เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ว่าด้วยpokchanymph
ว่าด้วยความพิการใน Finding Nemo/Dory เป็นปลาก็สตรองนะ
  • (สปอยล์ Nemo แต่ไม่สปอยล์ตอนจบ Finding Dory)
    - อันนี้เป็นเรื่องความเห็นเรา เรื่องตีความอะไรยังไงแล้วแต่คนเนอะ


    วันก่อนไปดู Finding Dory มา ตามประสาเด็กน้อยที่โตมากับ Finding Nemo และตื่นเต้นว่า sequel ของหนังจะเป็นยังไง ก็ไม่ผิดหวังนะ แต่เราไม่ได้มาเขียนเพื่อจะรีวิวหนังจ๋าอะไรขนาดนั้น แต่วันนี้จะมาคุยเรื่องการดีลกับความพิการในเรื่อง Finding Nemo กับ Finding Dory ตั้งแต่ความพิการด้านร่างกาย Physical Disabilities ไปจนถึง Mental Disorders
    (หวังว่าใช้คำว่าความพิการจะไม่ offend ใคร ไม่แน่ใจว่าควรใช้คำอะไรที่ pc กว่านี้)

    บางคนที่พอจำเรื่องของนีโม่ได้ (ไม่ได้ก็ไม่แปลกอะ มันออกตั้งแต่ปี 2003…) คงจะจำเรื่องคร่าวๆ ได้ว่าเรื่องเริ่มที่มาร์ลิน พ่อนีโม่สูญเสียเมียและลูกในไข่ใบอื่นๆ ไปเหลือแต่ไข่ใบนึงที่จะเกิดเป็นนีโม่ ที่ก็ได้รับผลกระทบพอเกิดมาเลยมีครีบอีกข้างที่เล็กกว่าครีบอีกข้าง นีโม่โตแล้วก็อยากออกไปผจญภัย พ่อหวงไม่ยอม นีโม่ถูกจับพ่อก็เลยต้องตามหานีโม่ข้ามน้ำทะเล (แบบ literally ทะเล ไม่ใช่อุปมาอุปมัยนั่งเรือนั่งเครื่องบินแต่อย่างใด)

    แล้วเรื่องมันพิการยังไง นี่ตอนเราเด็กๆ เราก็ไม่ได้สนใจเรื่องทำนองนี้เท่าไหร่ คือถ้าเทียบเวลาออกตอนนั้นก็ 8-9 ขวบเอง ก็แค่พ่อสู้ๆ หานีโม่ให้เจอนะ แต่พอ 13 ปีผ่านไป กลับมาดู Finding Dory ก็เห็นอะไรเยอะเลย จนกลับมาคิดว่า เออ นีโม่ก็เป็นนี่หว่า เพียงแต่เรามัวแต่ให้ความสนใจว่านีโม่จะกลับมาเจอครอบครัวมั้ย เรื่องนี้นำเสนอความพิการออกมาได้แบบไม่ subtle เลยเหอะ

    เริ่มแรกเราเห็นความพิการทางด้านร่างกายของนีโม่กับครีบเล็กจิ๋วสะบัดไปมาผิดสังเกตจากครีบอีกข้าง มาร์ลินไม่ได้กลัวเกิดอันตรายกับนีโม่แค่เพราะเหลือนีโม่แค่คนเดียว แต่เค้ามองว่าบางอย่างอันตรายไปสำหรับนีโม่เพราะร่างกายไม่เหมือนกับกับปลาตัวอื่นๆ



    แต่ในวันแรกที่นีโม่ไปโรงเรียนอนุบาลปลาน้อย 555 เพื่อนปลาก็ถามว่าเธอๆ ทำไมครีบเธอแปลกจัง แต่พอมาร์ลินอธิบายปลาน้อยเหล่านี้ก็บอกว่าตัวเองเป็นอะไรเหมือนกัน ไม่ได้เป็นแค่เธอนะ หนวดฉันสั้นไปข้างนึง ฉันแพ้น้ำ (โถ เหมือนที่เราแพ้อากาศตอนนี้เลยเจ้าม้าน้ำ)  นีโม่ไม่ใช่เด็กพิเศษที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเด็กคนอื่นไม่ได้ แต่ละคนก็มีอะไรพิเศษของตัวเองต่างกันไปและใช้ชีวิตอยู่ได้เหมือนปลาตัวอื่นๆ

    แค่ตอนต้นของหนังเรื่องนี้ก็แสดงให้เห็นการนำเสนอความแตกต่างของคนมากกว่าหนังบางเรื่องแล้วค่ะ


    ข้ามตอนมาถึงตอนที่นีโม่ถูกจับมาอยู่ในตู้ปลาที่คลินิกหมอฟัน ปลาพวกนี้แต่ละตัวก็นำเสนอภาพของตัวละครที่มีคาแรคเตอร์แหวกไปจากปลาปกติ อย่างในน้ำพวกตัวปลากรอบ (pun intended) จะเป็นปลาที่ไม่มีบุคลิกโดดออกมา เหมือนคนปกติในสังคมแต่เราจะเห็นคาเรคเตอร์ยูนีคๆ จากปลาในตู้

    เห็นจากบับเบิลส์ที่ชอบฟองมากกก ถึงขั้นออบเซส คือดูเผินๆ ก็คงจะเออ ก็เหมือนคนแต่แค่เวอร์ขึ้นมานิดนึง แต่อาการติดของไม่มีชีวิตนี่มองได้หลายแบบเพราะมีอาการคล้ายออทิสติก หรืออาการ anxiety อื่นๆ หรือแม้แต่โรคซินเนสทีเซียในเคสที่สร้างบุคลิกให้กับสิ่งไม่มีชีวิตด้วย
    เกอร์เกิลปลาตัวสีม่วงๆ เหลืองๆ รักสะอาดมาก หรือกลัวเชื้อโรคนั่นเอง (Germaphobia) ปลาตัวสีฟ้า-ขาว มีหลายบุคลิก คิดว่าเงาของตัวเองเป็นอีกคนนึง ส่วนเจ้าปลาปักเป้าก็ดูมีปัญหาการควบคุมอารมณ์ พอหงุดหงิดหรือรู้สึกตื่นเต้นประหม่าเมื่อไหร่ก็จะพองตัวเอง 

    ปลาดำสุดเท่ที่ดูเป็นบอสใหญ่ครีบถูกทำลายเหมือนนีโม่ แต่ในขณะที่นีโม่เป็นภาพแทนของความพิการตั้งแต่เกิด กิลล์เป็นภาพแทนของความพิการจากอุบัติเหตุ ที่เขาพยายามหนีออกจากตู้ปลา

    เราชอบฉากนี้มาก ตอนที่นีโม่ติดไปในท่อแล้วกิลล์บอกทุกคนว่าไม่ต้องช่วย ให้สะบัดครีบแล้วผลักตัวเองออกมาแล้วนีโม่บอกว่าทำไม่ได้เพราะครีบตัวเองไม่ดี กิลล์บอก มันก็ไม่เคยหยุดฉันไว้นะ เพราะเขาเองก็มีครีบที่ไม่สมบูรณ์เหมือนกัน



    สรุปคือเราชอบตัวละครกิลล์ตรงที่แสดงให้เห็นว่าความพิการไม่ใช่จุดด้อย ไม่ได้หมายความว่าโลกพังทลาย ยังมีชีวิตอยู่ต่อได้แล้ววิธีที่จะเห็นจริงๆ คือแก้ปัญหาด้วยตัวเองอะ มันอาจดูโหดนะ แต่ก็ทำให้นีโม่ลองพยายามทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ และได้มีโอกาสทำอะไรที่ไม่ได้ทำตอนที่อยู่กับพ่อที่ค่อนข้าง overprotective (แต่ต้องเข้าใจนะว่ามาร์ลินก็เหลือแค่นีโม่คน/ตัว? เดียว) ทำให้พรูฟได้ว่าสุดท้ายแล้วนีโม่ก็สามารถแก้ปัญหาได้ ไม่ได้ด้อยไปกว่าปลาตัวอื่น

    ตัวละครในตู้ปลาตัวอื่นๆ สุดท้ายก็หนีมาอยู่ในทะเลได้ คือปลาทุกตัวก็มีสิทธิใช้ชีวิตอยู่ในโลกของตัวเองไง และเมสเสจที่สำคัญของหนังเรื่องนี้ (กับเรื่องดอรี่) คือจะสื่อว่า ครอบครัวกับเพื่อน เป็นตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้ตัวละครทุกตัว ไม่ว่าร่างกายเป็นแบบไหน ความคิดยังไงมีความสุขคือความอบอุ่นในครอบครัวและความเข้าใจซึ่งกันและกัน (แหม ก็นี่มันหนังครอบครัว)

    พูดนีโม่ซะยาว มาเรื่องดอรี่บั้ง แต่ไม่สปอยล์หรอกสบายใจได้ อะรู้วว 

    ในเรื่อง Finding Dory ก่อนจะพูดถึงดอรี่ขอพูดถึงแฮงค์ เจ้าปลาหมึกตัวนี้


    ในเรื่องแสดงให้เห็นชัดว่าแฮงค์เป็นกลุ่มคนที่มี PTSD (Post traumatic Stress Disorder) และพยายามหนีจากสถานที่ๆ มีความทรงจำอันเลวร้ายไปสู่สถานที่ใหม่ 

    เมื่อวานอ่านเรื่องดอรี่ใน The MATTER เกี่ยวกับด้านการจำ-ลืม ดีนะ (Finding Dory อยากจำกลับลืม อยากลืมกลับจำ) พูดว่าแฮงค์แสดงให้เห็นว่าการมีความทรงจำและไม่ได้มีปัญหาความจำสั้นแบบดอรี่บางทีมันก็เจ็บปวด ในต้นเรื่องแฮงค์คงอยากจะลืมๆ อาการของตัวเองเหมือนกัน แต่ตลอดเรื่องแสดงให้เห็นการเติบโตของตัวละคร การดีลกับความทรงจำอันโหดร้าย ชอบฉากสระเด็กจับปลามาก มันเรียกว่าอะไร 555 ไม่สปอยล์ แต่มันแสดงให้เห็นความมีมิติของตัวละครมาก ตัวละครที่เราเห็นว่า tough ก็ยังมีจุดอ่อนไหว

    ส่วนดอรี่ เป็นปลาความจำสั้นที่พ่อแม่เป็นห่วง แล้วพลัดออกจากอ้อมแขน (ครีบ?) พ่อแม่มาหลายปี  จะมีชีวิตอยู่ตัวคนเดียวได้ยังไง? หนังเรื่องนี้กำลังพยายามตอบคำถามนั้นอยู่ ก่อนจะเจอมาร์ลิน ดอรี่เป็นยังไง และหลังเจอแล้วเป็นยังไง เกิดอะไรขึ้นกับดอรี่ ทำไมต้องตามหา หรือว่าพยายามจะหาวิธีรักษาตัวเอง? 

    ทำไมถึงมีคำถามว่าดอรี่จะอยู่ตัวคนเดียวได้ไง?

    ความพิการถูกให้ภาพบ่อยๆ ว่าเป็นความผิดปกติ ความด้อยกว่า แทนที่เราจะมองความพิการด้วยความเข้าใจ กลายเป็นว่ามองไปที่ความเห็นใจซะงั้น กลายเป็นโลกของคน ableist เลย (คือคนที่ใช้ภาษาหรือท่าทางเหยียดความพิการ) และมองว่าความพิการในสื่อเป็น ‘Inspiration Porn’ เราจะเห็นว่าความพิการที่โผล่ตามโฆษณาหรือหนังจะชอบมาประมาณว่า “ถึงคนคนนี้จะเป็น__ แต่เค้ายังเอาชนะอุปสรรคได้เลยนะ แล้วคุณที่มีครบ 32 ล่ะ” เป็นการสำเร็จความใคร่ทางแรงบันดาลใจกับความพิการ

    Stella Young เคยไปพูดกับ TED เรื่อง Inspiration Porn และความพิการ อาจจะไม่ได้เป็นเครื่องหมายว่าคนพิการทุกคนคิดแบบเธอ แต่คนส่วนหนึ่งเลยล่ะที่คิดแบบนี้




    กลับมาที่นีโม่กับดอรี่ เรื่องนี้ไม่ได้บอกว่านีโม่จะอยู่ในโลกไม่ได้ถ้าไม่มีครีบเท่าคนอื่น กิลล์เป็นตัวละครที่ทำให้เห็นแบบนั้นว่านีโม่สามารถแก้ปัญหาด้วยไม่ต่างจากปลาตัวอื่นๆ ความพิการไม่ใช่แรงบันดาลใจ ไม่ใช่อุปสรรคที่จะมาหยุดไว้ได้

    เรื่องดอรี่ ไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาดอรี่ว่าทำยังไงถึงจะหายความจำสั้น ไม่ได้จำเป็นต้องแก้ไขความ 'บกพร่อง' ของดอรี่แต่แค่ให้สเปซกับตัวละครได้ถามตัวเองว่าจะดีลยังไง
    What would Dory do?

    การยอมรับตัวตนคนที่รักมันอาจจะยาก ในเคสนี้คือมาร์ลินกับนีโม พ่อแม่ดอรี่ ไม่ใช่ว่าไม่ไว้ใจ หรือไม่เชื่อมั่นกับความสามารถของลูกนะ เพียงแต่ตัวละครพวกนี้รักเกินกว่าจะยอมรับว่าลูกจะไม่เป็นอะไรถ้าเทียบกับ 'คนปกติ' คนอื่น แต่สุดท้ายตัวละครนีโม่กับดอรี่ก็แสดงให้เห็นว่าตัวเองก็ปลากติดี (pun intended) 

    สรุปแล้ว Finding ปลาทั้งสองตัวมันไม่ได้เป็นเรื่องแค่การตามหาปลาที่หลงไป แต่มันเป็นเรื่องที่นีโม่ตามหาตัวตนของนีโม่ ดอรี่ตามหาตัวตนดอรี่ ที่ตัวเองยอมรับและคนอื่นยอมรับด้วย
    มันเป็นทั้งการตามหาแบบเชิงอุปมาและตามหาแบบจริงๆ ทั้งมาร์ลินและพ่อแม่ของดอรี่ก็ต้องตามหาตัวตนของลูกและยอมรับให้ได้ว่าลูกก็เป็นแบบนี้ด้วยการเชื่อในตัวตนของลูก 

    And they finally found themselves.
    It’s what they do best :)

    (รู้สึกยังไม่ได้แฟคต์เชคเรื่องดีเท่าไหร่ ไว้รอกระแสซาพอที่จะสปอยล์ได้ และเรากลับไปดูนีโม่อีกรอบจะกลับมาแก้นะ)
    - อีดิท 1: เพิ่งสำเหนียกว่าพอเขียนแบบไม่ได้สปอยล์เขียนได้น้อยง่ะ แง 
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in