัลฟ่าแดนเหนือพูดอะไรแบบนี้ออกมา อีกทั้งใบหน้าของอีกฝ่ายนั้นก็ดูจะมีท่าทีจริงจังเสียจนผิดแปลกจากปกติที่ชอบทำหน้าไม่พอใจไทเลอร์อยู่บ่อยๆ 


    "ถ้านายคิดมากขนาดนั้น ก็ดูแลตัวเองเอาแล้วกัน!"   


    แต่ก็ได้นานเสียเมื่อไหร่.. พอได้เจอไทเลอร์แสดงท่าทีไม่เชื่อนั้นก็ทำให้แอชเชอร์ เลสลีย์ถึงกับว่าเสียงแข็ง ก่อนที่เจ้าตัวจะลุกขึ้นยืนหมายจะหนีคนกวนประสาทที่เอาแต่มองตัวเองไม่เลิกไม่รา


    "เฮ้! ฉันก็แค่ถาม ทำไมจะต้องโมโหกันด้วย" 


    "งั้นนายก็ช่วยทำให้ปากกับสายตามันไปด้วยกันหน่อยก็ดี" ขนาดยืนสนทนากันต่อหน้าแบบนี้ ไทเลอร์เองก็ยังคงไม่เลิกส่งสายตานิ่งๆที่แฝงนัยพวกนั้นให้กับเลสลีย์  เรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่ยากเป็นอย่างมากในการที่จะอธิบายสายตาของเชส ไทเลอร์


    "ไม่ใช่เพราะนายมองฉันไม่ได้เหมือนเดิมหรอกหรือ? ถึงได้ทำให้นายหงุดหงิดที่เห็นสายตาฉัน" 


    "นอกจากจะกวนประสาทเก่งแล้ว ฉันก็พึ่งรู้ว่านายก็เข้าข้างตัวเองเก่งเหมือนกัน"  


    "ย้อนดูการกระทำของนายเมื่อครู่ ก็น่าจะตอบคำถามได้ดีไม่หยอก" 


    หากเชส ไทเลอร์คิดเข้าข้างตัวเองล่ะก็ แล้วการกระทำของแอชเชอร์ เลสลีย์ เมื่อก่อนหน้านี้มันคืออะไรกัน ต่อให้คำพูดนั้นจะดูหว่านล้อมให้ตกหลุมพรางอย่างน่าร้ายกาจแต่หากได้ลองมองเข้าไปในนัยน์ตาคู่สวยนั้นแล้ว ไทเลอร์เองก็มั่นใจเช่นกันว่าสายตาคนเรานั้นต่อให้โกหกกันได้ก็ไม่มีทางทำได้ตลอด 


    "...."


    "หรือนายคิดว่าการเป็นคนของไทเลอร์ มันก็แค่คำพูดลอยๆกัน..." 


    เจ้าของผิวขาวซีดถึงกับยกมือขึ้นดันหน้าอกเปลือยเปล่าของทรูอัลฟ่าแดนใต้ในทันที เมื่ออีกฝ่ายขยับตัวเข้าใกล้ ถึงไทเลอร์จะเป็นพวกชอบกวนประสาทมากแค่ไหน แต่เป็นแค่คำพูดและสายตาที่แสดงออกเท่านั้น ซึ่งขัดกับใบหน้าเรียบนิ่งที่ยังคงสะกดให้ใครก็ตามที่สนทนานั้นต้องจ้องมอง 


    "คนอย่างฉันไม่เคยพูดลอยๆ" อัลฟ่าแดนเหนือว่า 


    "คิดดีแล้วใช่ไหมที่เลือกแบบนี้" ไทเลอร์ยังคงถามย้ำอัลฟ่าแดนเหนืออีกครั้งเพื่อความมั่นใจ บทสนทนาที่พูดคุยกันในครั้งนี้มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆที่จะสามารถพูดกลับกลอกได้เหมือนเรื่องเล่นๆ 


    เพราะหากแอชเชอร์ เลสลีย์ เกิดคิดจะเปลี่ยนใจขึ้นมาทีหลังแล้วล่ะก็ คนอย่างเชส ไทเลอร์ เองก็คงไม่สามารถยอมคืนอิสระที่อีกฝ่ายมอบให้กับตัวเองได้เช่นกัน 


    "มันจะเจ็บปวดสักเท่าไหร่กันเชียว..." 


    "ฉันไม่รู้หรอกว่านายไปจดจำความรู้สึกนึกคิดพวกนี้มาจากไหนแต่สำหรับคนของฉัน เขาคนนั้นจะต้องได้รับเกียรติของไทเลอร์อย่างที่สมควรจะได้รับ"


    "...."


    "และที่ตรงนั้นมันก็มีเพียงพอแค่สำหรับคนๆเดียว" 


    "นายกล้าพูดออกมาว่าแค่คนๆเดียว ทั้งที่นายก็รู้อยู่แก่ใจน่ะหรือว่ายังไงมันก็ไม่มีทางเป็นแบบนั้นได้"  มันจะมีอัลฟ่าสักกี่คนกันที่จะสามารถละทิ้งอำนาจความเหนือกว่าในการมีสิทธิครอบครองคู่ของตนได้มากกว่าหนึ่ง 


    "ทุกการตัดสินใจของฉันมันย่อมคุ้มค่าเสมอ และฉันเองก็ไม่ใช่พวกจับคู่ไปเรื่อยอย่างที่นายเหมารวมไปกับอัลฟ่าพวกนั้น.."


    โอเมก้าที่ว่าต้องคู่กับอัลฟ่านั้นคนอย่างเชส ไทเลอร์ก็เมินมาแล้วนักต่อนัก หรือต่อให้เป็นอัลฟ่าเช่นเดียวกันแต่หากไม่สามารถทำให้รู้สึกสนใจมากพอจริงๆ หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์คนเก่งก็ไม่มีทางที่จะเฉียดกรายเข้าไปยุ่งเด็ดขาด 


    "นายสามารถเอาความผิดพลาดพวกนั้นมาใช้เป็นเหตุผลได้ด้วยหรือไทเลอร์?"


    ความผิดพลาดที่ทำให้เกินความสัมพันธ์ลึกซึ้งจนเกินเลยพวกนั้นมันใช่เหตุผลกันหรือ...


    "ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันไม่เคยเป็นความผิดพลาดสำหรับฉัน"






    ทรูอัลฟ่าแดนใต้ไม่สามารถเดาใจของอัลฟ่าแดนเหนือตรงหน้าที่กำลังทำแผลให้ตัวเองตอนนี้ได้เลยสักนิด หลังจากที่ไทเลอร์เอ่ยประโยคนั้นออกไปเลสลีย์เองก็ไม่ตอบโต้อะไรกลับมา จะมีก็แต่เพียงเสียงฝีเท้าเบาๆที่เดินตามไทเลอร์ขึ้นมาบนห้องนอนหลังจากที่ไทเลอร์นั้นต่อรองให้อีกฝ่ายไปอาบน้ำอาบท่าให้สบายตัวเสียก่อน และก็เป็นแอชเชอร์เองด้วยที่ปฏิเสธหัวชนฝาว่าจะไม่ทำแผลให้ทรูอัลฟ่าหนุ่มเด็ดขาดหากอีกฝ่ายไม่ยอมใส่เสื้อผ้าดีๆ และนอกจากจะนั่งทำแผลเงียบๆแล้วก็กลายเป็นว่าตอนนี้ระหว่างเราทั้งคู่นั้นถูกปกคลุมด้วยเสียงธรรมชาติจากด้านนอกที่ส่งเสียงพอให้บรรยากาศนั้นเงียบจนเกินไป 


    แสงสว่างจากเชิงเทียนและเทียนหอมซึ่งถูกจุดไว้ในห้องยังคงพอส่องแสงสว่างท่ามกลางบรรยากาศขมุกขมัว ดูท่าว่าความผ่อนคลายจากกลิ่นหอมนั้นก็ยังไม่สามารถทำให้แอชเชอร์จะไม่ปริปากพูดอะไรออกมาสักคำ แต่ก็ใช่ว่าไทเลอร์จะไม่เห็นความสับสนในดวงตาคู่นั้นที่ลอบมองตัวเองอยู่หลายต่อหลายครั้ง คนปากเก่งเมื่อก่อนหน้านี้ถูกกลืนหายไปอย่างไม่น่าเชื่อจนหลงเหลือก็แต่เพียงเด็กน้อยคนหนึ่งที่กำลังสับสนในความรู้สึกของตัวเอง


    ไม่ว่าจะใส่เสื้อผ้าสีอ่อนหรือสีเข้ม ก็คงยากที่จะปฏิเสธว่าผิวขาวเนียนละเอียดของเลสลีย์นั้นยังคงดูน่ามองแม้จะถูกบดบังไว้จนหมด ยิ่งเมื่อผ่านการอาบน้ำอุ่นมาก็ยิ่งพาลทำให้ผิวขาวซีดนั้นมีสีระเรื่อขึ้นตามการไหลเวียนของเลือดจนอมชมพูไปเสียหมด และที่สังเกตได้ชัดก็คงหนีไม่พ้นแก้มเนียนที่ขึ้นซับจางๆ


    สัมผัสที่ไม่หนักมือจากมือขาวซึ่งไล่ทำแผลบนใบหน้าของเชส ไทเลอร์นั้นให้ความรู้สึกดีกว่ามือหนักๆของเอริค เมอร์เรย์เป็นไหนๆหากเทียบกันแล้ว  ต่อให้แอชเชอร์จะตั้งใจทำแผลมากเสียเท่าไหร่แต่ก็กลับไม่ได้ทำให้เจ้าตัวมีสติกับเนื้อกับตัวแม้แต่น้อย


    ขนาดทรูอัลฟ่าแดนใต้จ้องหน้าอีกฝ่ายนานเสียขนาดนี้ เจ้าตัวเองก็ยังคงไม่มีท่าทีฮึดฮัดเหมือนทุกที ดวงตาคู่สวยไร้ประกายเหมือนดวงดาวในยามค่ำคืนอย่างที่เคยเป็น ใบหน้ารูปสลักที่มักจะเย่อหยิ่งกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกกล้ำกลืนฝืนทนจนพาลให้หม่นหมองไปเสียหมด 


    "นายกลัวอะไรอยู่ เลสลีย์..." 


    เชส ไทเลอร์เอ่ยปากถามอัลฟ่าแดนเหนือตรงหน้า เมื่อไม่สามารถทนมองใบหน้าที่กล้ำกลืนของอีกฝ่ายได้ ฝ่ามือใหญ่ที่ยกขึ้นจับมือขาวซึ่งกำลังทำแผลให้ตัวเองอยู่นั้นสามารถทำให้คนที่กำลังจมอยู่กับความคิดเบิกตากว้างด้วยความตกใจ 


    "อะไรของนาย"


    แม้เลสลีย์คนเล็กจะพยายามควบคุมเสียงของตัวเองไม่ให้สั่นเช่นไร แต่สุดท้ายแล้วมนุษย์เราก็ไม่สามารถฝืนตนเองได้มากพอขนาดนั้น 


    "ที่กำลังเป็นอยู่มันฝืนตัวเองขนาดนั้นเชียวหรือ?" 


    คำถามง่ายๆจากปากทรูอัลฟ่าหนุ่มนั้นแสนจะสะกิดใจของคนฟัง จนเจ้าของฝ่ามือขาวที่กำลังถูกจับนั้นถึงกับออกแรงยื้อเพื่อที่จะดึงมือของตัวเองให้ออกจากการเกาะกุมของไทเลอร์ และนั่นก็ทำให้ไทเลอร์รับรู้ถึงแรงสั่นน้อยๆจากมือขาว 


    "ไม่..."


    "ปากบอกว่าไม่แต่การแสดงออกของนายมันกลับสวนทางกันเสียหมด"


    "...."


    "ถึงฉันจะไม่ชอบความอ่อนแอของคนเราเสียเท่าไหร่ แต่ก็ใช่ว่านั่นจะเป็นเหตุผลที่ทำให้นายต้องเข้มแข็งทุกครั้งที่อยู่ตรงหน้าฉัน" 


    "ฉันไม่ได้อ่อนแอ..."


    "ความรู้สึกของนายมันละเอียดอ่อนกว่าที่ฉันเคยคิดไว้เสียอีกเลสลีย์" 


    เมื่อถึงเวลาที่ต้องแลกขึ้นมาจริงๆ ใครกันบ้างที่จะไม่หวาดกลัวต่ออนาคตที่ไม่สามารถคาดเดา แอชเชอร์ เลสลีย์ไม่สามารถจัดการกับความรู้สึกหวาดกลัวลึกๆภายในจิตใจของตัวเองได้อย่างที่ควรจะเป็น  อดีตที่เคยพบเจอนั้นกลับกลายเป็นตะกอนที่พร้อมจะขุ่นมัวขึ้นมาได้เสมอหากมีอะไรมากระทบให้มันสั่นไหว 


    หากสามารถเลือกได้ใครกันที่อยากจะเจ็บปวด.. ทั้งที่ปรารถนาจะลองเสี่ยงกับความรู้สึกพวกนั้นแต่สุดท้ายแล้วมันก็ดูยากเสียเหลือเกินในความเป็นจริง 


    "สิ่งเดียวที่ทำให้ฉันหวาดกลัวก็คือความรัก


    ความรู้สึกของการที่ต้องเอาใจของตัวเองไปผูกกับใจกับใครอีกคนมันเป็นความเสี่ยงที่ไม่อาจประมาณค่าได้  รสรักที่ว่าหอมหวานเมื่อยามได้เชยชมย่อมมีวันเปลี่ยนเป็นพิษร้ายในวันหนึ่ง 


    "นายเคยมีมันแล้วหรือถึงได้หวาดกลัว.." 


    เพราะเท่าที่ไทเลอร์นั้นจำได้... อาเธอร์ เลสลีย์เองก็เคยบอกเขาไว้เช่นกันว่าน้องชายของตัวเองนั้นหลีกเลี่ยงความสัมพันธ์ประเภทนี้มากแค่ไหน 


    เพราะเท่าที่ไทเลอร์นั้นจำได้... อาเธอร์ เลสลีย์เองก็เคยบอกเขาไว้เช่นกันว่าน้องชายของตัวเองนั้นหลีกเลี่ยงความสัมพันธ์ประเภทนี้มากแค่ไหน 


    "แล้วนายล่ะ.."


    คำถามที่ย้อนกลับมาของเลสลีย์คนเล็กนั้นทำให้เชส ไทเลอร์ ระบายยิ้มบางๆที่มองยังไงก็ดูฝืนธรรมชาติเสียจนเห็นได้ 


    "ความรักของฉันมันมากกว่าความหวาดกลัวของนายเสียอีก" 



    คำว่าหวาดกลัวนั้นแทบจะไม่เคยอยู่ในหัวของเชส ไทเลอร์เลยสักนิดหากที่เจ้าตัวนั้นจะได้พยายามทุ่มเทเพื่อใครสักคน  สัญชาตญาณที่อยู่เหนือการควบคุมของความคิดพวกนั้น เขาเชื่อว่ามันคือความรู้สึกที่แท้จริงที่ใครหลายคนพยายามปฏิเสธมันมาตลอด..


    คนเราเมื่อปราศจากความหวาดกลัวในทุกสิ่งแล้ว นั่นล่ะคือความน่ากลัวของจริงที่ยากจะคาดเดาว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น 


    "...."


    "ต่อให้นายพยายามหนีมันแทบตาย นายก็หนีความเจ็บปวดพวกนั้นไม่พ้น" 


    ความรักที่อยู่ในทุกรูปแบบของความสัมพันธ์ เมื่อสร้างความสุขได้ก็ย่อมสร้างความเจ็บปวดที่ยากจะลืมเลือนด้วยเช่นกัน 


    "แล้วถ้าเป็นนาย ฉันจะเจ็บปวดมากแค่ไหนกันไทเลอร์..."


    "ฉันตอบไม่ได้หรอกว่ามันจะมากมายสักเท่าไหร่ แต่หากเจ็บปวดขึ้นมาเราทั้งคู่ก็คงไม่ต่างกัน"


    "...." 


    "เพราะยังไงเสียมันก็คงไม่ใช่นายคนเดียวที่เป็นฝ่ายรัก"


    "นายรู้ไหมไทเลอร์.. ว่าการที่ยิ่งฉันได้รู้จักนายมากเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งกลืนน้ำลายตัวเองมากขึ้นเท่านั้น ทุกอย่างที่ฉันเคยปฏิเสธมันมาตลอด มันไม่เคยปฏิเสธนายได้เลยสักนิด"


    ฟังดูเป็นประโยคที่อาจจะทำให้เชส ไทเลอร์สามารถยิ้มได้ แต่นั่นกลับไม่ใช่เลยสักนิดเมื่ออัลฟ่าแดนเหนือตรงหน้าของตัวเองนั้นพูดสิ่งที่อยู่ในใจซึ่งมันต่างก็พรั่งพรูออกมาพร้อมๆกับความรู้สึกที่เอ่อล้น 


    หยดน้ำตาเม็ดแรกร่วงเผาะลงมาจากดวงตาคู่สวยที่หลุบมองฝ่ามือบนตักของตัวเอง ก่อนจะตามมาด้วยหยดต่อๆไปจนแพขนตายาวนั้นเปียกชื้น


    "ฉันเคยดูถูกความรักของพวกเขาว่ามันบิดเบี้ยวมากแค่ไหน แต่สุดท้ายฉันเองก็ไม่ต่างจากคำพูดพวกนั้นเลยสักนิด..."


    เสียงพูดของอัลฟ่าแดนเหนือขาดหายไปในลำคอจนจับความไม่ได้ เมื่อเจ้าตัวนั้นพยายามจะกลืนก้อนสะอื้นที่จุกขึ้นมาในลำคอของตัวเองลงไป


    น้ำตาหายากของแอชเชอร์ เลสลีย์ต่อให้ดูงดงามสักแค่ไหน แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นความเสียใจแล้ว มันก็ย่อมเป็นความเจ็บปวดที่ยากจะรับมือ


    "ฉันไม่ใช่ริโอ และนายเองก็ไม่ใช่อาเธอร์... มันไม่มีทางที่พวกเราจะเหมือนกัน" 


    หรือต่อให้คล้ายกันมากสักแค่ไหน คนอย่างเชส ไทเลอร์ ก็ไม่มีวันใช้คนของตัวเองเพื่อเป็นหมากบนกระดานอย่างที่ริโอ สเปนเซอร์เคยทำ 


    หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์เอื้อมมือที่ว่างของตัวเองอีกข้าง เพื่อช่วยเช็ดน้ำตาที่ยังคงไหลออกมาไม่หยุดของเลสลีย์คนเล็ก ซึ่งเจ้าของขอบตาแดงช้ำนั้นทำเพียงแค่เงยหน้าขึ้นมาจ้องมองไทเลอร์เงียบๆและปล่อยให้อีกฝ่ายเช็ดน้ำตาของตัวเองอย่างไม่ปฏิเสธ 


    "น่าอายชะมัดที่ฉันต้องมาร้องไห้ให้นายเห็นอีก..."


    นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่แอชเชอร์ เลสลีย์นั้นต้องมานั่งปล่อยน้ำตาที่ยากจะสะกดกลั้นของตัวเองให้เชส ไทเลอร์ได้เห็น แน่นอนว่านอกจากจะไม่มีคำพูดปลอบใจอะไรให้มากมายแล้ว และไทเลอร์เองก็ยังคงนั่งเงียบๆปล่อยให้เขาได้ร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย


    "อย่างน้อยก็ยังมีฉันที่คอยช่วยเช็ดน้ำตา" 


    แน่นอนว่าการที่มีใครสักคนอยู่ข้างๆนั้นมันสามารถช่วยเติมเต็มความรู้สึกอ้างว้างพวกนั้นได้อย่างไม่เหมือนทุกที ยามที่ต้องเจ็บปวดอยู่เพียงคนเดียว


    "นี่ฉันควรดีใจ?"


    "ก็คงทำนองนั้น..." ไทเลอร์ตอบ ในขณะที่ยอมปล่อยมือของแอชเชอร์ออกให้เจ้าตัวได้รู้สึกผ่อนคลายกว่าที่จะจับมือกับตนไปมากกว่านี้ 


    "แล้วถ้าเกิดว่ามันเป็นเพราะนายขึ้นมา.. ฉันควรทำยังไง"


    "ถ้ามันทำให้ฉันกับนายเข้าใจกันมากขึ้น ความเสียใจพวกนั้นมันคงไม่ได้เรียกว่าความเจ็บปวด.." หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ยังคงเอ่ยตอบอัลฟ่าแดนเหนืออย่างใจเย็น "แต่หากมันเป็นเพราะตัวฉันเองที่ทำให้นายต้องเจ็บปวด มันก็สุดแล้วแต่นายว่าจะตัดสินใจอย่างไร" 


    "นายไม่ควรเปิดช่องว่างให้ฉันมากขนาดนี้"


    "มันคือความเท่าเทียมกันต่างหากเลสลีย์..."


    "....."


    "เป็นคนของไทเลอร์.. ไม่ได้แปลว่านายจะต้องอยู่ภายใต้อำนาจฉันทุกอย่าง"


    "แล้วถ้าฉันสั่งให้นายจูบฉันตอนนี้ นายจะทำมันไหมไทเลอร์?" 


    "จะให้ฉันจูบในฐานะอะไรดีล่ะเลสลีย์..." เป็นอีกครั้งที่แอชเชอร์ถูกเจ้าของมือใหญ่นั้นเชยหน้าตัวเองขึ้นให้สบตาคู่คมของทรูอัลฟ่า 


    ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่ถูกสายตาดุคมของไทเลอน์นั้นไล่มอง มันก็ยังคงทำให้เลสลีย์รู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังเปลือยกายต่อหน้าไทเลอร์อยู่เสียทุกทีทั้งที่แท้จริงแล้วตัวเขานั้นสวมใส่เสื้อผ้าที่ปกปิดร่างกายตัวเองมากแค่ไหน..  แววตาลึกซึ้งที่ไล่มองไปทั่วเครื่องหน้านั่นก็พาให้พวงแก้มขาวยิ่งขึ้นซับสีจางลามไปถึงใบหูที่ร้อนฉ่า 


    ริมฝีปากหยักที่เคยป้อนจูบให้กับแอชเชอร์มานับครั้งไม่ถ้วน ยิ่งมองก็ยิ่งทำให้นึกถึงสัมผัสลึกซึ้งพวกนั้นอย่างห้ามไม่ได้...  


    "จูบในฐานะของคนที่ได้ครอบครองฉัน" 


    เชส ไทเลอร์ ไม่รู้หรอกว่าแอชเชอร์ เลสลีย์ เอ่ยคำพูดที่ลึกซึ้งนั้น มันตั้งใจมากน้อยกันเสียแค่ไหน แต่ในมุมของคนฟังนั้นมันก็อดทำให้ไทเลอร์นึกย้อนคิดไปถึงเรื่องราวระหว่างตนเองกับอัลฟ่าแดนเหนือในตอนนั้นอย่างเสียไม่ได้ 


    ความรู้สึกของการที่ได้ครอบครองอีกฝ่ายครั้งแล้วครั้งเล่ามันยังคงเป็นความอิ่มเอมและชวนให้อยากลิ้มลองมันอีกเรื่อยๆ กลิ่นหอมภายในห้องที่ลอยปะปนอยู่กับกลิ่นประจำตัวของทั้งคู่ก็คงเทียบไม่ได้กับกลิ่นกุหลาบดามัสก์ ที่กำลังเชิญชวนให้คนร่วมห้องนั้นได้เด็ดดมความหอมจากกลีบกุหลาบสูงค่า 


    "มันคงไม่ดีเท่าไหร่ถ้าจะให้ฉันจูบนายตอนนี้" 


    นิ้วหัวแม่มือของทรูอัลฟ่าหนุ่มไล้วนอยู่ใกล้ๆกับริมฝีปากสีระเรื่อเล่น ในขณะที่เอ่ยบอกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงรื่นหู 


    "หมายความว่านายจะไม่จูบ?" ดวงตาที่ยังคงแดงก่ำจากการร้องไห้เมื่อคู่ช้อนมองไทเลอร์อีกครั้ง ซึ่งนั่นก็คงไม่ห่างไกลจากคำว่าตัดพ้อเสียเท่าไหร่ 


    "จูบที่ปากหวานๆของนายไม่ได้ ใช่ว่าฉันจะจูบตรงอื่นไม่ได้เสียหน่อย.." 


    เจ้าของผิวสีแทนไม่ได้เอ่ยปากตอบคำถามคนตัวขาวเพิ่มอีกแต่อย่างใด นอกเสียจากจะดันตัวเองลงไปนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าอัลฟ่าแดนเหนือซึ่งนั่งอยู่บนปลายเตียงหลังใหญ่ ฝ่ามือสากของไทเลอร์แตะสัมผัสเบาๆบริเวณข้อเท้าเล็กซึ่งโผล่พ้นขึ้นมาจากกางเกงผ้าขายาวที่เลสลีย์คนเล็กสวมใส่ 


    "ไทเลอร์..." 


    เสียงนุ่มน่าฟังแทบกลืนหายไปในลำคอเสียจนหมด เมื่อการกระทำที่คาดไม่ถึงของไทเลอร์นั้นสร้างความตกใจให้กับเจ้าตัวจนแทบสิ้นสตินึกคิด 


    ความรู้สึกอุ่นร้อนจากริมฝีปากของเจ้าของใบหน้าดุคมที่เต็มไปด้วยร่องรอยบาดแผลนั้น ไล่ประทับจูบร้อนๆ ตั้งแต่ข้อเท้าเล็กไล่ลงมาจนถึงฝ่าเท้าขาวอย่างเชื่องช้า ภาพใบหน้าของคนที่มีอำนาจมากที่สุดในเดอะฮิลล์ที่แนบอิงใกล้ฝ่าเท้าขาวของอัลฟ่าแดนเหนือนั้นคงไม่ใช่ภาพหาง่ายที่ใครจะได้พบเห็น นอกเสียจากคนของไทเลอร์เท่านั้นที่จะมีสิทธิเห็น


    ใบหน้ารูปสลักที่พระเจ้าลำเอียงมอบให้กับอัลฟ่าแดนเหนือที่นั่งอยู่เหนือกว่านั้นยังคงงดงามไม่เปลี่ยนแปลง นัยน์ตาคู่สวยที่ทอดมองไทเลอร์นิ่งๆนั้นยังคงเย่อหยิ่งไม่ผิดแปลกไปจากครั้งแรกที่เคยได้พบเห็น  


    "หากยอมรับเกียรติของไทเลอร์แล้ว ต่อให้มากกว่านี้ฉันก็ทำมันให้นายได้แอชเชอร์" 









    ////////










    "ดูท่าทางแล้วไทเลอร์คงจะหวงเลสลีย์ไม่น้อย..." 


    ถ้อยคำที่เอ่ยออกมาจากปากคนสนิทของรีส เบลเลอมอนท์นั้นทำให้เจ้าของกลุ่มผมสีแดงสดพยักหน้ารับอย่างเห็นพ้องด้วย  ยิ่งลองย้อนคิดดูอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วก็ยิ่งทำให้ผู้ครองฟลัมยิ่งอยากจะสนทนากับแอชเชอร์ เลสลีย์ มากขึ้นเท่านั้น


    "สัญชาตญาณคงแรงไม่หยอก.." รีสไหวไหล่น้อยๆเพื่อไล่ความขบเมื่อยตามร่างกายของตน พลางเหล่มองคนสนิทที่กำลังตระเตรียมข้าวของทุกอย่างให้ตนเองอย่างถนัดมือ 


    "ปล่อยไว้แบบนี้จะยิ่งไม่เป็นปัญหาใหญ่กันหรือ?" 


    "ใครกันจะกล้าสอดมือเข้าไปยุ่งกับเรื่องของไทเลอร์ เกิดคลุ้มคลั่งเป็นหมาบ้าขึ้นมาคงได้เดือดร้อนกันไปหมดทั้งแดนใต้"


    รีส เบลเลอมอนท์เอ่ยติดตลกน้อยๆ เมื่อพูดถึงความบ้าคลั่งของเชส ไทเลอร์ ที่ใครๆต่างก็รู้ดีว่าไม่ควรสอดมือเข้าไปยุ่งเรื่องของหมอนี่  เพราะนอกจากที่จะไม่สนใจใครหน้าไหนแล้วหัวหน้าหน่วยไทเลอร์เองก็สามารถทำอะไรที่ทุกคนไม่คาดคิดได้เช่นกัน


    "เห็นได้ชัดว่ามันผิดกฎ เราควรจะทำอะไรสักอย่างมากกว่าที่จะมองอยู่เฉยๆ" ลาคลัน คาร์เตอร์ ยังคงเสนอความคิดที่พอจะหาทางออกของเรื่องนี้ให้เจ้านายของตัวเองได้ฟัง แต่ทว่านอกเสียจากรีส เบลเลอมอนท์จะไม่สนใจแล้วเจ้าตัวก็กลับทำหูทวนลมใส่กันเสียอีก 


    "รสชาติไวน์ของเดอะฮิลล์นี่ยังดีไม่เปลี่ยน ท่าทางว่าคราวนี้ฉันคงต้องคุยเรื่องนี้กับไทเลอร์จริงๆจังๆเสียที" 


    ลาคลันเองก็คร้านจะอธิบายอะไรต่อให้มากกว่าจึงเลือกที่จะจัดของต่อไปเงียบๆ และนั่นก็ทำให้รีสกระตุกยิ้มน้อยๆ เชื่อเถอะว่าถ้าเป็นเชส ไทเลอร์ ได้มายืนสนทนากับรีสในตอนนี้คงได้เปิดปากฉะกันไปแล้ว แต่เพราะนี่เป็นลาคลันที่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไร ถึงทำให้รีสนั้นพออกพอใจอยู่ทุกครั้งไป

     
    แต่ก่อนที่ลาคลันจะได้เดินออกไปจากห้องเมื่อจัดการทุกอย่างให้คนเป็นนายเสร็จ รีส เบลเลอมอนท์ก็กลับมีคำถามประหลาดที่น่าขบคิดให้ปวดหัวเสียอย่างนั้น


    "นายศรัทธาในพระเจ้าแค่ไหนกันลาคลัน?"


    "...."


    "นายว่าคนเราจะสามารถศรัทธาได้มากพอที่จะไม่ก้าวข้ามศีลธรรมได้หรือเปล่า" 


    "เรื่องบางเรื่องแค่ใช้ความรู้สึกของตัวเราเอง มันก็น่าจะเป็นเหตุผลที่มากพอกว่าความเชื่อในพระเจ้า" ลาคลันเอ่ยตอบตามที่คิด แม้จะมีความลังเลในคำตอบไม่น้อยก็ตาม 


    "นั่นแสดงว่านายไม่ศรัทธาในพระเจ้างั้นหรือ ถึงคิดว่าความรู้สึกของตัวเองมันถูกต้อง?"


    "ทุกอย่างย่อมมีข้อยกเว้น ไม่มีทางเป็นไปได้ที่เราทุกคนจะศรัทธาในพระเจ้า และมันก็ไม่เคยมีกฎข้อไหนเคยบอกนี่ว่ามันเป็นเรื่องผิด" 


    "แบบนี้เองสินะ..." 


    ใจเด็ดไม่เบาเลยสินะเชส ไทเลอร์...


    รอยยิ้มเย็นที่ถูกจุดขึ้นมาบนมุมปากของรีส เบลเลอมอนท์ นั้นหากใครได้พบเห็นก็คงต้องรู้สึกเสียวสันหลังวาบกันเป็นแถวแน่นอน


    "หากนายท่านไม่มีอะไรแล้ว คงต้องขอตัว.." 


    "ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง" รีสเอ่ยขัดขึ้น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนสนิทที่ยังคงยืนตีหน้านิ่งสนิทรับฟังคำถามของตัวเองอย่างตั้งใจ  


    "?"


    "ฉันอยากเขียนจดหมายหาใครสักคนหนึ่งที่แดนเหนือ นายพอจะหาวิธีได้ไหมลาคลัน" 









    HASTAG #youngmastermn 








    TALK : คุณเชสเขาชัดเจนขนาดนี้แล้วนายน้อยจะใจแข็งไหวจริงๆหรือคะ? แงแอ ตอนแรกตั้งใจว่าจะลงพาร์ทของเบลเลอมอนท์ให้หมด แต่ขอตัดรวบยอดไปตอนหน้าแล้วกันนะคะไม่งั้นมันจะต้องโยงไปอีกยาวมากๆ อันนี้เอาพอกรุบกริบไปก่อนแล้วกันเนอะ 

    ประกาศๆๆ : ใครที่สนใจทำแบบสำรวจรวมเล่ม Young Master สามารถติดตามรายละเอียดได้ทางทวิตเตอร์ @ninezexsky เลยนะคะ เดี๋ยวเราจะทวิตและเฟบไว้ใน Like ให้นะคะ




















     






Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in