เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Self-Love JourneyKusuma
ฟังให้ได้ยินเสียงร่างกายตัวเอง
  • คิดขึ้นมาได้ว่าในฐานะครูสอนโยคะ เรามักจะบอกให้นักเรียน รวมถึงคนอื่น “ฟังเสียงร่างกายตัวเอง” อยู่เสมอ
    ซึ่งความเข้าใจคำว่า ‘การฟังเสียงร่างกายตัวเอง’ ของแต่ละคนก็อาจจะไม่เหมือนกัน

    แล้วก็ค้นพบว่า การจะฟังให้ได้ยินเสียงร่างกายจริงๆ ได้ ต้องเริ่มมาจากการ “ยอมรับร่างกายตัวเองในทุกๆ ส่วน” ให้ได้ก่อน

    ตอนเรียนครูโยคะ เรามีโอกาสได้เรียนเกี่ยวกับคำสอนในคัมภีร์ฮินดูโบราณ ซึ่งเป็นหลักปรัชญาโยคะที่พูดถึงเรื่อง 5 Kosha (โกศะ) หรือ ร่างทั้ง 5 ของมนุษย์

    ขออธิบายให้เข้าใจได้ง่ายคือ มนุษย์เราทุกคนมีร่างทั้งหมด 5 ร่าง เรียงซ้อนกันไปเป็น layer

    เริ่มจากร่างแรก เป็นร่างกายซึ่งจับต้องได้ ที่เราเคยได้ยินกันว่า ‘กายหยาบ’ นั่นแหละ เป็นเหมือนเปลือกนอกของเรา
    ชั้นที่ 2 เป็นกายแห่งพลังชีวิต คือลมหายใจ
    ชั้นที่ 3 เป็นกายแห่งความคิด จิตใจ
    ลึกลงไปเป็น กายแห่งสติปัญญา
    และชั้นที่ 5 ลึกที่สุดคือกายแห่งความสุขสงบจากภายใน (Bliss Body)

    สาเหตุที่ยกเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะ หลังจากเรียนแล้วได้กลับมานั่งคิดดูดีๆ เราพบว่า มันจริงตามที่เขาเขียนไว้นั่นแหละ แต่ชีวิตประจำวันปกติยากเหมือนกันที่เราจะมีจังหวะและเวลามากพอจะมานั่งสังเกตร่างกายตัวเองทีละชั้นจนเข้าใจได้อย่างลึกซึ้ง

    แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่ได้เข้าใจร่างกายตัวเองจริงๆ จะพบว่า มนุษย์มีมากกว่าแค่ร่างกายภายนอก และสำหรับเราการฟังเสียงร่างกายตัวเองจึงมากกว่าแค่ ฟัง Physical Body แต่สามารถฝึกให้ฟังลึกลงไปถึงร่างกายชั้นอื่นๆ ของเราได้ด้วย เพื่อให้ได้เข้าใจและยอมรับตัวเองอย่างแท้จริง

    แล้วการฟังเสียงร่างกายตัวเองมันเริ่มจากจุดไหนล่ะ?

    เริ่มจากตอนนี้ได้เลย ด้วยการหายใจเข้า-ออกให้ช้าลง และลึกขึ้น
    พาตัวเองกลับมาที่ตัวเองก่อน
    เริ่มสังเกตร่างกายที่เราจับต้องได้นี่แหละ ตอนนี้ปวดตรงไหน เจ็บตรงไหน มีส่วนไหนที่ตึงมากๆ อยู่หรือเปล่า สภาพผิว ผม เล็บ รูปร่าง สัดส่วนที่แท้จริงเป็นอย่างไร เริ่มจากสังเกตง่ายๆ แค่นี้เลย

    ลองเงียบสักครู่ แล้วตั้งใจฟังสิ่งที่ร่างกายบอก แขนเรากำลังบ่นว่าวันนี้เขาปวด เพราะเราถือของหนักนานเกินไปไหม หรือฝ่าเท้ากำลังประท้วงด้วยการระบมเต็มที่อยู่หรือเปล่า ตากำลังพยายามส่งสัญญาณเตือนว่าเราใช้งานเขาหนักเกินไปด้วยการกระพริบตาถี่ๆ ไหม หรือไม่มีอะไรผิดปกติ ทุกอย่างโอเคดี

    ให้เวลากับสิ่งนี้บ่อยๆ เราจะพบว่ามีบางอย่างในร่างกายเราที่มองเห็นกี่รอบก็ไม่พอใจ จุดนี้แหละที่สำคัญ เราทำยังไงกับความไม่พอใจนี้ ระหว่าง เปลี่ยน หรือ ยอมรับ?

    จุดเริ่มต้นอยู่ตรงนี้เลย เรากล้าที่จะยอมรับจุดที่ไม่พอใจของตัวเองหรือเปล่า ทำได้มากน้อยแค่ไหน

    ในช่วงแรกมันอาจจะยาก (ยากมากทีเดียว) แต่ทุกอย่างต้องการเวลา ไม่มีข้อยกเว้น

    ซึ่งนี่เป็นขั้นแรกของการฝึกยอมรับตัวเอง คือฟังเสียงร่างกาย(ชั้นนอกสุด)ของตัวเองก่อน ซึ่งถ้าให้เวลากับมัน เราจะก้าวข้ามการยอมรับร่างกายทีละชั้นๆ ลึกลงไปเรื่อยๆ

    ถ้าวันนี้ยังไม่พอใจ ยังอยากเปลี่ยน ให้ลองหายใจเข้า-ออกลึกๆ พิจารณาสิ่งที่เราไม่พึงใจนี้ ไม่ว่าเล็กน้อยแค่ไหน มองด้วยความรักและเมตตา เขาคือเรา จุดด่างพร้อย ความล้มเหลว บาดแผลทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็น สัดส่วน สีผิว ความไม่สมบูรณ์แบบ เหล่านี้ทั้งหมด ค่อยๆ โอบกอด และค่อยๆ ยอมรับทีละส่วนด้วยจิตใจที่อดทนและเบิกบาน

    เชื่อไหมว่า นี่คือกระบวนการที่มีค่าที่สุดต่อการเติบโตทางจิตใจ

    สังเกตตัวเอง ฟังเสียงตัวเอง ยอมรับตัวเอง และรักทุกอย่างให้ได้ตามที่เป็น

    ระหว่างการฟังเสียงตัวเอง และการยอมรับตัวเอง เหมือนมีลูกศรชี้ไปมาระหว่าง 2 อย่างนี้

    ถ้าเรายอมรับร่างกายตัวเองได้ เราจะฟังเสียงร่างกายตัวเองอย่างแท้จริงได้ง่ายขึ้น
    ขณะเดียวกัน ถ้าเราฟังเสียงร่างกายตัวเองได้
    เราจะกล้ายอมรับร่างกายตัวเองได้ด้วย

    และเราฝึกได้ทั้ง 2 อย่างเลย

    อีกมุมหนึ่ง ถ้าเรายังไม่ยอมรับตัวเอง การไปคาดหวังให้คนอื่นมายอมรับในตัวเรา ไม่ว่าจะทางร่างกายภายนอก หรือจิตใจภายใน ดูจะเป็นการคาดหวังที่โอกาสผิดหวังสูงอยู่เหมือนกันนะ

    เพราะฉะนั้นฝึกเป็นมิตรกับตัวเอง เปิดใจให้กว้าง พอใจให้เป็น การยอมรับและรักตัวเองได้จากใจจริง จะทำให้เราก้าวไปสู่การเป็นมิตรกับความแตกต่างอื่น เป็นมิตรกับมนุษย์คนอื่น และเป็นมิตรกับสิ่งอื่นที่ไม่เหมือนเรา :-)
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in