เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My First Storycherryhae
begin again
  •             เราก้าวผ่านจุดเดิมมาอีกหนึ่งก้าว จากมัธยมปลายขึ้นมาสู่รั้วมหาวิทยาลัย แน่นอนว่ามันเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับตัวเราเลย สิ่งหนึ่งที่เรากังวลมากๆเลยคือ กลัวจะเข้ากับเพื่อนไม่ได้ กลัวจะไม่มีเพื่อน ความคิดแบบนี้มันติดอยู่ในหัว ไม่สามารถดึงออกไปได้เลย ตอนช่วงมัธยมปลายเรารู้สึกว่านี้แหละ เป็นช่วงเวลาที่เราโคตรมีความสุขและรู้สึกโชคดีกับการมีเพื่อน เราไม่รู้ว่าในมหาวิทยาลัย มันจะเป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับเราหรือเปล่า เราไม่อยากไปรับน้อง ไม่อยากทำกิจกรรมเพราะกังวลหลายๆเรื่อง แต่พอตัดสินใจไป ตัดสินใจลงมือทำอะไรใหม่ๆ ก็ทำให้เราได้รู้ว่า ' เฮ้ย นี่มันก็ไม่ได้แย่นะ แต่เราอะคิดมาก ' เพราะเราฟังหลายๆสิ่งหลายๆอย่างมาจากคนอื่นเยอะ จนลืมไปว่าเราเดินคนละเส้นทาง เราอาจจะไม่ได้เจอแบบที่เขาเจอเสมอไปก็ได้ 

             มหาลัยในตอนนี้เป็นก้าวแรกที่ดีสำหรับเรามากๆ ถึงมันจะมีอุปสรรคตรงที่วิชาที่เรียนนั้นยากจนชวนให้ท้อใจเหลือเกิน แต่ก็ได้ยินเสียงจากคนที่เรารักมากๆว่า สู้ๆนะลูก ทุกคืนก่อนเข้านอน จนเรารู้สึกว่าพร้อมแล้วนะที่จะสู้กับวันต่อไป ส่วนเพื่อนวัยมัธยมที่เราคิดว่าคงมีเวลาได้เจอกันน้อยลง กลับเจอกันแทบจะทุกวันต่ออาทิตย์ แลกเปลี่ยนเล่าเรื่องราวต่างๆที่ได้เจอมาให้กันฟัง หรือแม้แต่ช่วยเหลือกันในทุกๆเรื่อง เกิดมาครั้งหนึ่งก็รู้สึกโชคดีจริงๆ ที่เราได้รู้จักกับคนเหล่านี้

             โดยส่วนตัวเราเป็นคนที่ใช้ชีวิตแบบที่ว่า ต้องเปิดใจเข้าหาคนอื่นก่อน เราเจอเพื่อนบางคนที่เหมือนจะคุยไม่ค่อยเก่ง ดูเหมือนจะไม่อยากตอบ ไม่อยากคุยกับเราเท่าไหร่ แต่พอเราชวนคุยไปเรื่อยๆ เขาเริ่มคุยตอบ แถมยังเป็นคนตลกอย่างไม่น่าเชื่อ เนี่ยเรื่องพวกนี้มันทำให้เราประหลาดใจเสมอเลย แต่เราก็เป็นคนคิดมากนะ เหมือนกังวลสายตาของคนอื่นที่มองเรามากเกินไป กังวลว่าเขาจะมองเรายังไง เราจะทำอะไรให้เขาไม่พอใจหรือเปล่า พอเราใส่ใจคนอื่นมากเกินไป ความคิดพวกนี้มันก็จะติดอยู่ในหัวเรา แต่หลังๆเราเริ่มพูดกับตัวเองว่า เลิกกังวลเถอะ ถ้าเรารู้สึกไม่โอเคกับใครหรือเขาไม่โอเคกับเราก็แค่แยกกันอยู่ เพราะจริงๆแล้วเราก็ไม่ได้มีอิทธิพลในชีวิตของกันและกันขนาดนั้นซักหน่อย

       เราเชื่อว่าจริงๆคนเราสามารถเลือกเดินและกำหนดชีวิตของตัวเองได้นะ เพียงแต่กว่าจะถึงจุดหมาย  
    ที่เราตั้งไว้ ก็คงมีแบบทดสอบรออยู่ไม่น้อย สิ่งเดียวที่เราน่าจะทำได้คือพยายามก้าวผ่านมันไป คือมันเป็นคำพูดที่เหมือนจะสบายๆ แต่ทำจริงๆกลับไม่ง่ายเลยแม้แต่นิดเดียว ตั้งแต่เด็กเราคอยบอกตัวเองเสมอว่า เดี๋ยวเรื่องนี้มันก็ผ่านไปละนะ เช่นแบบ เดี๋ยวสอบลีลาศที่จะถึงนี้ก็ผ่านไปละนะ แม้คะแนนจะไม่ได้ดีและเกือบตก หรือว่า เดี๋ยวพรีเซนต์กับครูดุๆคนนี้ ก็ผ่านไปแล้วหน่า เป็นไงเป็นกัน แต่กลับไม่โดนแก้แถมยังได้คะแนนเยอะ ชีวิตมักมีอะไรที่ทำให้เรา wow อยู่ตลอดเวลา เวลาเราเศร้ามากๆ 
    เราจะพยายามรีบ ฮีลตัวเอง ให้หายเศร้าไวๆ เพราะมันยังมีหลายๆอย่างรอเราอยู่ในวันถัดไป

                                                                                                            สิบสี่ ตุลา หกหนึ่ง
                                                                                                                       :)
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in