"ฉันอยู่ที่นี่มาตั้งแต่สมัยที่โรงแรมนั่นยังเป็นกระท่อม

ฉันไปกลับที่นี่อยู่บ่อยครั้ง และนี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี

ที่ฉันได้กลับมาบ้านเกิดอีกครัง"

"ชาวแฟรี่" คืออะไร ?

ชาวแฟรี่ เป็นได้ทั้ง คน สิ่งมีชีวิต และสัตว์ในตำนานตาม

ความเชื่อของชาวยุโรปที่มีมาอย่างช้านาน

และชาวแฟรี่ก็มักปรากฎกายตามนิทาน นิยายปรัมปรา และเรื่องเล่าขานที่เล่าต่อๆกันมา

ไม่มีใครรู้ว่าชาวแฟรี่มีอยู่ในโลกมนุษย์จริงหรือไม่ เป็นคำถามที่ไม่มีใครสามารถตอบได้

เชื่อกันว่าชาวแฟรี่ มีจุดกำเนิดจากรูปแบบของจิตวิญญาณอันแข็งกล้า

ทำให้พวกเขามีพลังอำนาจพิเศษที่เหนือธรรมชาติ

เช่น อายุยืน, ควบคุมฝนฟ้าอากาศได้, ฉลาด, มีเวทย์มนตร์ เหาะเหินได้ บินได้, หายตัวได้ตามใจนึก

ชาวยุโรปเชื่อว่าพวกเขาเป็นภูติ แต่ไม่ใช่รูปแบบของผี คือจับต้องได้ มีร่างกาย

และชาวแฟรี่ที่คนส่วนใหญ่คุ้นชินก็เช่น ก็อบลิน, พิกซี่, เอลฟ์, โนม, คนแคระ และนางไม้

"ชาวแฟรี่จะมาที่นี่จริงเหรอคะ โรแมนติกจังเลย

ว่าแต่ลุงนี่โชคดีจังเลยนะคะ เพราะลุงได้เจอชาวแฟรี่คนนึงแล้ว

ทิงเกอร์เบลไงคะ"

"ทิงเกอร์เบล" ถือเป็นหนึ่งในชาวแฟรี่ที่ปรากฎอยู่ในวรรณกรรมเด็กเรื่องปีเตอร์แพน

ความจริงแล้วทิงเกอร์เบลจัดเป็นชาวแฟรี่ในตระกูลพิกซี่

รูปร่างลักษณะเป็นมนุษย์สาวผู้หญิง ตัวเล็ก มีปีกเหมือนผีเสื้อ ร่าเริงสดใส และซุกซนเป็นมิตร

ทิงเกอร์เบลเป็นพิกซี่ที่โดนสะเก็ดดาวหางพุ่งใส่ ทำให้เธอได้รับพลังพิเศษ

และเธอก็เป็นเพื่อนร่วมตายกับปีเตอร์แพน ทิงเกอร์เบลแอบรักปีเตอร์แพนแบบชายหนุ่มหญิงสาว

แต่ปีเตอร์แพนไม่เคยคิดกับทิงเกอร์เบลเเบบนั้น แต่ความรักของทิงเกอร์เบล

มากถึงขนาดที่ว่ารู้ว่าปีเตอร์แพนไม่รัก แต่ก็ยอมทำทุกอย่างเพื่อคนที่ตัวเองรัก

แม้กระทั่งดื่มยาพิษเธอก็ยอมทำเพื่อปีเตอร์แพนได้

"คุณทิ้งชีวิตตัวเองไปหลายรอบแล้วสินะคะ กีครั้งแล้วเหรอคะ....

ไม่รู้สิ...ฉันไม่ได้นับ"

เพราะอะไรคิมชินถึงต้องฝังศพของตัวเองไว้ที่ "แคนาดา"

ชาวยุโรปเชื่อกันว่าต้นกำเนิดของของชาวแฟรี่จริงๆแล้วมีถิ่นกำเนิดในแถบสแกนดิเนเวีย

ชาวแคนาดาเชื่อว่าชาวแฟรี่ คือสิ่งมีชีวิตตัวเล็ก รูปร่างเตี้ยแบบคนแคระ

หูแหลม จมูกยาว ฉลาดและแฝงด้วยความเจ้าเลห์ซึ่งก็คือก็อบลิน หรือพวกโนม นั่นเอง

คำว่า Fairy มาจากคำว่า Fer-Sidhe (อ่านว่า ฟาร์ ชีห์) อันแปลว่า ชายแห่งเนินเขา 

หรืออีกความหมายหนึ่งของชาวเคลติกนั้นเเปลว่า "เทพ"

ซึ่งเทพเจ้าของชาวเคลติคนั้น เป็นผู้ปกครองเนินเขาต่างๆ ที่เรียกว่า Sidhe

ด้วยเหตุนี้ การเลือกไปถ่ายทำที่ประเทศแคนาดา จึงไม่ได้เลือกขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล

แต่มันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนกว่านั้น การซ้อนทับกันของประวัติศาสตร์และตำนาน

ต้นกำเนิด และถิ่นฐาน ของเรื่องเล่าจากตะวันตกสู่ตะวันออก

"ข้าเคยคิดว่าชีวิตอมตะนั้นคือรางวัล แต่ไม่ใช่เลยสักนิด

สุดท้ายมันก็เป็นเพียงแค่การลงโทษ

ข้าไม่สามารถลืม...ทุกคนที่ตายไปได้เลย"

"เจ้าเป็นยังไงบ้าง...ข้ายังมีชีวิตอยู่

แต่ไม่ได้รู้สึกสบายเลยสักนิด

บทความโดย @มีนาครับ

(ไม่อนุญาตให้นำบทความไปทำซ้ำเพื่อเผยแพร่ หากต้องการใช้บทความติดต่อทวิตเตอร์ @มีนาครับ)