ช่วงปี 2549-2551 ทาง Disney Channel ได้ทำหนังยาวฉายลงช่องตัวเอง เป็นหนังชุด 3 ภาค ฉายทางทีวี 2 ภาค และฉายทางโรงหนัง 1 ภาค แจ้งเกิดดารานักแสดงชื่อดังพอสมควร แต่ที่ดังที่สุดเลยคงจะเป็นพ่อยอดขมองอิ่มของนี่ แซ็ค แอฟรอน และสาวผมสวยตาใส วาเนซซ่า ฮัดเจนส์ ที่ต่อมาได้ออกอัลบั้มเดี่ยวตั้ง 2 อัลบั้ม วันนี้จะขอแนะนำหนังชุด "High School Musical" หรือได้ชื่อไทยว่า "มือถือไมค์ หัวใจปิ๊งรัก"
เป็นหนังมิวสิคัลดิสนีย์สไตล์ คือร้องเพลงเกือบทั้งเรื่อง มีบทพูดนิดหน่อยให้ชื่นหัวใจ แถมการร้องเล่นเต้นที่กินขาดระดับรัชดาลัยเธียเตอร์ หนังทั้ง 3 ภาคนี้ได้รับการดูแลกำกับโดยเคนนี่ ออเทก้า ผู้กำกับคอนเสิร์ต This Is It ของไมเคิล แจ๊คสัน แต่ไมเคิลเสียชีวิตก่อน เขาก็เลยรวมรวมฟุตเทจมาทำเป็นหนังสารคดีแทน และผลงานล่าสุดคือหนังรวมลูกตัวร้ายในเทพนิยายดิสนีย์ Descendants ที่ดูไม่ค่อยพ้นไปจากแนวนี้เท่าไหร่เลยนะ ฮ่าๆๆ
หนังชุดนี้เติบโตมาพร้อมๆ กับซีรีส์ แฮนน่า มอนแทนน่า ทางช่องดิสนีย์เหมือนกัน ซึ่งผู้รับบทแฮนน่า มอนแทน่าก็คือ เหมยลี่ ไซรัส สมัยนางยังไม่เลียค้อน ไม่ตัดผมสั้น แต่งตัวหลุดโลก ซึ่งสดใสซาบซ่า เบส ออฟ โบธ เวิร์ล มากๆ HSM ก็เช่นกัน สดใสซาบซ่า แซ็คก็ยังเป็นวัยรุ่นหน้าเนิร์ดๆ อยู่เลย ซึ่งปัจจุบันพี่แกโตเป็นหนุ่มฮอตเห็นแล้วน้ำลายไหลอยากเลียนมเสียเหลือเกิน
เรื่องราวของ แกเบรียล มอนเตส หญิงสาวฮายสคูล ได้ย้ายมายังโรงเรียนอีสต์ฮาย เธอเป็นเด็กหญิงเก่งวิชาการ แต่ก็ชอบการร้องเพลง เธอได้รู้จักกับ ทรอย โบลตั้น หนุ่มนักบาสสุดฮอตของโรงเรียน นางกับทรอยก็ได้จับพลัดจับผลูแอบไปออดิชั่นละครเวทีของโรงเรียนด้วยกัน จนได้ผ่านเข้ารอบของโรงเรียน ร้อนไปถึงไรอันกับชาร์เพย์ สองศรีพี่น้องเซเลปสุดของโรงเรียน มีดีกรีเด่นเรื่องร้องเล่นเต้นรำ ไม่อยากให้ทรอยกับแกเบรียลชนะการคัดเลือก จึงพยายามขัดขวาง
เพราะข่าวการออดิชั่นกระจายไปทั่วโรงเรียน แช็ด เพื่อนสนิทของทรอยที่เล่นบาสด้วยกันก็พยายามห้ามทรอยไม่ให้ไปร้องเพลง เพราะจะทำให้ไม่มีสมาธิแข่งบาส แกเบียลก็ถูก เทย์เลอร์ เพื่อนสาวคนสนิทกักตัวไว้เพื่อไปแข่งขันทดลองวิทยาศาสตร์ ทรอยก็กลับไปแข่งบาสจนเข้ารอบ แกเบรียลก็แอบไปน้อยใจและร้องเพลงระบายความรู้สึกออกมา
ต่อมาชาร์เพย์เลยแผนสูง ไปคุยกับอาจารย์ให้วันแข่งบาส วันแข่งทดลองวิทย์ กับวันออดิชั่นใหญ่เป็นรอบเดียวกัน แต่ในระหว่างการแข่งบาส เพื่อนของทรอยได้เห็นว่าทรอยควรไปทำสิ่งที่เขาก็อยากทำนอกจากเล่นบาส เลยมาช่วยป่วนระบบป้ายไฟในสนาม ทำให้ต้องพักการแข่งขัน ขณะเดียวกันแกเบียลที่แข่งทดลองวิทย์ก็ผสมสารให้เกิดควันเยอะๆ จนเวทีชุลมุนแล้วพักการแข่ง
ทั้งคู่เลยชิ่งมาออดิชั่นรอบสุดท้ายและชนะคู่ไรอันกับชาร์เพย์ได้เล่นละครเวทีของโรงเรียนในที่สุด (ก่อนที่ทั้งคู่จะกละบไปแข่งของตัวเองกันต่อ) และตอนจบทั้งคู่ก็ได้ปิ๊งกัน และนักแสดงทุกคนก็ออกมาเต้นเฉลิมฉลองในสนามบาสด้วยฟิลลิ่งหนังบอลลีวูดของอินเดียแบบ ชะเอิงเอย
โดยรวมแล้วเป็นหนังมิวสิคัลที่พล็อตเรื่องแบบผู้หญิ้งผู้หญิง ผู้หญิงถึงผู้หญิงมาก แต่หนังทำออกมาโอเคเลยทีเดียว ทั้งเคมีของนักแสดงที่เข้ากันมาก และการร้องเล่นเต้นรำของนักแสดงก็ถือว่ามีความสามารถ การออกแบบเพลงและท่าเต้นก็ทำได้ดี จ้างร้อยเล่นพัน เต้นกันสนุกสุดเหวี่ยงมาก เพลงช้าก็ชวนน้ำตาคลอ แม้บทจะไม่สมเหตุสมผลมาก แต่ดูแล้วก็เพลินดี ข้อคิดไม่มีอะไรมากนอกจากพยายามทะลุกรอบของตัวเองเพื่อตะกายดาวบรรลุความฝันให้ได้ เช่นเดียวกับชื่อเพลง Breaking Free
จากผลตอบรับที่ออกมาค่อยข้างดี มีฐานแฟนคลับ ทีมงานจึงสร้างภาคต่อออกมาอีก 2 ภาค ซึ่งก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน เพลงและท่าเต้นก็เป็นที่น่าจดจำ แต่ภาคที่ดูบ่อยที่สุดก็คือภาคแรก บ่อยชนิดที่ว่าเป็นหนังไม่กี่เรื่องที่ยอมซื้อดีวีดีอย่างดีมาเก็บไว้ที่บ้าน และเมื่อกลับบ้านทีไรต้องกลับมาเปิดดูตลอดเลยจนแม่ก็แอบบ่นว่าเปิดอีกละเรื่องนี้ อ้าวก็มันชอบนี่นา
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in