เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
PROMETHAYMUSjiskapot
blood, lust.
  • เราได้เรียนอะไรบางอย่างตอนปีเจ็ด
    หรือจริงๆอาจจะนานกว่านั้น

    ระหว่างคาบเรียนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด ผมเหลือบมองไปทางเขาครั้งหนึ่ง
    เราก็นั่งข้างกันนั่นแหละ
    เขามองผม จังหวะเดียวกับที่ผมมอง
    ผมว่าเรามีอะไรในใจคล้ายๆกัน
    กลายเป็นสัญญา เรายิ้มให้กัน
    กลับมาสนใจที่บทเรียน ผมไม่ค่อยมีสมาธินักหรอก

    “คาเธย์”
    เรียกเขาไว้ ขณะเราเดินขนาบข้างกันมา
    “คิดเหมือนกันไหม”

    “นายอยากลองเหรอ?”
    เขาถาม สีหน้าท่าทางท้าทายอยู่ไม่น้อย

    “อืม แต่เรื่องอะไรล่ะ?”
    นั่นสินะ
    จะเป็นเรื่องอะไรไปได้

    "ฉันว่าฉันรู้"
    ผมว่า ยิ้มออกมา แก้มอมชมพู


    เขาเห็น
    ผมรู้
    ผมรู้ว่าเขาสังเกตผมอยู่เสมอ
    ไม่ละสายตาไปไหน

    “แต่เราต้องกินอะไรก่อน" เสียงเขาพูด
    "ห้ามอดนะ”
    ขมึงถึงถังคือคาเธย์
    ผมจับมือเขา
    เราเดินไปด้วยกัน
  • สตูว์นี่อร่อย สลัดอกไก่ก็เลิศ
    เขามองผมจัดการของหวาน ของที่เขาไม่เคยนึกโปรดปราน

    “เราต้องไปที่เงียบๆ” เขาบอก

    “ที่เดิม?”
    ถามเขากลับไป

    เลิกคิ้ว เหยียดยิ้ม เราทั้งคู่

    ที่เดิมที่ว่า เป็นที่พิเศษ
    ช่างเป็นส่วนตัว อากาศปลอดโปร่ง ไร้การรบกวน
    เราแอบเข้าไปอยู่กันบ่อยๆ
    ผมไม่รังเกียจเลยเวลาเหลือผมกับเขาอยู่บนโลกสองคน
    เวลาเราอยู่ในโลกของเรา

    กินเสร็จ เช็ดมือ ดื่มน้ำ
    มันจะเจ็บไหมนะ
    เป็นคำถามลอยๆในหัวระหว่างทางเดิน
  • คงไม่เจ็บกว่าสักลายเท่าไหร่
    ผมตอบตัวเอง เขาคงเห็นด้วย




    ที่ถูกยกมาพูดถึงในชั้นคือสัญญาเลือด
    Blood Pact
    วิธีการก็ไม่ยาก
    อย่างกับปฏิญาณไม่คืนคำเลย

    ขยับฝีเท้า เสียงอ๊อกซ์ฟอร์ดกระทบพื้น
    เรายืนประจันหน้ากัน
    เหมือนคู่เต้นรำรอจังหวะเสียงเพลง

    "สัญญาว่า ฉันจะไม่ทิ้งนายไปไหน ไม่ทำร้ายนาย และไม่นอกใจ"


    "สัญญาว่า ฉันจะไม่ทิ้งนายไปไหน จะรักนายตลอดไป และตามรักไปทุกชาติ"

    อิทธิพลจากความเชื่อ
    คุณว่าชาติหน้ามีจริงไหม ?
    อาจจะไม่ถึงชาติหน้าก็ได้ เคยได้ยินเรื่องของจักรวาลคู่ขนานไหม
    จักรวาลอื่น ที่อาจจะเกิดอยู่ เกิดมาก่อน หรือกำลังจะเกิดในอนาคต
    ที่ที่เราอาจจะได้รับบทอื่น มีความเป็นอยู่แตกต่าง มีสถานภาพแตกต่าง
    เราไม่ได้เป็นเรา แต่ก็เป็นเรา
    บางทีในจักรวาลอื่นๆเหล่านั้น มีจักรวาลที่ผมไม่ได้สมหวังกับเขา

    คำพูดของผม ทำเขาเขิน
    ทุกชาติเลยเหรอ ?
    เขาถาม
    อื้ม
    ผมตอบ
    ถึงจะเป็นชาติที่เราไม่ได้สมหวังกันก็ตาม จะแบบไหนฉันก็รักนาย

    ...
    เกือบโดนเขาเอ็ด
    จริงๆก็โดนแหละ

    "มันไม่มีชาติไหนที่นายไม่สมหวังหรอกมุส นายจะสมหวังกับฉันทุกชาติไปเลย!"

    ยืนกรานเด็ดเดี่ยว
    เขาประกาศกับโชคชะตา
    นั่นคงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมหลงใหลตกหลุมรัก
    การเป็นตัวเองอย่างชัดเจน หนักแน่น ไม่ปราณี
    ผมยิ้มกว้าง
    เขาเป็นคนเดียวที่ดึงผมไว้ได้ ทำให้ไม่หลงทางไปไกล

    กระโดดกอดเขาเป็นเด็ก ผมอาจจะดีใจไปหน่อยกับคำพูดของเขา
    รองรับผมไว้ด้วยแขน กลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคย
    “มันจะเจ็บไหม”

    “ไม่เจ็บหรอกน่า มีอะไรที่เจ็บกว่านั้นอีก”

    "อะไร ?"

    "นิ้วก้อยเตะเตียง... พร้อมไหม ฉันจะจิ้มให้นาย?"

    ผมหัวเราะนิดหน่อย
    "จริง ตอนนั้นล่ะเจ็บมาก"
    ผมกอดเขาแน่นเชียวล่ะ ตอนนั้น
    เช็ดน้ำตากับเสื้อเชิ้ต พักหัวที่หนักไปด้วยความคิดกับบ่าเขาสองสามนาที

    เรายืนประจันหน้ากันอีกครั้ง เท้าสองข้างของผมอยู่บนพื้น
    แบมือยื่นให้ตรงหน้า
    บนมือเขามีมือผม และอีกข้างเป็นเข็มกลัด

    แน่นอนว่าผมต้องทอดสายตามองไปที่มือของผมอยู่แล้ว
    มือเขาใหญ่ และอบอุ่นเสมอ

    “บู”
    เขาเรียก ผมมอง
    ชื่อเล่นน่ารักที่เราเก็บไว้เรียกกัน
    “จูบฉันหน่อยสิ”



    ผมยิ้ม



    ไม่อิดออด ไม่รีรอ ไม่ปฏิเสธ
    เขาไม่ต้องขอเป็นครั้งที่สอง
    ผมจะปฏิเสธที่จะให้จูบเขาได้อย่างไร?
    มันคงเป็นเรื่องที่ผมให้อภัยตัวเองไม่ได้เลย

    ไม่มีเสียงโอดโอย
    เขาทำให้ผมไม่รู้สึกเจ็บปวด
    การกรีดเลือดเฉือนเนื้อแค่มิลลิเมตรหนึ่งบนผิวกาย เกิดขึ้นรวดเร็ว

    เราผละออกจากกัน
    ผมยังยิ้มอยู่
    เขายิ้มไปกับผมด้วย
  • "นี่ไง เจาะแล้ว เจ็บไหม ?"

    ผมส่ายหัวเบาๆกลับไป

    "ทีแรกนึกว่าจะเอามีดมากรีด
    เป็นเข็มนี่ไม่เจ็บเท่าไหร่
    จูบนาย ยิ่งไม่เจ็บเลย"

    "ไม่เอาไม่กรีดสิ ฉันไม่ให้นายเป็นแผลหรอก"



    ให้ตาย

    ให้ตายซี

    "ฉันจิ้มให้นายไหม ?"

    ผมบอกไปหรือยังว่าผมรักคนคนนี้มากขนาดไหน

    "เอาสิ เบาๆนะ นี่ครั้งแรกเลยนะเนี่ย"
    คำพูดกำกวม เราสลับกับถือสองอย่าง
    ผมถือเข็มบ้าง ผมถือมือของเขาบ้าง

    "โอ้โห"
    เสียงหัวเราะของผมมาพร้อมกับอาการเขิน
    ผมเคยเป็นหนักกว่านี้ ตอนเราเพิ่งคบเป็นแฟนกันแรกๆ
    ผมเขินเขาเยอะนัก พ่อคนโรแมนติก
    จนบางทีก็เบื่อตัวเองเลยล่ะ
    แต่ผมมีความสุขทุกครั้ง ที่ได้อยู่ด้วยกัน
    และเขินอย่างสม่ำเสมอทุกครั้ง เมื่อโดนเขาหยอก หรือทำอะไรน่ารักๆให้
    เขาเคยบอก ว่ายินดีจะเป็นคนเดียวที่ทำให้ผมเขิน
    เขาเป็น
    เขาเป็นคนเดียว
    จากนี้
    ตลอดไป

    "ครั้งแรกของนาย มันตั้งแต่กี่ขวบแล้วนะ"

    "สิบเอ็ด"
    ตอบยิ้มแย้ม
    "แล้วครั้งแรกของนายอ่ะ กี่ขวบ"

    "สิบเจ็ด"
    ระหว่างเราคุยกัน
    ทุกอย่างก็เรียบร้อย
    "กับแฟนคนแรกด้วย โอ้โห ฉันเนี่ย รักจริงหวังแต่งจริงๆเลย"

    ไม่รู้เอามาผูกโยงเรื่องแฟนคนแรกกับการแต่งงานและการเสียพรหมจรรย์ได้อย่างไร
    แต่ผมทำไปแล้ว

    "โห รักจริงหวังแต่งจริงด้วย"
    สัญญาเกิดขึ้น ยากทำลาย
    มันลอยอยู่กับเราทั้งคู่
    "ได้ข่าวว่าแฟนขอแต่งงานแล้ว"

    หยอกล้อสนุกสนาน ผมกับเขา
    นิ้วของผม มักเย็นตรงปลาย เมื่ออากาศหนาว
    นี่ก็หนาวล่ะ มันใกล้คริสมาสต์
    "อื้อ"
    แต่เขาก็คอยจับมันไว้เสมอ
    "เขารักฉัน อิจฉาไหมล่ะ"
    เหมือนตอนนี้
    ผมเข้าไปจูบเขาอีกครั้ง

    "อิจฉาทำไม"
    เขาว่า หลังจูบ
    "ฉันมีแฟนแล้ว
    ฉันรักแฟนฉันมากด้วย นายอิจฉาไหม"

    เขาแลบลิ้นล้อ ผมหัวเราะ
    "ฉันรักนายนะเบ๊บ"

    "ฉันก็รักนายนะบู"
    ก่อนเขาหอมแก้มผมทีหนึ่ง

    "ไม่อิจฉาหรอก"
    หัวเราะคิกคัก
    "เจ้านี่ แบ่งอีกได้ไหม เราจะได้ไว้คนละส่วน"

    ยังไม่ได้ปล่อยมือที่จับกันไว้ ผมเสนอเขาไป
    หลังการตกลงเรียบง่าย เราได้สร้อยคอเพิ่มกันคนละเส้น

    อ้อยอิ่งและติดจะงอแง ผมยังไม่อยากไปไหน

    "ฉันจะห้อยนอกเสื้อเลย"
    เขาว่า
    "ประกาศให้โลกรู้ ศัตรูหัวใจจะได้ไม่กล้า"

    ผมหัวเราะอีกครั้ง
    เขาช่างน่าเอ็นดู
    "มันดูลามกเนอะ"
    ทักขึ้นอย่างตั้งข้อสงสัย
    เดินไปมารอบตัวเขา
    "มีเปรียบเทียบเยอะแยะในกวี นายจะห้อยนอกเสื้อจริงเหรอ"
    แค่คำถามขำๆ
    เขาจะห้อยตรงไหนยังไงผมก็โอเคอยู่แล้ว

    และเขาก็ขำด้วย
    "หื้ม"
    ทำเสียงขึ้นจมูก
    เลิกคิ้ว ยักยิ้ม
    เจ้าบ้า หล่อนัก
    ผมมองเขาไม่วางตาเลย
    "แล้วแต่นาย ถ้านายไม่อยากให้อวดฉันก็ไม่อวด"
    เขาเอื้อมมือมาหา
    "อยู่นิ่งๆดิ๊ดุ๊กดิ๊ก"
    เป็นเสียงปนความเอ็นดู
    ผมหยุด ให้เขาได้เล่นผมของผม
    เก็บมันทัดหู

    "อวด"
    ผมตอบ
    หน้าแดงกว่าตอนไหนๆในวันนี้
    "อวด ฉันจะอวดด้วย"

    เรามองกันสักพัก
  • "ห้ามถอดนะ"

    ใช้สายตาโน้มน้าว
    ไม่จำเป็นหรอก

    "แหวนก็ด้วย ห้ามถอดนะ"





    มีหลายด้านของคาเธย์ แม็คคินเลย์ ที่ผมได้เห็นคนเดียว
    ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ตั้งแต่วันแรก จนถึงตอนนี้
    ผมกล้าพูดได้ว่าเขาเป็นคนน่ารัก
    ใจดี
    เอาใจเก่ง
    โรแมนติก
    พึ่งพาได้
    ร้อยแปดสารพัดคำชม ผมมีให้เขาหมด มันคือเขาทั้งหมด
    ทุกอย่างของเขาไม่ใช่แค่คนหน้าตาไม่เป็นมิตร นิสัยแบดบอย
    ผมรู้ ว่าเมื่อเขารักใคร เขาให้ทุกอย่างไปเกินร้อย

    เขาไม่ได้หวังอะไรมากมายจากโลกใบนี้
    เขาขอแค่ความรัก
    ถ้าต้องเทียบกัน เขาไม่ได้เผื่อแผ่ความรักให้ทุกคนบนโลก
    แต่เขารักอย่างลึกซึ้ง กับคนที่เขาเลือก คนที่พิเศษ
    ผมจะไม่บอกว่าผมโชคดีขนาดไหน ที่เขาเลือกผม
    ผมซาบซึ้งเรื่องนั้นอยู่ในทุกวัน
    คนแบบไหนกัน ถึงทำให้ผมกล้าสัญญาอะไรแบบนี้ด้วยได้
    ผม ที่รักอิสระ
    ผม ที่แปรปรวนง่าย
    untamed lion
    สิโรราบใต้รักแท้
    จะว่าอย่างนั้นก็ได้
    ผมกล้าเรียกเราว่ารักแท้นะ
    แม้จะไม่รู้ส่วนประกอบของรักแท้ก็ตาม

    มันจะฟังดูเห็นแก่ตัวมาก
    แต่อย่าทิ้งผมไปไหนนะ
    ทำตามสัญญาของคุณ
    ผมจะทำตามสัญญาของผม
    ผมรักคุณ
    ประกาศกับโลก
    ประกาศกับเทพทุกองค์
    กระซิบข้างหูให้คุณฟังในทุกวัน
    ผมรักคุณนะ
    บอกไปเป็นล้านรอบ
    อย่าเพิ่งเบื่อนะ



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in