เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ONE SHOTsineseyo
#ตอนนี้ยังไม่นอนเลยจะสิบโมงเช้า





  • Couple : Seonho x Kuanlin



    --------------------------------------------------------------------



    10:00 AM 

     

    ‘หลิน ตื่นยังวะ’ 

    ‘สิบเอ็ดโมงลูกค้านัดนะมึง’ 

    ‘ไปคุยก่อน เดี๋ยวช่วงบ่ายพี่ตามไป’ 

     

    ผมวางแก้วกาแฟลง แล้วย้ายความสนใจมาที่โทรศัพท์มือถือ เมื่อแชทจากพี่คนสนิทเด้งขึ้นมารัว พร้อมกับข้อความที่อ่านแล้วชวนให้ขมวดคิ้ว ผมรู้สึกปวดหัวจี้ดๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกาแฟหรือการจ้องคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานทั้งวัน ..ครับ ทั้งวัน ทั้งวันจริงๆ หนึ่งวันเท่ากับยี่สิบสี่ชั่วโมง จากเช้าเมื่อวานจนเช้าวันนี้ จะสิบโมงเช้าแล้วก็ยังไม่ได้นอน เพราะกดเข้าไปอ่านแล้วผมเลยจำเป็นต้องรีบๆตอบเขาไป ทั้งๆที่อยากจะปล่อยเบลอใจจะขาด 

     

    ‘พี่’ 

    ‘บ่ายคุยเสร็จละมั้ง’ 

    ‘ไม่ต้องมา หลินคุยเอง’ 

     

    อันที่จริงผมคุยงานคนเดียวก็ถูกแล้ว เพราะจ็อบนี้ผมรับเองเต็มๆ ส่วนพี่รหัสผมเป็นคนติดต่อกับลูกค้าให้ งานที่ทำเป็นงานรีโนเวทภายในบ้านแถวเป็นโฮสเทลที่ฟังแล้วเหมือนจะง่ายแต่พอได้ลองทำจริงๆก็ไม่เลยสักนิด  

    ผมจัดการล้างหน้าแต่งตัวให้ดูไม่ชวนเสียขวัญมากนัก มองใต้ตาตัวเองก็รู้สึกหดหู่เพราะตอนเปิดเทอมก็ตั้งมั่นไว้ว่าจะหาทางกำจัดมันให้ได้ แต่ปรากฏว่ามันดันเป็นหนักกว่าเดิมเสียอย่างนั้น  ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าชีวิตนักศึกษาปีสี่ในช่วงปิดเทอมเล็กจำเป็นต้องมาเจออะไรแบบนี้ไหม การรับงานต่อจากพี่รหัสที่จบไปสองปีมันก็ไม่เท่าไหร่หรอก ปกติผมก็ชอบรับจ๊อบนอกแบบนี้เป็นประจำ หาเงินค่าขนมเล่นๆด้วยคติสอนใจจากคนรอบตัวว่าประโยคไม่เลือกงานไม่ยากจน . . เราเลือกลูกค้าไม่ได้แต่เลือกที่จะทำงานให้ดีในข้อจำกัดเหล่านั้นได้  

    แต่ตอนนี้อาจจะต้องเพิ่มเติมลงไปว่า ถ้าไม่เลือกลูกค้าให้ดี ก็จะต้องทำงานหนัก . .แบบนี้ 


    “วันนี้มาคนเดียวเหรอครับ”  


    นี่คือลูกค้าของผม คุณยูซอนโฮก็อายุรุ่นราวคราวเดียวกันนี่แหละ ผมไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับตัวเขามากนัก รู้เพียงแค่โปรเจ็คต์นี้เป็นโฮสเทลที่จะกลายมาเป็นของเขาทันทีที่เรียนจบ 

    คนเกิดมาบนกองเงินกองทองก็โชคดีแบบนี้.. 


    “ครับ” ผมไม่ค่อยอยากจะสุงสิงกับเขาให้มากความนัก พยักหน้าตอบก่อนจะเปิดโน้ตบุ๊คและกางแผ่นกระดาษของงานบางส่วนให้เขาดู 


    “โห ดูดีนะเนี่ย”  


    “ครับ...” 


    “ตรงนี้เป็นอะไรเหรอครับ”  


    เอาล่ะ ของจริงมันเริ่มหลังจากนี้ ลืมภาพรอยยิ้มเป็นมิตรของคุณชายซอนโฮนี่ไปให้หมด เขาไม่ใช่เจ้านายที่คุณใฝ่ฝันหรอก อันที่จริงถ้าเกิดนักออกแบบเลือกลูกค้าได้ อย่างยูซอนโฮนี่ควรจะถูกตัดทิ้งเป็นช้อยส์ลำดับต้นๆ 

    เขาขยับเก้ามานั่งฝั่งเดียวกับผมเพื่อที่จะได้ดูงานสะดวก เมื่อเขาไม่พูดอะไรต่อผมจึงเริ่มอธิบาย 


    “ใส่บ่อน้ำมาเรียบร้อยแล้วครับ เสริมฮวงจุ้ยชั้นหนึ่ง"  จงใจย้ำประโยคหลังเล็กน้อย ก่อนจะย้ายไปเปิดรูปทัศนียภาพในคอมให้เจ้าของโปรเจ็คต์ดู "อันนี้รูปงานจริงจะออกมาเป็นแบบนี้”  


    เขาพิจารณาเพียงชั่วประเดี๋ยวประด๋าวเท่านั้น ยกยิ้มแบบที่ทำเป็นประจำ และผมก็รู้ว่าหลังจากนี้เหตุการณ์มันจะไปในทิศทางไหน 


    “ผมอยากได้น้ำพุ”  


    “ครับ เดี๋ยวไปใส่เพิ่มให้” เดาไว้ไม่ผิด ผมมาร์คจุดแดงๆลากเส้นโยงในแบบแปลนออกมาเขียน ยังไม่ทันจะจดเสร็จยูซอนโฮก็เปลี่ยนความสนใจไปจุดอื่น  


    “แล้วข้างๆตรงนี้เป็นอะไร” 


    “บาร์ครับ ตรงนี้เป็นเวทีเล็กๆ” เขาเคยถามคำถามนี้กับผมเมื่อครั้งที่แล้วและผมก็ตอบเหมือนเดิม และแน่นอนว่ามันเป็นส่วนที่ไม่ต้องแก้ไขอะไรผมเลยว่าต่อ “ชั้นสองก็เป็นห้องพัก ครั้งก่อนคุณยูให้ปรับความกว้างห้องน้ำ แล้วก็ยกสเต็ปพื้นตรงนี้สิบเซน” 


    “มันสูงไปเนอะ ว่ามั้ยคุณ?” 


    “อ่าว” ผมหลุดอุทานเบาๆ อย่างสุภาพที่สุดเท่าที่จะควบคุมได้ . .จะใครเสียอีกล่ะที่บอกให้ผมยกระดับพื้นห้องเพิ่ม


    “ดูดิ มันสูงไปอ่ะ ถ้ายกกระเป๋าหนักๆต้องมีสะดุดแน่” 


    “อ๋อ ครับๆ ลดลงสักสามเซ็นต์นะครับ” 


    “ขยับทางเดินได้มั้ย ผมว่ามันแคบไป” เอ้า..เปลี่ยนเรื่องเฉยเลย 


    “แต่ห้องมันจะแคบนะครับ” 


    “ขยับกินที่ระเบียงไปหน่อยคงไม่เป็นไร” 


    “ครับ” 


    “อ้อ ซินแสบอกผมว่าชั้นหนึ่งต้องเผื่อที่ให้ตี่จู้เอี๊ยะด้วย” 


    “ห้ะ?” ผมหันไปมองหน้าเขาแบบสบตากันตรงๆ และมันคงจะดูตลกมากในสายตาของคนมองเขาถึงหัวเราะออกมา และแน่นอนครับ..เขายิ้มอีกตามเคย  


    “หิ้งพระจีนอะครับ ..ฝากคุณสเปคแบบให้ที เอาให้เข้ากับภาพรวมชั้นล่างอะ” 


    . . ตึ๊บไหมล่ะ 


    “..ตี่จู้เอี๊ยะ กับบาร์นั่งชิล ดนตรีสด. .”  


    “ครับ สำคัญมากเลยอะ ต้องมี ที่บ้านผมเคร่งมากๆ” 


    ผมทำได้แค่พยักหน้าตอบ ยิ่งกว่าวิญญาณออกจากร่างเพราะทำงานจนไม่ได้นอน แต่ทุกครั้งที่มาคุยความคืบหน้างานกับลูกค้ารายนี้ผมก็มักจะได้รับเรื่องเซอร์ไพรส์ตลอด 


    “จำได้ป่ะครับว่าต้องเปลี่ยนอะไรบ้าง” 


    “จดไว้แล้วครับ” 


    “มันไม่เยอะเกินไปใช่มั้ยเนี่ย” ผมส่ายหัว เขายกยิ้มพออกพอใจ  “ผมขอวันศุกร์นะครับ” 


    “ . . ครับ” 

     

    เรื่องราวดีๆก็คือ . .

    วันนี้วันพุธ 

     

     

    2:36 PM 

     

    ผมกลับหอมานอนไปสามชั่วโมง ก่อนจะตื่นมาทั้งอาการมึนๆ ล้างหน้าล้างตาเล็กน้อยแล้วเปิดโน้ตบุ๊คมาแก้งานต่อ ผมเขาโน้ตที่จดไว้มาอ่านคร่าวๆ จากลายมือที่เขียนเองด้วยปากกาสีแดงก็พอจะเดาอารมณ์ตัวเอง ณ ตอนนั้นได้อยู่ ยูซอนโฮไม่เข้าใจหรอก ว่าสั่งย้ายอะไรนิดหน่อยก็เท่ากับแก้ใหม่ทั้งงานนั่นแหละ 

    ผมเริ่มจากงานที่ง่ายที่สุดคือการเสิร์ชหาร้านผลิต'ตี่จู้เอี๊ยะ' เพื่อที่จะมองหาหิ้งพระที่เข้ากับธีมของโฮสเทลที่เจาะกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยววัย20-30ปีมากที่สุด 

    พี่รหัสก็ทักแชทมาในเวลาพอเหมาะพอเจาะ ดูเหมือนว่าเขาก็พอจะเดาออกว่าผมไปเจออะไรมา ผมไม่รอช้ารีบกดเข้าไปตอบทันที 


    ‘เป็นไงมั่ง’ 

     

    ‘หมดคำจะพูด’ 

    ‘พี่ติดต่ออะไรมาให้หลินอะ5555’ 

     

    ‘5555555’ 

    ‘ไปเจอไรมา’ 

     

    ‘คราวก่อนสั่งเปลี่ยนหน้าต่างทั้งหลัง’ 

    ‘ขยับห้องพักทั้งหมด' 

    'เพิ่มบ่อน้ำตามฮวงจุ้ย' 

    ‘คราวนี้ขยายทางเดิน เพิ่มน้ำพุ’ 

    ‘อีกเยอะอะพี่’ 

     

    ‘555555’ 

     

    ‘เออ’ 

    ‘มีตี่จู้เอี๊ยะด้วยนะพี่’ 

     

    ‘55555555555555’ 

    ‘คราวก่อนกูทำบ้านให้พ่อแม่เค้าก็มี’ 

     

    ‘พี่แม่ง..’ 

     

    ‘เดี๋ยวคืนนี้เข้าไปช่วย’ 

    ‘ฟรีๆเลย’ 

     

    ‘กราบบบบ’ 

    'พี่' 

    ‘ฝากหิ้วหมี่เกี๊ยวหน้าหอมาให้ถุงนึงดิ’ 

     

    ‘เออได้’ 

    ‘เจอกัน5555’ 

     

    คืนนี้เหมือนจะได้การ์ดนางฟ้ามาช่วยโกงความตายไปอีกคืน 


    11:02 AM 

    ผมทำงานเสร็จตามเดดไลน์พอดี และยังคงเป็นเหมือนทุกครั้ง ไม่ใช่แค่สิบโมงเช้าที่ผมยังไม่ได้นอน ตอนนี้สิบเอ็ดโมงสองนาที ผมก็ยังไม่ได้นอน ใช้ความพยายามอย่างมากในการประคับประคองร่างและสติมานำเสนองานในครั้งนี้ซึ่งผมค่อนข้างคาดหวังว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้าย เพราะผมจะได้เอาเวลาไปฉลองปีใหม่กับเพื่อนหรือกลับบ้านอยู่กับครอบครัว ไม่ใช่ใช้ชีวิตวนเวียนอยู่แต่กับหอ ร้านบะหมี่หน้าหอและร้านกาแฟที่ไกลจากที่พักสามสถานี 

     

    "มีตี่จู้เอี๊ยะมาให้ผมรึยัง" เขาชิงถามก่อนที่ผมจะกางแบบให้เขาดูเสียอีก แต่เพราะนี่คือลูกค้าและลูกค้าคือเจ้าของเงิน ผมจึงก้มหน้าก้มตาเปิดงานเงียบๆ 


    "วางไว้ตรงนี้ครับ หลบทางเดินหน่อยนึง" ผมชี้พร้อมวงด้วยดินสออ่อนๆ ก่อนจะหยิบกระดาษเอสี่รูปตี่จู้เอี๊ยะที่ผมไปเสิร์ชหามา "ผมไปหามาให้เลือกสามแบบ" 


    "คุณเลือกเลย" เขาว่าพลางถอดเบลเซอร์สีดำวางพาดไว้บนพนักพิงเก้าอี้  


    "หืม?" ผมหันขวับไปมอง เผลอขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวเหมือนที่เป็นทุกครั้ง 


    "คุณชอบอันไหนก็เลือกอันนั้น" ยูซอนโฮย้ำ ผมไม่อยากจะใช้อารมณ์คิดลบกับการทำงานนัก แต่ตอนนี้เขาโคตรกวนประสาทเลยให้ตายเถอะ  


    "ครับ.. อันนี้นะครับ"  


    "ไหนดูชั้นบนหน่อย" เขาเปลี่ยนเรื่อง ขยับมาดูชั้นบนที่ผมใช้เวลาทั้งคืนเพื่อแก้มัน "ทำไมระเบียงมันเล็กงี้อะ" 


    "อ่าว.." 


    "ขยายได้มั้ย" 


    "วันพุธคุณยูบอก--" 


    "มันแคบแค่นี้ ผมว่าวางเครื่องแอร์ก็เต็มแล้ว" 


    "ครับ"  


    ผมจะเถียงอะไรได้นอกจากเงียบและเก็บความอารมณ์ไม่ดีที่เพิ่มคูณสองจากการอดหลับอดนอน เขาเงียบไปสักพักเหมือนรู้ว่าถ้าเกิดเขาพูดอะไรมากกว่านี้ไปสักประโยคผมจะต้องเป็นบ้าต่อหน้าเขาแน่ๆ สักพักใหญ่ๆที่เราห้องประชุมส่วนตัวในร้านกาแฟแห่งนี้มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศ เขาก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบลง  


    "ได้เอาแบบครั้งเก่าๆมามั้ย" 


    "มีครับ" ผมรีบเปิดแบบครั้งก่อนๆมาวางเรียงกันบนโต๊ะขนาดใหญ่ แสตนด์บายไฟล์รูปทัศนียภาพของงานแต่ละครั้งในคอมไว้เรียบร้อย  


    ยูซอนโฮลุกยืนเต็มความสูง ขายาวๆของเขาก้าวเดินช้าๆ มือสองข้างไขว้หลังเหมือนกำลังเดินชมงานนิทรรศการอะไรสักอย่างขณะที่ผมได้แต่ยืนมองเงียบๆแบบแทบจะสิงผนังห้อง 


    "โซนห้องพักอันนี้เข้าท่า" เขาหยุดเดิน ชี้ไปที่กระดาษแผ่นหนึ่ง ผมเดินไปดูตามที่เขาว่าแล้วก็ค้นพบเรื่องราวดีๆสำหรับวันนี้ 


    . . นี่มันแบบที่ส่งไปครั้งแรก 


    "..ครับ" 


    "คุณไม่ต้องไปแก้เยอะหรอก เอาแบบห้องพักอันนี้ แล้วชั้นหนึ่งใส่บ่อน้ำตรงกลาง งานคุณก็จบแล้วเนี่ย" 


    "ครับ"  


    นับว่ายูซอนโฮยังมีความใจดีอยู่มาก และผมก็รู้สึกโล่งอย่างบอกไม่ถูกหลังจากสภาวะกดดันก่อนหน้านี้ ผมรับคำพลางเก็บกระดาษงานเข้ากระบอกใส่แบบ  

    ระหว่างที่กำลังทยอยออกโปรแกรมในคอมเพื่อเตรียมจะกลับห้องไปแก้งาน ยูซอนโฮเดินไปหยิบเบลเซอร์มาสวม ก่อนจะเดินเข้ามาหาผม  


    "ครับ?" 


    "อย่าลืมตี่จู้เอี้ยะผมนะ" 



    "คุณควานลินครับ"  


    "ครับ?"  


    ผมหยุดเดินตามเสียงเรียก นานครั้งเห็นจะได้ที่คนวางมาดอย่างยูซอนโฮจะเรียกจริงๆของผม โดยเฉพาะเวลาไม่มีเรื่องงานต้องคุยกันแล้วอย่างเช่นตอนนี้ ยูซอนโฮสวมเสื้อยืดสีขาวทับด้วยเบลเซอร์สีดำกับกางเกงยีนเข้ารูป สะพายเป้ยี่ห้อหรู และในมือถือถุงกระดาษลายโลโก้ของร้าน เขายื่นสิ่งนั้นมาให้ผมทันทีที่เขาเดินเข้ามา เรียกว่าเขาแทบจะยัดใส่มือผมเลยดีกว่าหากเป็นไปได้  

      

    "วันนี้พักผ่อนนะครับ พรุ่งนี้ค่อยเริ่มทำงาน"  


    จะเอาอะไรกับสติของคนที่ยังไม่ได้นอน ผมยืนนิ่งอยู่สักพัก นึกขึ้นได้ว่ารับของจากอีกฝ่ายมาแล้ว ผมจึงมองลงไปคร่าวๆว่าในนั้นมีอะไรก็พบว่าเป็นกล่องอาหารและขวดน้ำผลไม้อย่างละสอง ผมเงยขึ้นมองหน้าเขาและบังเอิญว่าเขากำลังมองมาพอดี ยูซอนโฮยิ้มและมันทำให้ผมมองไปทางอื่นโดยอัตโนมัติ แต่ก็ไม่ลืมที่จะกล่าวขอบคุณ

     

    "ขอบคุณนะครับ" 


    "เจอกันอีกทีวันอังคารนะ"  


    ผมจะตายเอาเพราะสายตาของเขานี่แหละ 



    8:32 PM 

    ผมกลับมานั่งคิดนอนคิดเรื่อยเปื่อยให้ถึงเวลานอน วันนี้เป็นวันแรกในอาทิตย์ที่อาหารของผมไม่ใช่ข้าวกล่องแช่แข็งหรือบะหมี่เกี๊ยวน้ำไม่ใส่ผัก รวมถึงกาแฟดำก็ถูกเปลี่ยนมาเป็นน้ำผลไม้รวมเกรดดีใส่ขวดแก้วจากลูกค้าที่ก่อสงครามเย็นกันมาตั้งแต่ยังไม่ปิดเทอมจนใกล้ปีใหม่ ปกติเขาก็ดูจะเป็นคนรุ่นราวคราวเดียวกับผมอยู่แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าวันนี้เขาดูเหมือนอยู่คนละช่วงวัยกันโดยเฉพาะตอนก่อนที่ผมจะเดินออกจากร้าน เขาดูเป็นผู้ใหญ่และมีออร่าความเป็นเจ้าของกิจการจริงๆ

    มันอาจจะเป็นเดดไลน์ของโปรเจ็คต์ที่ทำให้เขาตัดสินใจว่าครั้งหน้ามันควรจะเป็นครั้งสุดท้ายของผม หรือจิตสำนึกที่เขาเพิ่งคิดได้ว่าก่อนหน้านี้เขากวนประสาทให้ผมต้องเหนื่อยโดยไม่จำเป็นมาเยอะเกินไป แต่จะอะไรก็แล้วแต่ ข้าวกล่องของร้านกาแฟนี่อร่อยชะมัด.. 

     

    'หลิน' 

    'ลูกค้าทักกูมาอ่ะ' 

    'คุณยู' 

     

    'อะไรอีกกกก' 

     

    'เค้ามาขอไลน์มึง' 

     

    ผมเผลอปล่อยโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ อ่านทวนประโยคเดิมที่พี่รหัสส่งมาซ้ำๆอีกหลายรอบเพื่อความแน่ใจว่าไม่ได้เกิดการสื่อสารผิดพลาดกัน ไม่ทันได้ตอบอะไรกลับไป อีกฝ่ายก็ยิงคำถามกลับมาด้วยอินเนอร์ที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในห้องสอบสวนยังไงยังงั้น 

     

    'หลิน' 

    '..มีอะไรที่กูยังไม่รู้อีกมั้ย?' 

     

    ผมพอจะหาคำตอบให้กับข้าวกล่องสองมื้อและการให้เวลาทำงานเพิ่มแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยของเขาได้แล้ว เว้นเสียแต่เรื่องการแก้งานจุกจิกและกวนประสาททุกครั้งที่คุยงาน แต่ที่แน่ๆในตอนนี้สถานะของเรายังเป็นผู้ว่าจ้างกับผู้ถูกจ้าง หากจบการคุยงานในวันอังคารที่จะถึงนี้ไป เราก็จะเป็นคนแปลกหน้าของกันและกัน และถ้าจุดประสงค์ของเขาคือต้องการจะเป็นมากกว่านั้น  

    ส่งงานเมื่อไหร่ผมจะแก้เผ็ดคุณยูให้เข็ดเลยคอยดู! 



    --------------------------------------------------------------------



    #ตอนนี้ยังไม่นอนเลยจะสิบโมงเช้า



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in