10:00 AM
‘หลิน ตื่นยังวะ’
‘สิบเอ็ดโมงลูกค้านัดนะมึง’
‘ไปคุยก่อน เดี๋ยวช่วงบ่ายพี่ตามไป’
ผมวางแก้วกาแฟลง แล้วย้ายความสนใจมาที่โทรศัพท์มือถือ เมื่อแชทจากพี่คนสนิทเด้งขึ้นมารัว พร้อมกับข้อความที่อ่านแล้วชวนให้ขมวดคิ้ว ผมรู้สึกปวดหัวจี้ดๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกาแฟหรือการจ้องคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานทั้งวัน ..ครับ ทั้งวัน ทั้งวันจริงๆ หนึ่งวันเท่ากับยี่สิบสี่ชั่วโมง จากเช้าเมื่อวานจนเช้าวันนี้ จะสิบโมงเช้าแล้วก็ยังไม่ได้นอน เพราะกดเข้าไปอ่านแล้วผมเลยจำเป็นต้องรีบๆตอบเขาไป ทั้งๆที่อยากจะปล่อยเบลอใจจะขาด
‘พี่’
‘บ่ายคุยเสร็จละมั้ง’
‘ไม่ต้องมา หลินคุยเอง’
อันที่จริงผมคุยงานคนเดียวก็ถูกแล้ว เพราะจ็อบนี้ผมรับเองเต็มๆ ส่วนพี่รหัสผมเป็นคนติดต่อกับลูกค้าให้ งานที่ทำเป็นงานรีโนเวทภายในบ้านแถวเป็นโฮสเทลที่ฟังแล้วเหมือนจะง่ายแต่พอได้ลองทำจริงๆก็ไม่เลยสักนิด
ผมจัดการล้างหน้าแต่งตัวให้ดูไม่ชวนเสียขวัญมากนัก มองใต้ตาตัวเองก็รู้สึกหดหู่เพราะตอนเปิดเทอมก็ตั้งมั่นไว้ว่าจะหาทางกำจัดมันให้ได้ แต่ปรากฏว่ามันดันเป็นหนักกว่าเดิมเสียอย่างนั้น ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าชีวิตนักศึกษาปีสี่ในช่วงปิดเทอมเล็กจำเป็นต้องมาเจออะไรแบบนี้ไหม การรับงานต่อจากพี่รหัสที่จบไปสองปีมันก็ไม่เท่าไหร่หรอก ปกติผมก็ชอบรับจ๊อบนอกแบบนี้เป็นประจำ หาเงินค่าขนมเล่นๆด้วยคติสอนใจจากคนรอบตัวว่าประโยคไม่เลือกงานไม่ยากจน . . เราเลือกลูกค้าไม่ได้แต่เลือกที่จะทำงานให้ดีในข้อจำกัดเหล่านั้นได้
แต่ตอนนี้อาจจะต้องเพิ่มเติมลงไปว่า ถ้าไม่เลือกลูกค้าให้ดี ก็จะต้องทำงานหนัก . .แบบนี้
“วันนี้มาคนเดียวเหรอครับ”
นี่คือลูกค้าของผม คุณยูซอนโฮก็อายุรุ่นราวคราวเดียวกันนี่แหละ ผมไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับตัวเขามากนัก รู้เพียงแค่โปรเจ็คต์นี้เป็นโฮสเทลที่จะกลายมาเป็นของเขาทันทีที่เรียนจบ
คนเกิดมาบนกองเงินกองทองก็โชคดีแบบนี้..
“ครับ” ผมไม่ค่อยอยากจะสุงสิงกับเขาให้มากความนัก พยักหน้าตอบก่อนจะเปิดโน้ตบุ๊คและกางแผ่นกระดาษของงานบางส่วนให้เขาดู
“โห ดูดีนะเนี่ย”
“ครับ...”
“ตรงนี้เป็นอะไรเหรอครับ”
เอาล่ะ ของจริงมันเริ่มหลังจากนี้ ลืมภาพรอยยิ้มเป็นมิตรของคุณชายซอนโฮนี่ไปให้หมด เขาไม่ใช่เจ้านายที่คุณใฝ่ฝันหรอก อันที่จริงถ้าเกิดนักออกแบบเลือกลูกค้าได้ อย่างยูซอนโฮนี่ควรจะถูกตัดทิ้งเป็นช้อยส์ลำดับต้นๆ
เขาขยับเก้ามานั่งฝั่งเดียวกับผมเพื่อที่จะได้ดูงานสะดวก เมื่อเขาไม่พูดอะไรต่อผมจึงเริ่มอธิบาย
“ใส่บ่อน้ำมาเรียบร้อยแล้วครับ เสริมฮวงจุ้ยชั้นหนึ่ง" จงใจย้ำประโยคหลังเล็กน้อย ก่อนจะย้ายไปเปิดรูปทัศนียภาพในคอมให้เจ้าของโปรเจ็คต์ดู "อันนี้รูปงานจริงจะออกมาเป็นแบบนี้”
เขาพิจารณาเพียงชั่วประเดี๋ยวประด๋าวเท่านั้น ยกยิ้มแบบที่ทำเป็นประจำ และผมก็รู้ว่าหลังจากนี้เหตุการณ์มันจะไปในทิศทางไหน
“ผมอยากได้น้ำพุ”
“ครับ เดี๋ยวไปใส่เพิ่มให้” เดาไว้ไม่ผิด ผมมาร์คจุดแดงๆลากเส้นโยงในแบบแปลนออกมาเขียน ยังไม่ทันจะจดเสร็จยูซอนโฮก็เปลี่ยนความสนใจไปจุดอื่น
“แล้วข้างๆตรงนี้เป็นอะไร”
“บาร์ครับ ตรงนี้เป็นเวทีเล็กๆ” เขาเคยถามคำถามนี้กับผมเมื่อครั้งที่แล้วและผมก็ตอบเหมือนเดิม และแน่นอนว่ามันเป็นส่วนที่ไม่ต้องแก้ไขอะไรผมเลยว่าต่อ “ชั้นสองก็เป็นห้องพัก ครั้งก่อนคุณยูให้ปรับความกว้างห้องน้ำ แล้วก็ยกสเต็ปพื้นตรงนี้สิบเซน”
“มันสูงไปเนอะ ว่ามั้ยคุณ?”
“อ่าว” ผมหลุดอุทานเบาๆ อย่างสุภาพที่สุดเท่าที่จะควบคุมได้ . .จะใครเสียอีกล่ะที่บอกให้ผมยกระดับพื้นห้องเพิ่ม
“ดูดิ มันสูงไปอ่ะ ถ้ายกกระเป๋าหนักๆต้องมีสะดุดแน่”
“อ๋อ ครับๆ ลดลงสักสามเซ็นต์นะครับ”
“ขยับทางเดินได้มั้ย ผมว่ามันแคบไป” เอ้า..เปลี่ยนเรื่องเฉยเลย
“แต่ห้องมันจะแคบนะครับ”
“ขยับกินที่ระเบียงไปหน่อยคงไม่เป็นไร”
“ครับ”
“อ้อ ซินแสบอกผมว่าชั้นหนึ่งต้องเผื่อที่ให้ตี่จู้เอี๊ยะด้วย”
“ห้ะ?” ผมหันไปมองหน้าเขาแบบสบตากันตรงๆ และมันคงจะดูตลกมากในสายตาของคนมองเขาถึงหัวเราะออกมา และแน่นอนครับ..เขายิ้มอีกตามเคย
“หิ้งพระจีนอะครับ ..ฝากคุณสเปคแบบให้ที เอาให้เข้ากับภาพรวมชั้นล่างอะ”
. . ตึ๊บไหมล่ะ
“..ตี่จู้เอี๊ยะ กับบาร์นั่งชิล ดนตรีสด. .”
“ครับ สำคัญมากเลยอะ ต้องมี ที่บ้านผมเคร่งมากๆ”
ผมทำได้แค่พยักหน้าตอบ ยิ่งกว่าวิญญาณออกจากร่างเพราะทำงานจนไม่ได้นอน แต่ทุกครั้งที่มาคุยความคืบหน้างานกับลูกค้ารายนี้ผมก็มักจะได้รับเรื่องเซอร์ไพรส์ตลอด
“จำได้ป่ะครับว่าต้องเปลี่ยนอะไรบ้าง”
“จดไว้แล้วครับ”
“มันไม่เยอะเกินไปใช่มั้ยเนี่ย” ผมส่ายหัว เขายกยิ้มพออกพอใจ “ผมขอวันศุกร์นะครับ”
“ . . ครับ”
เรื่องราวดีๆก็คือ . .
วันนี้วันพุธ
2:36 PM
ผมกลับหอมานอนไปสามชั่วโมง ก่อนจะตื่นมาทั้งอาการมึนๆ ล้างหน้าล้างตาเล็กน้อยแล้วเปิดโน้ตบุ๊คมาแก้งานต่อ ผมเขาโน้ตที่จดไว้มาอ่านคร่าวๆ จากลายมือที่เขียนเองด้วยปากกาสีแดงก็พอจะเดาอารมณ์ตัวเอง ณ ตอนนั้นได้อยู่ ยูซอนโฮไม่เข้าใจหรอก ว่าสั่งย้ายอะไรนิดหน่อยก็เท่ากับแก้ใหม่ทั้งงานนั่นแหละ
ผมเริ่มจากงานที่ง่ายที่สุดคือการเสิร์ชหาร้านผลิต'ตี่จู้เอี๊ยะ' เพื่อที่จะมองหาหิ้งพระที่เข้ากับธีมของโฮสเทลที่เจาะกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยววัย20-30ปีมากที่สุด
พี่รหัสก็ทักแชทมาในเวลาพอเหมาะพอเจาะ ดูเหมือนว่าเขาก็พอจะเดาออกว่าผมไปเจออะไรมา ผมไม่รอช้ารีบกดเข้าไปตอบทันที
‘เป็นไงมั่ง’
‘หมดคำจะพูด’
‘พี่ติดต่ออะไรมาให้หลินอะ5555’
‘5555555’
‘ไปเจอไรมา’
‘คราวก่อนสั่งเปลี่ยนหน้าต่างทั้งหลัง’
‘ขยับห้องพักทั้งหมด'
'เพิ่มบ่อน้ำตามฮวงจุ้ย'
‘คราวนี้ขยายทางเดิน เพิ่มน้ำพุ’
‘อีกเยอะอะพี่’
‘555555’
‘เออ’
‘มีตี่จู้เอี๊ยะด้วยนะพี่’
‘55555555555555’
‘คราวก่อนกูทำบ้านให้พ่อแม่เค้าก็มี’
‘พี่แม่ง..’
‘เดี๋ยวคืนนี้เข้าไปช่วย’
‘ฟรีๆเลย’
‘กราบบบบ’
'พี่'
‘ฝากหิ้วหมี่เกี๊ยวหน้าหอมาให้ถุงนึงดิ’
‘เออได้’
‘เจอกัน5555’
คืนนี้เหมือนจะได้การ์ดนางฟ้ามาช่วยโกงความตายไปอีกคืน
11:02 AM
ผมทำงานเสร็จตามเดดไลน์พอดี และยังคงเป็นเหมือนทุกครั้ง ไม่ใช่แค่สิบโมงเช้าที่ผมยังไม่ได้นอน ตอนนี้สิบเอ็ดโมงสองนาที ผมก็ยังไม่ได้นอน ใช้ความพยายามอย่างมากในการประคับประคองร่างและสติมานำเสนองานในครั้งนี้ซึ่งผมค่อนข้างคาดหวังว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้าย เพราะผมจะได้เอาเวลาไปฉลองปีใหม่กับเพื่อนหรือกลับบ้านอยู่กับครอบครัว ไม่ใช่ใช้ชีวิตวนเวียนอยู่แต่กับหอ ร้านบะหมี่หน้าหอและร้านกาแฟที่ไกลจากที่พักสามสถานี
"มีตี่จู้เอี๊ยะมาให้ผมรึยัง" เขาชิงถามก่อนที่ผมจะกางแบบให้เขาดูเสียอีก แต่เพราะนี่คือลูกค้าและลูกค้าคือเจ้าของเงิน ผมจึงก้มหน้าก้มตาเปิดงานเงียบๆ
"วางไว้ตรงนี้ครับ หลบทางเดินหน่อยนึง" ผมชี้พร้อมวงด้วยดินสออ่อนๆ ก่อนจะหยิบกระดาษเอสี่รูปตี่จู้เอี๊ยะที่ผมไปเสิร์ชหามา "ผมไปหามาให้เลือกสามแบบ"
"คุณเลือกเลย" เขาว่าพลางถอดเบลเซอร์สีดำวางพาดไว้บนพนักพิงเก้าอี้
"หืม?" ผมหันขวับไปมอง เผลอขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวเหมือนที่เป็นทุกครั้ง
"คุณชอบอันไหนก็เลือกอันนั้น" ยูซอนโฮย้ำ ผมไม่อยากจะใช้อารมณ์คิดลบกับการทำงานนัก แต่ตอนนี้เขาโคตรกวนประสาทเลยให้ตายเถอะ
"ครับ.. อันนี้นะครับ"
"ไหนดูชั้นบนหน่อย" เขาเปลี่ยนเรื่อง ขยับมาดูชั้นบนที่ผมใช้เวลาทั้งคืนเพื่อแก้มัน "ทำไมระเบียงมันเล็กงี้อะ"
"อ่าว.."
"ขยายได้มั้ย"
"วันพุธคุณยูบอก--"
"มันแคบแค่นี้ ผมว่าวางเครื่องแอร์ก็เต็มแล้ว"
"ครับ"
ผมจะเถียงอะไรได้นอกจากเงียบและเก็บความอารมณ์ไม่ดีที่เพิ่มคูณสองจากการอดหลับอดนอน เขาเงียบไปสักพักเหมือนรู้ว่าถ้าเกิดเขาพูดอะไรมากกว่านี้ไปสักประโยคผมจะต้องเป็นบ้าต่อหน้าเขาแน่ๆ สักพักใหญ่ๆที่เราห้องประชุมส่วนตัวในร้านกาแฟแห่งนี้มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศ เขาก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบลง
"ได้เอาแบบครั้งเก่าๆมามั้ย"
"มีครับ" ผมรีบเปิดแบบครั้งก่อนๆมาวางเรียงกันบนโต๊ะขนาดใหญ่ แสตนด์บายไฟล์รูปทัศนียภาพของงานแต่ละครั้งในคอมไว้เรียบร้อย
ยูซอนโฮลุกยืนเต็มความสูง ขายาวๆของเขาก้าวเดินช้าๆ มือสองข้างไขว้หลังเหมือนกำลังเดินชมงานนิทรรศการอะไรสักอย่างขณะที่ผมได้แต่ยืนมองเงียบๆแบบแทบจะสิงผนังห้อง
"โซนห้องพักอันนี้เข้าท่า" เขาหยุดเดิน ชี้ไปที่กระดาษแผ่นหนึ่ง ผมเดินไปดูตามที่เขาว่าแล้วก็ค้นพบเรื่องราวดีๆสำหรับวันนี้
. . นี่มันแบบที่ส่งไปครั้งแรก
"..ครับ"
"คุณไม่ต้องไปแก้เยอะหรอก เอาแบบห้องพักอันนี้ แล้วชั้นหนึ่งใส่บ่อน้ำตรงกลาง งานคุณก็จบแล้วเนี่ย"
"ครับ"
นับว่ายูซอนโฮยังมีความใจดีอยู่มาก และผมก็รู้สึกโล่งอย่างบอกไม่ถูกหลังจากสภาวะกดดันก่อนหน้านี้ ผมรับคำพลางเก็บกระดาษงานเข้ากระบอกใส่แบบ
ระหว่างที่กำลังทยอยออกโปรแกรมในคอมเพื่อเตรียมจะกลับห้องไปแก้งาน ยูซอนโฮเดินไปหยิบเบลเซอร์มาสวม ก่อนจะเดินเข้ามาหาผม
"ครับ?"
"อย่าลืมตี่จู้เอี้ยะผมนะ"
"คุณควานลินครับ"
"ครับ?"
ผมหยุดเดินตามเสียงเรียก นานครั้งเห็นจะได้ที่คนวางมาดอย่างยูซอนโฮจะเรียกจริงๆของผม โดยเฉพาะเวลาไม่มีเรื่องงานต้องคุยกันแล้วอย่างเช่นตอนนี้ ยูซอนโฮสวมเสื้อยืดสีขาวทับด้วยเบลเซอร์สีดำกับกางเกงยีนเข้ารูป สะพายเป้ยี่ห้อหรู และในมือถือถุงกระดาษลายโลโก้ของร้าน เขายื่นสิ่งนั้นมาให้ผมทันทีที่เขาเดินเข้ามา เรียกว่าเขาแทบจะยัดใส่มือผมเลยดีกว่าหากเป็นไปได้
"วันนี้พักผ่อนนะครับ พรุ่งนี้ค่อยเริ่มทำงาน"
จะเอาอะไรกับสติของคนที่ยังไม่ได้นอน ผมยืนนิ่งอยู่สักพัก นึกขึ้นได้ว่ารับของจากอีกฝ่ายมาแล้ว ผมจึงมองลงไปคร่าวๆว่าในนั้นมีอะไรก็พบว่าเป็นกล่องอาหารและขวดน้ำผลไม้อย่างละสอง ผมเงยขึ้นมองหน้าเขาและบังเอิญว่าเขากำลังมองมาพอดี ยูซอนโฮยิ้มและมันทำให้ผมมองไปทางอื่นโดยอัตโนมัติ แต่ก็ไม่ลืมที่จะกล่าวขอบคุณ
"ขอบคุณนะครับ"
"เจอกันอีกทีวันอังคารนะ"
ผมจะตายเอาเพราะสายตาของเขานี่แหละ
8:32 PM
ผมกลับมานั่งคิดนอนคิดเรื่อยเปื่อยให้ถึงเวลานอน วันนี้เป็นวันแรกในอาทิตย์ที่อาหารของผมไม่ใช่ข้าวกล่องแช่แข็งหรือบะหมี่เกี๊ยวน้ำไม่ใส่ผัก รวมถึงกาแฟดำก็ถูกเปลี่ยนมาเป็นน้ำผลไม้รวมเกรดดีใส่ขวดแก้วจากลูกค้าที่ก่อสงครามเย็นกันมาตั้งแต่ยังไม่ปิดเทอมจนใกล้ปีใหม่ ปกติเขาก็ดูจะเป็นคนรุ่นราวคราวเดียวกับผมอยู่แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าวันนี้เขาดูเหมือนอยู่คนละช่วงวัยกันโดยเฉพาะตอนก่อนที่ผมจะเดินออกจากร้าน เขาดูเป็นผู้ใหญ่และมีออร่าความเป็นเจ้าของกิจการจริงๆ
มันอาจจะเป็นเดดไลน์ของโปรเจ็คต์ที่ทำให้เขาตัดสินใจว่าครั้งหน้ามันควรจะเป็นครั้งสุดท้ายของผม หรือจิตสำนึกที่เขาเพิ่งคิดได้ว่าก่อนหน้านี้เขากวนประสาทให้ผมต้องเหนื่อยโดยไม่จำเป็นมาเยอะเกินไป แต่จะอะไรก็แล้วแต่ ข้าวกล่องของร้านกาแฟนี่อร่อยชะมัด..
'หลิน'
'ลูกค้าทักกูมาอ่ะ'
'คุณยู'
'อะไรอีกกกก'
'เค้ามาขอไลน์มึง'
ผมเผลอปล่อยโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ อ่านทวนประโยคเดิมที่พี่รหัสส่งมาซ้ำๆอีกหลายรอบเพื่อความแน่ใจว่าไม่ได้เกิดการสื่อสารผิดพลาดกัน ไม่ทันได้ตอบอะไรกลับไป อีกฝ่ายก็ยิงคำถามกลับมาด้วยอินเนอร์ที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในห้องสอบสวนยังไงยังงั้น
'หลิน'
'..มีอะไรที่กูยังไม่รู้อีกมั้ย?'
ผมพอจะหาคำตอบให้กับข้าวกล่องสองมื้อและการให้เวลาทำงานเพิ่มแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยของเขาได้แล้ว เว้นเสียแต่เรื่องการแก้งานจุกจิกและกวนประสาททุกครั้งที่คุยงาน แต่ที่แน่ๆในตอนนี้สถานะของเรายังเป็นผู้ว่าจ้างกับผู้ถูกจ้าง หากจบการคุยงานในวันอังคารที่จะถึงนี้ไป เราก็จะเป็นคนแปลกหน้าของกันและกัน และถ้าจุดประสงค์ของเขาคือต้องการจะเป็นมากกว่านั้น
ส่งงานเมื่อไหร่ผมจะแก้เผ็ดคุณยูให้เข็ดเลยคอยดู!
--------------------------------------------------------------------
#ตอนนี้ยังไม่นอนเลยจะสิบโมงเช้า
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in