เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
พูดถึงเพลงFayathi Sorap
เด็ดดอกรัก
  •      หลายครั้ง เวลาปลอบเพื่อนที่กำลังอกหัก เราจะใช้วิธีส่งเพลงเป็นกำลังใจไปให้ฟัง ครั้งแรกที่ใช้วิธีนี้ เราส่งเพลง ช่างเขาเถอะนะหัวใจ (ร้องไปเถิด ถ้าร้องเพื่อล้างลูกตา) กับ เขาไม่รักเรา (เมื่อเขาไม่รักเรา ก็อย่าไปรักเขา) ไปให้
         ส่วนฟีดแบค เพื่อนบอกว่า เพลงแรก...ไม่รู้จัก ส่วนเพลงหลังเป็นอีกหนึ่งเพลงที่เพื่อนชอบ ขอบคุณนะ

         ล่าสุด รุ่นน้องที่ทำงานอกหัก เราส่งเพลง ปล่อย (แล้วมันจะผ่านไปด้วยดี แล้วใจของเธอจะเปลี่ยนไป) ไปให้
         แม่บอกว่า ให้ส่งเพลง ช่างเขาเถอะนะหัวใจ ไปให้ เราบอกว่า เด็กสมัยนี้ไม่รู้จักแล้วแม่ เขาฟัง ปล่อย กันอยู่


         จนกระทั่งมารู้จักเพลง "เด็ดดอกรัก" เมื่อฟังแล้วรู้สึกว่า เพลงๆนี้ สามารถปลอบใจคนอกหักได้ดีเพลงหนึ่ง ทำไมน่ะรึ

         เพียงท่อนแรกของเพลง ที่ว่า
         "อย่าโศกไปเลย อย่าเศร้าไปเลย เมื่อเคยรักกัน ความรักต้องแปรเปลี่ยนผัน เหมือนความฝันที่แปรเปลี่ยนไป"
      
         เราว่า เพียงเท่านี้ ก็เหมือนเพลงได้ปลอบประโลมหัวใจคนช้ำรักได้แล้ว แม้มันจะเป็นการปลอบที่ทำให้เจ็บช้ำ ขนาดเราไม่ได้อกหักฟังแล้วยังสะเทือนใจ ถ้าคนอกหักฟังจะรวดร้าวเพียงใดหนอ


         ในฐานะคนนอก เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่า รักกันอยู่ดีดี มันจะมีปัจจัยใดบ้างที่ทำให้คนสองคนปล่อยมือออกจากกัน แต่จากที่เห็น รู้เพียงแค่ว่า ใครอาลัยมากกว่า ยังรักมากกว่า ฝ่ายนั้นก็มีแนวโน้มที่จะเจ็บปวดมากกว่า เมื่อความสัมพันธ์สิ้นสุดลง

         ซึ่งในท่อนที่สองของเพลง ก็จะมีเนื้อความทำนองที่ว่า การที่คนสองคนต้องแยกจากกันนั้นน่ะ บางทีมันอาจเป็นเพราะโชคชะตา เป็นเพราะเวลาของคนสองคนหมดลงแล้วก็ได้ และอาจเป็นเพราะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรักกันไม่มากพอที่จะฝ่าฟันอุปสรรคต่อไป 

         เป็นแง่คิดที่ดี


         แต่ที่เราชอบและเห็นด้วยที่สุดในเพลง คือเนื้อเพลงท่อนที่สาม ซึ่งเป็นท่อนฮุก ที่บอกว่า

         "แรกรักกันไม่เคยไหวหวั่นพลั่นคำติชม เบื่อรักเหลือข่ม อ้างดินฟ้าห่างไกล" แม้ฟังแล้วจะรู้สึกเจ็บปวด แต่ก็เห็นถึงสัจธรรมได้ว่า คนเรานั้น เวลารักกัน อะไรก็ดี ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ แต่พอเบื่อเหลือระอา พอหมดรักเท่านั้น โน่นนี่นั่นกลับกลายเป็นปัญหาได้หมด

        ส่วนความแปลกของเพลงนี้ก็คือ การเปรียบเทียบว่าที่รักต้องจบลงนั้นก็เพราะ "เด็ดดอกรักร่วมต้นคนละกิ่ง" เราว่ามันน่าจะเป็นคำเปรียบเปรยแนวๆว่า คงไม่ได้สร้างบุญสร้างวาสนามาร่วมกัน ที่สุดแล้วจึงมีเหตุให้ความรักไปต่อไม่ได้ เพราะฉะนั้น หากจะรักใคร ให้ลงเอยกับคนที่มีบุญวาสนาต่อกัน ซึ่งในท่อนสุดท้ายของเพลงก็ย้ำเรื่องนี้คือ ให้เลือกคนที่เด็ดดอกรักร่วมกิ่งร่วมต้นเดียวกัน จึงจะสามารถอยู่กันได้ตลอดรอดฝั่ง
      
         เราเคยเอารายละเอียดตรงนี้ไปประกอบในนิยายตัวเอง เพราะมันเข้ากับเรื่องราวของตัวละครเราพอดี นี่ถ้าสร้างเป็นละครเพลงนี้ก็กลายเป็นเพลงประกอบละครเลยแหละ หุหุ


         คิดๆไป เราว่า ถ้าฟังเพลงเด็ดดอกรักทันทีเลยหลังจากอกหัก น่าจะเจ็บหนัก เพราะเพลงพูดถึงความรักที่จบลงได้ตรงเกินไป คือฟังแล้วถ้าไม่ได้สติทันที ก็คงใจสลายตายไปเลย 
         ..ไม่น่าจะมีตรงกลาง ไม่น่า 
      
         แต่ถามว่า เป็นการให้แง่คิดที่ดีเกี่ยวกับการช้ำรักไหม ถ้าถามความเห็น คงตอบว่าใช่ เพราะเนื้อหาในเพลงบอกเสร็จสรรพเลยว่า อย่าเสียใจกับรักที่จบลงเพราะสร้างบุญกุศลกันมาเท่านี้ เพราะรักกันไม่มากพอ ตัดไมตรีไปเลยเถอะ แล้วเลือกคนที่บุญบารมีเท่ากันดีกว่า


         ใครอยากทำวิจัยว่าอกหักเป็นอย่างไรแล้วจะลองอกหักดูเพื่อรู้ความรู้สึกก็ตามสะดวก แต่ต้องขอโทษด้วยที่เราจะไม่ทำให้ตัวเองอกหักเพื่อลองให้แจ้งใจว่า ฟังหลังอกหักแล้ว...มีอาการเป็นอย่างไร


         เอาเป็นว่า ถ้าใครกำลังอกหัก และอยากได้ยาแรงๆ ลองฟังเพลงนี้ดู อาจจะเวิร์ค

         ขอเป็นกำลังใจให้คนที่อกหักรักร้าวอยู่ตอนนี้ทุกๆคน ขอให้คุณตัดใจและเข้มแข็งได้ในเร็ววัน มันอาจจะดูยิ่งใหญ่ในความรู้สึก แต่มันก็เป็นเหตุการณ์ๆหนึ่งในชีวิตที่อาจเกิดขึ้นกับใครก็ได้และเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ เราเชื่อและหวังว่าคุณจะรับมือกับมันไหว ยืนหยัดขึ้นได้ และก้าวต่อไปในที่สุด 
         วันข้างหน้ายังรออยู่ค่ะ สู้ๆนะคะ 


         สุดท้ายแต่ไม่ท้ายที่สุด เพลงเก่าๆนี่ คนประพันธ์เขาแต่งเนื้อได้ละมุนและให้แง่คิดที่ลึกซึ้งได้มากเลยนะ ชอบจัง


    สารบัญเพลงท้ายบท
    เด็ดดอกรัก - ชรินทร์ นันทนาคร
    ช่างเขาเถอะนะหัวใจ - รุ่งฤดี แพ่งผ่องใส
    เขาไม่รักเรา - อรรถพล ประกอบของ
    ปล่อย - ปองกูล สืบซึ้ง 


         ก่อนจบ ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ เนื่องจากตั้งแต่ประมาณ 2 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นมา ทาง minimore เปลี่ยนรูปแบบเว็บใหม่ ผลที่เกิดขึ้นคือ งานเขียนเรา...ไม่มีคนอ่านเลย (คาดว่าหาเจอยาก)ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป เราจึงตัดสินใจกลับไปเขียนเรื่องราวในบล็อกเดิมของเราแทน คุณผู้อ่านที่ถูกจริตในงานเขียนของเรา สามารถติดตามไปอ่านได้ที่
         https://alwaysfay.blogspot.com/2023/02/blog-post.html
         ขอบพระคุณสำหรับการติดตาม และขอบคุณทาง minimore ที่ให้พื้นที่เราได้ขีดๆเขียนๆเรื่องราวตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้
         จนกว่าจะพบกันใหม่
         สวัสดีค่ะ
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in