ประโยคแรกที่เราจะถูกสอนให้รู้จักเสมอเมื่อเรียนภาษาใหม่คือการทักทายและถามชื่อ ดังนั้นเพื่อเป็นการเริ่มต้นสู่เรื่องราวการเรียนภาษาจีนของเรา ก็ขอเริ่มต้นด้วยเรื่องชื่อจีนละกัน
ตอนเรียนภาษาจีนสมัยเด็กๆ ถ้าใครไม่ได้มาจากครอบครัวคนจีน ก็จะเป็นครูสอนภาษาจีนนี่แหละตั้งชื่อจีนให้ บางทีก็ตั้งชื่อจีนออกมาให้คล้องกับความหมายชื่อไทย หรือบางทีก็ให้เสียงคล้องกัน แต่ถ้าใครมีชื่อจีนที่ครอบครัวตั้งให้อยู่แล้ว ก็ใ้ช้ชื่อนั้นไป
ชื่อจีนของเราตั้งขึ้นโดยอากง ชื่อว่า 叶丽娇 (Yè Lì Jiāo) ตัวแรกคือนามสกุล สองตัวหลังจะเป็นชื่อ แต่ก็มีชื่อจีนของคนจีนบางคนที่มีแค่ 2 ตัวอักษร ถ้าเป็นแบบนี้ ตัวแรกจะหมายถึงนามสกุล ตัวที่สองจะเป็นชื่อ
เวลาอยู่ไทย ถ้ามีชื่อจีนก็ดูเท่ดีแหละ แต่ถ้าจะไปเรียนที่จีน ยังไงก็ต้องมีชื่อจีน ถ้าไม่มีล่ะก็ อาจารย์ในมหาลัยจะตั้งชื่อให้คุณเอง ก็ไม่แย่ แต่ถ้ามีชื่อจีนอยู่แล้ว ตอนสมัครเรียน บอกชื่อจีนคุณไปด้วยล่ะ ไม่งั้นพอเค้าตั้งชื่อให้คุณแล้วคุณอยากเปลี่ยน ก็จะทำไม่ได้ (มหาลัยที่เราเรียนอยู่เขาไม่ยอมให้เปลี่ยนน่ะ พี่ที่สมัครไปเรียนเองเล่าให้ฟังมา)
เราเรียนภาษาจีนตั้งแต่เด็กแล้ว ชื่อจีนถูกบังคับให้เขียนด้วยจีนตัวเต็มมาตลอด (葉麗嬌) ซึ่งจำนวนขีดจะเยอะมาก และแน่นอน จำไม่ได้ 55555 แถมตอนที่เรียนตอนเด็กๆ ก็ไม่ค่อยตั้งใจเรียน จนวันนึงคิดกลับมาเรียนอีกครั้ง ก็เขียนชื่อจีนตัวเองผิด ลืมตัว 女 ข้างหน้าอักษรสุดท้ายไป ชื่อจีนตัวเองกลายเป็น 叶丽乔 (Yè Lì Qiáo) กว่าจะรู้ตัวก็ใช้ชื่อนี้มา 3-4 ปีแล้ว ตั้งแต่เรียนในห้องสมัยปี 3-4 ยาวไปถึงใช้สมัครสอบ HSK ดังนั้น ชื่อจีนเราจึงถูกเปลี่ยนไปด้วย ซึ่งแน่นอนว่าเราก็ยินดีที่จะใช้ชื่อใหม่นี้ เพราะ 娇 ที่อยู่ในชื่อเก่ามันหมายถึงขี้อ้อน พอรวมกับ 丽 ที่อยู่ตรงกลางชื่อซึ่งแปลว่าสวย แปลรวมๆ ออกมาผู้หญิ๊งงงผู้หญิงง พอเปลี่ยนเป็น 乔 ความหมายมันก็เปลี่ยนแหละ แปลว่า สูง ความหมายก็ไม่แย่ ก็ใช้ชื่อนี้ไปละกัน ไม่ต้องจำขีดเยอะด้วย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in