ห้าสิ่งที่ผมอยากทำในชีวิต
ที่จริงพยายามจะลิสต์ให้ถึง 25 แต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ครบเลยขอเป็น 5 ข้อใหญ่ๆ แทน
ไปเที่ยวต่างประเทศบ่อยๆ
ถึงจะฟังดูดัดจริตใจแตกแต่ผมก็ชอบ มีทฤษฎีว่ามันอาจจะถูปลูกฝังมาตั้งแต่แบเบาะ โชคบันดาลให้ได้ไปท่องโลกตั้งแต่ยังตั้งไข่ และก็ดำเนินเรื่อยมาเกือบจะแทบทุกปี ทุกครั้งที่ไป ผมรู้สึกได้ตักตวงอะไรแปลกใหม่กลับมาเสมอ ความสามารถในการเก็บเกี่ยวก็ดูจะมากขึ้นตามอายุ ทำให้ยิ่งไปยิ่งรู้สึกคุ้มค่า ถูกจริตคนขี้เบื่อเข้าอย่างจัง ทุกประเทศมีคาแรคเตอร์ที่น่าสนใจไปหมด
เบาสมองแบบอินเดีย เบากระเป๋าแบบอังกฤษ (ของมันแพง)
สวยแฝงอันตรายสไตล์เชก ตื่นใจกับสิ่งมหัสจรรย์ในเขมร
น่าหน่ายแต่ปฎิเสธความยิ่งใหญ่ในจีน และ สหรัฐฯไม่ได้
วิจิตรและเย่อหยิ่งอย่างฝรั่งเศส หรือเป็นการเป็นงานอย่างเยอรมัน
โลกสวยแบบสวิตฯ ชีวิตดีแบบนิวซีแลนด์ แสบจับใจในเนปาล
ไต้หวัน สิงคโปร์ ฮ่องกง แนะนำให้ได้รู้จักการเที่ยวในอีกมิติที่โมเดิร์นและประหยัด
และได้รู้ว่า ออสเตรีย กับ ออสเตรเลีย มันคนละประเทศกัน!
ญี่ปุ่น ที่เคยเป็นประเทศในฝัน ตอนนี้ได้ไปเยือนมาหมดแล้ว
ตอนนี้ เป้าหมายใหม่ที่ถูกขับเคลื่อนจากความปลื้ม มากริตต์ กับ โมเนต์ คือ เบลเยี่ยม อยากไปมากๆ
คิดว่าในอนาคตหลังจากเรียนจบแล้ว ก็จะหาทางพาตัวเองไปท่องโลกในได้สม่ำเสมอทุกปีครับ เพราะมันเป็นความสุขของผม และก็อยากจะไถ่คืืนใน พ่อกับแม่ที่มอบความสุขนี้ให้ผม พาเค้าไปเที่ยวด้วยเหมือนกันครับ
สร้างบ้านในฝัน
บางคนอาจจะสงสัยว่าอย่างมึงต้องมีบ้านด้วยเหรอ ไม่เห็นจะค่อยเคยอยู่ (ฮา) แต่มันเป็นอีกหนึ่งความเพ้อเจ้อที่มีมาตั้งแต่เด็กของผมเลย ที่อยากเข้าสถาปัตย์ตอนนั้นก็ด้วยเหตุผลนี้
ที่พักในใจผมเปลี่ยนไปเรื่อย แต่แก่นมันก็จะวนเวียนอยู่กับความชอบเดิมของเรา ถ้าให้บรรยายลักษณะของบ้านในฝัน ณ อายุ 22 คงจะเป็นประมาณว่า
ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากใจกลางเมือง (เริ่มมาก็ยากเลยมึง) ไม่ต้องใหญ่มาก
ตัวบ้านสีขาวทั้งหลัง ทรงลูบาก์สองชั้น แซมไปด้วยกระจกเยอะๆ ให้แสงอาทิตย์ลอดผ่านได้ ผมชอบแสงธรรมชาติ ชั้นหนึ่งกับชั้นสอง แบ่งออกเป็นชั้นละ 4 ห้องเท่าๆ กัน โดนเว้นระยะจากกึ่งกลางบ้านกั้นกระจกเป็นพื้นที่วงกลม ปลูกต้นไม้ต้นใหญ่ๆ ให้สามารถออกไปนั่งจิบกาแฟตอนเช้าได้
ชั้นล่างสุด ประกอบไปด้วย
ห้องนั่งเล่นรับแขกเชื่อมกับเข้าบ้าน มีตู้เก็บของเท้า โซฟาเตี้ยๆ และ โต๊ะกับเก้าอี้ทะมัดทะแมงหนึ่งชุด ไว้ใช้คุยงาน หรือจัดการธุระ นั่งรอหรือวางสัมภาระเวลามีคนมาเยี่ยม
ห้องครัว โล่งๆ มีเตาอบ และ และอุปกรณ์อื่นครบครัน โอย นึงแล้วอยากทำอาหาร
ห้องดูหนัง บุพรมสีเทาอมน้ำเงิน มีโซฟายวบยาบตัวนึง และโปรเจกเตอร์ตั้งอยู่กลางห้องใช้ฉายหนังโปรดของผมเวลาอยากจะหลบจากโลกความจริงไปซักพัก
ห้องเก็บของ ผนังฝั่งหนึ่งเป็นตู้บิลด์อินเอาไว้เก็บของ พื่นที่วางที่เหลือก็เอาไว้ทำกิจกรรมอื่นๆ
เชื่อมด้วยบันไดและสไลเดอร์ ห้องในชั้นสองคือ
ห้องสมุด มีตู้ไม้สีอ่อนหนังสืออย่างไม่ต้องซ้อนเล่ม เก้าอี้โยกสีกะปิที่สามารถดึงส่วนพักเท้าออกมาได้ (เลือกให้คล้ายกับตัวในความทรงจำวัยเด็กของผม) เครื่องสเตอริโอเปิดเพลง และหน้าต่างบานใหญ่
เอาไว้นั่งมองฟ้ามองดาวได้ จะใช้ซ้อมดนตรีที่ห้องที่ก็ได้ ที่เชื่อมกันคือ
ห้องทำงาน ปูพื้นด้วยไม้ปาร์เกต์สีอ่อน มีโต๊ะทำงานกว้างใหญ่ความสูงได้สัดส่วน มีคอมจอใหญ่สเปกเร็วตั้งอยู่ข้างๆ เก้าอี้ทำงานสีดำซัพพอร์ดหลังแต่ไม่สบายเกินควรจนชวนอู้ ถาดเครื่องเขียนกระบะใหญ่ประกอบไปด้วยช่องเล็กๆ แบ่งตามชนิดและขนาด มีบีนแบกให้ระบายอารมณ์กับต้นไม้ดูแลง่ายๆ สักสองสามต้นน่าจะกำลังดี
ห้องน้ำ ขอขาวล้วน มีส่วนแห้งเปียกชัดเจน มีอ่างแช่น้ำด้วย ที่สำคัญคัญคือโถส้มต้องนั่งสบาย เพราะผมชอบนั่งส้วมไปอ่านหนังสือไป และสุดท้ายคือ
ห้องนอน ขอแค่ฟูกหนาคีบนึง ผ้าห่มหนาลื่น หมอนหลายๆ ใบ (ขอหมอนข้างด้วย) และที่ชาร์ตแบตใกล้หัวเตียง ก็นอนสบายไปโลกหน้าแล้ว พื้นที่ที่เหลือก็เป็นที่สำหรับตู้เสื้อผ้าหลังใหญ่ และ 'ทางลับ' ท่อเล็กๆ สามารถเชื่อไป ห้องดูหนังและห้องรับแขกได้' อยากให้มีลูกเล่นประมาณนี้ครับ
ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากกจะสปอยล์ตัวเองด้วยการจ้างคนมาทำความสะอาดทุกวัน พุธ และ อาทิตย์ บวกกับคนขับรถส่วนตัว ให้ชีวิตงอมืองอนตีนไปอีกขั้น (อย่างหลังนี่ถ้าขับรถเป็นแล้วอาจจะเปลี่ยนใจ)
พัฒนาตัวเองให้เป็นนักถ่ายทอดที่มีประสิทธิภาพ
แพชชั่นปัจจุบันของวิชาชีพในอนาคตผม คืออยากเป็นอาจารย์พิเศษคุมคลินิกอุดฟัน คิดข้ามชอตไปไกลมาก ไม่รู้สิ ผมรู้สึกว่าเราจะเข้าใจเด็กและมีฝีมือมากพอที่จะทำได้ (หมายถึงในอีก 5 ปี 10 ปี น่ะนะ) ลึกๆ แล้วใันก็สนองความต้องการผมด้วย ถ้ามีคนชื่นชมชื่นชอบและยอมรับในฝีมือการทำฟันของเรา คงจะมีความสุขดีไม่หยอก และเป็นที่มาของการที่ตั้งใจว่าจะเรียนต่อทางนี้ครับ ดูแปร่งหน่อย แต่ก็เมกเซนส์มั้ง
อีกมุมหนึ่งการเป็นนักถ่ายทอดอะไรที่มันเป็นสิ่งสร้างสรรค์
มีหนังสือเป็นของตัวเอง
ทำงานนิตยสาร/ข่าว ที่ได้ไปสัมภาษณ์คนเก่งในแต่ละฟีลด์
กำกับหนังสักเรื่อง
เพื่อที่สักวัน จะได้ถูกเชิญไปเป็นวิทยากรหรือเกสต์ในงานโน้นนี่ (เป็นความฝันของผมเลย) ผมคิดเอาเองว่าผมเป็นคนพูดเก่ง น่าจะให้กำลังใจ หรือ inspire คนผ่านการพูดได้
แต่ละอย่างดูเป็นไปไม่ได้ง่ายๆ แต่เค้าบอกว่าทำอะไรหมื่นชั่วโมงแล้วจะเก่งในสิ่งนั้น ผมก็จะลองทำดู
อัพเกรดทักษะติดตัว
จะทำอาหารให้เก่งขึ้น ผมสนุกกับการทำอาหารมาก
ถ้ามีโอกาสก็อยากไปปัดฝุ่นไวโอลินที่มันโคตรจะ 'พอไปวัดได้' ให้มันคล่องกว่านี้ ดีกว่านี้
ภาษาอังกฤษที่เรียกว่าเป็นจุดขายของเราเมื่อก่อนตอนนี้โดนคนแซงไปไหนต่อไหนแล้ว อยากจะฝึกให้กลับมาเก่งไม่เหมือนเดิม เอาให้มากกว่าเดิมไปเลยโดยเฉพาะ speaking skills อยากได้พูดได้เหมือนกับ native speakers เท่ห์ๆ คูลๆ แถมยังมีประโยชน์กับการงานด้วยนะ
ออกกำลังกายและรักษาสุขภาพ
เอาแบบอย่างจริงจรัง ให้หุ่นดีหน้าเด็ก เพราะการไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสิรฐ ป่วยแล้วมันนอยจริง ฟิตไว้จะได้เอาเวลาไปทำสี่ข้อแรก และข้ออื่นที่ไม่ผ่านเข้ารอบเช่น /สูดหายใจเข้า
ย้อมผมเป็นสีเทาบันจี้จัมพ์ซื้อเสื้อผ้ากับกล้องแบบไม่แคร์ราคากินอาการมิชชันลินวาดรูปให้มีซิกเนเจอร์แพลนงานศพของตัวเองเป็นสจ๊วตเรียนอิลลัสเตรเตอร์ตัดต่อหนังอัดเพลงอ่านหนังสือให้มากขึ้นทำเลสิกให้พรขออะไรก็ได้กับพ่อกับแม่กับน้องคบเพื่อนให้ยืดยืดทำงานให้โรงพยาบาลเอกชนบรรยากาศดีเรียนจิตวิทยาและสถาปัตย์และอื่นๆอีกมากมาย...
จบ ดีกว่า
โจทย์
Day 19 —Write a list of 25 (or just 5!) things you want to do in your life.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in