เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
มิวสิคัล ในมุม "ม"Morraget
{ "กินรีสีรุ้ง" จากบอร์ดเวย์สู่รัชดาลัย...รุ่งหรือร่วง! }
  •       La Cage aux Folles คืออะไร ขอเกริ่น ในปี 1973 เรื่องนี้เป็นละครพูด เปิดแสดงที่ฝรั่งเศสฟผู้กำกับคือ ตา Jean Poiret ซึงเปิดแสดงตั้ง 1,800 รอบแหน่ะ..! pop มากเลยถูกสร้างเป็นหนังในปี 1978 และได้ชิงออสการ์ด้วยนะตัวเธอ

           จุดเปลี่ยนสู่ความพีคของเรื่องนี้อยู่ที่ ตา Harvey Fierstein เอาบทละครมายำ ทำเป็น Musical และหวยก็ออกเพราะว่า เปิดแสดงไปแล้วถึง 1,761 รอบที่บอร์ดเวย์ นิวยอร์คและได้รับรางวัล Tony Award (ออสการ์ของละครเวที) ถึง 6 รางวัลในปี 1984 ได้แก่ Best Musical, Best Book, Best Original Score, Best Costume Design, Best Direction และ Best Actor in a Musical
            นอกจากนี้ยังมี La Cage aux Folles ในเวอร์ชั่นชาตอื่นๆ นอกจากบอร์ดเวย์อีกด้วยนะ...

    จาก La Cage aux Folles" สู่ "กินรีสีรุ้ง"

        "คุณบอยเขาดูละครมาเยอะ เรื่อง LA CAGE AUX FOLLES เนี่ย เขาดูมาไม่รู้กี่เวอร์ชั่นแล้วและเขาชอบ เลยอยากทำ แล้วละครเก่าๆ แบบนี้ ฝรั่งขายลิขสิทธิ์ง่าย ถ้าจ่ายถูกต้องเอาเพลงไปเลย จะทำอะไรก็ไปทำ เขายื่นโน๊ต ยื่นบทให้เลย"

          จากการสัมภาษณ์คุณจิ๊บ หนึ่งในทีมครีเอทีฟตัวพ่อ ของรัชดาลัยกล่าวไว้ (แอบเอา Thesis มาเล่า)
             ประเด็นอยู่ที่ว่า ละครชื่อประหลาดนี้ เนื้อเรื่องไม่ได้มาจากวัฒนธรรมไทย แถมยังเป็นเรื่อง
    กระเทยอีกใครจะไปดูล่ะ และก็เป็นงานยากที่จะวัดฝีมือคุณบอยและทีมงานเองเองด้วย ว่าเอาบทเขามาทำรุ่ง หรือทำเละ...!

    (Trailerจ๊ะ...ไปชมกันก่อนนะ)

    16 มิถุนายน รอบกาล่าของ กินรีสีรุ้ง น้องมอร์ได้ไปชมครับ
           เลยขอมาแชร์ความรู้สึกนึกคิดกับละครเรื่องนี้ให้ทุกท่านฟัง และขอเตือนตรงนี้ว่า ถ้ามีใครคิดจะไปดู อย่าทำมาเป็นอ่านก่อน ให้ไปดูก่อนแล้วค่อยมาอ่านนะ

    ภาพรวม

        ละครเรื่องนี้ ตอนแรกนึกว่าจะได้ดู ดราม่าเข้มข้น ในฉากยิ่งใหญ่ แต่เปล่าครับ ความจริงนี่คือ musical แบบ Family ฮาขี้ไหล ด้วยบท และจังหวะมุขที่ลงตัว และไม่ใช่ละครฟอร์มใหญ่ มีวัง อะไรหรือเทคนิคมากมาย โดยรวมนี่คือละครฟอร์มกลางๆ ของค่ายนี้ ที่คุ้มค่าราคาบัตรครับ และทำได้ดีครับ น่าประทับใจ

    เพลง

         ต้องบอกว่า เพลงเรื่องนี้ เพราะเหี้ยๆ ครับ เพราะมาก คือเพราะด้วยตัวเมโลดี้เอง และการเรียนเรียงที่พิศดาร คงเพราะเอาสกอร์มาจาก broadway เลย ซึ่งมันถึงเพราะ เค้าใช้วงใหญ่ในการเล่น ฝีมือนักดนตรีรนี่ก็ไม่ธรรมดาครับ เล่นได้ดีมากครับ ทั้งนี้ต้องยกความดีความชอบให้ผู้เรื่ยบเรียงและวาทยากรครับ ฝีมือมาก

         เพลงที่แปลเป็นภาษาไทยนั้น คือสิ่งอัศจรรย์ครับ เพราะต้องยอมรับว่า เพลงแนวบอร์ดเวย์ ออริจินอล แบบนี้ แปลเป็นไทยแล้วจะตลกแน่ ด้วยทำนอง วิธีร้อง และ โน๊ต แต่เพลงในเรื่องนี้ แม่ง อย่างดี.... ทั้งได้ความหมาย ได้อารมณ์ มีสัมผัส และเสียงไปกับเมโลดี้ได้ อันนี้ขอชมจริงๆ

    นักแสดง

          คุณเจมส์นี่... ขอผ่านครับ ไม่มีข้อสงสัยในการเป็นผู้หญิงของเธอ และเธอเสียงโคตรเพราะ ยิ่งซีนในตำนานอย่าง “มาสคาร่า” นี่ก็เล่นได้น่ารัก และเพลง I am what I am ก็ส่งพลังมาถึงคนดูได้อยู่หมัด  
          คุณกบ...นี้ก็ขอผ่าน เพราะเหมาะกับบทมาก และเสียงนุ่มจริง อะไรจริง อยู่เลย
          ตัวลูกชาย หรือ "ต้น" พระเอกรุ่นเล็ก  (คุณเอ-นรินทร์ ภูวนเจริญ) ก็ ok ครับ ความสามารถดี แต่บทยังไม่ส่งเท่าไหร่
         ส่วนคนที่เล่นเป็น "แอน" คือ ออมจาก สตอร์เบอร์รี่ชีทเค้ก อันนี้ขอไม่พูดถึงนะครับ เพราะพูด นับประโยคได้ 
         เหล่ากินรี เต้นได้เยี่ยมครับ คม ชัด ลึก และแรงดีไม่มีตก อีกอย่างการร้องก็อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานเลยครับส่วนนักแสดงประกอบอื่นๆ ที่มีบทร้อง ต้องบอกว่า พวกเขามีคุณภาพเสียงทิ่วิเศษครับ เริ่ด
        อ๋อๆ.... เสน่ห์อีกอย่างของละครเรื่องนี้คือ "จะมีกินรีผู้หญิงแท้1คน แซมแทรกอยู่ในเหล่าผู้ชาย...อ่ะ...ไปดูกันเองว่าเป็นใคร

    ฉาก

        โอ้ย... อย่าไปกลัวเลยเรื่องนั้น  รัชดาลัยต้องยอมรับว่าสวยสมมาตรฐานของรัชดาลัย
        ทว่า...ไดเร็คชั่นของฉากดู Mix ไปหน่อย ไม่ไปทางไหนสักทางหนึ่ง
        แต่เรื่องนี้น่าสนใจเพราะมีการออกแบบให้ลองย้ายฉาก แบบเคลื่อนกล้องแพนมาจากด้านข้างเวทีมากกว่าจะห้อยลงมา ทำให้ดูมีสีสันมากขึ้น
        สำหรับฉากโรงละครนั้น ยอมรับว่าฟู่ฟ่าหรือหราครับ แต่ยังไม่เห็นความสด ใหม่ เพราะว่าเราเคยเห็นฉากแบบนี้ใน บางกอก 2548 มาแล้ว เหมือนเด๊ะๆๆๆ 
        *อ๋อๆ อีกมุมหนึ่งของฉากที่ดีไซน์การนำเสนออกมาได้มีดี คือ การดีไซน์ให้คนดูมีได้เห็นมุมมองทั้งหน้าม่าน La Cage ในฐานะผู้ชม และสักพัก ตัดไปหลังฉาก เราก็จะได้เห็นมุมมองของคนหลังฉากในฐานะที่เราเป็นผู้สังเกตการณ์

    บท
       เรื่องนี้มีโครงเรื่องมาจากต่างประเทศ ดังนั้น ผมว่า วิธีหรือเนื้อเรื่องยังไม่ค่อยถูกจริตคนไทยเท่าไหร่นะครับผมว่า แต่ก็ถือว่าเป็นโครงเรื่องที่สนุกเลยล่ะครับ  แต่ท้ายที่สุดมันคือ "ดราม่า คอมเมดี้ เสียดสีสังคม"   และทีมงานได้พยายามปรับเรื่องให้เป็นไทยที่สุดแล้ว ซึ่งก็ดีครับเพราะดูใกล้ชิดมากขึ้น 

    ทั้งชื่อตัวละครที่เป็นชื่อไทย สถานที่ต่างๆ ในเรื่องก็เป็นภาษาไทย (ยกเว้นเจ้าช ลาคาจ โอ โฟล)

    การเล่าเรื่อง

         โดยรวม สมบูรณ์ด้วยตัวของมันครับ เพราบทกลมอยู่แล้ว
         แต่ผมว่า ยังขาดอยู่บ้าง คือการ เน้นการขยี้อารมณ์ของตัวละครให้ชัดกว่านี้ เช่น ความรู้สึกของตัวลูก การขยี้อารมณ์ของตัวแม่ลึกๆ ว่ารู้สึกอย่างๆ ไร กลายเป็นว่าละครเรื่องนี้อาจเบาไปในความมีมิติของตัวละครครับ 

    เต้น&ลีลา

        เรื่องนี้ครูโจ้รับหน้าที่ดูแลเรื่อง Dance ไป ซึ่งก็เชื่อขนมได้ระดับหนึ่งครับ คือ ชื่นชอบตรงที่มีการตีความใหม่ในแบบของไทย เช่น เช่นตีความจากฝรั่งในโชว์หนึ่งที่เป็นนก แต่ของไทยเป็นกินรี ท่าทางและเรื่องราวเลยเหมือนกับเอาวรรณคดีมาทำเป็น dance เราเห็นพรานบุญ จับกินรี กลางเวที ดูแล้วก็ชอบในการตีความ
           หากแต่ที่ขาดคือ การใส่ dance ใน Show หลักๆ ของกินรี ต้องยอมรับว่า ยังขาดความคม ใน dance แต่ละชุด เรายังไม่เห็นท่าแปลกใหม่ในโชว์นี้ และเราจะเห็นท่าซ้ำๆ เยอะมาก ต่างจากของฝรั่งที่จะเอาอื่นๆ มาประยุกต์ เช่น การเต้นแทป เป็นต้น

    เสื้อผ้า

        ปล่อยผ่านนะครับ สวย โดยรวม ok ครับ หรูหราพารากอน
    ไดเร็คชั่นของการออกแบบเสื้อผ้า ในเวทีรัชดาลัย คือ "นางโชว์"​ครับ... ก็จะออกแนว ไฮโซโบว์ใหญ่ เลื่อมระยับ เฟอร์ระย้า...ก็ดูสวยงามแฟนตาซีเป็นโชว์ที่มีสีสันดี  ก็ถ้า Setup เป็นนางโชว์ ก็ทำออกมาตอบโจทย์ คุมอยู่
        อย่าเอาไปเทียบกับนางโชว์ต่างประเทศ เพราะวัฒนธรรมต่างกันครับ

    ชอบมาก

         ละครเรื่องนี้ในหลายฉาก จะสร้างบรรยากาศให้เหมือนเราอยู่เป็นส่วนหนึ่งในเนื้อเรื่อง ไม่ใช่คือผู้นั่งชมแต่มีการแปลงบรรยากาศ โรงละครให้เป็น La cage aux folles จริงๆ เหมือนกับว่าเราดูอิสสะเบลล่าโชว์อยู่จริงๆ บนเวที ซึ่งผมชอบการเลือกนำเสนอแบบนี้มากครับ เพราะใหม่ สด และ รับส่งพลังก็นักแสดงได้เต็มๆ ส่วนบรรยากาศที่ว่านั้นจะเป็นอย่างไร ดูเองดีกว่าไหม
         ฉากที่ทำได้ดีมาก และถือเป็นหนึ่งฉากเด่นของเรื่องคือ ซีนเพลง A Little More Mascara  ที่ตัวละครอิสเบลล่าจะต้องแต่งหน้าไป ร้องเพลงไปแล้วแต่งตัวขึ้นโชว์...​เพลงนี้ยาวนะ เป็น Solo แต่ว่าดีเทลที่ต้องแต้งหน้าแต่งตัว และร้องเพลงไปด้วยเนี่ย...ต้องใช้สกิลสูงมาก ซึ่งเจมส์และทีมงานทำฉากนี้ชนะเลิศ ทำขาด ทำถึง 

       และที่ประทับใจมากคือ การนำเสนอเรื่อง gender หรือก็คือประเด็นหลักของละครเรื่องนี้...น่าแปลกที่ตอนแรกแอบคิดว่า เรื่องนี้จะแบบดูลำบากเพราะนึกว่าจะเป็นละครกระเทย ดูลำบาก จริตเยอะๆแต่ว่า ต้องบอกว่า ละครเรื่องนี้ ลืมเรื่อง gender ไปเลย ลืมไปเลยว่าตัวละครไหนเพศอะไร ผมไม่นึกว่าเลยว่าเหล่ากินรีเป็นผู้ชาย ถ้าพวกเธอไม่เผยมัดกล้ามออกมา และถอดวิก และการแสดงออกของพวกเธอก็น่ารักกำลังดี ไม่ได้ แต๊ดแต๋ ครับ
    ซึ่งประทับใจ...มาก

    (ลีลาแบบไทยๆ ในงานแถลงข่าว)

    เอาล่ะ โดยรวมเต็ม 10 ดาวผม ให้ 8 ครับ
    เพราะยังมีข้อเสนที่อยากให้ปรับปรุงพัฒนาอยู่บ้าง

    1.ผมว่าควรเทน้ำหนักมาที่ part ดราม่ามากกว่านี้ครับ
    เพื่อเพิ่มความลึกของตัวละคร และเสริมเรื่องให้เข้มข้นขึ้น เวลาจบอย่าง happy ending มันจะอิ่มกว่านี้ครับ คือสนุกฮาสุดแล้วเรื่องนี้ แต่เรื่องซึ้งอิ่มเอิบนั้น ยังพร่องไป

    2.เรื่อง Dance ในฐานะคนดู อยากเห็นโชว์ที่มีท่ายากๆ แปลกๆ สดๆ ครับ
    และท่าไม่ซ้ำเยอะขนาดนี้ครับคือบางโชว์อยากให้ท่าและ concept คมกว่านี้ จะดีมากครับ
     (แต่เท่าที่ดูก็เยี่ยมแล้วนะครับ)

    3. ผมว่า เรื่องนี้ยังขาดความกระชับในแต่ละฉากครับ
    แต่ละฉากแช่นานไป เท่าที่ถาม บางคนหลับไปในบางแกก็มี อิอิ
    ผมว่า เลือกซอยแต่ละฉากให้สั้นลงบ้างก็จะดีขึ้นนะครับ

    4.กางเกงของพระเอกรุ่นเด็ก "ต้น"
       เดฟไปนะครับ รับซะเป้าตุง ปรับปรุงนะครับ (เอ๊ะ..หรืออยากให้คนดูโฟกัส...เพราะเป็นละครเรื่องเพศ!)


    จบละมีเท่านี้ครับ

        ก็นับเป็นละครที่ดีมากอีกหนึ่งเรื่อง ในแง่ของ ข้อคิด และความบันเทิงครับ
    หากใครอยากมาลองดูอะไรยากๆ ฟังเพลงสดๆ สกอร์แปลกๆ เล่นเพราะๆ คุณภาพนักแสดงที่ดี เสียง
    บอร์ดเวย์ เสื้อผ้าระยิบระยับ ฉากสวย ก็ขอเชิญมารับเสียงหัวเราะกลับบ้านไปจาก ลาคาฟ โอฟอล นะครับแบบว่าถ้าเงินเหลือบ้าง แนะนำให้ดูครับ นานๆ จะมีละครดีดีแบบนี้แสดงสักเรื่อง
        แต่ถ้าไม่ได้ขวนขวายจะดูอะไร ก็ไม่ต้องไปดูก็ได้ครับ เรื่องนี้ get ให้อยู่ในระดับ ดูก็ดี ไม่ดูก็ได้จ้า
    และยังย้ำอยู่ในใจว่า...   "คนไทยมีศักยภาพ มีคนดี creative เยอะ มีคนที่กล้าทุ่มเงิน มีโรงละครคุณภาพรองรับ มีนักแสดงที่ดี มีนักร้องที่เยี่ยม มีนักดนตรีรองรับ ถ้ามีบทที่ดีเสริม รับรองไปโลด"

    กินรีสีรุ้ง ผมว่า รุ่ง
    และโดยรวมให้ 8 เต็ม 10 ครับ
    (ตอนแรกว่าจะให้ 10 แต่กลัวหาว่าลำเอียง)


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in