หยาดฝนเม็ดโตจากฟากฟ้าด้านบนตกกระทบลงบนผืนดินและสิ่งปลูกสร้างจนเกิดเสียงดังอื้ออึงผสมไปกับเสียงฟ้าที่ยังคงแปรปรวน แรงพัดของลมยังคงโหมกระหน่ำเข้าใส่เดอะฮิลล์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ต่างจากสถานการณ์ในเดอะฮิลล์ที่กำลังปั่นป่วนจนเรียกได้ว่าแทบจะรับมือไม่ไหว
อัลฟ่านับร้อยที่ได้กลิ่นโอเมก้านั้นต่างเริ่มเสียสติในการควบคุมตนเองจนยากที่จะจัดการ แต่ก็ยังนับว่าโชคดีที่อัลฟ่าส่วนใหญ่นั้นจะมียาระงับติดตัวอยู่เสมอจึงทำให้เหตุการณ์น่าวุ่นวายไม่ได้หนักหนาขนาดที่จะห้ามไว้ไม่ได้ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่วุ่นวายเสียเมื่อไหร่ เพราะยาระงับที่อยู่ในหน่วยพยาบาลเองก็ต้องถูกเอาออกมาใช้ไปไม่น้อย
ตัวต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดอย่างโอเมก้าสาวแดนใต้เองก็ถูกสั่งให้เก็บตัวอยู่ในห้องที่ปิดล็อคอย่างแน่น
หนาหลังจากที่ได้ยาระงับอาการฮีทแบบฉุกเฉินเข้าไป
แพทย์หนุ่มอย่างเอริคถึงกับขบกรามแน่นเมื่อเห็นภาพชุลมุนวุ่นวายตรงหน้าของตัวเอง ทั้งอัลฟ่าและเบต้าต่างวิ่งกันให้วุ่น บ้างก็พยายามยื้อยุดฉุดกระชากเพื่อนของตัวเองที่เกิดอาการรัทบ้าง บ้างก็กำลัง
ช่วยกันฉีดยาระงับฉุกเฉินด้วยความทุลักทุเล
หยดน้ำที่เกาะพราวตามใบหน้า ลามไปถึงไหล่กว้างที่อยูุ่ภายใต้ชุดสีสะอาด ทำให้เมอร์เรย์รู้สึกรำคาญไม่น้อย พายุฝนที่เทกระหน่ำคือปัญหาที่สร้างความลำบากให้กับการช่วยเหลือคนในหน่วยยากขึ้นไปอีก ทั้ง
ลูฟ ทั้งโจชัวเองที่พึ่งวิ่งกระหืดกระหอบกลับมาก็มีสภาพเปียกปอนไม่ต่างกันสักเท่าไหร่
มิหนำซ้ำทั้งสองคนนั่นก็ได้บาดแผลมาเป็นร่องรอยประดับร่างกาย ซึ่งถ้าจะให้เอริคเดาแล้วก็คงไม่พ้นจะได้เจออัลฟ่าที่กำลังคลุ้มคลั่งอยู่เป็นแน่
"ฉันคิดแล้วว่าจะต้องเกิดเรื่องวุ่นวาย แล้วมันก็เกิดขึ้นจริงๆ" ลูฟดูท่าทางหัวเสียไม่น้อยเมื่อเห็นสภาพคนในหน่วยที่เละเทะจนเรียกได้ว่าเป็นปัญหาที่ต้องจัดการให้เด็ดขาดอย่างจริงจัง
"ใจเย็นๆน่าลูฟ" โจชัวบีบบ่าของเพื่อนสนิทที่กำลังหงุดหงิดให้อารมณ์เย็นลง แต่นั่นก็คงไม่ได้ช่วยให้ลูฟใจเย็นเลยสักนิด
"แล้วเชสไปไหน? ปกติแล้วถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ หมอนั่นจะต้องเป็นคนแรกที่โผล่มาด้วยซ้ำ"
เมื่อลูฟเอ่ยถึงหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ขึ้นมา ก็ทำให้ทั้งเอริคและโจชัวต่างฉุกคิดขึ้นมาได้ว่ามีใครบางคน
หายไป ทั้งที่ในความจริงเชส ไทเลอร์ ไม่สมควรจะหายไปด้วยซ้ำ นอกเสียจาก...
"อย่าบอกนะ ว่าอลิสตั้งใจฮีทใส่เชส?" ลูฟเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิด ความไม่ชอบในตัวโอเมก้าสาวนั่นที่มีอยู่เป็นทุนเดิมทำให้ลูฟไม่สามารถคิดอะไรที่ดีกว่านี้ไปได้อีก
"ใช่... เธอตั้งใจทำแบบนั้น" เอริคที่แวะไปดูอาการของอลิเซียมาก่อนหน้านี้เอ่ยตอบอย่างปลงๆ "แต่ไม่เกิดอะไรขึ้นทั้งนั้นล่ะ ไม่งั้นแม่นั่นคงไม่โดนไล่ตะเพิดออกจากบ้านกลับมาที่บ้านพักขนาดนั้น"
"นายว่าไงนะริค!"
เป็นโจชัวที่ร้องถามหมอหนุ่มด้วยความตกใจ ก่อนจะหันไปมองลูฟที่กำลังทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
"เท่าที่ฉันรู้คืออลิสไปหาเชสที่บ้าน..."
"เวรเอ้ย ให้มันได้แบบนี้สิวะ!" ลูฟสบถลั่นก่อนจะรีบวิ่งออกไปจากส่วนกลางของหน่วย โดยไม่สนใจฝนที่กำลังตกกระหน่ำ ท่ามกลางความตกใจของเมอร์เรย์ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วย ว่าอะไรที่ทำให้เชอร์ชิลกล้าวิ่งฝ่าฝนที่กำลังตกหนักนั้นออกไป
"เดี๋ยวก่อนสิลูฟ นายจะไปทั้งแบบนั้นได้ยังไง!!" โจชัวตะโกนไล่หลังคนที่วิ่งออกไปด้วยความตกใจ เมื่ออยู่ๆเพื่อนสนิทก็หุนหันพลันแล่นออกไป
"หมอนั่นจะไปไหน?"
"ไปหาเชส! ป่านนี้เลสลีย์จะไปยังไงบ้างก็ไม่รู้ ฉันไม่น่าปล่อยให้หมอนั่นกลับไปที่บ้านเลย ให้ตายเหอะ!"
"เลสลีย์ไม่ได้อยู่กับนายสองคนหรือ?"
"ฉันกับลูฟออกไปทำงานมา ส่วนเลสลีย์น่ะ พวกฉันสองคนให้กลับไปก่อนตั้งแต่ก่อนที่ฝนจะตกด้วยซ้ำ"
ไม่ต้องให้โจชัวได้อธิบายอะไรต่อเอริคก็สามารถปะติปะต่อเรื่องราวทั้งหมดได้อย่างรวดเร็ว ลำพังตัว
หมอหนุ่มเองก็คิดด้วยความเคยชิน ว่าเลสลีย์นั้นจะต้องอยู่กับโจชัวไม่ก็ลูฟ เพราะโดยปกติแล้วเลสลีย์เองก็มักจะขลุกตัวอยู่กับสองคนนี้เป็นประจำ
"ฉันว่าเราควรจะรีบไป"
"นายอย่าลืมสิว่าเชสเองก็มียา.. ฉันว่าไม่น่าจะเกิดเรื่องแบบที่นายกังวลหรอกนะ" เมอร์เรย์ใช้เหตุผลที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด
"ถ้าฉันไม่ความจำสั้น เชสพึ่งบ่นกับฉันไปเมื่อวานว่ายาระงับหมด ถ้าให้เดาล่ะก็ฉันว่าหมอนั่นคงยังไม่ได้แวะมาเอายาที่นายหรอกจริงไหม?"
มันก็จริงอย่างที่โจชัวว่าจริงๆ เพราะตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้เอริคเองก็ยังไม่ได้เจอกับหัวหน้าหน่วยเลยสักนิด
"ถ้าเกิดเลสลีย์เป็นอะไรขึ้นมา หมอนั่นต้องเอาฉันตายแน่ๆ" เมอร์เรย์ว่าอย่างหัวเสีย และหมอนั่นที่เจ้าตัวว่าก็คงไม่พ้นคุณชายเลสลีย์ ที่ตัวเอริคเองพึ่งจะได้พบเจอไปเมื่อไม่นานมานี้
"ก่อนคิดว่าตัวเองจะตาย ฉันว่าเราควรรีบตามลูฟไปก่อนจะดีกว่า"
ถ้าโชคยังเข้าข้างแอชเชอร์บ้าง เอริคก็ขอภาวนาให้ไม่เกิดอะไรขึ้นกับเลสลีย์คนเล็กอย่างที่หวังไว้
แต่ทว่าทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่เอริคภาวนาไว้ ทั้งโจชัวและเอริคที่วิ่งตามลูฟมาที่บ้านของหัวหน้าหน่วยทีหลังนั้นได้แต่ยืนทอดมองแผ่นหลังกว้างของลูฟที่หยุดยืนนิ่งอยู่บริเวณหน้าบ้าน แม้เสียงของฝนที่ตกนั้นจะรุนแรงแค่ไหนแต่แว่วเสียงที่เล็ดลอดออกมาจากบ้านก็ทำให้ทุกคนต่างหยุดนิ่งไปเหมือนกันหมด
กลิ่นประจำตัวของเชสที่เจ้าตัวตั้งใจปล่อยออกมาเพื่อแสดงอาณาเขตและสื่อความหมายโดยนัยที่อัลฟ่าด้วยกันเองต่างรู้ดีว่าไม่ควรเข้าไปล้ำเส้นของอัลฟ่าที่กำลังรัทอย่างเต็มที่
พวกเขามาช้าเกินไป.. ช้าเกินกว่าที่จะดึงตัวของเลสลีย์ให้ออกห่างจากไทเลอร์
"เราแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วลูฟ.." โจชัวที่เห็นเพื่อนสนิทยังยืนนิ่งก็ได้แต่เดินเข้าไปตบไหล่ของลูฟ ซึ่งอัลฟ่า
ร่างสูงก็ยังคงเงียบ
"ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้.."
"เราทุกคนต่างก็ไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดทั้งนั้น" สายฝนเย็นฉ่ำแม้จะบดบังการมองเห็นไปบ้างแต่โจชัว
เองก็ยังคงมองเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความขมขื่นของลูฟ
"มันไม่ควรเกิดขึ้นอีกไม่ว่าจะกับใคร..."
"ทำใจเถอะลูฟ ถึงเข้าไปตอนนี้มันก็ไม่ได้ช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้นมา" เอริคว่าก่อนจะก้มลงมองเท้าของตัวเองด้วยความรู้สึกผิดเช่นกัน
"ยัยนั่นต้องรับผิดชอบเรื่องนี้" ยัยนั่นที่ว่าก็คงหนีไม่พ้นอลิเซียที่เป็นตัวปัญหา "เพราะโอเมก้านั่นที่ทำให้เราต้องวุ่นวายกันไปหมด ฉันไม่แปลกใจเลยจริงๆว่าทำไมเชสถึงกันพวกตัวปัญหานั่นหนักหนา"
"ลูฟ..."
โจชัวเข้าใจดีว่าลูฟนั้นรู้สึกอย่างไร แม้จะไม่ใช่หัวหน้าหน่วยแต่ลูฟเองก็มีสถานะไม่ได้น้อยไปกว่าใคร เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันทำให้คนที่รับผิดชอบอะไรหลายอย่างอดแค้นเคืองไม่ได้
"นายคิดว่าเชสจะยอมปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆงั้นหรือ นายก็รู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันคือ
ความผิดพลาดซ้ำสอง"
"...."
ใช่.. มันไม่ผิดจากที่ลูฟว่าเลยสักนิด ความผิดพลาดในรูปแบบเดิมที่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง มันไม่น่าให้อภัยเลยสักนิดเดียว
"ไม่ว่าจะเลสลีย์คนไหน พวกเขาก็ไม่ควรต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้" /////
ฟ้าฝนที่กำลังโหมกระหน่ำทำให้แสงสว่างจากด้านนอกเพียงน้อยนิดนั้นไม่สามารถช่วยให้ภายในห้องสว่างสักได้อย่างที่ควร เตาผิงในห้องนอนนั้นเองก็ยังคงไม่ถูกแตะต้องแต่อย่างใด ในเมื่อเจ้าของห้องไม่แต่จะสนใจเรื่องความอบอุ่นภายในห้องเลยสักนิด
ความชื้นจากฝนที่ตกกระหน่ำคงไม่อาจเทียบเท่ากับความชื้นของลิ้นร้อน ที่เกี่ยวกระหวัดกันไปมาจนเกิดเสียงตามจังหวะของริมฝีปากของอัลฟ่าแดนเหนือและทรูอัลฟ่าหนุ่มที่กำลังลิ้มลองของหวานรสเลิศตรงหน้า เสียงหอบหายใจหนักสลับกับเสียงบดจูบที่เคล้าคลอสลับกันไปมา ไม่ต่างจากเนื้อผ้าบนร่างกายของอัลฟ่าแดนเหนือและทรูอัลฟ่าที่เสียดสีกันจนเจ้าของผิวขาวซีดนั้นได้ร่องรอยแดงมาแต่งแต้มบนร่างกาย
จูบลึกซึ้งครั้งแล้วครั้งเล่าที่ต่างมอบให้แก่กันซ้ำๆ ยังคงมัวเมาให้ต่างฝ่ายต่างโหยหาสัมผัสซึ่งกันและกันจนยากที่จะหักห้าม จิตใต้สำนึกที่สมควรรู้สึกผิดชอบชั่วดีนั้นถูกกดให้ต่ำลงเข้าไปอีกเมื่อทุกอย่างไม่ได้ถูกควบคุมด้วยสมอง แต่กลับถูกควบคุมด้วยสัญชาตญาณที่ปลุกสันดาบดิบ
แรงกอดรัดและกลิ่นไม้สนซีดาร์ที่เริ่มเข้มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้อัลฟ่าแดนเหนือกระวนกระวายและรู้สึกตื่นกลัวอย่างบอกไม่ถูก ลมหายใจร้อนระอุรินรดบริเวณผิวเนื้ออ่อนตรงซอกคอขาวที่มีกลิ่นหอมกรุ่นของดอกกุหลาบดามัสก์ลอยฟุ้ง นัยน์ตาสีอ่อนของเชส ไทเลอร์ ยังคงฉายแววดุดันไม่เปลี่ยนในขณะที่ไล่สำรวจความงดงามของอัลฟ่าแดนเหนือที่อยู่ใต้ร่างของตนเอง
ผิวเนื้อนวลเนียนของเลสลีย์แท้จริงแล้วนั้นบอบบางไม่แพ้กับกลีบดอกไม้ที่สวยงาม ความสวยงามที่มองได้เห็นจากภายนอก ยังคงเทียบไม่ได้กับสิ่งที่กลีบดอกไม้นั้นห่อหุ้มความงดงามที่แท้จริงเอาไว้
กลิ่นหอมชวนน่าหลงใหลประจำตัวของร่างขาวเองก็ไม่ต่างจากตัวกระตุ้นชั้นดีที่ทำให้ไทเลอร์ยิ่งรู้สึกขาดสติ
ความปราถนาที่อยากจะครอบครอง ไม่ต่างจากอีกฝ่ายที่ต้องการเติมเต็ม...
เส้นผมสีสว่างที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อไล่ปรกตามใบหน้ารูปสลัก จนเป็นทรูอัลฟ่าหนุ่มเอื้อมมือมาปัดเส้นผมที่บดบังใบหน้ากระจ่างให้พ้นทาง นัยน์ตาคู่สวยที่ไทเลอร์เคยนึกชมอยู่ในใจเสมอนั้นฉ่ำเยิ้มพาลให้รู้สึกถูกเชิญชวนเสียจนน่ารังแก
ทุกอย่างที่เป็นแอชเชอร์ เลสลีย์ กำลังเข้ามามีอิทธิพลกับความรู้สึกของเชส ไทเลอร์
"นายกำลังทำให้ฉันคลั่งจนแทบบ้า.."
เจ้าของใบหน้าคมที่กำลังซุกไซ้อยู่บริเวณซอกคอขาวเอ่ยเสียงพร่า กลิ่นหอมอ่อนๆที่ชวนให้ยิ่งอยาก
สัมผัสร่างกายของอีกฝ่ายเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนอดไม่ได้ที่จะสร้างร่องรอยไว้เป็นหลักฐานบนผิวกายสีหิมะ
ยามใดที่ริมฝีปากร้อนของไทเลอร์ลงแรงกับผิวกายขาวของนายน้อยแดนเหนือ ยามนั้นไทเลอร์เองก็จะได้รับแรงบีบหนักที่ช่วงต้นแขนจากเจ้าของผิวขาว ไม่นับกับเสียงครางอื้ออึงในลำคอที่หลุดออกมาให้ได้ยินอยู่เนืองๆ
"ดะ ได้โปรด.."
เจ้าของดวงตาคู่สวยร้องขอออกมาอย่างทรมานเมื่อรับรู้แล้วว่าร่างกายของตัวเองนั้นคงทนไม่ไหวอีกต่อไป ทั้งไม่เคยรับมือ ไม่เคยเรียนรู้ที่จะควบคุม ทุกอย่างมันกำลังชี้นำให้แอชเชอร์ต้องเลือกเดินไปในทางรอดที่เหลือเพียงทางเดียว
มือเรียวสวยของอัลฟ่าแดนเหนือยกขึ้นมากอบกุมใบหน้าคมของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ด้วยแรงที่เหลือของตัวเอง ความดุดันที่แสดงออกมาให้เห็นของไทเลอร์แม้จะน่าหวาดกลัวแต่กลับเป็นตัวดึงดูดทำให้แอชเชอร์รู้สึกต้องการอย่างช่วยไม่ได้
เขาปฏิเสธตัวเองไม่ได้จริงๆว่าต้องการเชส ไทเลอร์...
"ดะ ได้โปรดครอบครองฉัน.."
"ถึงนายไม่ขอ ฉันก็คงไม่ปล่อยนายเหมือนกัน"
คำตอบของเชส ไทเลอร์ เองก็ชัดเจนเสียจนไม่ต้องหาคำอะไรมาอธิบายให้มันมากความ
เสื้อผ้าที่เคยปกปิดร่างกายของร่างขาวซีดถูกถกถอดออกมาจนเหลือแต่เพียงร่างกายเปลือยเปล่าในเวลาไม่กี่วินาทีด้วยฝีมือของทรูอัลฟ่าหนุ่ม แรงกระชากนั้นเองก็ยังคงสร้างร่องรอยแดงของผิวผ้าที่บาดเข้ากับผิวเนื้อนวลให้ขึ้นสี ไม่ต่างจากใบหน้าขาวที่เห่อร้อนจนกลายเป็นสีระเรื่อ ร่างกายแข็งแรงของทรูอัลฟ่าที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อได้รูปโถมลงมาคร่อมทับอัลฟ่าแดนเหนือจนร่างกายของทั้งคู่แนบชิดกันเสียไปหมดทุกสัดส่วน
ผิวกายสีเข้มของทรูอัลฟ่าหนุ่มยังคงตัดกันได้ดีกับผิวขาวซีดราวกับหิมะในแดนเหนือของแอชเชอร์..
ฝ่ามือขาวจิกกำผ้าปูที่นอนสีเข้มก่อนจะเชิดหน้าหลับตาพริ้มเมื่อริมฝีปากร้อนของไทเลอร์นั้นลากไล้ไปตามร่างกาย ไล่ตั้งแต่แผ่นอกที่ประดับด้วยยอดอกสีอ่อนซึ่งกลีบปากหยักนั้นไล่ขบดูดจนแข็งคัด ซ้ำยังขบกัดเสียจนขึ้นสีแดงช้ำตัดกับผิวขาวอย่างไม่กลัวว่าการกระทำของตัวเองนั้นจะทำให้เลสลีย์นั้นบอบช้ำ
"อื้อ..."
กลุ่มผมของไทเลอร์คลอเคลียอยู่บริเวณหน้าท้องบางที่ประดับด้วยลอนกล้ามเนื้อในยามริมฝีปากร้อนของเจ้าตัวไล่ซุกไซ้ จูบประทับไปตามหน้าท้องของเลสลีย์คนเล็ก ขาเรียวยาวถูกจับให้ขยับแยกออกกว้างในทันทีก่อนที่ปลายลิ้นร้อนซึ่งชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำลายจะแตะต้องลงบนจีบพับสีอ่อนซึ่งยังคงปิดสนิท ซึ่งในอีกไม่นานก็คงจะได้มีบางสิ่งนั้นเข้าไปสัมผัส
รสสัมผัสที่ไม่ต่างจากการลิ้มลองทีละนิดทำให้คนตัวขาวบิดเร้าอยู่บนเตียงกว้าง ขาสวยที่ถูกขยับให้แยกออกกว้างนั้นสั่นระริกเมื่อไทเลอร์เปลี่ยนจากการใช้ลิ้นร้อนนั้นเป็นนิ้วสากสอดแทรกเข้าไปในร่างกายส่วนที่แม้แต่แอชเชอร์เองก็ไม่เคยได้เข้าไปสัมผัส จากหนึ่งเป็นสองขยับเข้าออกจนเอวได้รูปของเลสลีย์
นั้นกระดกรับนิ้วมือนั้นอย่างห้ามไม่ได้
เปลือกตาสีอ่อนเปิดขึ้นมามองภาพร่างกายของตัวเองที่กำลังถูกควบคุมโดยทรูอัลฟ่าทั้งน้ำตาที่หยดลงมาเปรอะเปื้อนใบหน้า
ทรมาน...ทรมานเสียจนไม่อาจจะบรรยายได้ว่ามันทรมานมากแค่ไหน
ทรูอัลฟ่าหนุ่มลอบเลียริมฝีปากของตัวเองในขณะที่สายตาคมยังคงจดจ้องที่ส่วนหวงห้ามสีระเรื่อซึ่งเริ่มจะกลายเป็นสีแดงช้ำขึ้นเมื่อถูกนิ้วมือของตัวเองเข้าสำรวจภายในที่คับแน่น
ริมฝีปากร้อนยังคงทำหน้าที่ไล่จูบไปตามผิวสีหิมะอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ไล่ตั้งแต่ช่วงขาเรียวสูงขึ้นมาจนถึงต้นขาอ่อนที่เป็นผิวบอบบาง ขบดูดสร้างรอยตีตราไว้จนเป็นเจ้าของร่างขาวเองที่ต้องเลื่อนมือมาขยุ้มเส้นผมสีอ่อนของทรูอัลฟ่าเพื่อระบายความรู้สึกน่าประหลาด
ริมฝีปากที่เม้มเข้าหากันแน่นเพื่อสะกดกลั้นเสียงครวญครางอันน่าละอาย กลับหลุดออกมาในทันทีเมื่อเจ้าของผิวสีแทนนั้นดันข้อพับเข่าสีชมพูอ่อนนั้นจนแนบชิดกับแผ่นอกที่ชุ่มไปด้วยน้ำสีใสจากการถูกลิ้มลองเมื่อก่อนหน้า
นิ้วสากที่เคยเข้าไปสำรวจภายในช่องทางคับแน่นถูกดึงออกมา ก่อนจะแทนด้วยลิ้นร้อนที่ฉวยลงไปหยอกล้อกับส่วนนั้นให้ร่างขาวได้ตัวสั่นเล่น ในขณะที่ฝ่ามือสากเองก็เลื่อนขึ้นไปรูดรั้งส่วนร้อนผ่าวที่ต้องการได้รับการปลดปล่อยของอัลฟ่าแดนเหนือจนในที่สุดแอชเชอร์เองก็กระตุกเกร็งก่อนที่จะคายของเหลวสีขาวขุ่นออกมาจนเลอะเทอะไปทั่วหน้าท้องและมือของทรูอัลฟ่าหนุ่ม
ตัวหล่อลื่นชั้นดีที่มาจากร่างขาวนั้นไหลย้อนลงมาเปรอะเปื้อนจีบทางสีอ่อนจนกลายเป็นภาพที่ยากจะละสายตา ดวงตาคู่สวยยังคงช้อนมองทุกการกระทำของทรูอัลฟ่าที่ร่างกายของตัวเองนั้นเรียกร้องอยากจะถูกครอบครอง
เชส ไทเลอร์ ขยับตัวออกห่างจากร่างขาวนิดหน่อย ก่อนที่จะจัดการร่างกายของตัวเองบ้างเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการสัมผัสที่ลึกซึ้งมากกว่าเดิม
ขนาดไม่ธรรมดาที่เป็นรูปเป็นร่างอย่างชัดเจนอยู่กลางลำตัวของทรูอัลฟ่าผิวสีแทน ทำให้แอชเชอร์ถึงกับรีบช้อนตาขึ้นมองใบหน้าดุคมที่ยังจ้องมองตัวเองด้วยแววตาเรียบนิ่ง ไม่ต่างจากผู้ล่าที่กำลังรอคอยการขย้ำของเหยื่อที่หมดสิ้นฤทธิ์
ความร้อนผ่าวของทรูอัลฟ่าหนุ่มถูกดันเข้าไปในจีบพับสีระเรื่อที่ถูกเบิกทางไว้ก่อนหน้า แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยให้ความฝืดเคืองลดน้อยลงแต่อย่างใด ด้วยสรีระและพื้นฐานของร่างกายที่ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อรองรับการถูกกระทำก็ทำให้ทุกอย่างนั้นช่างยากลำบาก
ทุกวินาที ทุกความรูุ้สึกของร่างกายที่สัมผัสกัน มันคงจะฝังลึกเข้าไปในสมองของแอชเชอร์อย่างไม่มีวันลบลืม
แม้จะไม่อยากรุนแรงกับร่างกายของอัลฟ่าแดนเหนือ แต่ไทเลอร์เองก็ไม่สามารถหักห้ามอาการรัทของตัวเองได้ ยิ่งร่างกายของเลสลีย์ตอดรัดตัวตนของไทเลอร์มากเท่าไหร่มันก็ยิ่งทำให้ทรูอัลฟ่าหนุ่มนั้นอยากจะเข้าไปในร่างกายของอีกคนให้ได้มากเท่านั้น
มากจนกว่าจะเติมเต็มซึ่งกันและกัน...
"อีกนิดเลสลีย์.. ให้ฉันเข้าไปอีกนิดนะคนดี"
ฝ่ามือใหญ่ปาดเม็ดเหงื่อที่ไหลซึมบนกรอบหน้างดงามออก ก่อนที่จะกระซิบคำหวานแล้วก้มลงไปมอบจูบดุดันที่แทบจะทำให้แอชเชอร์ขาดใจจนท่อนแขนขาวนั้นเลื่อนขึ้นมาโอบรัดรอบคำคอทรูอัลฟ่าหนุ่มแน่น
"อ๊ะ.. ทะ ไทเลอร์ เข้ามา อื้อ"
ไทเลอร์ละริมฝีปากออกจากปากหวานๆของเลสลีย์ ก่อนจะไล่พิจารณาร่างขาวที่นอนเอนกายเชื้อเชิญตัวเอง ไล่ตั้งแต่ดวงตาคู่สวยที่ปรือปรอยมองมานั้นมันสร้างเสน่ห์ที่เย้ายวนเสียจนน่าย่ำยี พวงแก้มขาวที่เห่อร้อนนั่นก็น่ากดจมูกลงไปซ้ำๆ แต่ก็คงไม่เท่ากลีบปากบางที่เชส ไทเลอร์ ลิ้มลองมันมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
เลสลีย์ตัวขาวผวาขึ้นมากอดไทเลอร์แน่นเมื่อสะโพกสอบดันท่อนเนื้อร้อนเข้าไปในร่างกายของอีกฝ่ายได้จนหน้าท้องแกร่งนั้นแนบชิดไปกับก้นกลมที่ลอยเด่นเมื่อข้อพับถูกดันไปแนบชิดอก
ถ้าหากนี่เป็นภาพวาด ก็คงเป็นภาพวาดที่อีโรติคที่สุดจนไม่อาจให้ใครได้ชมความงดงามนี้...
เสียงร้องครางระงมดังขึ้นแข่งกับสายฝนที่เทกระหน่ำด้านนอกเสียงจนฟังไม่ได้ศัพท์ เมื่อสะโพกสอบตอก
อัดขนาดไม่ธรรมดาของตัวเองเข้าหาช่องทางคับแน่นด้วยจังหวะถี่ระรัวจนหัวกลมสั่นคลอน กายขาวที่ถูกดันให้นอนราบไปกับผืนเตียงนั้นสั่นสะท้านไปตามแรงสัมผัส ในขณะที่ฝ่ามือขาวนั้นยังคงจิกกำผ้าห่มบนที่นอนแน่นเพื่อระบายความเสียวซ่าน
เสียงครางต่ำในลำคอที่แสดงออกถึงความพึงพอใจของทรูอัลฟ่าหนุ่มนั้นก็ไม่ต่างจากเสียงคำรามของสัตว์ตัวใหญ่ เสียงน่าฟังของอัลฟ่าแดนเหนือกรีดร้องออกมายามไทเลอร์ตอกอัดความรุ่มร้อนเข้าไปจนสุด ถูกตอบสนองด้วยเอวคอดที่แอ่นรับทุกแรงที่ถูกส่งมา
เส้นเลือดตามร่างกายของเจ้าของผิวสีแทนขึ้นชัดเจนไปเสียหมด ไม่ว่าจะเป็นตามลำคอแกร่งที่กำลังเชิดขึ้นเพราะความรู้สึกที่ขึ้นสูง หรือ จะเป็นตามท่อนแขนแกร่งที่โอบรัดร่างกายขาว ลามไปจนถึงช่วงเชิงกรานที่ขยับสอบเข้าหาเลสลีย์เองก็เช่นกัน
สีหน้าเย่อหยิ่งที่มักจะแสดงออกเป็นปกติของเลสลีย์นั้นแปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่เย้ายวนพาลให้คนมองถูกล่อลวงเข้าไปติดกับซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ความเยือกเย็นของอัลฟ่าแดนเหนือคงไม่พ้นถูกหลอมละลายด้วยความร้อนผ่าวของทรูอัลฟ่าแดนใต้จนหมดสิ้น ร่างกายที่สัมผัสกันอย่างลึกซึ้งและแนบแน่นคงเป็นตัวบ่งบอกได้ดีว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันคือเรื่องจริงซึ่งใครก็ไม่อาจปฏิเสธได้
"ถ้ามากกว่านี้.. นายจะว่ายังไง" ริมฝีปากร้อนเอ่ยกระซิบข้างใบหูแดงก่ำของร่างขาว ในขณะที่พลิกร่างของเลสลีย์ให้ซุกซบไปกับหมอนใบใหญ่จนเผยให้เห็นแผ่นหลังขาวนวลและสะโพกอวบ "ฉันหยุดไม่ได้ นายก็น่าจะรู้"
"เท่าที่นายต้องการ.. อื้อ กอดฉันจนกว่านายจะพอใจ"
จีบพับสีแดงก่ำที่มีคราบน้ำสีขาวขุ่นไหลย้อนออกมาไม่อาจปิดสนิทเหมือนเคย ถูกตัวตนของไทเลอร์สอดใส่เข้าไปอีกครั้ง ซึ่งในความรู้สึกของคนที่รองรับนั้นก็รู้สึกถึงสัมผัสที่ลึกซึ้งและแนบแน่นยิ่งกว่าเดิมจนไม่อาจห้ามเรียวขาของตัวให้เลิกสั่นเทาได้
"ทุกอย่างที่เป็นนายมันงดงามไปหมดเลสลีย์"
ทั้งข้อศอกและหัวเข่าสีชมพูอ่อนของกายขาวที่โก่งโค้งรอรับแรงกระแทกจากด้านหลังนั้นเสียดสีไปกับ
ผืนเตียงจนกลายเป็นสีเข้ม ในขณะที่ทรูอัลฟ่าหนุ่มเองก็ไม่ได้ลดแรงที่กระทำลงแม้แต่น้อย พายุที่โหมกระหน่ำด้านนอกมันก็ไม่ต่างจากพายุอารมณ์ของทั้งคู่ที่กำลังสาดซัดจนกว่าจะพังทลาย
ไม่ว่าจะบีบขยำตรงไหนในร่างกาย ผิวกายเนียนลื่นก็พร้อมจะสู้มือสากไปเสียหมด แม้ไม่ได้นุ่มนิ่มไปเสียทุกส่วนแต่ความรู้สึกที่เต็มไม้เต็มมือนั่นต่างหากที่น่าหลงใหล
"ระ แรงไป อ๊า ชะ เชส อื้ออ" มือขาวยื่นมามาดันหน้าท้องแกร่งอย่างสะเปะสะปะเมื่อรู้สึกถึงความรุนแรงของทรูอัลฟ่าหนุ่มที่เพิ่มมากขึ้น แต่ทว่ามันก็กลับไม่เป็นผลเพราะนอกจากจะไม่ลดแรงที่กระทำลงแล้ว ช่วงเอวสอบก็กลับดึงตัวตนของตัวเองออกไปทั้งๆที่ยังไม่ถึงจุดสูงสุด
ทรูอัลฟ่าหนุ่มถอยไปหยุดยืนที่ปลายเตียงก่อนจะมองใบหน้าของแอชเชอร์ที่แสดงออกถึงความทรมานอย่างปิดไม่มิด กายขาวพลิกตัวกลับมานั่งพิงหัวเตียงทอดมองคนที่ยังยืนมองตัวเองด้วยสายตาขอความอ้อนวอน
"ชะ เชส.."
หยาดน้ำตาอุ่นไหลรินหล่นลงมาจากดวงตาคู่สวยในทันทีเมื่อถูกทรมาน.. ภาพของเชส ไทเลอร์ที่ยังหยุดยืนมองตัวเองอยู่ที่ปลายเตียงนั้นก็ไม่ต่างจากการกดดันแอชเชอร์เสียเท่าไหร่ ต่างฝ่ายต่างยังไม่ได้รับการปลดปล่อยด้วยกันทั้งคู่
"อยากได้อะไรหรือเลสลีย์"
"ดะ ได้โปรด ขะ ขอร้องเถอะเชส"
"อยากควบคุมฉันดูบ้างไหมล่ะเลสลีย์"
ไทเลอร์เป็นคนเจ้าเล่ห์ข้อนี้เลสลีย์รู้ดี แต่ใครจะคิดเล่าว่าความเจ้าเล่ห์พวกนี้จะถูกนำมาใช้ในสถานการณ์ที่ยากจะปฏิเสธพวกนี้ได้
"ควบคุมมันอย่างที่นายน้อยต้องการ..."
เชื่อเถอะว่าภาพที่แอชเชอร์ เลสลีย์ นั้นขยับคลานเข่าเข้าหาเชส ไทเลอร์ คงเป็นภาพที่จะจดจำไปจนวันตายของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ ปลายท่อนเนื้อร้อนขนาดไม่ธรรมดานั้นสัมผัสไปตามแก้มนุ่มก่อนที่ลิ้นสีแดงสดจะแลบเลียส่วนหัวที่คายน้ำออกมาช้าๆแต่กลับไม่ใช่ริมฝีปากครอบครอง ในขณะที่ตาคู่สวยยังมองใบหน้าหล่อคมของทรูอัลฟ่า
"ไม่ใช่ว่านายอยากจะขย้ำฉันให้แหลกคามือหรอกหรือ"
ทรูอัลฟ่าผิวสีแทนที่ถูกดันให้นั่งลงบนผืนเตียงขบกรามแน่นจนได้ยินเสียงกัดฟันกรอด เมื่อฝ่ามือขาวนั้นจับเข้าที่ท่อนเนื้อร้อนก่อนจะกดร่างกายของตัวเองลงมาโอบรัดความใหญ่โตของทรูอัลฟ่าช้าๆ ท่อนเนื้อค่อยๆ เติมเต็มช่องทางที่ตอดตุบโดยที่อัลฟ่าแดนเหนือนั้นก็จิกลาดไหล่กว้างแน่น พลางสูดปากร้องออกมาเมื่อรู้สึกเหมือนร่างกายตัวเองจะไม่เป็นของตัวเอง
"พอแล้ว.." เจ้าของฝ่ามือหนาที่ขยับลูบไล้อยู่บริเวณหน้าท้องเป็นลอนสวยเอ่ย "รู้สึกไหม.. ว่านายรับฉันเข้าไปได้มากแค่ไหน" ดวงตาฉ่ำน้ำของอัลฟ่าแดนเหนือก้มลงไปมองตามมือสากที่บีบนวดช่วงเอวและไล่แตะสัมผัสบริเวณหน้าท้องของตัวเองด้วยใบหน้าที่เห่อร้อนอย่างช่วยไม่ได้
คำถามที่ไร้ซึ่งคำตอบกลับไม่ได้ทำให้รู้สึกน่าเกลียดแต่อย่างใด ในเมื่อคำตอบทุกอย่างมันฉายชัดในการกระทำของทั้งคู่แล้วทั้งหมด ความร้อนผ่าวที่บีบรัดทุกครั้งยามที่เอวคอดขย่มโยกบนกายแกร่ง เสียงหยาบโลนของผิวเนื้อที่กระทบกันดังเคล้าคลอไปทั่วทั้งห้องแม้อุณหภูมิจะเริ่มหนาวเย็นแต่ก็กลับร้อนระอุด้วยบทรักร้อนแรงที่ไม่มีท่าทีว่าจะจบง่ายๆ
การปลดปล่อยซ้ำแล้วซ้ำเล่าในช่องทางสีเข้มจนหน้าขาขาวเต็มไปด้วยน้ำสีขาวขุ่นยังคงดำเนินไปไม่รู้จักจบจักสิ้นจนกว่าอาการรัทของทั้งคู่จะหมดลง ไม่ว่าจะบนผืนเตียงที่ยับย่น บนพื้นห้องที่เป็นไม้เนื้อดี หรือแม้กระทั่งผนังไม้ของห้องที่แสนจะแข็งแรงนั้นก็เป็นทุกที่ที่ทั้งคู่ใช้มัน..
ขาเรียวงามที่ตั้งชันอีกครั้งบนเตียงหลังใหญ่สั่นระริกจนน่าเอ็นดูในสายตาคมที่ทอดมองหลังจากที่ไทเลอร์ยอมดึงสิ่งที่สอดใส่ในร่างกายอีกฝ่ายมาพักใหญ่ออก ความอุ่นร้อนที่ถูกฉีดอัดเข้าไปยังคงฝังลึกไว้ภายในเสียจนยากที่จะขับออกมาให้หมด ปลายหัวหยักที่ยังไม่สงบดีไล้วนไปมาอย่างหยอกเย้าตามจีบพับที่เผยออกตามจังหวะการหายใจของเจ้าของร่างขาว
"ฉะ ฉันไม่ไหวแล้วเชส.."
น้ำเสียงหอบที่เอ่ยออกมาอย่างกระท่อนกระแท่นทำให้ไทเลอร์โน้มตัวลงไปป้อนจูบอ่อนโยนให้คนที่แทบจะสลบอยู่เต็มที่ เนิ่นนานตั้งแต่พายุโหมกระหน่ำจนตอนนี้ด้านนอกนั้นกลับมาเงียบสงบเหมือนเคย แต่แตกต่างที่ว่าแสงสว่างนั้นกลับหมดไปแล้ว จะหลงเหลือก็เพียงแต่ความมืดที่เข้ามาครอบคลุม
ความอุ่นร้อนที่แทรกเข้ามาภายในร่างกายนับครั้งไม่ถ้วนแม้จะไม่อาจคุ้นชินแต่ขาเรียวงามก็ยังคงขยับแยกออกกว้างเพื่อรองรับร่างกายของทรูอัลฟ่าอย่างเผลอไผล
"แต่ตรงนี้ของนายยังรัดฉันไม่หยุดเลยเลสลีย์"
"อึก.."
"ก็ฉันบอกนายแล้วไง ว่าจะไม่หยุดจนกว่าจะขย้ำนายให้จมเขี้ยว"
สัมผัสลึกซึ้งครั้งแล้วครั้งเล่าพาให้ร่างกายที่บอบช้ำนั้นหวิดสลบอยู่หลายรอบ ก่อนที่ทุกอย่างจะกลายเป็นสีดำพร้อมกับร่างกายของแอชเชอร์ที่ถึงขีดสุด
/////
แผ่นหลังสีเข้มของทรูอัลฟ่าหนุ่มที่นั่งอยู่บริเวณปลายเตียง ยังเต็มไปด้วยรอยแดงที่เกิดจากการขีดข่วนของคนที่ยังนอนหลับสนิทจมอยู่บนเตียงหลังใหญ่ ร่องรอยแดงที่ประดับไล่ตั้งแต่ซอกคอขาวลามมาจนถึงช่วงลาดไหล่และแผ่นอกบาง ไม่นับบางส่วนซึ่งยังถูกปกปิดอยู่ภายใต้ผ้าห่มสีเข้มที่คลุมร่างกายขาวเนียน
เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด แม้เชสจะไม่ได้มีสติคิดทบทวนทุกอย่างเต็มร้อยแต่ตัวหัวหน้าหน่วยเองก็รู้สึกถึงความผิดพลาดของตัวเองที่ไม่สมควรเกิดขึ้น ทั้งความสะเพร่าที่ปล่อยปะละเลยยาระงับที่สมควรจะมีติดตัว หรือแม้กระทั่งการห้ามใจของตัวเองก็ด้วย
ช่วงเช้าตรู่ที่เชสรู้สึกตัวตื่นขึ้นมานั่นก็ทำให้เจ้าตัวเองรู้สึกเมื่อยล้าไม่น้อย ยิ่งเห็นสภาพของแอชเชอร์ เลสลีย์ที่นอนขดอยู่ในอ้อมอกของตัวเองแล้ว ก็ยิ่งตอกย้ำว่าเรื่องทุกอย่างนั้นคือความจริง ภาพทุกอย่างที่ทั้งคู่ได้กระทำลงไปก่อนหน้านี้ฉายชัดเข้ามาในหัวทีละฉากจนปะติปะต่อเรื่องราวทั้งหมดได้
ใครกันจะคาดคิดว่าอลิเซียจะกล้าทำแบบนั้นกับเชส ไทเลอร์ การที่เจ้าหล่อนตั้งใจมาหาเชสในช่วงที่ใกล้ฮีทแบบนี้มันก็คือความจงใจทั้งสิ้นที่จะจับคู่กับทรูอัลฟ่าหนุ่ม มันไม่มีเหตุผลใดที่จะปฏิเสธได้ว่าเจ้าหล่อนไม่ได้ตั้งใจ ไม่มีเลยสักนิด..
และเชสเองก็ไม่ได้คาดคิดเหมือนกันว่าเลสลีย์จะโผล่เข้ามาในจังหวะที่ไม่สมควร ทั้งที่จริงๆแล้วเจ้าตัวควรจะไปขลุกอยู่ที่ไหนสักแห่งในเดอะฮิลล์
หากนี่คือบททดสอบของพระเจ้า เชส ไทเลอร์คงต้องยอมรับจริงๆว่าตัวเขาเองก็ไม่สามารถฝืนสัญชาตญาณของตัวเองได้...
สุดท้ายแล้วไทเลอร์ก็ผิดหนึ่งในสัญญาที่เคยให้ไว้กับอาเธอร์ เลสลีย์ อย่างไม่น่าให้อภัย...
'ฉันหวังว่านายจะเป็นคนสุดท้ายที่ิจะทำร้ายแอชเชอร์'
ประโยคที่เชสได้พูดคุยเพียงลำพังกับอาเธอร์เมื่อครั้งล่าสุดที่พบเจอย้อนกลับเข้ามาในหัวซ้ำไปซ้ำมา จนทรูอัลฟ่าหนุ่มใช้มือเสยผมที่ปรกหน้าตัวเองออกลวกๆ
ใบหน้าดุคมยังคงเรียบนิ่งไม่แสดงความรู้สึกอะไรแต่ภายในหัวนั้นกลับคิดทุกอย่างให้วุ่นไปหมด เชื่อเถอะว่าถ้าหากคนที่กำลังนอนหลับสนิทนั้นตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ เชส ไทเลอร์ คงจะได้รับพบเจอสิ่งที่น่าปวดหัวมากกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้เป็นแน่
คราบเหนียวเหนอะหนะตามร่างกายของอัลฟ่าแดนเหนือนั้นถูกเช็ดทำความสะอาดด้วยฝีมือของหัวหน้าหน่วย โดยที่เจ้าของผิวสีเข้มพยายามจะเบามือให้ได้มากที่สุดกับร่างกายของแอชเชอร์ แม้อัลฟ่าแดนเหนือจะมีร่างกายที่แข็งแรงเป็นทุนเดิมอยู่แล้วแต่การที่ต้องพบเจอกับเรื่องอย่างว่าก็ดูเหมือนจะมากเกินกว่าที่ร่างกายของเจ้าตัวจะรับไหว
ปลีน่องขาวนวลที่เชสชื่นชมมันหนักหนาเต็มไปด้วยรอยฟันที่ขบกัดและดูดดึงจนได้รอยแดงช้ำ แต่ก็คงไม่เท่าส่วนหวงห้ามที่เชสได้เข้าไปสัมผัสมานับครั้งไม่ถ้วนที่แดงช้ำจนน่ากลัว
แม้จะเป็นอัลฟ่าแต่ถ้าเทียบกับเรี่ยวแรงของทรูอัลฟ่าแล้ว มันก็ไม่แปลกสักนิดที่ทุกอย่างจะเป็นแบบนี้ ต่อให้นุ่มนวลหรืออ่อนโยนสักเท่าไหร่พละกำลังที่มีเป็นทุนเดิมมันก็ยากจะควบคุม
เสื้อผ้าเนื้อบางที่อยู่ในตู้เสื้อผ้าของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ถูกหยิบออกมาสวมใส่ให้กับร่างของอัลฟ่าแดนเหนือซึ่งยังคงหลับสนิท ดูๆไปแล้วอันที่จริงเลสลีย์เองก็ค่อนข้างจะผอมลงกว่าเดิมถ้าเทียบกับครั้งแรกที่ทั้งคู่เจอกัน
ใบหน้ารูปสลักแม้จะมีร่องรอยของความอ่อนเพลียแต่ก็ยังคงงดงามเหมือนเคย ยิ่งกลีบปากบางที่บวมช้ำนั่นก็ยิ่งเป็นตัวบ่งบอกได้ดีว่าเชสนั้นเอาแต่ใจตัวเองมากแค่ไหนยามจูบกับอีกฝ่าย
"อื้อ.."
เสียงร้องครางเบาๆ ในลำคอที่ออกมาจากริมฝีปากบางทำให้ทรูอัลฟ่าหนุ่มหยุดชะงักมือที่กำลังผูกเชือกที่เสื้อด้านหน้าของแอชเชอร์ เปลือกตาสีอ่อนที่มีร่องรอยแดงช้ำจางๆ ค่อยเปิดขึ้นก่อนที่เชส ไทเลอร์จะได้เห็นดวงตาคู่งาม
เกิดความเงียบขึ้นระหว่างคนทั้งคู่เสียจนน่าอึดอัด ยามที่ปรับสายตาให้เข้ากับแสงภายในห้องได้แล้วแอชเชอร์ก็ได้แต่ปิดปากเงียบปล่อยให้ทรูอัลฟ่าหนุ่มจัดแจงผูกเชือกที่เสื้อให้กับตัวเอง ร่างกายที่ยังคงรู้สึกถึงความเจ็บปวดแล่นริ้วสร้างความรู้สึกชาวาบไปทั้งร่างกายของนายน้อยเลสลีย์
ร่องรอยแดงตามแผ่นอกสีเข้มของไทเลอร์ที่สวมใส่เพียงกางเกงหมิ่นเหม่สะโพกสอบ ก็คงไม่พ้นที่จะเป็นฝีมือของแอชเชอร์เองที่ปัดป่ายไปตามร่างกายของอีกคนยามร่วมรัก
"เรื่องจริงสินะ..." เจ้าของผิวสีหิมะยกยิ้มขมขื่นในขณะที่ยังคงมองใบหน้าของไทเลอร์ไปด้วย "ระหว่างนายกับฉัน"
แอชเชอร์กัดฟันหยัดตัวลุกขึ้นจากเตียงทั้งที่แขนของตัวเองยังคงสั่นไม่น้อย แทบทั้งร่างของเจ้าตัวมันอ่อนแรงไปเสียหมดจนน่าหงุดหงิด
"ทุกอย่างเป็นเรื่องจริง" ไทเลอร์ตอบเสียงเรียบ พลางจ้องมองคนตัวขาวที่พยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าสิ่งที่แอชเชอร์เกลียดที่สุดนั้นจะกลับกลายเป็นสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไป
"น่าสมเพชจริงๆ"
ราวกับว่าคำพูดที่แอชเชอร์เคยได้พูดไว้กับอาเธอร์ต่างย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองจนแทบล้มทั้งยืน บางทีนี่อาจจะเป็นความรู้สึกของอาเธอร์ที่แอชเชอร์ไม่เคยได้รับรู้ก็ได้ ใครจะรู้...
"เซเบอร์คงยังไม่ได้กินอะไร.." แอชเชอร์ฝืนลุกขึ้นมายืนเผชิญหน้ากับทรูอัลฟ่าที่ยืนอยู่ข้างเตียง ก่อนจะเอ่ยประโยคที่งี่เง่าที่สุดในชีวิตออกไป "เมื่อวานฉันทิ้งมันไว้ข้างนอก ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง"
ขอแค่ตอนนี้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับไทเลอร์คงเป็นสิ่งที่เดียวที่แอชเชอร์ต้องการ
เขาไม่ได้มีความรู้สึกโกรธต่ออีกฝ่ายแต่อย่างใด เพราะในเมื่อตัวแอชเชอร์เองก็รู้อยู่แก่ใจเหมือนกันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ได้เกิดจากการถูกบังคับ แต่มันเกิดเพราะความต้องการของเราเองทั้งคู่ จะโทษใครก็คงไม่ได้ นอกเสียจากโทษตัวเองที่โชคร้าย
"โจชัวกับลูฟดูแลเจ้านั่นให้แล้ว นายไม่ต้องห่วงหรอก"
ไทเลอร์ยังคงยืนขวางไม่ให้คนตัวขาวได้ออกไปไหน มันเป็นสถานการณ์ที่เชส ไทเลอร์เองก็ยากที่จะรับมือเช่นกัน เพราะเลสลีย์เองก็กลับนิ่งผิดจากที่คาดเดาไปโดยสิ้นเชิง
"แต่ฉันอยากไปดูมันเอง.."
"นายกำลังหลบหน้าฉันเลสลีย์" มือใหญ่คว้าต้นแขนของคนที่จะเดินหนีตัวเองไว้ในทันที "นี่มันไม่ใช่นายเลยสักนิด"
"ฉันควรพูดอะไรล่ะ? ฉันในตอนนี้ควรทำอะไร นายตอบได้ไหม!"
นัยน์ตาสีอ่อนที่เริ่มแดงก่ำจ้องใบหน้าของทรูอัลฟ่าด้วยความรู้สึกอึดอัดเต็มทน แค่ที่รู้สึกมันก็สับสนมาก
พออยู่แล้ว ยิ่งไทเลอร์นั้นมากดดันกันแบบนี้แอชเชอร์เองก็ยิ่งรู้สึกหมดหนทางเข้าไปใหญ่
"อย่างน้อยเราก็ควรคุยเรื่องที่เกิดขึ้นกันให้รู้เรื่อง"
"ฉันไม่ได้เดือดร้อน" เลสลีย์ตอบกลับเสียงแข็ง "ถ้าฉันกับนายไม่ใส่ใจ มันก็จะไม่เป็นปัญหา"
"แต่ฉันเดือดร้อน"
"!!!"
"ถึงฉันจะไม่ได้กัดนาย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นฉ้ันก็ควรจะทำอะไรสักอย่าง"
"แล้วถ้าฉันบอกว่าไม่ต้องการ.. นายจะยังดึงดันทำงั้นสิ" ร่องรอยของความเจ็บปวดยังฉายชัดอยู่ในแววตาของเลสลีย์ไม่เปลี่ยน แม้เจ้าตัวจะกลับมามีท่าทีดื้อดึงเหมือนเคย
"...."
"นายไม่จำเป็นต้องมาเป็นเดือดเป็นร้อนกับเรื่องพวกนี้เลยสักนิด"
"นายกำลังพูดไม่รู้เรื่องนะเลสลีย์" เชสว่าเสียงเข้ม พลางใช้ตัวขวางคนที่ยังคงจะดึงดันออกไปข้างนอกห้อง
"ฉันเป็นอัลฟ่า.. นายเองก็เป็นทรูอัลฟ่า แค่นี้มันก็ผิดทุกอย่างแล้วไทเลอร์ นายไม่เข้าใจอะไร!" เสียงติดแหบของอัลฟ่าแดนเหนือตะโกนออกมาอย่างเหลืออด มือเรียวสวยเองก็ไม่วายที่จะผลักอกของไทเลอร์เป็นเชิงดูถูก "นายเองไม่ได้เดือดร้อนเลยสักนิด! คนที่อยู่สูงสุดแบบนายไม่จำเป็นต้องมาใส่ใจหรอกว่าฉันจะรู้สึกยังไง"
"ฉันไม่สนใจระบบวรรณะบ้าบออะไรพวกนั้น"
"...."
"เหมือนที่พี่นายไม่เคยสนใจ"
"ที่อาเธอร์เป็นแบบนั้นก็เพราะทรูอัลฟ่าแบบนายไง! เพราะไอ้ความรักงี่เง่านั่นที่ทำให้พี่ฉันต้องเป็นแบบ
นั้น ยังไงแล้วพวกนายก็ต้องคู่กับโอเมก้าไม่ใช่อัลฟ่าแบบพวกฉัน"
"น้อยใจหรือ?" ไทเลอร์ใช้มือเชยคางได้รูปของคนที่กำลังเดือดดาล
"ไม่เลยสักนิด" แต่เลสลีย์ก็ยังคงเป็นเลสลีย์
"แต่อย่างน้อยฉันก็อยากให้นายรู้ไว้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองพิเศษกว่าใคร.."
"พูดบ้าอะไรของนายน่ะไทเลอร์"
"ไม่เรียกฉันว่าเชสเหมือนตอนนั้นแล้วหรือ?"
ใบหน้าคมของทรูอัลฟ่าหนุ่มโน้มลงมาใกล้ใบหน้าขาวจนต่างฝ่ายต่างรับรู้ถึงลมหายใจร้อนๆของกันและกัน
"ไม่!"
"พูดให้ฉันฟังชัดๆสิว่านายไม่ได้รู้สึกดีเหมือนกับฉันตอนที่ฉันกอดนาย"
"หยุดพูดถึงเรื่องนั้นสักที ฉันไม่อยากนึกถึงมัน"
"งั้นหรือ..." ฝ่ามือหนาแกล้งปัดผ่านไปที่บริเวณหน้าท้องของเลสลีย์ก่อนจะกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์พลางเอ่ยประโยคคำถามที่ทำให้ใบหูขาวแดงก่ำ "แล้วนายจำได้ไหม ว่าตอนนั้นฉันเข้าไปในตัวนายลึกแค่ไหน"
"ไทเลอร์!"
"แต่ฉันจำได้ดีเลยล่ะว่ามันดีแค่ไหน"
พลั่ก!
มือขาวกำเข้าหากันแน่นก่อนที่จะง้างหมัดชกเข้าไปที่ใบหน้าหล่อของทรูอัลฟ่าหนุ่มเต็มแรง จนเจ้าของผิวสีเข้มนั้นได้เลือดที่บริเวณมุมปาก
"งั้นก็อย่าลืมจำนี่ไว้ด้วยแล้วกัน!"
"หมัดหนักใช่ได้เลยนี่.." ไทเลอร์ใช้หลังมือเช็ดมุมปากลวกๆ โดยที่ยังคงมีรอยยิ้มประดับมุมปากไม่จาง "แต่ก็คงไม่หนักเท่าที่ฉันกอดนาย"
"ฉันไม่ตลกกับนายหรอกนะ"
"แล้วฉันดูตลกมากงั้นหรือ?"
"ถ้ามันไม่มากเกินไปกว่าที่นายจะได้ ฉันก็ขอให้เรื่องระหว่างฉันกับนายมันจบกันแค่นี้ ฉันจะถือซะว่ามันเป็นความผิดพลาดของตัวเอง"
"คงเป็นแบบที่นายว่าไม่ได้หรอก"
"!!!"
"ในเมื่อตอนนี้นายเป็นคนของไทเลอร์"
ทรูอัลฟ่าหนุ่มที่เคยยืนอยู่ตรงหน้ากลับทรุดลงนั่งคุกเข่าให้กับร่างขาว ท่ามกลางความตกใจของอัลฟ่าแดนเหนือที่ได้แต่ยืนนิ่งมองการกระทำที่ไม่คาดคิดของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ การกระทำที่แสดงออกถึงความนอบน้อมและเคารพมันฉายชัดอยู่ในดวงตาของแอชเชอร์เสียจนเจ้าตัวปิดปากเงียบ
"เลสลีย์เองก็มีเกียรติ และแน่นอนว่าไทเลอร์ก็มีเกียรติมากพอเช่นกัน"
"คุกเข่าให้ฉันแบบนี้ทำไม ไทเลอร์"
ขาเรียวที่สั่นเทาของแอชเชอร์เผลอก้าวถอยหลังในทันทีแต่ก็ไม่ไวเท่ากับมือใหญ่ที่คว้าเข้ากับมือเรียวสวย
"ต่อไปนี้ นายถือว่าเป็นคนของไทเลอร์โดยสมบูรณ์ แอชเชอร์"
ใครจะคิดกันว่าวันหนึ่งเชส ไทเลอร์ จะยอมคุกเข่าให้กับแอชเชอร์ เลสลีย์ อย่างไม่มีข้อแม้แบบนี้ ความรู้สึกที่สมควรจะลอยละล่องกลับกลายเป็นว่าทำให้แอชเชอร์ว่างเปล่าไปเสียหมดเพราะความสับสน ก้อนในที่อยู่ภายในอกเต้นถี่ระรัวเมื่อยามที่ริมฝีปากหยักนั้นจรดจูบบนหลังมือขาว ทาบทับกลีบเนื้อนิ่มอุ่นร้อนนั่นไว้นานเสียจนยามที่ละออกไปก็ยังคงทำให้ร่างขาวรู้สึกถึงสัมผัส
คนของไทเลอร์อย่างงั้นหรือ...
ไทเลอร์ที่ไม่เคยคิดจะลดตัวให้ต่ำกว่าแอชเชอร์ในตอนนี้น่ะหรือที่ยอมคุกเข่าให้กับเขา ถ้านี่เป็นฝันก็คงเป็นความฝันที่เหมือนจริงจนน่ากลัวเลยล่ะ
"พอลองเดาได้ไหม ว่าต่อไปนี้ฉันเองก็คงปล่อยนายให้คลาดสายตาไม่ได้อีกแล้ว"
HASTAG #youngmastermn
TALK : อย่าคาดหวังกับฉาก CUT ของเรามากเลยนะคะเพราะได้แค่นี้จริงๆ T-T คำถามก็คือน้องแอชหวั่นไหวกับคุณเชสบ้างหรือยัง? ติ๊กต่อกๆ แต่ว่าคุณเชสยอมคุกเข่าให้น้องแล้วนะคะ ไว้เจอกันตอนหน้าแบบยาวๆ กับการคลายปมต่อแล้วกันเน้ออออ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in