เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ลพบุรี และฉันthefahzz
ลพบุรี และฉัน
  • ลพบุรี และฉัน

    เมืองลพบุรี อย่างที่เรารู้กันดีว่าเป็นเมืองลิง 

    และประชากรลิงก็ได้ฝากรอยเขี้ยวไว้ที่แขนขวาของฉันด้วย..


    ทริปนี้เริ่มต้นขึ้นด้วยแม่ฉัน ที่เพิ่งกลับมาจากอเมริกา อยากจะพาคุณตาและยายของฉันไปเยี่ยมญาติๆ เพราะเห็นว่าแก่กันหมดแล้ว น่าจะเจอกันเป็นครั้งสุดท้าย.. (เดี๋ยววว) น่าจะไปเจอกันเพื่อให้หายคิดถึงหน่อย 

    และแม่ก็เกิดความคิดอันชาญฉลาดที่ว่าเราน่าจะไปกันช่วงปีใหม่นะ รถน้อยดี เพราะมันสวนทางกัน (บ้านฉันอยู่ที่ภาคอีสาน) คนเค้าออกจากกรุงเทพเพื่อกลับบ้าน แต่เราไปทางกรุงเทพ ซึ่งไม่มีรถเลย ทุกคนต่างก็เห็นด้วยและตกลงไปกันใน 06.00 น ของวันที่ 1 มกราคม เย่ะ

    วันที่ 31 ธันวาคม 22.00 น.
    "ฟ้า เค้าจะไปเคาท์ดาวน์บ้านเพื่อนนะ" แม่บอกอย่างยิ้มๆกับฉัน ในขณะที่นั่งกินโต๊ะจีนที่โรงงิ้วกันอยู่
    "อ้าว แล้วคุณตากับแม่แมวล่ะ แกจะกลับเลยหรอ"  ฉันถาม
    "ใช่ แกง่วงแล้ว ตาจะปิดแล้วนั่น ฮ่าๆๆ" แม่ตอบกลับมาพร้อมหัวเราะเบาๆ (.........)
    "โอเค เจอกันพรุ่งนี้นะ แม่มารับเค้าด้วย" ฉันบอก

    วันที่ 1 มกราคม 06.30 น.
    "แม่ ไหนอ่ะ ไม่เห็นมาเลย" ฉันกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์ ขณะที่ยืนรออยู่หน้าบ้าน
    "มาไหนอ่ะ............... อ้าว เพิ่งตื่น!! คุณตากับแม่แมวก็ยังไม่ตื่นเลยยย รอเค้าแป๊บนึงงงงงง" แม่ตะโกนเสียงดังลั่น พร้อมโยนโทรศัพท์ลงบนเตียง ฉันเดา..

    สวัสดี ทริปลพบุรี :)
  • DAY 1


    เราออกเดินทางกันตอนประมาณ 07.30 น. ฉันพูดกับแม่ไม่กี่คำ และไม่พูดกับคุณตาและยายเลยเพราะ ......... "คร่อกกกก.."  ฉันหลับตั้งแต่ยังไม่ออกจากตัวจังหวัด จนถึงตัวเมืองลำนารายณ์ จังหวัดลพบุรี ฉันก็ตื่นขึ้นมาเพราะคุณตาฉันปลุกให้ลืมตามาดูบ้านเกิดของตัวเอง และอวดว่าตรงนี้เคยเป็นบ้าน แต่ก่อนไม่มีตึกและเป็นสลัม แต่ตอนนี้มีตึกรามบ้านช่องขึ้นยังกับดอกเห็ดเลย คุณตาเล่าด้วยน้ำเสียงที่มีความคิดถึงปนเสียดาย.. แต่คุณตาก็เปลี่ยนอารมณ์ด้วยคำว่า หิว เราทุกคนในรถเห็นด้วยกับคำว่า หิว เราลงมติกันว่า ไปกินก๋วยเตี๋ยวกัน

    เรากินก๋วยเตี๋ยวกันอยู่เงียบๆ แต่คุณตากลับหน้ามุ่ยและบ่นพึมพำเบาๆอยู่ตลอดเวลาอาหาร .. ด้วยความหิวทำให้ไม่มีบทสนทนาระหว่างกันบนโต๊ะ แต่สุดท้ายตอนที่เรียกเจ้าของร้านมาเก็บเงิน คุณตาก็ได้พูดด้วยสีหน้ายิ้มๆว่า "แก๊สหมดหรอครับ น้ำซุปไม่ร้อนเลย ฮ่าๆๆๆ" 

    .............................................. ฉันค่อนข้างอึ้งกับสิ่งที่คุณตาพูด แต่ก็เข้าใจ(ไปเอง)ว่าคนแก่ก็คงขี้บ่นขี้แซะขี้หงุดหงิดเป็นปกติแหละ(มั้ง)

    "ไม่ได้หมดค่ะ ฮ่ะๆๆ...." เจ้าของร้านตอบกลับด้วยสีหน้าไม่ต่างจากฉันเท่าไหร่ และสุดท้ายเธอก็พูดขอบคุณที่เรามา แล้วก็จากกัน

    "เดี๋ยวเราไปหาย่าเทืองกัน เนี่ย ขับไปอีกหน่อยก็ถึ....." ฉันไม่ได้ยินสิ่งที่คุณตาพูดหลังจานั้นอีก พอขึ้นรถปุ๊ป เจอแอร์เย็นๆ หนังท้องตึงหนังตาก็ปิดไปเลยทันที และตื่นมาอีกทีก็ถึงบ้านของย่าเทือง ซึ่งเป็นบ้านหลังใหญ่ที่มีสนามหน้าบ้าน และหมาบางแก้วตัวใหญ่ 2 ตัว ฉันจำได้ว่าตอนเด็กๆเคยมาที่นี่และโดนหมากระโจนใส่อย่างแรงจนพุงเขียว.. และวันนี้หมาตัวนั้นก็ยังอยู่............. ไฮ.. ฉันโบกมือให้หมาก่อนจะยกมือสวัสดีย่าเทืองซะอีก 

    จากนั้นพวกตายายก็พากันคุยโม้ถึงเรื่องต่างๆกันจนหายคิดถึงและบอกลากัน ไม่ลืมที่จะให้ของฝากติดไม้ติดมือกันอีกด้วย น่ารักก็ตรงนี้แหละ :)

    พอขึ้นรถ คุณตาก็ขับต่อไปอีก โดยมุ่งหน้าไปที่สิงห์บุรี เพื่อจะนอนพักผ่อนที่นั่น เพราะวันรุ่งขึ้นต้องไปเยี่ยมยายไก่ต่อที่ชัยนาท ซึ่งสิงห์บุรีก็เป็นทางผ่านและเป็นตัวเลือกที่ดีที่เราจะค้างคืน และอีกครั้ง... ที่ฉัน... หลับ .................. แอ่กก

    ฉันตื่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อแม่ปลุกให้ไปถามราคาโรงแรมให้ เราตกลงเช่าโรงแรมนั้นเลยด้วยราคาที่ถูกมากๆ โดยให้ฉันและแม่นอนด้วยกัน คุณตากับยายก็นอนอีกห้องหนึ่ง และหลังจากนั้นเราก็ไปกินข้าวที่โต้รุ่งในตัวเมืองสิงห์บุรี ร้านข้าวที่คุณตาเลือกคือร้านข้าวต้มกุ๊ย แต่คุณตาก็สั่งข้าวสวยมากิน และสุดท้ายก็บ่นว่าข้าวแข็ง ........... ฉันเริ่มจะไม่ค่อยเข้าใจแล้ว..

    เรากลับมาที่โรงแรมเราตกลงกันว่าจะเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมตอน 08.00น. และอาบน้ำ พร้อมนอน ฉันสไลด์หน้าฟีดไปแปปเดียวก็ได้ยินเสียงกรนของแม่แล้ว.. แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นกับฉันคือ นอนไม่หลับ........ เพราะนอนมาทั้งวันแล้วบนรถ ........

    ฉันนอนกลิ้งไปมาอยู่ 3 ชั่วโมง โดยไม่ได้ทำอะไรเลย นอนหลับตาเฉยๆเพื่อหวังให้หลับ ในชั่วโมงที่ 4 ฉันจับโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาก็เห็นว่านี่มันตี 2 กว่าแล้ว และพยายามหลับอีกรอบหนึ่ง ฉันกังวลว่าจะนอนน้อยเพราะต้องตื่นแต่เช้............ (หลับอยู่ดี)

  • "ฟ้า ตื่นได้แล้ว แม่จะลงไปกินกาแฟรอข้างล่างนะ รีบๆลงมาล่ะ" 
    ".............................. อือ" 
    ฉันจับโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาและพบว่าสายมากแล้ว ฉันรีบพุ่งตัวไปที่ห้องน้ำและอาบน้ำด้วยความไวแสงและลงมาข้างล่างล็อบบี้เพื่อเช็คเอาท์ 

    "ตื่นแต่เช้าเลยน้าาาา" คุณตาแซะแกมประชดฉันด้วยเสียงดังลั่น นี่ฉันเริ่มสงสัยแล้วว่าคุณตาคนอื่นเป็นแบบนี้เหมือนกันบ้างไหม...

    วันนี้เวรของฉันขับรถ เรามุ่งหน้าไปที่อนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจัน แต่ก่อนจะถึงค่ายนั้นเราก็เจอวัดที่ตกแต่งให้เหมือนอยู่ในยุคโบราณอยู่ฝั่งขวามือ ได้ฟีลนักสู้สุดๆ แต่ในวัดมีชาวพุทธเยอะมากกกก เราจึงตัดสินใจไม่แวะ และขับหาค่ายบางระจันต่อไป เราขับไปเรื่อยๆจนเกือบจะเข้าอีกอำเภอหนึ่งไปแล้ว

    "พ่อว่ามันเลยมาแล้วนะ ป้ายมันบอกว่า 5 โลเองนะ นี่จะเป็น 10 โลแล้ว" คุณตาพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
    "ยังหรอกพ่อ ถ้าเลยมาก็ต้องเห็นแล้วสิ" แม่ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดกว่าคุณตา
    "พ่อว่ามันอยู่ข้างหลังนู่น...." คุณตาเถียงกลับ
    ฉันตัดสินใจจอดรถ และเข้าแอพฯ Google Maps เพื่อปัดรำคาญ ทั้ง 2 คน และพบว่ามันเลยมาไกลมากแล้วจริงๆอย่างที่คุณตาพูด ฉันกลับรถและขับกลับไป รถทั้งคันเงียบสงัด .......... (ตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองนิสัยเสียจริงๆที่ทำแบบนี้กับแม่และคุณตา)

    พอขับมาตามที่พี่กูได้บอก ผลที่ได้รับคือ ค่ายบางระจัน อยู่ตรงข้ามกับวัดที่ตกแต่งให้เหมือนอยู่ในยุคโบราณให้ฟีลนักสู้ที่เราไม่แวะเข้าไปในตอนแรก ...................................... (ในรถเงียบกว่าเดิมอีก) 

    พอมาถึงค่าย ก็พบว่ามันต้องขึ้นบันไดไปอีกหลายสิบขั้น คุณตากับยายเห็นแบบนั้นแล้วก็ขอโบกมือลา เพราะหัวเข่าเริ่มเสื่อมกันแล้ว ส่วนฉันกับแม่เดินไปถ่ายรูปตามประสานักท่องเที่ยวทั่วไป คุณตาและยายก็รอบนรถตามระเบียบ 



    ในตัวค่ายก็มีรูปปั้นชาวบ้านบางระจันที่กำลังอยู่ในท่าต่อสู้ และพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เล็กๆอยู่ เราเดินดูอยู่ไม่นานก็รีบกลับขึ้นรถ เพราะคุณตาบ่นว่าหิว อยากกินข้าวราดแกงที่ตลาดสามชุกเต็มทีแล้ว

    ฉันขับมาจากค่ายบางระจันไม่ไกลนัก ก็ถึงที่อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรีแล้ว 
    "เจอร้านข้าวแกงแล้ว จอดให้ตาลงตรงนี้ แล้วหนูก็ไปหาที่จอดนะ" คุณตาพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นที่ได้เจอกับข้าวแกง
    "จ้า" ฉันตอบกลับอย่างเลี่ยงอะไรไม่ได้

    ที่ตลาดสามชุกมีนักท่องเที่ยวเยอะมากกกกกกกก เหมือนคนทั้งจังหวัดมารวมกันที่นี่เพื่อการชุมนุมอะไรซักอย่าง นั่นทำให้ฉันต้องขับรถวนรอบตลาดถึง 2 รอบเพื่อหาที่จอดรถซึ่งอยู่ไกลจากร้านข้าวแกงประมาณ 80 กิโลเมตร (ถุยย) หลังจากกินข้าวแกงของคุณตาเสร็จ เราก็ชักชวนกันไปเดินตลาดสามชุก โดยมีเป้าหมายว่า ซื้อของฝากให้ยายไก่ แต่ผลสุดท้ายคือทุกคนได้ของกินของตัวเองกลับมา เพราะที่นี่ของกินจุกจิกเยอะมาก แม่ค้าที่ขายอาหารอยู่ที่นี่น่าจะอยู่ในระดับ 3 ส่วน 4 ของตลาดเลยล่ะ

    สุดท้ายคุณตาก็ได้กุนเชียงมาฝากยายไก่  เป็นของติดไม้ติดมือ แบะเป็นหน้าที่ฉันอีกครั้งที่ต้องขับรถไปที่จังหวัดชัยนาทเพื่อไปพาคนแก่ไปเยี่ยมและนั่งเมาธ์กัน รวบรวมข้อมูลเรื่องราวของแต่ละคนในหลายปีที่ผ่านมาให้อยู่ในไม่กี่นาที และแลกของฝากกันในตอนสุดท้าย นับว่าเป็นวิทยายุทธอย่างหนึ่งของผู้สูงวัย...


  • แม่เล่าแผนเที่ยวของแม่ว่าจะไปเที่ยวสวนสัตว์ บึงฉวาก กันและต่อด้วยไปเที่ยวที่สวนนกชัยนาท และนอนที่นี่ซักคืนและพรุ่งนี้ก็ค่อยกลับบ้านในตอนเช้า ทุกคนตกลงกันแผนของแม่ 

    ทางเข้าของบึงฉวากนั้น เต็มไปด้วยรถยนต์ที่ต่อแถวเป็นทางยาว คือคนเยอะมากและรถก็ติดอยู่ 4 กิโลเมตร ....... เรานั่งรอให้รถติด และเคลื่อนตัวช้าๆ เหมือนตัวสล็อตปีนต้นไม้

    "ในนี้มีอะไรหรอ มีแค่ปลาหรือเปล่า" ฉันถามแม่ด้วยความสงสัยว่ามีอะไร ทำไมคนเยอะจัง
    "ก็มีหมดแหละ มันเป็นสวนสัตว์ มีอควาเรียมด้วยนะ" แม่ตอบด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย
    "น้องฟ้าเคยเห็นหรือยัง อควาเรียมอ่ะ ปลาเยอะมากเลยนะ" คุณตาหว่านล้อม
    "เคยเห็นแล้ว.." ฉันตอบ
    "งั้นกลับเลยมะ ไม่ต้องดูหรอก" แม่ถามอย่างเนือยๆ
    "เออ ไปสวนนกก็ได้" ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันเพราะขี้เกียจรถติดรอนานๆ

    ฉันกลับรถออกมาจากถนนเส้นนั้นเพื่อมุ่งหน้าไปที่สวนนก แต่พอมาถึงสวนนก ก็เจอปัญหาเดิมอีกครั้ง คือคนเยอะมากอีกแล้วและไม่มีที่จอดรถ....

    "จะกลับกันตอนไหน กลับวันนี้เลยได้ไหม" ยายของฉันที่ไม่ค่อยพูดได้เอ่ยปากออกมาด้วยความเบื่อ
    "ทำไมจะกลับวันนี้ล่ะ" แม่ถาม
    "เป็นห่วงหมากับแมว กับปลาในบ่อ ไม่มีคนให้อาหารมัน" ยายตอบแบบซื่อๆ
    "..........................." (ทั้งรถเงียบกว่าตอนที่ไปเจอค่านบางระจันอีก)
    "อ่ะ กลับก็กลับสิ" คุณตาพูดอย่างเนือยๆ (เฮ้ยยยยยย จะกลับกันง่ายๆงี้เลยเหรอออออ)

    ใช่ค่ะ สรุปเราก็กลับกันวันนั้นเลยจริงๆ

    ฉันขับจากชัยนาทมุ่งหน้าไปที่ลพบุรี เพราะคุณตาเกิดอยากกินปลาจ่อม และยังบอกอีกว่า ถ้าไปซื้อปลาจ่อมไม่ทัน ให้นอนลพบุรีอีกคืนนึง เพื่อตื่นเช้าจะได้ซื้อปลาจ่อมก่อนแล้วค่อยกลับบ้านอย่างสบายใจ เออเว้ย เอาเส้!!! 

    ระหว่างทางไปที่ลพบุรีนั้น รถเยอะมาก เพราะเป็นเส้นทางเดียวกันที่มาจากเชียงใหม่เข้ากรุงเทพ ทำให้ฉันต้องค่อยๆกระดึ๊บๆไป ในใจฉันนึกว่าไปช้าๆก็ดี จะได้ไม่ต้องขับรถกลับบ้านในตอนกลางคืน มันมืดและอันตราย จะได้นอนพักที่ลพบุรีก่อน

    แต่....... มันดันทันแฮะ........

    เราถึงเมืองลพบุรีในเวลาเกือบๆจะ 5 โมงเย็น ซึ่งแสงสวยดี ฉันเลยอยากจะลงไปเก็บภาพเมืองและประชากรลิงซักหน่อย ฉันแยกกับทุกคนให้ทุกคนไปซื้อปลาจ่อมซะ และฉันจะเดินไปถ่ายรูป และให้ทุกคนมารับฉันเมื่อซื้อเสร็จแล้ว

    ฉันเดินไปเรื่อยๆ และพบว่าเมืองนี้แปลกๆดีแฮะ มีตึกรามบ้านช่องเหมือนเมืองทั่วไป แต่เก่าหน่อย แต่ถัดจาดตึกเป็น เจย์ดีสามยอด ที่ดูเป็นโบราณสถานที่ตั้งอยู่ท่ามกลางตึกปูนยุคใหม่ ซึ่งน่ารักดี ฉันชอบมากเลย มันดูเป็นสิ่งที่อยู่ด้วยกันได้ลงตัวเลย ไม่จำเป็นต้องเหมือนกันก็ได้ 



    ฉันเดินเข้าไปในเจดีสามยอดเพื่อดูลิงและถ่ายรูปเก็บไว้ เจอน้องโดนลิงแกล้งแต่พ่อไม่ช่วยแต่กลับถ่ายรูปแทน..... ก็แปลกๆดีนะ ฉันก็เป็นหนึ่งในคนพวกนั้นที่เจออะไรก็จะต้องถ่ายรูปเอาไว้ก่อน เพื่อไปอวดคนในโลกโซเชียล ....  

    แม่ฉันโทรมาแล้ว บอกให้ฉันออกมายืนรอที่ข้างถนน เพื่อจะได้รอขึ้นรถไปเลย ฉันตอบตกลงและเดินหันหลังให้เจดีสามยอด เดินออกมาได้ไม่กี่ก้าว ก็รู้สึกเหมือนมีตัวอะไรมากอดจากข้างหลัง และไต่มาตามตัวฉันและ ... "โอ้ยยยยยยยย!!" 

    ฉันโดนลิงกัด...................

    แม่มารับฉันพอดี แม่ตกใจมากและบอกให้คุณตาซึ่งเป็นพลขับอยู่ตอนนี้ให้พาฉันไปที่โรงพยาบาล แต่..
    "เดี๋ยวค่อยกลับไปฉีดที่บ้านก็ได้มั้ง ค่ำแล้ว ไม่อยากขับรถตอนมืดๆ มองไม่ค่อยจะเห็น" 
    "............................" (ทั้งรถเงียบกว่าตอนที่ยายบอกว่าอยากกลับบ้านอีก)
    "จะรอให้มันกลายร่างเป็นลิงก่อนเลยไหม ถึงจะพามันไปฉีดยาอ่ะ ไปโรงบาลเดี๋ยวนี้เลย" แม่ใช้อำนาจความเป็นแม่สั่งพ่อตัวเองด้วยน้ำเสียงดุๆ 

    สุดท้ายแล้วฉันก็ได้ฉีดยาทั้งหมด 6 เข็ม ก็โดนค่ารักษากันไปหนักๆ
    แม่ฉันมาเล่าให้ฟังว่า ไปคุยกับพยาบาลมา
    "มีคนโดนกัดเยอะไหมคะ"
    "ปกติก็ไม่ค่อยมีนะคะ ส่วนใหญ่จะกัดแต่ชาวต่างชาติ"
    /ตัดภาพมาที่ฉัน ย้อมผมสีเทา ยืนอยู่ท่ามกลางคนที่ผมดำธรรมชาติและลิงยืนล้อมรอบฉันคนเดียว ................................. 
    แม่หัวเราดังมาก ลั่นโรงพยาบาล 
    "อย่าไปโกรธลิงเลย มันคงไม่รู้จักยาย้อมผมหรอก" แม่ปลอบใจฉันพลางหัวเราะเบาๆ

    สนุกดีเนอะ :)

    ปล. สุดท้าย เพราะวันนี้เป็นเวรฉันขับรถ ฉันก็ยังคงต้องขับรถกลับบ้านเหมือนเดิม .....................................................  


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in