เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
แชร์ประสบการณ์จัดฟัน ヽ(^Д^)ノaorapanP.
EP.0 : ตัดสินใจไปหาหมอฟัน - ถอนฟัน - วีรกรรมที่ไม่เคยลืม
  • เรามีความฝันเล็กๆว่าครั้งนึงในชีวิตถ้ามีทุนทรัพย์มากพอก็คิดอยากจะ 'จัดฟัน'
    ไม่ใช่เพื่อที่จะสวยขึ้นหรือตามแฟชั่น แต่สภาพฟันของเรานั้นมีปัญหาจริงๆ เราเป็นคนมีฟันกระต่ายนะ ซึ่งมันก็ดูน่ารักดี ถ้ามองไกลๆหรือผิวเผินก็แทบจะดูไม่ออกหรอกว่าฟันกระต่ายสองซี่หน้าเรามันเกกัน!!
    เกไม่พอยังยื่นด้วย! ซึ่งตอนเรายังเด็กๆเวลาส่องกระจกดูฟัน ก็ไม่ได้รู้สึกเสียความมั่นใจหรืออะไรนะ มีครั้งนึงตอนอยู่ป.6 ครูจับแต่งใส่ชุดไทยแล้วมีการถ่ายรูปยืนรวมกับเพื่อนคนอื่นๆ ครูที่ตอนนั้นเราสนิทกับท่านพอสมควรท่านก็ซูมเข้าไปที่ใบหน้าเราและไปที่ฟันกระต่ายที่เกของเรา (ครูคนนี้ชอบหาเรื่องแกล้งนักเรียน) ให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเราเห็น แล้วทุกคนก็พากันหัวเราะฟันที่เกของเรา ความรู้สึกของเราตอนนั้นคืออายและเสียความมั่นใจไปเลย แต่พอพ้นเหตุการณ์นั้นและเริ่มโตขึ้นเรื่อยๆอาการไม่มั่นใจก็ลดน้อยลงจนเราแทบไม่คิดถึงเรื่องฟันอีก กระทั่งอยู่มาวันหนึ่ง เราปวดฟันกรามซี่ซ้ายล่างของเรามากๆๆๆ พอไปส่องกระจกดูก็เห็นว่ามันผุ! ตอนนั้นคือทนความปวดไปพักใหญ่ๆเลย ปวดจนแทบนอนไม่ได้ บางคืนนอนน้ำตาไหลไปเลยก็มี บ้วนน้ำเกลือแทบทุกวันก็ไม่หายปวด รักษาด้วยสมุนไพรก็แล้ว รวมทั้งกินยาแก้ปวด (ตอนนั้นครอบครัวเราไม่ค่อยมีตังค์เลยไม่ได้ไปอุด) สุดท้ายเลยได้ยาเอ็มสิบหกที่มันเป็นเหมือนกับยาชาและมีกลิ่นแรงมากกก ในนั้นจะแถมสำลีมาให้ใส่น้ำยาแล้วประคบกับฟันที่ปวด อันละไม่กี่บาท พอได้มาเราก็จัดการหยดใส่สำลีแล้วรีบประคบเลยความรู้สึกคือตึงๆปาก รู้สึกปวดน้อยลง แต่...กินอะไรไม่อร่อยเลย (เพราะมันชาปากมากกก) และกลิ่นแรงด้วย #หลังๆไม่ใช้สำลีแล้วจัดการเอายาหยดใส่ร่องฟันที่ผุซะเลยสะใจดี5555 เราก็ใช้ยาตัวนี้มาเรื่อยๆสลับกับพยายามเอาไม้จิ้มฟันแคะเวลาเศษอาหารเข้าไปติดเพราะมันจะรู้สึกเจ็บปวดเสมอเวลาที่เศษอาหารเข้าไปติด และก็พยายามแปรงฟันให้มันสะอาดๆเข้าไว้ ... เวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้ที่อาการปวดฟันของเราเริ่มหายไป คงเหลือไว้แต่ฟันที่เป็นรูโบว๋ขนาดใหญ่จนกระทั่งไร้ความรู้สึกปวดในที่สุด (ลืมบอกว่าช่วงแรกๆที่ปวดเราไปหาหมออยู่ แต่หมอไม่อุดให้เพราะอะไรไม่รู้จำไม่ได้ แหะๆ) เราก็ตัดสินใจจะไปอุดอีกครั้ง คราวนี้หมอต้องจัดการอุดให้แน่ๆ หึๆ ...เราก็เดินทางไปอนามัยเพื่อให้หมออุดฟันซี่นั้น พอหมอตรวจดูฟันเราปุ๊บ หมอบอกว่าซี่ที่เราต้องการจะอุดเนี่ยมันผุเกินเยียวยาแล้วนะ อุดไม่ได้หรอกต้องถอนทิ้งอย่างเดียว "เราก็ห้ะ อะไรนะคะหมอ ถอนเลยหรือค่ะ?" .. "ใช่ค่ะ ต้องถอนทิ้ง" เราก็คิดในใจถอนก็ถอนวะ ไหนๆก็มาหาหมอแล้ว ความรู้สึกในตอนนั้นนะเท่าที่พอจะจำได้ (ผ่านมาเกือบสิบปีแล้ว) เราอ้าปากค้างไว้ สักพักรู้สึกปวดๆเหมือนอะไรมาจิ้มฟัน ปวดแบบจี๊ดเลยอะ คือยังไม่ทันได้ตั้งตัวด้วยซ้ำละก็มาเดาได้ทีหลังว่าน่าจะเป็น 'ยาชา' ที่หมอฉีด เจ็บเหงือกมากก แต่ก็อดทน หลังจากนั้นหมอก็จัดการถอนฟันเราพร้อมเครื่องมืองัด เราก็นอนอ้าปากกว้างๆให้หมอถ่างฟันออก ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนหมอกำลังงัดฟันเราออกอย่างใช้แรงมหาศาลเลยอะจนหัวเราโยกไปตามแรงหมอ แต่ไม่รู้สึกเจ็บอะไรเลยนะ มารู้สึกอีกทีตอนเหมือนหมอดึงฟันเราออกไปแล้วมันรู้สึกดังกึกอะ แบบโล่งเลย แล้วก็บ้วนปากอะไรเสร็จสรรพ ความรู้สึกก็ยังไม่เจ็บเท่าไหร่แต่ตึงๆปาก หมอก็หันมาพูดกับเราว่า เออ เราหน้าใหญ่ข้างหนึ่งนะ คือ ข้างขวา ที่ใหญ่เพราะเราเนี่ยเคี้ยวข้าวข้างเดียวมาตลอด (เพราะฟันกรามซี่ล่างซ้ายผุมากเลยไม่กล้าทำอะไรกับมันเลย) ถ้ายังไงก็ลองขอพ่อแม่ดูในเรื่องการจัดฟันนะ หมอแนะนำมาอย่างนี้ ซึ่งตอนนั้นเราก็อยากจะจัดฟันนะแต่คิดว่ามันต้องมีค่าใช้จ่ายที่สูงมากแน่ๆ อีกอย่างเราก็ยังเป็นนักเรียนอยู่ ยังไม่มีรายได้อะไร ความคิดในการจัดฟันแทบจะเป็นศูนย์ ----- ส่วนวีรกรรมเด็ดๆที่เราจะเล่าต่อไปนี้นะ คือหลังจากถอนฟันไปเนี่ยแหละ หลังจากเราเดินออกจากอนามัยกลับบ้านแล้วเรียบร้อย เตรียมตัวจะนอนพักผ่อน ก็มีสายจากเพื่อนโทร.มาชวนไปม.เกษตรฯ (ช่วงนั้นเป็นช่วงเปิดบ้านมหาลัยต่างๆให้นักเรียนม.ปลายไปศึกษา หาที่เรียน) เราที่เคยเอ่ยรับปากกับเพื่อนมาก่อนหน้านั้นก็ตอบรับคำชวนไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ไปในสภาพที่กัดผ้าก๊อซเลือดซิบๆออกมาอย่างนั้นละ ขนาดใส่แมสปิดปากเลือดยังติดแมสอะ #ทนกลิ่นคาวเลือดไม่ไหวเลยเปลี่ยนแมส เราก็บอกเพื่อนๆว่าเออเนี่ย เราไปถอนฟันมานะ อาจจะทำอะไรได้ไม่สะดวกก็ขอโทษทีนะ เพื่อนๆก็โอเค เข้าใจ ---- พอไปถึงม.เกษตร แดดนี่ร้อนเปรี้ยงปร้างมากๆ เราเดินๆหาคณะกับเพื่อนไปสักพักเริ่มมีความรู้สึกว่าหน้ามืด เลยขอเพื่อนนั่งพักก่อน เพื่อนถามว่าไหวมั้ย ด้วยความที่ไม่อยากเป็นภาระเพื่อนก็ตอบว่าไหว นั่งพักแปปนึงก็ตัดสินใจเดินต่อ จนกระทั่งถึงเวลากลับ .. ขึ้นรถเมล์ปุ๊บ เรานั่งๆอยู่รู้สึกเริ่มเวียนหัว เหมือนจะอ้วก (ไม่รู้เพราะเมาแอร์หรือเพราะเพิ่งไปถอนฟันมากันแน่) จนแทบทนไม่ไหวอะ ตอนนั้นคิดว่าขืนปล่อยให้ตัวเองเป็นแบบนี้ต่อไปเราต้องแย่แน่ๆ เลยตัดสินใจถามเพื่อนที่พากันนั่งข้างหน้าว่ามียาดม ยาหม่องอะไรบ้างมั้ย ขอหน่อย เพื่อนๆก็ไม่มีกัน บนรถเมล์มีคนขึ้นไม่กี่คน สักพักพี่คนข้างหน้าที่เป็นผู้หญิงเขาเห็นเราก็ให้พิมเสนให้เพื่อนเอามาให้เรา เราก็บอกขอบคุณแล้วจัดการเอามาทั้งดมทั้งป้ายจมูก คือความรู้สึกตอนนั้นมันแย่มากจริงๆนะ เหมือนจะเป็นลมเอาให้ได้ หลังจากนั้นก็หลับมาตลอดทางเลย เป็นเหตุการณ์ที่จำได้ขึ้นใจมากเลย ใครที่เพิ่งไปถอนฟันมาแนะนำว่าอย่าเพิ่งออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งหรือเดินหกเหิ่นเหมือนคนปกติทั่วไปนะ เราไม่รู้ว่ามันจะเกี่ยวกันหรือเปล่า แต่การถอนฟันซึ่งฟันก็เป็นสิ่งสำคัญในร่างกายเราเหมือนกัน ทางที่ดีอย่าเพิ่งออกไปไหนหรือทำกิจกรรมหนักๆดีกว่า


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in