เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
FIC: CARLTEDDIEhoramiji
[SF] The Interviewer
  • Title: The Interviewer
    Fandom: Venom (2018)
    Pairing: Dr.Carlton Drake x Eddie Brock
    Rating: PG-13


    “คุณชอบหมา?”


    เอ็ดดี้ บร็อคเลิกคิ้วด้วยแปลกใจ 

    เงียบ คิด ลอบย่นคิ้วใส่แก้วไวน์แดง, ที่ยังไม่แตะเลยตั้งแต่รับมาถือ
    ไม่อยากสนใจ แต่อดไม่ได้ที่จะหันไปให้ความสนใจ 

    “ทำไมถามแบบนั้น”
    “มีขนหมาติดอยู่ที่กางเกงของคุณ” 

    ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำสนิทดุจรัตติกาลข้างกายตอบ
    ไม่ยิ้ม ไม่มองเขาเช่นกัน...

    นัยน์ตากลมโตสะท้อนแต่ม่านน้ำสีฟ้าใสในสระว่ายน้ำตรงหน้า

    “ไม่ใช่...ทำไมถามว่า ‘ชอบ’ หมาเหรอ? แทนที่จะเป็น ‘เลี้ยง’ หมาเหรอ?”

    คาร์ลตัน เดรค ยกไวน์ขึ้นจิบ
    พรายยิ้มลึกลับ ณ มุมปาก 

    น้อยเหมือนอยากปิดบังเก็บซ่อน
    แต่ก็ดันมากพอจะทำให้รู้สึก...หวาด

    “คุณมีขนหมามากกว่าหนึ่งชนิดติดตามเสื้อผ้า แต่จากการที่คุณอยู่อะพาร์ตเมนต์ ผมเลยอนุมานเอาว่าคุณคงไม่ได้เลี้ยงเอง แต่ชอบเล่น อาจจะเล่นกับทุกตัวที่เดินผ่านตามท้องถนน...”
    เอ็ดดี้ขมวดคิ้วหนัก “คุณรู้ได้ไงว่าผมอยู่อะพาร์ตเมนต์...”
    “คุณบอกผมตั้งแต่สิบวินาทีแรกที่เราคุยกัน”
    “ไม่เห็นจำได้เลยว่า...”
    “คุณบอก” เดรคหันมาสบตา
    คนจะเถียงงับปากลง

    “คำตอบของคำถามที่สองที่ผมถามคุณ”

    คำตอบของคำถามที่สองที่เดรคถามเขา?

    เอาละ เอ็ดดี้ บร็อก ตั้งสติ...นายอยู่ข้างสระว่ายน้ำกลางบ้านหรูของเศรษฐีหนุ่มนี่มานานเท่าไรแล้ว นานจนจำไม่ได้เลยเหรอว่าหมอนี่ถามอะไรไปบ้าง และตัวเองตอบอะไรไปบ้าง ที่สำคัญ...มันเป็นหมอนี่ได้ยังไงที่เป็นฝ่ายตั้งคำถาม ยิงข้อสงสัยไม่หยุดหย่อน ทั้งที่มันควรจะเป็นหน้าที่ของเขา นักข่าวผู้ต้องการขุดค้นข้อเท็จจริงในมุมมืดออกมากางแผ่ในแสงสว่างให้ประชาชนรับรู้ ว่าไลฟ์ ฟาวน์เดชั่น ทำอะไรกันแน่


    ก็หลังจากที่เพิ่งโดนรปภ.โยนออกจากบริษัทเขานั่นแหละ
    จู่ๆ คาร์ลตัน เดรคก็เกิดเปลี่ยนใจอยากให้สัมภาษณ์อีกครั้ง

    แต่ขอเป็นการส่วนตัว
    ที่บ้านของหมอนี่เอง


    ตั้งแต่มายังไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง
    มีแต่เดรคที่ได้ข้อมูลส่วนตัวเขาไปเป็นกองพะเนิน


    “...”

    เอ็ดดี้ถอนหายใจ

    ยิ่งเดรคชอบเหลือบมองแก้วไวน์ในมือเขา...เขายิ่งไม่กล้าแตะต้อง

    ถือไว้จนมันอุ่น เผลอใช้มือที่ว่างลูบต้นแขนตนเบาๆ
    และก็ไม่อาจพ้นสายตาแหลมคมของเจ้าบ้าน


    “หนาว? เข้าข้างในไหมครับ”

    “บอกแล้วไงว่าไม่” คนเป็นแขกเสียงแข็ง ชักรำคาญเพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกชวนเข้าบ้าน ไม่มีอะไรน่าไว้ใจสักอย่าง ทั้งบรรยากาศรอบกาย ทั้งสายตาหมอนี่ เข้าไปแล้วถูกฆ่าหมกส้วมจะทำยังไง

    แค่ยืนคุยกันริมสระก็เสี่ยงมากแล้ว
    ถูกจับกดน้ำไปใครจะช่วย

    “งั้นเอาเสื้อผมไปใส่แล้วกัน” เอ่ยเสียงเรียบ สำเนียงผู้รากมากดีจนน่าหมั่นไส้ ถอดเสื้อสูทออกมาคลุมไหล่คุณนักข่าวข้างตัวรวดเร็วจนไม่อาจปฏิเสธ จะปัดทิ้งก็กลัวร่วงลงน้ำแล้วจะถูกคิดค่าเสียหายหลายแสน เพราะดูทรงแล้วเป็นสูทแบรนด์เนม

    “จิบไวน์สิ จะได้อุ่นขึ้น”

    สายตานักธุรกิจหนุ่มอ่อนโยนเกินจำเป็น, จนเอ็ดดี้หงุดหงิดใจ

    “นายยังไม่ตอบคำถามฉันแบบจริงจังเลยสักข้อ ตกลงว่าไลฟ์ ฟาวน์เดชั่นทำอะไรกันแน่ ข่าวลือมีข้อเท็จจริงบ้างไหม เรื่องที่ว่านายใช้ชีวิตคน—”

    “สรุปว่าชอบหมาใช่ไหม”

    ก็คือไม่ได้ฟังที่กูถามเลยใช่ไหม อีเวร

    “คุณเดรค”
    “แล้วชอบทานอาหารจีนหรือเปล่า”
    “คาร์ลตัน เดรค”
    “หรือชอบอาหารญี่ปุ่น? ซูชิ?”
    “ดร.คาร์ลตัน เดรค!”

    ยิ่งเอ็ดดี้ดูโมโห เขายิ่งชอบใจ
    แต่ยังกลั้นยิ้ม 


    “เรียกแต่ชื่อผมซ้ำๆ แบบนี้...ชอบผมแหงเลย”

    เล่นเอาระเบิดเวลาทำงานซะเดี๋ยวนั้น

    “ผมไม่มีเวลามาเล่นตลกกับคุณนะ ถ้าไม่อยากให้ความร่วมมือก็บอกมาตรงๆ ผมไม่สัมภาษณ์คุณแล้วก็ได้ ไปตายไหนก็ไป ผมมีวิธีหาความจริงเอาเอง”
    “ใจเย็นๆ ก่อนสิ” 


    น้ำเสียงแหบสากทว่านุ่มนวลในจังหวะนั่น สะกดคนฟังได้ดีนัก


    ยอมรับว่าไม่ชอบ...ไม่ชอบเลย
    เพราะมันทำให้ต้องหยุดฟังอย่างว่าง่ายทุกครั้ง

    คาร์ลตันกระชับเสื้อสูทของตนบนตัวคนตรงหน้าเข้ามาทบกัน 


    “ไวน์ไม่ดื่มก็วางไว้...”

    เจ้าตัวดึงแก้วทรงสูงไปจากมือนักข่าว 

    กริ๊ก...วางมันลงกับโต๊ะข้างสระ

    “หายใจลึกๆ ก่อน จะได้ใจเย็น...นะครับ?”

    เอ็ดดี้ไม่รู้ว่าทำไมต้องทำตามแต่ก็ทำ 

    และพบว่าจิตใจสงบเยือกเย็นขึ้นจริง ๆ

    “ผมไม่ได้จะกลั่นแกล้งอะไรคุณเลยนะ แค่...อยากคุยกับคุณไปเรื่อย ๆ” เดรคกระซิบ

    เอ็ดดี้ บร็อคฟังแล้วไปไม่เป็น สบนัยน์ตาดำขลับเป็นประกายดุจท้องนภาโปรยหว่านด้วยดวงดาวแล้วยิ่งรู้สึกราวกับต้องมนตร์สะกด เสียงของเดรคกระซิบเท่าเดิม แต่กลับ...ก้องชัดในโสตประสาท

    “แค่...อยากรู้จักคุณให้มากกว่านี้”

    ทำไม?

    “คุณน่าจะรู้ว่าทำไม”

    ทำไมพูดแบบนั้น? เขาไม่ได้ถามออกเสียงนะ หรือถาม?

    “เข้าไปนั่งคุยกันในบ้านแบบอุ่นๆ ดีกว่า เชื่อผมเถอะ” 


    เดรคยิ้ม ผายมือเชิญ และเอ็ดดี้พบตัวเองเดินตามอีกฝ่ายไปอย่างว่าง่าย...อีกครั้ง ที่เขาไม่รู้ว่าอะไรสั่งให้ตัวเองเชื่อฟังเดรคได้แบบนั้น

    แม้สะกิดใจยังไงก็นึกไม่ออก 


    แต่นักข่าวหนุ่มไม่ได้ขบคิดต่อ เดรคยอมเล่าอะไรเกี่ยวกับไลฟ์ ฟาวเดชั่นบ้าง สลับกับถามเรื่องส่วนตัวเขาไปเรื่อย เวลาไหลผ่านพวกเขาไปราวสายน้ำ บทสนทนาเริ่มคลอเคล้าเสียงหัวเราะ ครั้งสุดท้ายที่มองนาฬิกาเข็มก็เดินเลยเที่ยงคืนไปแล้ว


    .

    .


    “คุณชอบหมา?”


    เอ็ดดี้ บร็อคเลิกคิ้วด้วยแปลกใจ

    เงียบ คิด ลอบย่นคิ้วใส่แก้วไวน์แดง, ที่ยังไม่แตะเลยตั้งแต่รับมาถือ
    ไม่อยากสนใจ แต่อดไม่ได้ที่จะหันไปให้ความสนใจ

    “ทำไมถามแบบนั้น”
    “มีขนหมาติดอยู่ที่กางเกงของคุณ”

    ชายหนุ่มในชุดสูทเนื้อกำมะหยี่สีกรมท่าข้างกายตอบ

    “ไม่ใช่...ทำไมถามว่า ‘ชอบ’ หมาเหรอ? แทนที่จะเป็น ‘เลี้ยง’ หมาเหรอ?”

    คาร์ลตัน เดรค ยกไวน์ขึ้นจิบ
    พรายยิ้มลึกลับ ณ มุมปาก 

    “คุณมีขนหมามากกว่าหนึ่งชนิดติดตามเสื้อผ้า แต่จากการที่คุณอยู่อะพาร์ตเมนต์ ผมเลยอนุมานเอาว่าคุณคงไม่ได้เลี้ยงเอง แต่ชอบเล่น อาจจะเล่นกับทุกตัวที่เดินผ่านตามท้องถนน...”
    เอ็ดดี้ขมวดคิ้วหนัก “คุณรู้ได้ไงว่าผมอยู่อะพาร์ตเมนต์...”
    “คุณบอกผมตั้งแต่สิบวินาทีแรกที่เราคุยกัน”
    “ไม่เห็นจำได้เลยว่า...”
    “คุณบอก” เดรคหันมาสบตา
    คนจะเถียงงับปากลง

    “คำตอบของคำถามที่สองที่ผมถามคุณ”

    งั้นนี่มันคำถามที่เท่าไรแล้วนะ...ที่เดรคเป็นฝ่ายถามเขา? แทนที่จะกลับกันอย่างที่ควร ในเมื่อเขา
    เป็นนักข่าวที่อีกฝ่ายยอมให้มาสัมภาษณ์เป็นการส่วนตัวที่บ้าน หลังจากไปโวยวายจนโดนไล่ตะเพิดออกจากบริษัท ไม่รู้ด้วยซ้ำอะไรดลใจให้คาร์ลตัน เดรคเปลี่ยนใจ

    คาร์ลตันลอบมองเอ็ดดี้ บร็อคอยู่เสมอ เจ้าตัวก็รู้แต่พยายามไม่ใส่ใจ และเอาแต่ซักไซ้ไล่เรียงเรื่องไลฟ์ ฟาวเดชั่น ไม่ลดละ แม้ว่าสุดท้ายเขาจะไม่ยอมตอบ เอาแต่ถามเรื่องส่วนตัวของเอ็ดดี้ ทำให้เรื่องราวจบลงด้วยเจ้าตัวระเบิดอารมณ์ออกมาอีกครั้ง

    และก็ได้เวลาเขา...เข้าไปปลอบ


    กริ๊ก...แก้วไวน์ที่เดรคดึงไปจากมือเขาถูกวางลงบนโต๊ะข้างสระว่ายน้ำ

    “หายใจลึกๆ ก่อน จะได้ใจเย็น...นะครับ?”

    บางอย่างในเนื้อเสียงแหบเสน่ห์นั้น
    ทำให้เอ็ดดี้เชื่อฟังอย่างไม่มีเงื่อนไข

    หรือบางที...อาจจะเป็นแค่เสียงเล็กๆ สั้นๆ
    เสียงเดียวกันก่อนหน้านั้น...กริ๊ก


    เดรคเชิญเอ็ดดี้เข้าบ้าน คุยกันจนดึกดื่น...อีกครั้ง 
    เอ็ดดี้กำลังหัวเราะ ขณะเดรคเอามือปิดปากหาว

    หันมองคนบนโซฟาฝั่งตรงข้ามอีกครั้ง
    หลับไปแล้ว, ง่ายดายเหมือนเด็กน้อย

    เจ้าบ้านยิ้มบาง
      
    รอยยิ้มอบอุ่น, แต่ลึกลับ
    อ่อนโยน, ทว่ามีเลศนัย

    มือสีเข้มสไลด์ปลดล็อคหน้าจอโทรศัพท์
    เข้าโหมดกล้อง บันทึกภาพเจ้าหญิงนิทราตรงหน้าไว้

    แชะ

    เสียงชัตเตอร์ไม่ได้รบกวนคนหลับใหล
    นิ้วเรียวกดเข้าอัลบั้มเพื่อดูรูปที่ถ่าย 

    แน่นอน...รูปล่าสุดในม้วนฟิล์ม,
    คือรูปเอ็ดดี้นอนซบพนักโซฟาบ้านเขา

    แต่ก็เช่นเดียวกันกับรูปก่อนหน้านั้น...

    และรูปก่อนรูปก่อนหน้า...

    และอีกรูปก่อนหน้า


    เดรคลุกขึ้นจากโซฟาฝั่งตน ทรุดเข่าลงกับพรมแคชเมียร์บนพื้น ขยับเข้าไปยังโซฟาอีกฝั่ง เฝ้ามองคนน่ารักที่ร่างกายยามหลับเริ่มอ่อนเอนเลื่อนไหลลงมากองรวมกัน คุดคู้เหมือนลูกหมา

    จรดริมฝีปากลงไป
    แต่ก็เพียงบนหน้าผากนุ่มนิ่มเท่านั้น

    ยังไม่อยากให้เจ้าหญิงนิทราต้องตื่น

    “อยู่ในฝันไปอีกสักระยะแล้วกันนะ...” คาร์ลตันพึมพำ

    แบบนี้จะไม่มีใครขุดคุ้ยเรื่องลับในไลฟ์ ฟาวน์เดชั่น
    และแบบนี้ เดรคจะมีลูกหมาไว้เล่นด้วยทุกวัน

    ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน ปลดเสื้อนอกออกมาคลุมให้คนบนโซฟา
    เร่งเตาผิง และหายลับขึ้นบันไดไปยังห้องนอนของตน

    .
    .

    กริ๊ก...

    เสียงแก้วไวน์กระทบโต๊ะข้างสระปลุกเอ็ดดี้ให้ตื่น

    งัวเงียโงหัวขึ้นมอง พบตัวเองอยู่บนเก้าอี้นอน ข้างสระว่ายน้ำกลางบ้านหรูไฮโซ นึกขึ้นได้ว่ามาทำงาน...สัมภาษณ์? คาร์ลตัน เดรค?  ม่านตาเริ่มปรับสภาพเข้ากับแสงกลางคืนและเริ่มชัด ใบหน้าเจ้าของบ้านก็มาจ่ออยู่ใกล้ ๆ

    “โทษที...ผมง่วงตั้งแต่ขับรถมาแล้ว ระหว่างรอคุณคงเผลอหลับไป”

    คาร์ลตันยิ้มบาง “ไม่เป็นไร”

    ปลดกระดุมเสื้อสูทสีน้ำตาลเข้ม
    เม็ดหนึ่ง, และเตรียมจะนั่ง

    เอ็ดดี้เอ่ยยั้งไว้ เด้งตัวขึ้น
    “ยืนคุยกันเถอะ ผมไม่อยากอยู่นาน” 

    เดรคยืดตัวขึ้น “ไม่อยากเข้าไปคุยในบ้านเหรอ?”
    “ไม่ละ” ส่ายหน้าเป็นพัลวัน

    คาร์ลตันแค่ยิ้ม

    “ขับรถมาหลงไหม บ้านผมทางเข้าจะน่ากลัวหน่อย อยู่ลึกมาก ผมเป็นคนสันโดษน่ะ”
    เอ็ดดี้สั่นศีรษะอีกครั้ง “ไม่หลง แต่ก็เกือบเลี้ยวผิดเหมือนกัน”

    “บ้านคุณอยู่ไหนล่ะ?” 

    คาร์ลตันถาม ยกไวน์ขึ้นจิบ
    ไม่ได้ใส่ใจฟังคำตอบนัก

    ราวกับ...รู้แล้ว

    “ผมอยู่อะพาร์ตเมนต์...อะพาร์ตเมนต์ในเมืองเลย”


    .


    .



    FIN.

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in