เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Anything in Lopburi : ทำไมฝรั่งถึงชอบมาเที่ยวลพบุรี ?Narawit Takame
Anything and monkeys in Lopburi ทำไมฝรั่งถึงมาเที่ยวลพบุรี ?
  • เคยตั้งคำถาม ในเรื่องที่ไม่เข้าท่าหรือคำถามที่ไม่รู้จะถามทำไม กันบ้างมั้ยครับ? เช่น 

              เราเกิดมาทำไม ?

              ทำไมอย่างนู้นถึงเกิดขึ้น ?

              ทำไมเธอไม่เหมือนเก่า ?

              ทำไมเธอถึงไม่รักเรา ?

              ทำไมเธอจึงมอบถึงทุกอย่างให้กับเขา ? 

              ทำไม ...พอแล้ว

              การตั้งคำถามเกิดจากความอยากรู้ ความสงสัย และบางทีการตั้งคำถาม ก็พาเราไปในที่ที่เราไม่เคยคิดจะไปมาก่อน

    หลายเดือนที่แล้ว ผมตั้งคำถามกับตัวเองว่า “ทำไมฝรั่งถึงชอบมาเที่ยวลพบุรีกันจัง" ต้องบอกก่อนว่าผมเป็นคนลพบุรีมาตั้งแต่เกิด จังหวัดที่มีลิงเป็นมาสค๊อต เวลาผมบอกใครว่าเป็นคนลพบุรี ทุกคนจะตอบกลับว่า "คือจังหวัดที่มีลิงอยู่ในเมืองใช่มั้ย ?"

    ตั้งแต่เด็กยันโต ฉากที่พบเจอเสมอในตัวเมืองลพบุรี คือฝรั่งถ่ายรูปลิง ด้วยความที่ผมชินชากับลิง (เพราะเจอกันทุกวัน) เวลาเห็นฉากเดิมๆแบบนี้ จะแอบคิดในใจว่า "นี่ฝรั่งอุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลมาเที่ยวลพบุรี เพื่อมาดูลิงเนี่ยอ่านะ" ถามใครก็บอกว่า "ใช่ เค้ามาดูลิงเนี่ยแหละ" เอาจริงๆผมไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่

               เช้าวันรุ่งขึ้นผมคว้ากล้อง แบกความสงสัยนี้ ไปถามฝรั่งและคนในพื้นที่ ด้วยคำถามว่า "คุณคิดว่า ทำไมฝรั่งถึงชอบมาเที่ยวลพบุรี ?” เผื่อคำตอบที่ได้จะทำให้ความสงสัยในใจของผม น้อยลงไปบ้าง

    ปล.นี่ไม่ใช่บันทึกการเดินทาง นีคือบันทึกการเดินเล่น


  •           ผมเริ่มภารกิจไล่ล่าฝรั่ง ด้วยการไปสถานีรถไฟ เพราะนี่เป็นจุดเช็คอินแรกที่ฝรั่งต้องมา ผมรีบตรงไปศูนย์บริการนักท่องเที่ยว และยิงคำถามใส่พี่พนักงานทันที


              "สวัสดีครับ  พี่ยุ่งอยู่ไหมครับ ?"

              "ไม่อยู่ครับ"

              "..."

              ผมล้อเล่นครับ จริงๆพี่เค้าไม่ได้กวนอย่างนี้หรอก แค่ผมถามพี่เค้าก็ยินดีที่จะให้ข้อมูล หยิบแผนที่พร้อมชี้เส้นทางที่ฝรั่งชอบไปเที่ยว และหยิบแบบสำรวจของนักท่องเที่ยวให้ผมดูอีก ประทับใจ

    "ส่วนมากจะเป็นชาวฝรั่งเศส , เยอรมัน , เดนมาร์ก , สเปน และชาวยุโรปทั้งหลาย"

    "มาดูลิง"

    "แต่ไม่ได้มาดูแค่ลิง (เอ้า) แต่มาดูโบราณสถาน มาดูประวัติศาสตร์ด้วย"

    "ชาวยุโรปชอบที่นี่มาก"

    "ส่วนมากจะมาพักแค่ 1 – 2 วันและจะไปจังหวัดอื่นต่อ"

              "ส่วนมากจะมาแวะอยุธยาก่อน และค่อยมาที่ลพบุรี"

    นี่คือคำตอบที่ได้จากพี่คนนี้

              และข้างล่างนี่คือส่วนหนึงของแบบสำรวจ มีอยู่คำตอบหนึง ที่ผมรู้สึกถึงความงงมาก คำถามคือ How do you know in Lopburi ? (คุณรู้จักลพบุรีได้ยังไง ? ) คำตอบคือ No , don’t know (ไม่ครับผมไม่รู้หรอก) ... อ่าว แล้วมาเที่ยวได้ยังไงพี่ คงเจอเพื่อนลากมาเที่ยวซินะ


  •           ตอนนี้ผมมีข้อมูลพร้อมแล้วครับ ผมพร้อมจะออกไปล่าฝรั่งแบบเต็มรูปแบบแล้ว ผมเดินข้ามถนนไปสู่วัดบันไดหิน ตามเส้นทางที่พี่ tourist helper บอกไว้ ที่นี่เป็นที่เที่ยวแรกที่นักท่องเที่ยวจะมา (เพราะที่นี่อยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟเลย เดินข้ามมาก็ถึงแล้ว)

              ผมเดินถ่ายรูปเล่นซักพัก ก็รู้ตัวว่าตั้งแต่เดินเข้ามาผมยังไม่เห็นฝรั่งซักคนเลย ถ้าจะพูดให้ถูก คือผมไม่เห็นสิ่งมีชีวิตชนิดไหนเลย นอกจากตัวผมเองกับป้าเก็บตังค์หน้าทางเข้า ผมได้แต่เดินต่อไป หวังว่าจะเจอฝรั่งซักคน

             ผ่านมา 20 นาที ที่นี่ยังไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆเข้ามาในระยะสายตาเลย ผมรู้สึกเหมือนโดนทิ้งและเริ่มถอดใจ ตอนนี้ผมเริ่มเข้าใจอารมณ์ของโบราณสถานแล้ว ที่นานๆทีจะมีคนแวะเข้ามาหา มันเป็นอย่างงี้เองซินะ (พร่ำเพ้ออะไรของมึง)


              ผมเดินถ่ายรูปเล่นจนมาถึงอีกฝากหนึ่ง และผมก็ค้นพบว่ามีคนอยู่เต็มเลย ... (กูไปเดินอะไรอยู่ฝั่งนั้น) มีชาวต่างชาติด้วย ณ ตอนนี้นายพรานเจอเหยื่อของเค้าแล้วอยู่ทางด้านขวามือ ดูจากทรงแล้ว เป็นนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นอย่างแน่นอน นายพรานไม่มีความลังเลที่จะพุ่งเข้าไปหาเหยื่อทันที

              “ โอ ฮาโย๊ะ โกซายมัช”

              “ …” (เชี่ย หรือเค้าไม่ใช่คนญี่ปุ่นว้ะ)

              “ Hello “

              “ Hi “

              “ Are you hurry ? “

              “ No no"

              “ Can I ask you something ?”

              “ Yeah”

              “ Where are you come from ? “

              “ K … Korea” (จังหวะนี้ยอมรับว่าหน้าแตกมากครับ)

              “Why do you come to Lopburi ?”

              “ To see flowers !”

              “ …..”

              “ What , Not Monkeys ?”

              “ Monkeys too ! “

              “Okay thank you for your time and sorry for bothering you”

              “ Okay bye bye see you”

              “ Have a nice day “

              มิมิน และเพื่อนของเธอ น่ารักมากครับ  เอาจริงๆทุกวันนี้ผมก็ยังไม่รู้ว่า Flowers ที่มิมินอยากไปดู คือที่ไหนเลย เพราะลพบุรี ช่วงนี้(ตุลาคม) ไม่มีดอกไม้ที่ไหนให้ดู หรือผมอาจจะไม่รู้เองก็เป็นได้ จะอีเมลล์ไปถามเค้าก็กลัวจะโดนด่าว่าจะยุ่งอะไรกับกูอีกล่ะ เลยคิดว่าเก็บความสงสัยนี้ไว้ดีกว่า

  •           เสียงสัญญาณรถไฟดังอีกครั้งรถไฟอีกขบวนคงมาถึงแล้ว ผมใช้เวลากับที่นี้ไปเกือบ1 ชม. ได้คุยกับนักท่องเที่ยวไป5 นาที (คุ้มค่าสุดๆ) เวลาที่เหลือใช้ไปกับการเดินเหงาอยู่คนเดียวซะส่วนใหญ่  ผมคิดว่าได้เวลาแล้วที่ผมควรออกเดินต่อ

     

              รู้สึกไม่ผิดหวัง ที่ออกมาจากวัดมา ตอนนี้ผมเจอนักท่องเที่ยวผู้ใหญ่ 2 คน เพิ่งเดินออกมาจากสถานีรถไฟกำลังมุ่งหน้าไปที่ไหนซักที่หลังจากทักทายผมก็รู้ว่าผู้หญิงทางด้านขวา เธอชื่อเจน มาจากสวีเดน กะมาพักอยู่ที่ลพบุรีแค่5 ชม.แล้วจะเดินทางไปสุโขทัยต่อ ผมไม่อยากให้พวกเธอเสียเวลาเดินเล่นผมรีบยิงถามคำถาม “ พวกเราแวะมาดูแค่ลิงเฉยๆแหละ ” เจนตอบอย่างไว แล้วรีบตอนจากไป

              ลพบุรีจะมีร้านอาหารที่ชาวต่างชาติชอบมานั่งกินอาหารอยู่บ่อยๆ พี่ tourist helper บอกว่า ถ้าอยากจะได้ข้อมูลอะไรเกี่ยวกับชาวต่างชาติต้องไปหาเจ้าของร้านนี้เลย ข้อมูลเค้าแน่นจริงๆ

              ตอนนี้ ผมเดินมาถึงร้านนี้แล้ว แต่เจ้าของร้านไม่อยู่ ... หลังจากปลอบใจตัวเอง ก็เข้าไปทักทายฝรั่งคู่หนึง เทอชื่อแมรรี่ กับ สตีเฟน มาจากสเปน ทั้งคู่บอกว่าก็มาดูลิงนี่แหละ มาลพบุรีจะให้กูดูอะไรล่ะ (ประโยคนี้ไม่มี) ทั้งคู่มาเที่ยวลพบุรีได้อาทิตย์หนึงแล้ว ถึงอยู่ได้ไม่นานแต่ชอบเมืองลพบุรีมากเลยเพราะว่าเป็นเมืองที่ดูเงียบและสงบ อยู่แล้วไม่วุ่นวายดี (แต่ตอนนี้รู้สึกไม่ค่อยสงบแล้ว...)

  •           ตอนนี้ผมเดินเล่นมาถึงโบราณสถานที่ดังที่สุดของลพบุรีครับ พระนารายณ์ราชนิเวศน์แต่คนลพบุรีจะเรียกกันสั้นๆว่า วัง  ที่นี่เป็นแลนมาร์กของลพบุรีที่นักท่องเที่ยวต้องมาเยี่ยมชมซักครั้งไม่งั .... พอเถอะครับประโยคสูตรอะไรพวกนั้นเก่าแล้ว

              แค่เดินเข้ามาก็รู้สึกเย็นเลยอาจเป็นเพราะในนี้มีต้นไม้เยอะผสมกับโบราณสถานเก่าๆบรรยากาศที่นี่เลยดูเงียบสงบอย่างบอกไม่ถูก อีก 5-6 ภาพต่อไปนี้จะไม่มีการพิมพ์แทรกใดๆทั้งสิ้นนะครับจะเป็นการลงรูปรัวๆ เป็นการแชร์ความเงียบที่ผมเจอในวันนั้น (wtf)


    และข้างล่างนี้ เป็นภาพของคุณลุ ... (โอเคไม่พิมพ์แล้วครับ)

     

             โอเคครับ หมดช่วงสงบแล้ว ระหว่างที่ผมเดินก้มหน้าก้มตาดูรูปในกล้อง ผมก็เจอชาวต่างชาติเดาว่าน่าจะเป็นชาวรัสเซียเดินผ่านผมไป ผมทักทายเบาๆว่า 

    “ Hello Can you speak English ? “

    "..."

    "..."

    "..."

    "..."

    ไม่มีสัญญาณตอบรับจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติคู่นี้ โอเค ไม่เป็นไร 

    “ Have a nice day “  ผมตะโกนไปหาหนุ่มสาวชาวรัสเซียก่อนรีบวิ่งหนีออกมา

    (หลังจากกลับมาพึ่งรู้ว่า คนรัสเซียเค้าไม่พูดภาษาอังกฤษกัน)

     

              ผมใช้เวลาอยู่ที่วังนารายณ์นานพอสมควร ที่นี่มีความเก่า เป็นสถานที่เรียลวินเทจโดยไม่ต้องประดิษฐ์อะไรเพิ่มเติม เหมาะกับการเดินถ่ายรูปเล่นเป็นอย่างมาก (เพราะมันไม่ร้อน) และยังมีมุมเล็กมุมน้อยให้เราเก็บภาพตลอดเวลา

  •           ตอนนี้ผมกำลังเดินต่อไปยังพระปรางค์สามยอด ครับ ระหว่างทางจะมีโบราณสถานเก่าแก่อยู่ครับ
    ซึ่งปัจจุบันที่นี่กลายเป็นที่วิ่งเล่นของลิงไปแล้ว

              เพราะความขี้เล่น , ดื้อ , ซน , ชอบแย่งของเป็นธรรมชาติของลิง ดังนั้น ในลพบุรีเวลาเราถืออะไรไว้ในมือ เมื่อเดินผ่านลิงเราต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะเวลาลิงเห็นว่าเรามีของอยู่ในมือลิงจะพยายามแย่งสิ่งนั้นจากมือเรา

              ถ้าแย่งไม่สำเร็จลิงจะงัดท่าไม้ตายตามแบบฉบับพาว์เวอร์เลนเจอร์ออกมาใช้  นั่นคือเรียกพวกมารุม ... รุมจริงๆครับ รุมที่ตัวเราเลยครับทั้งไต่แขน ไต่ขา ไต่หัว ดึงผมและช่วยกันงัดแงะเอาทุกอย่างจากมือเราไป

              ถ้าเรายังไม่ยอมให้ ลิงจะไม่พอใจเป็นอย่างมาก ลิงจะยิ้มแรง(แยกเขี้ยวใส่) และทำท่าจะกัดเรา ซึ่งบางทีเราก็ไม่อยากให้แต่สุดท้ายเราก็ต้องจำยอมให้มันไปอยู่ดีครับ เพราะการเจอลิงกัดคงไม่สนุกเท่าไหร่ คิดไปคิดมานี่มันคือการขู่กรรโชกทรัพย์กันชัดๆ

              คดีนี้เกิดขึ้นเป็นประจำที่ลพบุรีจนกลายเป็นสีสันของลพบุรีไปแล้ว เช่น เราอาจจะเพิ่งซื้อไอติมออกมาจากร้าน ตอนนี้ไอติมเป็นของเราอยู่แต่พอเดินผ่านฝูงลิงไอติมจะเกิดการเปลี่ยนเจ้าของทันทีจากของเรากลายเป็นของลิง... เราทำได้แค่ยิ้มแห้งๆและคิดในใจว่า ไม่เป็นไร กินให้อร่อยนะ ทุกสิ่งล้วนอนิจจัง การถือของแล้วเดินผ่านฝูงลิงก็เช่นกัน

              จริงๆแล้วผมอยากเดินไปทางซ้ายมือของรูปมากแต่ด้วยประชากรลิงที่เยอะมากคาดว่าน่าจะเจอลิงรุม(ซะกำ)และกล้องถ่ายรูปของเรา อาจจะกลายเป็นของลิงเลยขอผ่านดีกว่าขอเก็บกล้องไปถ่ายรูปที่จุดอื่นต่อล่ะกัน เห็นมีคนถามว่าไอ้ป้ายเหลืองสุดเสล่อของเอ็ง หายไปแล้วล่ะ จะบอกว่ายังไม่หายไปไหนครับ ป้ายเสล่อนั่นกลับมาแล้ว


  •           ตั้งแต่ผมจำความได้ ก็จำได้ว่าแถวนี้มีร้านขายของชำเก่าแก่ร้านหนึง วันนี้มาเดินเล่นทั้งทีมีหรือผมจะพลาด ตอนนี้ผมอยู่หน้าร้านนั้นแล้ว ผมรีบเข้าไปทักทายคุณลุงเจ้าของร้านหลังจากนั้นก็ยิงคำถามใส่คุณลุงรัวๆ เช่น คิดว่าทำไมฝรั่งชอบมาเที่ยวลพบุรี ?, คุณลุงคิดยังไงกับลิง ? ,คิดว่าตลาดหุ้นในไตรมาสนี้จะเป็นอย่างไร?  , คิดยังไงกับการที่ grab Taxi เจอแบน แล้ววันรุ่งขึ้นรัฐบาลประกาศแอพของตัวเอง ? พอผมถามเสร็จคุณลุงก็รีบตอบกลับมาว่า ลาก่อย ...

              จริงๆผมถามคุณลุงแค่2 คำถามแรกเท่านั้น คุณลุงบอกว่าฝรั่งเค้าก็ไม่ได้มาดูแค่ลิงหรอก เค้ามาดูเมืองที่มีลิงเดินเผ่นพ่านอยู่ในเมืองมากกว่า ตอนนี้ลุงรู้สึกเฉยๆและชินชากับลิงแล้วเพราะเจอกันอยู่ทุกวัน จนจำได้แล้วว่าตัวไหนเป็นตัวไหน

              "ถ้าลพบุรีไม่มีลิง ฝรั่งจะมาเที่ยวกันไหม ?"  ผมถามคุณลุงต่อ ลุงบอกว่าลพบุรีจะไม่มีจุดขายเด่นๆอะไรเลยถ้าไม่มีลิง ฝรั่งคงไม่มาเที่ยวอย่างแน่นอนลุงตอบด้วยสีหน้าที่ดูเศร้าอย่างเห็นได้ชัดก่อนร่ำลากันคุณลุงยังบอกผมอีกว่า “ รู้ไหมจริงๆแล้ว ลิงลพบุรีแบ่งเป็น 2 แก๊งค์นะเป็นลิงตึก กับ ลิงศาล (ลิงที่อยู่ตามโบราณสถานต่างๆ) ทุกๆเดือนจะมีหนึ่งวันที่ลิง 2 แก๊งค์นี้จะนัดมาตีกัน“ อืมเหมือนมาเฟียประจำจังหวัดเลยแฮะ


  •           "ถ้าจะถามเรื่องลิง ไปหาคุณป้าคนนี้เลยน้อง คนนี้เค้ารักลิงมาก" ผมเดินไปหาคนๆหนึงตามคำแนะนำของผู้คนแถวนั้น


              "สวัสดีครับ"

              คุณป้ายิ้มอย่างมีชั้นเชิง ทักทายชายหนุ่มที่ถือกล้อง มาพร้อมกระดาษจดบันทึก เหมือนรู้ใจว่าหนุ่มคนนี้จะมาถามอะไรชั้นอย่างแน่นอน มาเลย

             “เค้าก็มาดูหลายอย่างนะ แต่หลักๆเลยก็ลิงนี่ล่ะ"

             "ไม่มีลิงไม่ได้หรอก ลพบุรีต้องมีลิง" คุณป้าตอบอย่างไม่ลังเล

              หลังจากถามเสร็จระหว่างขอคุณป้าถ่ายรูปคู่กับป้ายสีเหลืองของผม คุณป้าก็ถามว่า อยากให้ลิงมามั้ย ? ผมค่อนข้างงุนงงว่าคุณป้าจะเรียกลิงมาได้ยังไงกัน แล้วคุณป้าหยิบกล่องขนมออกมาพร้อมโยนขนมลงบนพื้น ไม่ถึง 10 วินาทีลิงประมาณ 20 ตัว ก็แห่กันมากินขนม จากตรงไหนบ้างก็ไม่รู้

            จนตอนนี้รอบตัวผมมีแต่ลิง เชื่อแล้วครับ ว่าป้ารักลิงจริงๆ ยอมตั้งแต่ 5 ตัวแล้ว ผมอึ่งและทึ่งกับประสิทธิภาพของขนมนั้นมาก ขอตั้งชื่อขนมนี่ว่าขนมเสกลิง

     

  •           ระหว่างที่ผมกำลังจะข้ามถนนไปแลนด์มาร์กสุดท้าย ก็บังเอิญเจอนักท่องเที่ยวชาวเดนมาร์กมารอข้ามถนนเหมือนกัน วันนี้รถค่อนข้างเยอะคงอีกซักพักกว่าเราจะข้ามถนนได้ ผมเข้าไปทักทายและสอบถามนักท่องเที่ยวชาวแดนมาร์กเพื่อเป็นการฆ่าเวลาระหว่างรอข้ามถนน

              “ไม่มีที่ไหนในโลกหรอกที่จะมีลิงมาอยู่ในตัวเมืองเหมือนที่นี่ มันหาแบบนี้ได้ที่นี่ที่เดียวเท่านั้นแหละ”

              หลังจากฟังคำตอบนี้ผมก็รู้สึกโชคดีที่ได้อยู่ในลพบุรี รู้สึกยูนิคสัสๆเลย เมืองที่นักท่องเที่ยวต่างเดินทางมาดูลิง มาดูเมืองที่เราอยู่ มาดูสิ่งที่ผมเห็นจนรู้สึกชินชามานานแล้ว ดีใจอย่างบอกไม่ถูก 

              หลังจากผมถามพวกเขาเสร็จ ถนนที่เคยมีรถมากมาย ก็ว่าง และจากถนนที่ว่างก็กลายเป็นรถเยอะอีกครั้ง สรุปคือต้องรอข้ามถนนกันอีกรอบ จอร์จ ผมขอโทษ


            ตอนนี้ผมเดินเล่นถึงแลนด์มาร์กสุดท้ายที่นักท่องเที่ยวส่วนมากจะมากันแล้วครับ
    พระปรางค์สามยอดสถานที่มีลิงเยอะที่สุดในตัวเมืองลพบุรี

              ที่นี่ไม่ได้มีแค่ลิงเท่านั้นที่เยอะสุดนะครับที่นี่ยังเป็นสถานที่ ที่มีนักท่องเที่ยวเยอะที่สุดอีกด้วย ผมเจอนักท่องเที่ยวทุกคนที่เคยเจอเคยคุยด้วย เคยเดินผ่าน อาจเพราะแผนการเดินทางของทุกคนค่อนข้างคล้ายกัน คือมาสุดที่นี้เหมือนกัน

               หลังจากจ่ายค่าบริการแล้วพี่พนักงานจะบอกให้เราเข้าไปในประตูไปเดินเล่นข้างในนี่ก่อนแล้วค่อยออกมาเดินเล่นข้างนอก 

              ข้างในนี้ บรรยากาศต่างจากข้างนอกพอสมควรมืด เก่า เงียบ สงบ อาจเป็นเพราะที่นี่ห้ามลิงเข้ามาครับมีลูกกรงกั้นระหว่างข้างนอกและข้างใน ระหว่างเรากับลิง เราสามารถให้อาหารลิงได้อย่างปลอดภัยไม่มีการโดนรุมสะกำ ดึงผม แย่งขนมหรืออะไรก็ตาม ที่นี่ช่างเป็นอาณาเขตปลอดภัยจากการโดนลิงรุม จริงๆ

              นี่คือที่ลิงตัวนี้ค่อยๆหยิบอาหารจากมือของผมเหมือนเด็กค่อยๆหยิบขนมจากมือผู้ใหญ่นี่เป็นการให้อาหารลิงที่ลิงกระทำตอบ อย่างอ่อนโอนที่สุดในชีวิตเลยครับ ปกติผมจะเจอแต่ลิงที่ดึงขนมจากมือ แล้ววิ่งหนีไปเลย ... แอบคิดเหมือนกันนะ ว่าลิงไม่ได้มีแค่มุมที่ดูไม่สุภาพ ขี้ขโมยแต่ยังมีมุมที่น่ารักๆแบบนี้ซ่อนอยู่ด้วย

              กินเบื่อแล้ว ก็ไปแล้วครับ



  •           ตอนนี้ผมออกมาเดินถ่ายรูปเล่นรอบๆปรางค์สามยอดแล้วครับ ความหนาแน่นของฝูงลิงยังคงปกคลุมบริเวณปรางค์สามยอดตอนบน และไม่มีที่ท่าว่าจะอ่อนตัวลง ทำให้บริเวณดังกล่าวมีลิงมากในตอนเย็นขอให้ผู้ที่จะเดินเล่นบริเวณปรางค์สามยอดระมัดระวังข้าวของระหว่างเดินเล่น โดยฝูงลิงนี้ไม่มีผลต่อพี่เจ้าหน้าที่ลิง(เพราะพี่แกปราบได้หมดจริงๆทั้งฝูงเล็กและใหญ่)

              ข้างหลังที่เห็นลิงเยอะๆนู้นคือด้านหลังของปรางค์สามยอดครับมีน้อยคนมากที่จะได้เดินไปเพราะต้องเดินเข้าไปพร้อมกับพี่เจ้าหน้าที่ เดินไปคนเดียวคงไม่ปลอดภัยเท่าไหร่ครับ

              ช๊อตที่เห็นบ่อยที่สุดตั้งแต่มาที่นี่คือ ฉากแม่ลิงหาเห็บให้ลูกลิง ,พ่อลิงหาเห็บให้ลูกลิง,แม่ลิงหาเห็บให้พ่อลิง( เคสสุดท้ายนี่ ทำให้ผมนึกถึงโปสเตอร์หนังไทยเรื่องหนึงขึ้นมาทันที) เป็นกิจกรรมในครอบครัวที่ดูน่ารักและลิงมากจริงๆ

              ผมอยากไปถ่ายรูปที่ด้านหลังมากแต่เห็นพี่เค้าเพิ่งกลับมาจากพานักท่องเที่ยวไปเดินมา เมื่อกี้เอง
    ด้วยความเกรงใจผมเลยถามพี่เจ้าหน้าที่ว่า ถ้าอยากไปถ่ายรูปที่ฝั่งด้านหลังของที่นี้เดินไปเองเลยได้ไหม ? พี่เค้าแนะนำให้ผมเอาไม้ขู่ลิงติดไปด้วยเอาไว้ขู่ลิงไม่ให้มาเกาะตามตัวและแย่งของณ จุดๆนี้ผมมั่นใจมากว่า จะไม่มีลิงตัวไหนกล้ามาเกาะตัวผมอย่างแน่นอน ผมจะต้องปลอดภัย

  •           ลิงไม่เกาะตัวเลยครับ คราวนี้ลิงขึ้นมาเกาะบนไม้ไล่ลิงเลย หมดกันความมั่นใจ 
    ขนาดไม้ไล่ลิงลิงยังปีนเล่นเป็นของเล่นเลยและผม ที่มีกล้องกระเป๋า ของนู้นนี้เต็มตัวไปหมดจะเหลือหรอครับ หลังจากถ่ายภาพนี้ความสนุก (ของเหล่าลิง) ก็เกิดขึ้นตอนนี้ตัวผมมีแต่ลิงเกาะเต็มตัวไปหมดทั้งกระเป๋า ทั้งผม ถูกลิงค้น อย่างสนุกสนานราวกับเจอสวนสนุกใหม่

              ผมอยากเดินไปหาพี่เจ้าที่และบอกว่า “ไหนพี่บอกว่ามีไม้ไล่ลิงแล้ว ลิงจะไม่ไต่ไง พี่ทำร้ายผมทำไม”  นี่เป็นสิ่งที่ผมคิดในใจ แต่จริงๆแล้วผมรีบเดินไปหาพี่เจ้าหน้าที่พร้อมส่งสายตาอ้อนวอนว่า "พี่ครับ ช่วยผมด้วย "  แค่ลิงเห็นพี่เจ้าหน้าที่ลิงก็รีบวิ่งออกจากตัวผมทันที

              ผมคิดว่าการจะไล่ลิงได้ไม่ขึ้นอยู่กับไม้หรอก มันขึ้นอยู่กับคนมากกว่า ฮ่า

              สภาพฝูงลิงที่เพิ่งเตลิดไปหลังจากที่พี่เจ้าหน้าที่ได้ช่วยชีวิตผมไว้ 

              ทุกครั้งที่เจอลิงรุม ย่อมมีความเสียหายเกิดขึ้น ย้อนไป 5 นาทีที่แล้ว ระหว่างที่ลิงกำลังรุมผมอยู่ลิงคงได้ไปเห็นกระดาษแผ่นหนึงเข้า ลิงตัวนั้นคงคิดในใจว่าชอบมากใช่มั้ยมึงแผ่นนี้ นี่แน่ะ

              “แคว๊กกกกกกกกกกกกกกก !” กระดาษสีเหลืองนั่นขาดแล้วครับ หมดกันการ(พยายาม)ถ่ายภาพแบบชิคๆเก๋ๆตามแบบฉบับวัยรุ่นร่วมสมัยของผม ผมไม่น่าซ่าไปเดินเล่นคนเดียวเลย

  •           จากการเดินสอบถามผู้คนที่เดินผ่านไปมาในตัวเมืองลพบุรี  ในหนึ่งวัน  ด้วยคำถามว่า“ ทำไมฝรั่งถึงมาเที่ยวลพบุรี ? ” คำตอบที่ได้กลับมาจากทั้งฝรั่งและคนในพื้นที่ อาจจะแตกต่างกันไปบ้างแต่ทุกคำตอบจะมีคำว่า “ ลิง ” อยู่ในนั้นและฝรั่งมาลพบุรีเพื่อมาดูลิงเป็นหลักจริงๆสิ่งอื่นคือส่วนประกอบ ลิงคือสิ่งที่นิยามความเป็นลพบุรีได้ชัดจริงๆ “ ถ้าไม่มีลิง ก็ไม่ใช่ลพบุรี “ นี่คือคำตอบที่ผมจะตอบถ้ามีคนมาถามคำถามนั้น

              ลิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในตัวเมืองลพบุรี จนกลายเป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองไปแล้ว คนต่างจังหวัดคนต่างประเทศ อาจจะคิดว่า คนกับลิง อยู่ด้วยกันในเมืองคงน่ารักดี  คงจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่จริงๆแล้วคนลพบุรีทุกคนไม่ได้ชอบลิงครับ ซึ่งก็ไม่ได้ผิดแปลกอะไร บางคนอาจจะกลัว  ผมเองก็กลัวนะ กลัวสุดตอนมันจะแย่งของ

              จริงๆก็ไม่ได้อะไรมากมายหรอกครับ ผมแค่อยากบอกว่า ลิงอาจจะขี้ขโมย , ซน , ดูสกปรก แต่อย่าเพิ่งเกลียดมันเลยนะครับ เราต้องเข้าใจก่อนว่านี่มันเป็นนิสัยโดยธรรมชาติของลิง มันจะไปรู้เรื่องอะไรล่ะครับ อยากให้ลองเปิดใจรับมันดู  ลองไปสัมผัสมันด้วยตัวคุณเอง  ลองมองดูมันด้วยสายตาที่ไม่มีอคติ

              "บางทีคุณอาจเห็นว่าลิงอาจจะไม่ได้แย่มากอย่างที่คนอื่นเค้าพูดกัน"

              "บางทีมันอาจมีมุมน่ารักๆที่เรามองไม่เห็นอยู่และมันมีอยู่จริงๆนะ"

              ถ้ามีคนเข้ามาอ่านบทความนี้แล้วอยากมาเที่ยว มาเดินเล่นดูลิงที่ลพบุรีดูบ้าง บทความนี้ มันก็บรรลุเป้าหมายสุดๆแล้วครับ และถ้ามีคนลพบุรีเข้ามาอ่านแล้วบางคนอาจมีทัศนคติต่อลิงในทางที่ดีขึ้น ผมยิ่งดีใจสุดๆไปเลยครับ

  •           จริงๆผมอยากตั้งชื่อบทความนี้ใหม่ผมนั่งคิดมาหลายวัน อยากให้มันดูกระชับและสื่อถึงเนื้อหามากกว่าชื่อนี้ ตอนนี้ผมคิดออกแล้วครับ 

              “เพราะลพบุรี ต้องมีลิง“ 

              คิดว่าชื่อนี้น่าจะเหมาะที่สุดแล้ว ขอบคุณที่เสียเวลาเข้ามาอ่านกันนะครับทั้งคนลพบุรีและคนจังหวัดอื่นๆแล้วเจอกันเรื่องหน้าครับ

              (ของแถมครับ) บทสนทนานี้เกิดขึ้นระหว่างที่ผมได้พูดคุยกับฝรั่งคู่หนึ่งขณะที่ฝรั่งคู่นั้นเลื่อนดูรูปในกล้องผมเค้าได้ถามผมกลับว่า

              “ทำไมนายต้องยกกระดาษมาบังข้างหน้ากล้อง ก่อนจะถ่ายรูปด้วยล่ะ” ฝรั่งคนนั้นยกกระดาษแผ่นโปรดของผมขึ้นมาย้ำ

              “มันทำให้ผมรู้สึกเก๋และดูเท่ห์กว่าถ่ายรูปปกติ หน่ะซิ ” ผมตอบกลับอย่างมั่นๆ พร้อมชี้มือไปที่กระดาษนั่น

              “โอเค” ฝรั่งคนนั้นตอบกลับมา ด้วยรอยยิ้มแห้งๆ

              แต่ผมเห็นอีกคำตอบที่ชัดเจนมากในแววตาของเค้า

              “Retarded” คำนี้แปลเป็นภาษาไทยชัดๆดังๆได้ว่า “ปัญญาอ่อน ! ” 

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in