เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
[9 Satra Fanfiction] Only YouM_Black
โพสต์นี้มีเนื้อหาที่อาจไม่เหมาะสมกับเยาวชน Only You
  • นามเดิมของตนคือทารคา

    หากนามที่ผู้คนกล่าวขานอย่างพรั่นพรึงคือ เทหะยักษา

    ทุกผู้ทุกนามที่เคยรับใช้มิเคยขัดใจ มิเคยกล่าวท้วงอันใด

    สตรีมากมายล้วนแทบยอมสยบเบื้องบาท

    ขอเพียงให้ได้อ้างแรมกับพระองค์เสียสักหนึ่งราตรี


    กระนั้นมีเพียงอิสตรีเดียว

    มิได้มีรูปโฉมงามดั่งนางอัปสรสวรรค์

    มิได้ยั่วเย้าดั่งนารีผลในป่า

    มิได้อ่อนหวานเอาใจเช่นนางงามเมือง


    มีเพียงความร้ายกาจ

    และความดื้อเงียบที่พระองค์รับมือยากที่สุด


    .

    .

    .

    .


    “ เจ้าทำงานได้ดีมาก พรานทมิฬ “ เสียงแหบแห้งของการ์ณีซาร์เอ่ยขึ้นมาในห้องโถง พลางมองไปยังร่างสูงเพรียวบางที่ยืนก้มหน้าอยู่ เส้นผมสีขาวเหมือนนุ่นตัดสั้นทรงแปลกตา เครื่องทรงของชายเปรอะเลือดที่แห้งกรัง ดวงตาสีทองพื้นดำนิ่งสงบ ไม่แสดงท่าทีอันใด ใบหน้าที่แปลกแยกไม่งดงามทั้งๆที่เป็นสตรีทำให้เหล่าสนมนางในที่นั่งอยู่ด้วยพากันซุบซิบนินทา ด้วยแปลกใจนักว่าหล่อนน่าเกลียดเสียเพียงนี้ ใยองค์เหนือหัวอย่างท่านเทหะยักษาจึงโปรดปรานตั้งนางเป็นมือขวาเสียได้


    “ อยากจะได้รางวัลอันใดไหม พรานทมิฬ “ สุรเสียงทรงอำนาจเอ่ย จับจ้องใบหน้าเรียบเฉยของสตรีที่หาญกล้ากว่าชายอกสามศอกใดๆที่องค์เคยรู้จัก หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมา รอยแผลพาดผ่านริมฝีปากและดวงตาดูน่าครั่นคร้าม


    “ ทูลท่านจ้าว กระหม่อมมิขอรับรางวัลใดๆ และมิอยากได้รางวัลอันใดที่พระองค์จะประทาน “ เกิดเสียงเซ็งแซ่ขึ้นมาทันที โดยเฉพาะกับทางสตรีมากมาย เทหะยักษาหัวเราะเสียงก้อง


    “ ข้าก็นึกอยู่แล้วว่าเจ้าจะเอ่ยเช่นนี้ เช่นเดิมทุกครั้ง พรานของข้า… “ พระองค์เน้นเสียงในประโยคสุดท้าย และปรายเนตรมองไปยังเหล่านางกำนัล พวกหล่อนเงียบเสียงนินทาเสียได้ ผู้ตกเป็นเป้าสายตาเงียบตามเดิม


    “ การ์ณีซา….จัดเครื่องถนิมพิมพาภรณ์เป็นทองคำประดับพลอยเนื้อดีหนึ่งหีบ แพรพรรณผ้าไหมอีกสามหีบ สมุนไพรล้ำค่า แลเครื่องหอมและเครื่องประทินโฉมของสตรีแก่พรานทมิฬอีกสามหีบ “


    “ รับบัญชา ท่านจ้าว “ นางแม่มดเอ่ยเสียงแห้ง อิสตรีผิวกายม่วงหม่นถอนใจนิดๆก่อนค้อมหัวรับ


    “ ขอบพระทัย “


    “ ไม่มีอันใดแล้วก็ออกไปกันเสียให้หมด ….เว้นเจ้า พรานทมิฬ ข้ามีเรื่องจะคุยด้วย “ หญิงสาวพยักหน้าเงียบๆ พลันสายตาก็มองเห็นใบหน้าของเหล่านางในที่มองมาอย่างรังเกียจและอิจฉาริษยา ก่อนที่พวกหล่อนจะย้ายร่างสวยงามอวบอัดออกไปตามบัญชา ห้องโถงกว้างจึงเหลือเพียงหนึ่งบุรุษผู้ทรงอำนาจและหนึ่งสตรีที่แทบจะมองไม่ออกเลยหากไม่เพ่งพิศดีๆ


    “ เหนื่อยมากหรือไม่ ที่ออกไปทำภารกิจเพื่อข้า “


    “ ไม่พะยะค่ะ มันเป็นหน้าที่ของกระหม่อม “ องค์เหนือหัวถอนใจพลางยิ้ม


    “ เป็นสตรี แต่ทำหน้าที่ทำภารกิจให้ข้าดีเหนือกว่าชายเสียอีก ใยเวลาอยู่กับข้าไม่ทำตนเป็นสตรีเสียบ้างเล่า “ หล่อนเงยหน้ามองนาย


    “ กระหม่อมมิอยากให้พระองค์คิดว่ากระหม่อมเป็นสตรีอ่อนแอ กระหม่อมเป็นพรานนักล่าของพระองค์ กระหม่อมจะทำหน้าที่เยี่ยงบุรุษ มิให้พระองค์ต้องขุ่นข้องพระทัย “


    “ ข้ามิเคยคิดว่าเจ้าอ่อนแอ พรานของข้า กลับกัน เจ้าเข็มแข็งเสียจนข้าทึ่ง “

    “ ขอบพระทัยที่ชมกระหม่อม “ หล่อนเอ่ย ค้อมหัวให้อีก เทหะยักษาลุกขึ้นยืนอย่างสง่างามก่อนดำเนินองค์ลงมาหยุดเบื้องหน้าสตรีชาวทมิฬ ผู้น้อยวัยกว่ารีบคุกเข่าหากถูกแขนแข็งแรงสมเผ่ายักษ์ฉุดเอาไว้


    “ เคยบอกเสียแล้วอย่างไร ยามอยู่กับข้าให้ทำตัวตามสบาย มิต้องมากพิธี “


    “ กระหม่อมไม่คุ้นชิน “ หญิงสาวว่า ก้มหน้าหลบพระพักตร์นายเหนือหัวอีกครั้ง จนเขาต้องยกนิ้วเชยคางประดับหนามแปลกตาขึ้นมาให้สบเนตรสีทับทิมสวยงาม


    “ แล้วเมื่อไหร่จะชินหรือ? หรือต้องให้ข้าปลดเจ้าจากตำแหน่งพรานมือขวา มาเป็นมเหสี จะได้ชินสักที “ ใหน้าของพรานสาวฉายแววหนักใจ


    “ ทูนท่านจ้าว กระหม่อม…! “ ถ้อยคำสุดท้ายกลืนหายไป เมื่อริมฝีปากของผู้เป็นนายประทับปิดเสีย องค์รั้งเอวบางคอดได้รูปมีกล้ามเนื้อผิดกับสตรีทั่วไปมาแนบชิดองค์ ให้หล่อนได้สัมผัสความเป็นชายที่กำลังตื่นตัวต้องการเสียจนแทบจะอดรนทนไม่ไหว ลิ้นสอดลึกเข้าไปในปากอย่างหาได้กลัวฟันคมนั่นจะขบกัดเอา


    “ อย่าดื้อดึงเถียงข้านัก แม่พราน… หือ? “ คิ้วหนาวขมวดอย่างไม่ชอบใจเมื่อสังเกตเห็นว่าต้นแขนซ้ายของร่างในอ้อมอกมีรอยแผลยาว แม้เลือดจะหยุดแล้วแต่น่ากลัวจะเป็นแผลเป็น…


    “ ท่านจ้าว...ปล่อยกระหม่อมเถิด “


    “ ข้าปล่อยแน่…. “ ร่างสูงเอ่ยก่อนจะเดินไปยังบานประตูตะโกนเรียกเหล่านางในที่รอถวายงานด้านนอก


    “ ไปเตรียมน้ำให้ข้าสรง ข้าจะไปชำระกาย แล้วไปบอกหมอหลวงให้เตรียมยาสมุนไพรใส่ในน้ำนั่นด้วย “ เมื่อว่าจบ เทหะยักษาก็เดินกลับมาหาร่างผอมที่ยังยืนนิ่งมิไปไหนด้วยไม่ได้รับบัญชา หล่อนมองชายตรงหน้าอย่างสงบนิ่งจนอีกฝ่ายหงุดหงิด


    “ เจ้าไปกับข้า…. “


    “ กระหม่อมอยากกลับที่พัก หากพระองค์ปรารถนาจะไปชำระกาย “


    “ เจ้าต้องไปช่วยข้าชำระกาย แม่เสือทมิฬ “ องค์เหนือหัวว่าพลางฉุดดึงเอาร่างนั้นมาอุ้ม ท่ามกลางเสียงประท้วงของหญิงสาว หากเพียงครู่ เมื่อผ่านเหล่าบ่าวไพร่ ก็สงบปากสงบคำ มิเอ่ยอันใดนอกจากนิ่งเหมือนรูปปั้นในวงแขนของนายเหนือหัวแห่งรามเทพและคีรีกัณฑ์


    .

    .

    .


    หมอหลวงโค้งคำนับให้องค์ราชาอย่างนอบน้อมพร้อมเอ่ยถึงสรรพคุณของยาสมุนไพรที่บรรจงต้มใส่ในน้ำสระ พร้อมกับเหล่าดอกไม้แห้งเพื่อมิให้กลิ่นยานั้นแรงจนนัก เทหะยักษาพยักหน้ารับตบรางวัลให้เป็นถุงหนังที่น่าจะเป็นทองคำให้ไป เหล่านางสนมแลนางกำนัลวนเวียนกันเข้ามาเพื่อตระเตรียมภูษาให้เปลี่ยน และเตรียมปรนนิบัติรับใช้ใกล้ชิด มองปราดเดียวก็รู้ว่าพวกนางหวังอะไร พรานสาวที่นั่งทอดสายตาอยู่ไม่ไกลตรงฉากกั้นถอนใจเหนื่อยหน่ายนัก


    “ พวกเจ้าออกไปให้หมด “


    “ ทูลท่านจ้าว พวกข้าอยากจะช่วยผลัดฉลองพระองค์ “ ยักษีตนนึงเอ่ย พร้อมแย้มยิ้มสวย หล่อนคงเป็นพวกลูกขุนนางละมั้ง กิริยาน่ารัก ช่างชม้อยชม้ายชายตาได้น่าชม ทรวดทรงองค์เอวหรือก็น่ามอง หากพระเนตรสีทับทิมแค่มองผ่านๆ


    “ ไม่ต้อง ข้าจะให้พรานทมิฬช่วย พวกเจ้าออกไป...เดี๋ยวนี้ “ ผู้เป็นนายสั่งเสียงเฉียบขาด นัยว่าจะไม่เอ่ยซ้ำสอง เหล่าหญิงสาวหน้าเสียพากันลุกขึ้นเดินออกไป ก็พอดีที่ร่างผอมเดินสวนออกมาหลังฉากกั้น ใบหน้าสวยงามส่งสายตารังเกียจดูแคลนให้อย่างที่เคย


    “ นังอัปลักษณ์ “ เสียงนั่นเบาราวกระซิบ เพราะรู้ดีว่าองค์เหนือหัวมิชอบให้ใครว่าสตรีนางนี้ให้องค์ได้ยิน เคยมีผู้หาญกล้าว่ากระทบก็ยังโดนเฆี่ยนเสียหลังแทบขาด พรานทมิฬเงียบมิต่อปากต่อคำ อาจเพราะชาชินด้วยได้ยินมานานแล้ว เธอเดินไปหยุดเบื้องหน้า หากรักษาระยะห่างตนเองกับชายผู้มากศักดิ์กว่า


    “ ท่านจ้าว กระหม่อมอยากจะกลับที่พัก “ อีกฝ่ายคิ้วขมวดขณะถอดศิราภรณ์บนศีรษะออก ดวงตามองร่างระหงข้างกายอย่างนึกโกรธเคือง


    “ ใยต้องรีบกลับ มีใครเค้ารอเจ้าอยู่ที่นั่นหรืออย่างไร “ หญิงสาวผมสีขาวถอนใจเฮือกใหญ่


    “ ทูลท่านจ้าว มิมีใครรอกระหม่อมที่นั่น องค์ทราบดี ใยต้องขุ่นข้องพระทัย กระหม่อมเพียงอยากกลับไปชำระคราบเลือด คราบไคล “ มือแกร่งตรงเข้าจับแขน ออกแรงเพียงนิดเนื้อสีม่วงก็อาจช้ำชอกได้


    “ เช่นนั้นก็จงชำระที่นี่ กับข้า มาช่วยข้าปลดเครื่องทรงเสีย “ สุรเสียงทรงอำนาจบัญชา ผู้ด้อยศักดิ์กว่ายอมจำนน บรรจงถอดเกราะเล็บออก แล้วค่อยหันมาปลดเกราะออกให้ท้าวเทหะยักษา แม้หล่อนจะสูงกว่าสตรีทั่วไป แต่ยามอยู่เบื้องหน้าองค์เหนือหัว ก็ดูจะตัวเล็กบางไปถนัดตา ขณะที่ก้มลงจะปลดผ้านุ่ง ใบหน้าคมเข้มสมชายก็โน้มลงมาจูบเบาๆที่แก้ม ไล่มาจนถึงริมฝีปาก


    “ ท่านจ้าว อย่า… “ พรานสาวร้องห้าม


    “ เจ้าสั่งข้าได้หรือ พรานทมิฬ “ เขาว่ายิ้มๆ มองใบหน้าที่ดูรำคาญใจอย่างนึกสนุก และสำราญพระทัยมากเหลือเกินที่สังเกตเห็นว่ามือมีเล็บแหลมสั่นอยู่น้อยๆยามปลดผ้านุ่งออกให้ มันมิใช่ครั้งแรกที่หล่อนเห็นร่างไร้อาภรณ์ของตน แต่กิริยาไม่คุ้นชินระแวดระวังก็ช่างน่าเย้าหยอก


    “ กระหม่อมปลดให้ท่านหมดแล้ว เชิญท่านลงสรงเถอะ “


    “ อืม.. “ ร่างสูงจูบเบาๆที่แก้มนั่นอีกครั้งก่อนจะเดินไปสรงน้ำร้อนจนควันขึ้น ระหว่างทางมือแกร่งดับเทียนและอัจกลับในห้องจนหมด


    ช่วงนี้อากาศที่รามเทพเริ่มหนาวเย็น น้ำร้อนมีสมุนไพรเช่นนี้ช่วยคลายความเหนื่อยล้าจากราชกิจได้เป็นอย่างดี เนตรสีสดหันมาหาร่างระหงที่ยังรอบัญชาให้กลับห้องพักอย่างมีความหวัง


    “ พรานทมิฬ เจ้าไปยืนตรงริมขอบสระน้ำทางนั้นสิ “ หญิงสาวมองตามนิ้วมือของนาย จึงพบว่าริมฝั่งที่ท่านจ้าวบอกคือบานบัญชรใหญ่มีม่านบางกางกั้น หากวันนี้มันถูกรวบเก็บ เผยแสงจันทร์สว่างเข้ามาด้านใน เธอรีบเดินไปยืนตรงนั้นทันที


    “ ถอดชุดทรงเจ้าออกเสียตรงนั้น แล้วเดินลงมาชำระกายร่วมกับข้า “ ดวงตาสีทองพื้นดำเบิกกว้าง โดยปกติหล่อนรวมสรงน้ำบ่อยครั้ง แต่ไม่เคยที่พระองค์จะเอ่ยเช่นนี้ ริมฝีปากบางเม้มหากันด้วยลำบากใจ ปนกระดากอาย


    “ ข้ารอเจ้าอยู่นะ ให้องค์เหนือหัวคอย อยากโดนลงหวายหรืออย่างไร “


    “ กระหม่อมยินดีโดนอาญา “


    “ ถอดชุดทรงเจ้าเสีย พรานทมิฬ อย่าให้ข้าต้องเป็นคนไปถอดให้เจ้า “ น้ำเสียงเข็มขึงทำให้สุดท้ายผู้น้อยกว่าทั้งอายุและศักดิ์ศรีก็ยอมแพ้ เธอค่อยๆถอดชุดเกราะหนาออกทั้งเกราะอกและเกราะแขน ใบหน้าก้มลงยามปลดผ้าพันอกที่รัดแน่นจนแทบมองไม่เห็นทรวงอกที่อาจอวบอิ่มเท่าเหล่านางยักษ์ แต่ก็สวยงามได้รูป มือเรียวไล่มาจนถึงผ้านุ่งกลั้นใจถอดจนหมด โดยมีสายตาคมกริบของท้าวเทหะยักษาจ้องมองมิวางตา องค์ทอดพระเนตรมองร่างผอมบางมีกล้ามเนื้อสวยอย่างแสนพอใจ


    “ ลงมาสิ มาหาข้า “ น้ำเสียงทุ้มเอ่ย ยกพระหัตถ์ขึ้นมา อีกฝ่ายพยักหน้าก่อนก้าวขาลงมาในน้ำร้อนแล้วเดินมาจนหยุดเบื้องหน้านายหนุ่มที่นั่งตรงขั้นบันได ระดับน้ำจึงสูงแค่อก ในขณะที่ร่างบางต้องยืนเผยร่างกายท่อนบนจนถึงเอวคอดให้เขาเชยชม


    “ กระหม่อมมาตามที่บัญชาแล้ว “


    “ แช่ตัวลงไปในน้ำเสีย “ หล่อนทำตามอย่างว่าง่าย รู้สึกแสบที่แผลจนเผลอนิ่วหน้า ตอนนั้นเองที่ท้าวเธอเคลื่อนองค์มาใกล้ ยกมือแตะที่แผล


    “ น้ำนี่ผสมสมุนไพรสมานแผลลงไปด้วย เจ้าคงจะแสบแผลอยู่บ้าง แต่ถ้าแช่นานหน่อย มันจะได้ไม่มีแผลเป็น “


    “ กระหม่อมมิสนใจนเรื่องแผลเป็น “


    “ แต่ข้าสนใจ “ ยักษ์หนุ่มว่า รวบร่างที่หันหลังให้เข้ามาสวมกอด


    “ ร่างกายเจ้าเป็นของข้า ข้าไม่ชอบให้ของของข้ามีตำหนิ “ ดวงหน้าของพรานสาวสลดไปสักน้อย


    “ ขออภัย หากแผลตรงหน้ากระหม่อมคงจะมิอาจหาย “


    “ สักวันข้าจะทำให้มันหายไป ถึงตอนนั้นเจ้าจะได้เลิกเอามันมาอ้างเรื่องที่ข้าจะให้เจ้ามาเป็นมเหสีของข้าเสียที “ ชายหนุ่มว่า ดึงร่างที่หันหนีให้หันมาสบพระเนตรอย่างแสนรัก ก้มลงจูบที่ดวงตาและริมฝีปากมีแผลประดับ แผลที่เจ้าพวกมนุษย์ทำ องค์โกรธเสียจนมีบัญชาให้ล้างบางหมู่บ้านมนุษย์ที่เป็นต้นเหตุให้หญิงสาวที่พระองค์หวงแหนต้องมีแผลเป็น


    “ กระหม่อมมิเคยอยากเป็นมเหสีของพระองค์ ไม่เคยคิด ไม่เคยฝัน “


    “ แล้วอยากเป็นอันใด ข้านึกสงสัยนักทำไมเจ้ามิเคยอยากได้อะไรจากข้า หากเป็นผู้อื่น หากเป็นสตรีอื่น คงจะวอนขอข้าทุกอย่าง เงินทอง แพรพรรณ ข้ารับใช้ เจ้าช่างแปลกนัก เจ้ามิเคยอยากได้อะไร มิเคยอยากขออะไร “ องค์รั้งร่างระหงมาแช่น้ำบนตักเคียงกัน จูบเย้ายวนที่ท้ายทอยสวยอย่างเสน่หา


    “ กระหม่อม...ไม่ได้ต้องการอันใด แค่พระองค์ชุบเลี้ยงมาเท่าที่มีทุกวันนี้ก็พอแล้ว “


    “ พอเพียงนักนะ แม่เสือทมิฬ…จะว่าไป หญิงอื่นล้วนอยากถวายตัวรับใช้ข้า อยากได้ข้าเป็นผัว อยากจะเป็นแม้เพียงบาทบริจาริกาก็เอา เจ้าเสียอีก ได้รับใช้ข้าใกล้ชิดทุกคืนแล้ว ใยไม่เคยนึกอยากจะเป็นเช่นนังพวกนั้นบ้างเล่า… “ เทหะยักษาถาม ไล่นิ้วไปตามแขนเรียวงามแข็งแรงอย่างหลงไหล


    “ แค่พระองค์เมตตาให้หญิงอัปลักษณ์เช่นกระหม่อมได้รับใช้ ประทานนามพรานทมิฬให้ แทนชื่อเดิมของข้า ให้ข้ามีที่ซุกหัวนอน ให้ข้ามิต้องเป็นทาสรับใช้ไอ้พวกมนุษย์จัญไรที่ฆ่ามารดาของข้า ข้าก็นับว่านั่นเป็นบุญคุณล้นพ้นแล้ว “


    “ อัปลักษณ์ ไอ้อีนางไหนว่าขานเจ้าอีก บอกข้าสิ จะได้ตัดลิ้นแล้วลงหวายเสียให้หลาบจำ “


    “ พวกหล่อนพูดความจริง ข้าอัปลักษณ์ ข้ามิได้มีรูปโฉมงดงามเช่นพวกนาง...ไม่แม้แต่จะมีจริตน่าชมอย่างพวกนาง “ ผู้พูดเอ่ยเสียงเบา หันหน้าไปมองกระจกบานใหญ่ ภาพสะท้อนตนเองเคียงข้างยักษ์หนุ่มที่รูปโฉมงามราวเทพบุตร ดูอย่างไรก็มิเหมาะสม อีกฝ่ายถอดถอนใจ


    “ ข้าไม่เห็นเป็นเช่นนั้น ไม่เคยเห็นแม้สักครั้ง “ มือหนายกขึ้นจับแก้มความร้อนจากน้ำและความนุ่มนวลชวนให้ทมิฬสาวใจเต้น


    “ สำหรับข้าเจ้างามมากพอแล้ว นี่คือความงามที่ไร้การปรุงแต่ง หาไม่เพราะเจ้างามเช่นนี้ ข้าคงมิหักหาญน้ำใจเจ้าเมื่อครั้งเจ้าแตกเนื้อสาวหรอกใช่ไหม? “ ชายหนุ่มกระซิบถาม หญิงสาวเงียบไปยามนึกถึงช่วงเวลาที่เรียกได้ว่าเลวร้ายที่สุดช่วงนึงที่เกิดขึ้นแก่ตนเอง


    ใช่ หล่อนถูกราชาองค์นี้ขืนใจ

    แต่เขามิได้ขืนใจแล้วทิ้งขว้าง

    จำได้ดีว่าหลังตกเป็นของอีกฝ่าย

    ร่างสูงขององค์เหนือหัวเอ่ยโอษฐ์ทันที

               ดวงตาสีสดแสดงความจริงใจ

               แม้จะถูกหล่อนขึ้นคร่อมเอาดาบจ่อคอก็ตาม


    “ กระหม่อมนึกโกรธที่พระองค์หักหาญน้ำใจ แต่ก็สำนึกว่าว่าเคยลั่นวาจาไว้ว่าจะรับใช้ จะภักดีถวายชีวิตให้ ….อย่างไรมันก็แค่พรหมจรรย์ มิได้สำคัญเท่าปฏิญานของข้า “ หล่อนเอ่ย แต่อีกฝ่ายผู้เคยทำผิดรู้ดีว่าอย่างไรเรื่องนี้ก็ติดอยู่ในใจของร่างระหงในอ้อมแขน จึงกระชับกายผอมเข้ามา จูบเบาๆที่ขมับอย่างแสนรัก


    “ จะอย่างไรข้าก็มิควรทำ...ข้าสมควรโดนเจ้าปาดคอ “


    “ โทษครั้งนั้นกระหม่อมสมควรได้โทษ “


    “ ข้าก็ลงโทษเจ้าอยู่ทุกเช้าค่ำมิใช่หรือ? “ องค์เหนือหัวกระซิบ ก่อนจะไล่นิ้วลงไปตามเอวคอด สัมผัสต้นขาแน่น นิ้วยาวซุกซนเสียจนร่างบางต้องครางครวญเอ่ยขอ


    “ ได้โปรด พระองค์ นี่มิใช่ตั่งเตียง “


    “ ก็รู้อยู่ข้ามิสนตั่งเตียง “ ยักษ์หนุ่มเกศาสีเพลิงว่า จับใบหน้านั่นเข้ามาใกล้จุมพิตยั่วเย้าสอดลิ้นไปเร่งให้ตอบสนองพระองค์ พรานสาวหอบหายใจแต่มิอาจฝืนแรงได้จึงต้องปล่อยให้ทำ หล่อนสะดุ้งยามนิ้วของเขาแตะเบาๆที่ส่วนอ่อนไหว กดย้ำไปมาเรียกเสียงหอบกระเส่าที่ทำให้แทบจะทนไม่ไหว


    “ อย่ากลั้นเสียง พรานของข้า ข้าชอบฟังเสียงที่เหมือนนางแมวป่าของเจ้า “ องค์ว่าพลางจับขานั่นแยกออก เลื่อนนิ้วสอดแทรกเข้าไป แค่นั้นเอวที่แสนสวยก็แทบบิดเร้าไปมาอย่างเสียจริต


    “ ท่านจ้าว เมตตากระหม่อมด้วย “ ร่างสูงชะงักก่อนแย้มยิ้มกระซิบบอก


    “ อยู่กันเพียงแค่นี้ เรียกนามข้า พรานทมิฬ แล้วก็ไม่ต้องมากระมงกระหม่อมกับข้า แค่ข้ากับเจ้าก็พอ “

    “ ได้โปรด ท่านจ้าว...อือ! “ กลีบปากบางเม้มแน่น เมื่อนิ้วมือขยับราวแกล้งลงโทษ


    “ อย่าดื้อดึงกับข้า เรียกนามข้า พรานทมิฬ “


    “ ทะ...ท่านทารคา… “ เสียงหวานเอ่ย ดวงหน้าสีม่วงมีลายขาวแดงระเรื่อน่าชม กษัตริย์หนุ่มจับหล่อนขึ้นมาหันหน้าบนตัก โน้มคอลงมาจูบอีก มือแข็งแรงลูบไล้แผ่นหลังและองค์เอวน่าชมอย่างพึงใจ


    “ ดีมาก… พรานทมิฬ “


    “ ...บาก...เรียกข้าเช่นนั้นได้ไหม “ หล่อนเอ่ย ยามเมือจ้องมองใบหน้าของชายผู้กำลังกอดตนเองเอาไว้ เขานิ่วหน้า ก่อนจะดึงรั้งลงมาเพื่อครองครองปทุมถันงาม แม้มิได้ใหญ่โตเช่นยักษีในรั้ววัง แต่ก็งดงาม และนุ่มนวลยามมือใหญ่เค้นคลึง คมเขี้ยวกัดยอดถันเบาๆราวหยอกล้อให้เขินอาย


    “ อา...ทารคา พระองค์.. “


    “ ข้ามิเรียกเจ้าชื่อนั่น..ชื่อที่เอารอยแผลเจ้ามาตั้ง ชื่อที่ไอ้พวกมนุษย์ใช้เรียกเจ้าอย่างถ่อยเถื่อน… บงกช….ข้าจะเรียกเช่นนี้ “


    “ ข้ามิได้งามเช่นดอกบัว วอนขอท่านอย่าเรียกข้าเช่นนั้น “


    “ ข้าเพิ่งพูดไปเองนะว่าเจ้างาม ตรงไหนที่ไม่งามกัน ทั้งอกอิ่มของเจ้า “ ว่าพลางหยอกล้อกับทรวงอกสวยอีกครั้ง มือเลื่อนสัมผัสบีบคลึงอย่างนุ่มนวล ลิ้นแตะเบาที่ยอดอกดูดเม้มราวเป็นเด็กน้อยที่โหยหาน้ำนมมารดา


    “ ทั้งผิวสีดอกศรีตรัง ตัดกับลายขาวงามสวยนี่ “ ริมฝีปากประดับคมเขี้ยวจูบเบาๆที่ต้นแขนมีลาย ไล่มาจนถึงหน้าท้องมีกล้ามเนื้อ


    “ ท่าน...พอเถอะ “ พรานสาวเอ่ยห้าม มิเคยมีใครเอ่ยชมนอกเสียจากชายตรงหน้า ใยหัวใจจะไม่ไหวหวั่น อย่างไรก็เคยอิงแอบกันมาหลายราตรีเสียแล้ว


    “ บงกช… ดอกบัวของข้า ดอกไม้งามของข้า มาเถอะ คืนนี้ขอให้ผลิบานในอ้อมแขนของข้าได้หรือไม่ “ องค์เหนือหัวกระซิบถาม ฉุดรั้งร่างผอมบางลงนอนกับพื้นริมขอบสระน้ำสรง จ้องมองผิวกายแดงระเรื่อจากน้ำร้อน เย้ายวนเสียจนอดเลียปากไม่ได้อย่างกระหายใคร่อยากชิมไปทั่วผิวกาย


    “ ท่านจ้าว...ทารคา… “ สองแขนยกขึ้นโอบกอดรอบคอ จุมพิตตอบกลับทดแทนทุกคำพูด ผู้อยู่เหนือทั้งยักษาและมนุษย์แย้มรอยยิ้มเยือกเย็น


    “ คืนนี้ข้าคงให้เจ้าทำภารกิจใต้ร่างข้าเสียทั้งคืนแล้วละมั้ง “


    “ ข้าน้อมรับบัญชาพระองค์ “ ร่างเล็กกว่าตอบ ก่อนจะทอดร่างให้อีกฝ่ายที่พร้อมอยู่แล้ว เขาโน้มกายลงหยอกล้อกับยอดอก ก่อนเลื่อนองค์มาจูบหน้าท้อง แล้วไล่มาถึงส่วนอ่อนไหวที่องค์ตระเตรียมความพร้อมด้วยนิ้วไปแล้ว ครานี้จะทรงหยอกล้อด้วยอย่างอื่นบ้าง...


    ร่างเล็กแอ่นสะโพกอย่างหวามไหวในอารมณ์ยามสัมผัสได้ถึงลิ้นที่แตะเบาๆ สัมผัสนุ่มนวลแต่เร่งเร้าเอาแต่พระทัยเช่นเคย หล่อนครางราวนางแมวป่าที่ถูกตัวผู้ขึ้นคร่อม แต่นั่นยังไม่ทั้งหมด เมื่อขาบิดเกร็งและเสียงร้องสิ้นสุด ทารคาก็ยืดองค์ขึ้นเลียนิ้วและปากที่เปื้อนรสชาติหวานของพรานสาว ดวงตาสีดำพื้นทองปรือต่ำ ทั้งอับอายและพึงใจ บุรุษตรงหน้าคือผู้มีศักดิ์เหนือใคร แต่ยามนี้เท่านั้นที่พระองค์จะเอาอกเอาใจหญิงสาวต่ำศักดิ์เช่นตน


    “ แยกขาออกสิ แม่เสือทมิฬ “ น้ำเสียงทุ้มสั่งเบาๆ มือใหญเลื่อนไปขยับแก่นกายร้อนเพื่อเตรียมพร้อม ตอนนั้นเองที่ร่างบางผุดลุกขึ้นมา ก่อนเอ่ยเสียงเครือ


    “ ข้าจะทำให้ท่านบ้าง… “ หล่อนว่า อีกฝ่ายมิเอ่ยอะไร แค่หัวเราะลูบผมสีขาวนุ่มมือเบาๆอยามจ้องมองริมฝีปากบางกลืนกายใหญ่โตของตนเอง องค์กลั้นเสียงพอใจจนแทบจะเป็นคำรามในลำคอ ก่อนจะผลักพรานสาวออก


    “ ทารคา? “ ชายหนุ่มดึงหญิงสาวลงนอนก่อนขึ้นคร่อม


    “ ข้าอยากปลดปล่อยในกายเจ้า อยากให้ท้องสวยๆของเจ้ามีลูกของข้าในนั้น “ เขากระซิบแผ่วเบา ก่อนจะค่อยๆขยับความเป็นชายใหญ่โตเข้าไปในร่างระหง ทมิฬสาวสะดุ้งเฮือก จิกเล็บกับผิวกายสีมรกตอย่างอึดอัด


    “ พระองค์...ทารคา ค่อยๆ “


    “ เจ็บหรือ “ ร่างสูงถาม ขะงักกายไว้ด้วยมิอยากทำร้ายขืนใจจนร่างที่แสนรักต้องเจ็บ


    “ ไม่….เจ้าค่ะ “ คำลงท้ายทำให้ทารคาหมดสิ้นความอดทน เขาชอบนักยามหญิงสาวคะขาด้วย แต่ก็เฉพาะกับแม่ดอกบัวงามคนนี้เท่านั้น หล่อนเกลียดการถูกมองว่าอ่อนแอจนทำตัวเหมือนชาย พันผ้าแถบเสียจนแน่นน่าอึดอัด ตัดผมสั้นทรงแปลกเสียจนคนนินทา ทำงานทำภารกิจให้พระองค์เสียชายอกสามศอกยังครั่นคร้ามในฝีมือ กระนั้นทุกสิ่งก็มิอาจทำให้องค์เหนือหัวมองว่าหล่อนงามน้อยลงไปสักนิด ดีเสียอีก จะได้ไม่มีใครมอง เขาก็มิอยากควักลูกตาชายอื่นที่มองนางนักหรอกนะ


    “ ทารคา..พระองค์ เบาแรงลงหน่อย “ เสียงหวานเอ่ยขอ ยามถูกโยกคลอนในกายเสียจนร่างแทบปลิดปลิว อีกฝ่ายยิ้มก้มลงจูบแลกลิ้นอย่างเร่าร้อนมิให้หยุดพัก


    “ เจ้ายั่วเย้าข้าเองนะ “


    “ ข้ามิได้ยั่วยวนท่าน...อือ “ หล่อนกระตุกก่อนจะหอบคราง ทารคายิ้มพลางเลิกคิ้ว


    “ เจ้าเสร็จสมก่อนข้าได้อย่างไร อยากโดนลงทัณฑ์หรือ “


    “ อาญามิพ้นเกล้า ข้ามิตั้งใจ วอนอย่าโกรธ “ ร่างระหงเอ่ยด้วยเสียงเบาราวออดอ้อน ทารคาหัวเราะก่อนจะขยับกายมาเป็นอุ้มหล่อนกลับลงไปแช่น้ำ จับขยับให้ร่างบางกว่านั่งบนตักโดยไม่ยอมแม้แต่จะถอนกายออก


    “ ทารคา...พระองค์ โปรดอย่าแกล้งข้า “


    “ มิได้แกล้ง ข้าลงโทษเจ้าต่างหาก กำลังร่วมรัก ใยเจ้าเสร็จสมก่อนข้า หากเป็นเช่นนี้เจ้าก็จงทำให้ข้าพอใจเสีย มิเช่นนั้น...อย่าหวังข้าจะปล่อยเจ้าไปง่ายๆนะ  “ หญิงสาวเม้มปากก่อนจะค่อยขยับสะโพกคอดกิ่วให้ควบไหวบนกายของอสุรามรกต น้ำกระเพื่อมตามแรงจนเปียกปอน แต่ก็มิอาจหยุดกามกิจนี้ได้ ทารคามองร่างสีม่วงหม่นที่กำลังบำเรอให้ตนเองอย่างพอใจ แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาต้องร่างนวล สวยงามยิ่งนัก…


    “ อา..ทารคา...พระองค์...ข้า… “


    “ อีกนิด ...บงกชของข้า อีกนิด “ น้ำเสียงเปี่ยมอำนาจเอ่ยกระซิบก่อนที่องค์จะกดสะโพกนั่นให้แนบชิดเข้ามาแล้วกระตุกกายปล่อยน้ำรักที่หญิงมากมายปรารถนาเพื่อต้องการเชื้อของพระองค์สำหรับทายาท แต่มิมีวันเสีย เมื่อคนเดียวที่จะได้ไปคือนาง...ดอกบัวสีม่วงแสนงามคนเดียวนี้เท่านั้น


    “ ดีมาก… “ เขาเอ่ยชม โน้มร่างนั่นลงมาจูบเอาใจ


    “ ทารคา...ข้าเหนื่อยแล้ว วอนขอไปพักได้หรือไหม? “ หล่อนถาม ซบใบหน้าลงกับไหล่เหมือนเด็กอ้อนขอขนมจากผู้ใหญ่ ทารคาหัวเราะเบาๆ เชยคางขึ้นมาจุมพิตกลีบปากสวย


    “ ข้ายังไม่เหนื่อย ยังอยากให้เจ้าทำภารกิจร่วมกับข้าต่อได้หรือไม่ “ องค์ว่า พลางเลื่อนมือไปรั้งกายของหญิงสาวให้แนบเข้ามา เธอหลุดครางเสียงแผ่ว จ้องมองใบหน้าคมคายงดงามที่ตนเองได้ครอบครอง


    “ มิสงสารข้าเลยหรือ พระองค์ “


    “ หากคืนนี้เจ้าทำภารกิจได้ดีเยี่ยม ข้าจะสั่งงดเจ้าออกไปไหนเกินอ้อมแขนข้าเสียสักเดือนนึง “


    “ ทารคา ท่านช่างเอาแต่ใจ “ หล่อนเอ่ยเสียงเบา ยกแขนโอบอีกฝ่ายเอาไว้ เขาจูบข้างๆขมับก่อนดึงให้เธอเป็นอิสระจากตนเอง หญิงสาวเม้มปากกลั้นเสียงคราง กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ถูกพามายังห้องบรรทม ไม่ทันทักท้วงอะไร ก็มิอาจได้เอ่ยคำใดนอกจากเอ่ยนามองค์เหนือหัวตลอดค่ำคืนแสนหนาวเย็น แต่ก็ไม่ได้ทำให้บรรยากาศเร่าร้อนจากสองร่างที่กระหวัดรัดรึงราวเถาไม้ในป่าให้บรรเทาความร้อนแรงลงเลยสักนิด….


    พระจันทร์สาดส่องเงาร่างที่เคลื่อนไหวทาบทับกัน มือสอดประสานเช่นเดียวกับแรงจากกายแกร่งที่ไม่ยอมถอนออกไปง่ายดายจากส่วนอ่อนไหว เสียงทุ้มทรงอำนาจกระซิบแผ่วเบาทุกครั้งยามองค์ถ่ายเทอารมณ์รักทุกหยาดหยดในร่างนั้น เบานักแต่คนฟังได้ยินชัดแจ้ง


    “ ข้ารักเจ้า… “


    .

    .
    .

    .

    .

    .



    “ หากหม่อมฉันกดมีดลงไป หม่อมฉันจะปลิดชีพพระองค์ได้ในคราเดียว “ มือของพรานสาวสั่น ยามที่จรดมีดแหลมลงตรงคอของชายที่ชุบเลี้ยงมา น่ำตาหยดลงต้องใบหน้าคมที่นิ่งเฉยราวรอรับโทษทัณฑ์


    “ ถ้าบรรเทาความโกรธเจ้าได้ ก็จงทำ พรานทมิฬ “


    “ กระหม่อมเทิดทูนพระองค์เยี่ยงชีวิต ใยจึงหักหาญน้ำใจกระหม่อม...สุดท้ายพระองค์ก็เห็นข้าเป็นเพียงนางบำเรอ สาแก่ใจพระองค์แล้วอย่างไร ที่ได้ช่วงชิงแม้กระทั่งพรหมจรรย์ของหญิงอัปลักษณ์“ มือผอมสั่นระริิก ทารคายกมือของตนขึ้นจับใบหน้าที่มีสีหน้าเจ็บปวด


    “ ข้ามิเคยเห็นเจ้าเป็นนางบำเรอ และข้าพอใจนักที่ได้เป็นชายคนแรกของเจ้า… “


    “ อย่ามาเล่นลิ้นให้ข้าหลงเชื่อพระองค์อีก! บุญคุณที่ชุบเลี้ยงมาข้ามิวันลืม แต่ใย..ใยพระองค์ต้องทำเช่นนี้ เพราะข้าน่าเกลียดงั้นหรือ หรือแค่อยากสงเคราะห์ให้หญิงอัปลักษณ์เช่นข้ารู้จักผู้ชาย “


    “ ไม่ใช่ทั้งนั้น “ ยักษ์หนุ่มเอ่ย ก่อนจะปัดดาบออก แล้วกระชากตัวของพรานสาวมาแนบกอด จูบปลอบที่เรือนผมขาว ไม่สนแม้ถูกนางเอากรงเล็บกดลึกลงไปที่หลัง


    “ ทั้งๆที่หม่อมฉันไว้ใจพระองค์ เทิดทูนพระองค์ ใยถึงทำกับหม่อมฉันเช่นนี้ “ หล่อนสะอื้นถาม ทารคากอดร่างที่สั่นเอาไว้ กระซิบแผ่วเบา


    “ โกรธข้า มิต้องอภัยให้ข้า แต่อยากให้เจ้ารู้ไว้  ถ้าอยากจะฆ่าข้าก็จงทำ แต่มันไม่เปลี่ยนแปลงอะไร ไม่อาจเรียกคืดพรหมจรรย์ของเจ้าที่ข้าแย่งชิงมา และไม่อาจทำให้ข้า….เลิกรักเจ้า “


    .

    .
    .

    .

    .

    .

    หญิงสาวผมสีขาวเอื้อมมือมาหยิบผ้าแพรขึ้นพันกายหลังจากตื่นนอนแล้วพบว่าตนเองนอนขดในอ้อมแขนของกษัตริย์หนุ่มที่ยังหลับสนิท ร่างบางค่อยๆขยับกายออกอย่างระวัง มองคะเนจากแสงแดดที่ลอดผ่านม่านหนาทึบเข้ามาก็คิดว่าคงจะสายมากแล้ว จึงขยับกายกลับไปห้องสรงน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายแต่งตัวแล้วเดินกลับมา พรานทมิฬมองใบหน้าของชายที่ร่วมรักกันมาทั้งคืน บ่อยครั้งความสับสนใจใจยังคงอยู่ไม่เคยจางหาย แต่ความรักความเทิดทูนก็ยังทำให้หล่อนยังคงอยู่ข้างกายชายผู้นี้มาตลอด มือยกขึ้นจับเบาๆที่แก้มสีมรกต ก่อนจะผละออกเตรียมเดินออกไป หากแต่ยังไม่พ้นถึงทวารบาล เสียงทรงอำนาจก็เอ่ยออกมา


    “ ข้าไม่อนุญาตให้กลับ ใยขัดคำสั่งข้า “


    “ อาญามิพ้นเกล้า กระหม่อมเห็นว่าเช้าแล้ว องค์ก็บรรทมอยู่ กระหม่อมมิอยากกวน จึงจะขอกลับที่พักก่อน สกุณเหราเองก็คงหิวแล้วด้วย “ หญิงสาวว่า มิได้หันกลับมา และไม่กล้าจะหันหนักขึ้น เมื่อร่างที่นอนอยู่ลุกเดินมาแนบชิดด้านหลังอย่างไร้อาภรณ์ใดสวมกาย


    “ ขัดคำสั่งข้ากี่ครั้งกี่หนแล้ว แม่เสือทมิฬ….ต้องให้ข้าลงหวายสักทีเสียดีไหม จะได้เลิกดื้อดึงเสียที “


    “ ท่านจ้าวโปรดเมตตา ข้าแค่เกรงพระองค์จะบรรทมไม่สบาย “ ทารคาถอนใจ ยกมือแตะต้นแขนที่แผลดูจะบรรเทาลง คงไม่เป็นแผลเป็นแน่แล้ว องค์ก้มลงจูบไหล่อย่างเอาใจ


    “ ข้าหลับสบายดี สบายดีมากด้วยซ้ำยามเจ้าอยู่ข้างๆ “


    “ ...วันนี้น่าจะทรงมีราชกิจ หากทรงตื่นบรรทมแล้วก็เป็นการดี “ หล่อนว่า อีกฝ่ายเลิกคิ้วมอง


    “ ช่างเฉไฉไปเรื่อยนะ เจ้าว่าข้ามีราชกิจใช่ไหม? “ พรานสาวพยักหน้า


    “ งั้นข้าก็มีภารกิจให้เจ้า หันหน้ามาหาข้าสิ “ ร่างบางกว่าทำตามประสค์อย่างว่าง่าย มือแกร่งเชยคางขึ้นมาให้สบเนตรสีทับทิม


    “ จงอยู่ที่ห้องข้า ร่วมรักกับข้า อยู่กินนอนที่ห้องข้าไปจนกว่า…. หน้าท้องสวยของเจ้าจะมีชีวิตที่เกิดจากข้าในนั้น “ ดวงตาสีทองเหลือกลืมมองมบหน้าคม


    “ ทารคา ข้ามิอาจกล้าทำถึงเพียงนั้น…. ท่านเป็นพงศ์ยักษ์ที่แข็งแกร่งและสง่างาม ข้าเป็นแค่ทมิฬต่ำต้อย ไม่ควรมีบุตรให้ท่าน อีกอย่าง...ข้าอาจให้กำเนิดบุตรแก่ท่านไม่ได้ ทั้งๆที่ก็ร่วมเตียงกันมานานแล้ว ข้าก็มิเคยตั้งครรภ์ ท่านก็ทราบดี “ ราชาหนุ่มถอนใจ ก่อนจะตวัดอุ้มเอาร่างของหญิงสาวขึ้นมา


    “ รู้นิสัยข้ามิใช่หรือ ข้าไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ และเอาแต่ใจ ข้าอยากได้อะไรก็ต้องได้ “


    “ ข้ารู้ดี แต่ข้า...ข้าทำได้เพียงอยู่ข้างท่านในฐานะพรานทมิฬ เป็นนักล่าที่ไปทั่วแว่นแคว้นที่ท่านอยากให้ไป แต่หากข้ามีบุตรของท่าน ข้าคงทำหน้าที่ของข้าไม่ได้ ท่านก็รู้ สตรีที่มีแผลมิอาจเป็นได้แม้แต่นางต้นห้อง ข้าไม่อาจรับใช้ท่านได้ ทารคา มันมิใชหน้าที่ของข้า “


    “ หน้าที่เจ้าคืออยู่ข้ากายข้า หากไม่ใช่เจ้า ข้าก็มิคิดตั้งใครเป็นเมียเอก สนมนางในอะไรข้าก็มิต้องการ ข้าต้องการแค่เจ้า ไม่เช่นนั้นข้าไม่ฝืนใจเจ้าหรอก “ ร่างสูงว่า อุ้มเอาร่างระหงกลับมายังเตียงกว้าง เอนกายลงเคียงข้าง


    “ ท่านเป็นกษัตริย์ จำต้องมีทายาท “


    “ ข้ามีแล้ว...มารตาเสียอย่างไร เมื่อถึงเวลาที่มารตาพร้อม ข้าจะสละบัลลังก์แล้วให้เขาครองไปเสีย ถึงตอนนั้นทุกดินแดนจะตกอยู่ใต้การครอบครองของคีรีกัณฑ์ “


    “ ข้ามิรับใช้ท้าวมารตาดอกหนา ทารคา ข้าสาบานแต่กับท่าน “


    “ ข้าก็มิคิดยกเจ้าให้ไปเป็นพรานของมารตาดอก… เจ้าเป็นของข้าแต่เพียงผู้เดียว เจ้าดอกบัวงามของข้า เอาเถิดเวลาของข้ากับเจ้ายังอีกยาวนาน ไม่ต้องรีบร้อนเรื่องบุตรไป จะมีหรือไม่ข้าก็ไม่ใส่ใจ ขอเพียงเจ้า… ขอเพียงเจ้าอยู่ข้างข้า ขอเพียงหัวใจเจ้าภักดีแด่ข้า “ องค์ว่า พลางยกมือเรียวมาจุมพิต


    “ ข้าภักดีแต่เพียงท่าน นายเหนือหัวของข้า “


    “ ยามนี้ข้ามิอยากเป็นนายเหนือหัว “


    “ แล้วอยากเป็นอันใดเล่า “ หล่อนถาม เขยิบกายเข้าหาร่างสูงที่เอื้อมมือไปปลดแถบผ้าออก มือแกร่งไล่ลงมายังชายผ้านุ่ง


    “ เป็นผัวเจ้าเสียอย่างไร? “


    “ ทารคา ท่านนี่ช่างเหลือเกินจริงๆ “ ทมิฬสาวว่า แต่ก็ยอมโอนอ่อนให้กับจูบที่โน้มลงมา และกายแกร่งที่ร่ำร้องต้องการหาที่พักพิง เสียงครวญเครือเจือเสียงหอบกระเส่าคลอเคล้าตลอดแทบช่วงเช้าของวัน ก่อนที่องค์เหนือหัวที่ชำระกายเสร็จแล้วจะออกมาสานต่อราชกิจ การืณีซาเลิกคิ้วแปลกใจที่ไม่เห็นพรานทมิฬมาร่วมเข้าเฝ้าถวายงานเช่นทุกทีจึงเอ่ยถาม


    “ ทูลท่านจ้าว พรานทมิฬไปไหนเล่า ใยไม่ออกมาเข้าเฝ้าช่วยราชกิจ “


    “ ใครบอกเจ้ากัน นางทำภารกิจที่ข้าให้จนเสร็จแล้ว ปล่อยนางพักบ้างเถอะ “ ท่านจ้าวเทหะยักษาว่าพลางหัวเราะอารมณ์ดี ทิ้งให้การ์ณีซางุนงงต่อไป….


    .

    .

    .

    ..

    ..

    .


    “ อย่าโปป้ดข้า ท่านจ้าว ท่านจะมารักข้าหญิงอัปลักษณ์เช่นข้าได้อย่างไร “ พรานสาวสะอื้นถาม ทารคากอดร่างนั้นไว้แน่น


    “ เจ้าไม่ได้อัปลักษณ์ ข้าไม่เคยมองเจ้าเช่นนั้น ข้าให้เจ้าอยู่รับใช้ใกล้ชิดเพราะอยากให้เจ้าอยู่ข้างข้า อยากแต่งตั้งเจ้าเป็นมเหสี เป็นเมียเอก อยากให้เจ้าอุ้มท้องลูกของข้า “ ร่างบางสะอื้นหนัก ยกมือทุบตีองค์เหนือหัวผู้ชุบเลี้ยงตนอย่างเสียใจ


    “ อย่าตรัสเช่นนี้ อย่าหลอกข้าด้วยคำหวาน  ข้าก็แค่หญิงที่ท่านช่วงชิงพรหมจรรย์ไปเพราะอยากทำลาย อยากช่วงชิงศักดิ์ศรีที่มีน้อยนิดของข้า สาแก่ใจพระองค์หรือยังเล่า? “


    “ หากข้าพูดอันใดออกไปแล้วเจ้ายังมิเชื่อ ข้าก็จะไม่ขอแก้ตัวอะไรอีก หยิบดาบของเจ้ามาปาดคอข้าเสีย “ ชายหนุ่มจับมือของพรานทมิฬมาจับมีดแล้วจ่อที่คอ กดใบดาบลงจนได้เลือด หล่อนหวีดร้องแผ่วเบาก่อนลดมือลงแล้วสะอื้นไห้เช่นผู้แพ้


    “ ….มิต้องยกโทษให้ข้า ไม่จำเป็น แต่ข้าขอเพียงอย่างเดียว อยู่ข้างกายข้า ให้ข้าได้พิสูจน์ว่าข้าทำไปเพราะมิได้มีเจตนาจะย่ำยีเจ้าเพื่อความสนุกสะใจ เป็นพรานของข้าเถอะ “


    “ หม่อมฉันปฏิญาณแล้ว...ว่าจะภักดี หม่อมฉันก็จะทำ แต่อยากให้พระองค์รู้ ว่าสิ่งที่พระองค์ทำกับหม่อมฉันวันนี้ หม่อมฉันมิมีวันอภัย “


    “ ก็ไม่ต้องอภัย ข้าไม่ต้องการการอภัยจากเจ้า สิ่งเดียวที่ข้าต้องการคือความรักจากเจ้า “


    “ ใยถึงมารักหม่อมฉัน หม่อมฉันมิควรคู่ให้พระองค์มารัก “


    “ หากไม่รักใยข้าต้องขืนใจเจ้าเช่นนี้ หากไม่รักแล้วใยต้องการเจ้ามาเพียงนี้ “ ทารคาเอ่ยถาม รั้งร่างบางมากอดแน่น


    “ พระองค์ พอเถอะ อย่าทำให้หม่อมฉันเสียใจไปมากกว่านี้อีกเลย “


    “ ให้เวลาพิสูจน์ พรานของข้า ให้เวลาพิสูจน์ว่าข้าจะไม่มีญิงอื่นใดนอกจากเจ้า “ ริมฝีปากประดับคมเขี้ยวจุมพิตซับน้ำตาที่ไหลลงมา


    “ ท่านจ้าว เทหะ… “


    “ ทารคา...เอ่ยนามข้าเสียทุกครั้งที่เราอยู่ด้วยกันลำพัง ข้าอนุญาต เจ้าคนเดียวที่ข้าให้เอ่ยนามนี้ “ เขาว่า กอดร่างที่ยังคงสั่นไว้ หล่อนหลับตาซุกลงกับอกแกร่งร้องไห้ไปจนหลับไปในอ้อมแขนแข็งแรงที่โอบกอด



    นับจากวันนั้นมิเคยมีสักคืนที่ท่านจ้าวเทหะยักษาจะเอ่ยเรียกสตรีนางใดมารับใช้ข้างกาย องค์มิเคยชายพระเนตรมองหญิงใดแม้สักคน เนตรสีทับทิมมีไว้เพียงมองพิศร่างผอมบางผิวกาายสีม่วงหม่นที่อยู่ข้างกาย ไม่เคยสักคราที่ทุกคืนค่ำจะให้มีสตรีใดมานอนเคียงข้าง นอกจากพรานทมิฬ หญิงสาวเผ่าทมิฬที่ใครก็ต่างหาว่านางนั้นอัปลักษณ์ มิมีรูปโฉมใดเหมาะสมกับองค์ราชาผู้หนุ่มแน่นงดงามเลยแม้แต่นิดเดียว และทุกครั้งที่ทำให้หัวใจของทมิฬสาวแทบหลอมละลายนอกเสียจากยามอยู่ในอ้อมแขนกว้าง คือการที่ ท่านจ้าวปฏิเสธการสมรสจากเหล่าขุนนางที่เสนอหญิงงามมาให้


    “ เมียของข้าจะต้องเป็นบงกช หรือพรานทมิฬเท่านั้น ข้ามิต้องการหญิงอื่น เรื่องทายาทก็ให้มารตาเป็นทายาทของข้า “


    “ ท่านจ้าว? “ เหล่าเสนาคร่ำครวญ หากยามเห็นสายพระเนตรคมกริบก็พากันเงียบไปหมด


    “ ...ข้าจะกลับห้องแล้ว ...เจ้าก็ไปด้วย พรานทมิฬ...ไม่สิ บงกช “ ยักษ์หนุ่มว่า ยกหัตถ์ขึ้นมาให้หญิงสาวจับ หล่อนทำเช่นนั้นก่อนที่เขาจะรวบร่างระหงขึ้นอุ้มเดินออกจากโถงไปอย่างไม่ใยดีคำครหาใดๆ น้ำตาคลอในดวงตาคู่สวยสีทองพื้นดำ


    “ ท่านไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ ท่านควรมีมเหสี “


    “ ข้าสาบานกับเจ้าแล้ว หากไม่ใช่เจ้าหญิงอื่นข้าก็มิต้องการ “


    “ พระองค์ใยดื้อดึงขนาดนี้ “ เธอต่อว่า แต่ก็มิปล่อยแขนที่โอบล้อมรอบคอเอาไว้ราวหวงแหน


    “ เพราะรักเจ้าอย่างไร “


    “ ท่านจ้าว…. “


    “ รักข้าบ้างหรือยัง? “ เขาเอ่ยถาม สบเนตรลึกลงไปในดวงตาของพรานสาว ร่างบางยกกายกอดไหล่กว้างเอาไว้


    “ ใยตรัสถามเช่นนี้….คนที่หม่อมฉันรักก็มีเพียงพระองค์เท่านั้น“


    “ ก็เช่นกัน...เพียงเจ้าเท่านั้นที่ข้ารัก “



    ………………………………………………….….END……………………………………....………

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
mybjg (@mybjg)
ก่อนอื่นเลยนะคะ เรามาช้ามาก;-; มารู้ว่ามีคู่ชิปคู่ทารคากับพรานทมิฬ(ซึ่งเราก็ชอบคู่นี้มากๆ)ได้ไม่นานแล้วก็ส่องแท็กเรื่อยๆจนเจอลิ้งค์อันนี้ คือเราชอบมากๆๆๆๆ มันดีมากๆๆๆ เราอ่านหลายรอบมาก ทุกอย่างมันดีไปหมด เราไม่รู้ว่าคุณคนเขียนจะเห็นเม้นเรามั้ย เราอยากให้คุณเห็นมากๆว่าเราชอบมากๆ ถึงขั้นล็อกอินเพื่อมาเม้นถึงคุณโดยเฉพาะเลยนะคะ สรุปสั้นๆก็คง"เราชอบมากๆๆๆเลยนะคะ;;--;;❤❤❤"