เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My First Storyiris2110
Diaze-bam
  • ก็แค่เด็กที่เก็บได้คนหนึ่ง ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ

    นั่นเป็นสิ่งที่ควรจะเป็น

    แต่สำหรับสถานการณ์ในตอนนี้มันไม่มีอะไรอย่างที่แรนดี้ คิดว่าควรจะเป็นเลยแม้แต่น้อย

    "เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ"

    เขาถามหมอประจำตระกูลอย่าง เบรทท์ คนตรงหน้าส่ายศีรษะไปมา และยิ้มเย็น

    "ไม่เป็นอะไรมากหรอกครับคุณแรนดี้ แค่ไข้หวัดธรรมดา"

    เบรทท์ตอบ เขาเก็บสเตโทสโคปลงในกล่องกระเป๋าเครื่องมือแพทย์ขนาดพกพาประจำตัว มียาสองสามซองวางลงบนถาดสแตนเลส เสียงพลิกตัวของคนที่นอนซมเพราะพิษไข้ทำเอาแรนดี้ลูบหน้าตัวเองแรงๆ สองสามที

     

    แทบบ้า...

    ห่วง...จนแทบบ้า...

     

    เขาไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นเอามากถึงขนาดนี้

    "ขอบคุณครับ" กล่าวคำขอบคุณ เบรทท์พยักหน้า และหลังจากนั้นไม่นาน ภายในห้องก็เหลือเขากับเด็กป่วยๆ เพียงสองคน

    ดวงตากลมปรือปรอยมองเขา ในตอนที่แรนดี้ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงข้างๆ ร่างเล็กที่ขดตัวเป็นก้อนกลมๆอยู่ใต้ผ้าห่ม เมื่อจุดโฟกัสกระจ่างชัดในสายตา ปลายนิ้วนุ่มนิ่มนั่นก็เอื้อมมาคว้าชายเสื้อเขาเอาไว้

    "คุณ" เบาและแหบพร่า ทว่ายังคงหน้าฟัง"ค่ายาแพงไหม หนูขอโทษ คุณลำบากเพราะหนูอีกแล้ว"

    "ถ้าบอกว่าแพงมาก จะมีปัญญาจ่ายหรอ"

    ฟันขาวขบริมฝีปากอิ่มสีแดงเรื่อนิ่ง แน่นอนอยู่แล้ว คนมีแต่ตัวอย่างเขาจะไปมีปัญญาหาที่ไหนมาจ่าย ลำพังชีวิตตัวเองยังจะเอาไม่รอดเลย

    "หนูจะพยายาม"

    "ใครใช้ให้ออกไปเล่นน้ำฝนแบบนั้น"

    สาบานได้ว่าไม่ได้กำลังดุอยู่

    "หนู..." ภายในสมองกลมๆกำลังคิดหาข้อแก้ตัวที่จะทำให้ไม่โดนคนตรงหน้าดุไปร้อยแปดอย่าง"หนูเล่นประจำเลยตอนอยู่ไทย ไม่เคยเป็นหวัดเลยสักครั้ง จริงๆ นะ"เริ่มจากการโน้มน้าว และต่อด้วย...

    "แต่ไม่รู้ว่าทำไมฝนที่นี่ถึงทำให้หนู...." ห่วยแตก...ข้อแก้ตัวไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย

    "หนูเป็นเด็กแข็งแรงจริงๆ นะคุณแรนดี้" จะต้องไม่ทำให้อีกฝ่ายคิดว่าเขาเป็นเด็กเลี้ยงยาก นั่นคือทั้งหมดที่กันต์พิมุกต์คิดได้

    "แต่ตอนนี้ป่วยอยู่"

    ไร้ข้อโต้เถียงใดๆ

    "นอนเถอะ" เขาตัดบทแต่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวเล็กจะไม่ยอมง่ายๆ

    "คุณแรนดี้โกรธหนูหรอ"

    คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอีกครั้ง  "รู้ได้ไงว่าโกรธ"

    "ก็...คุณแรนดี้ดุหนู"

    "ดุต้องแปลว่าโกรธหรอ"

    "หนูไม่อยากให้คุณแรนดี้ไม่พอใจ"

    ดวงตากลมฉ่ำน้ำขึ้นสี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์และมุมปากก็คว่ำลงสามสิบห้าองศา เป็นการคว่ำขององศาที่ทำให้เขาใจอ่อนยวบ

    "แล้วอยากให้ฉันทำยังไง"

    เขารู้ ว่าถ้าแบมแบมโตมาแบบโดนตามใจจนเคยตัวคงไม่ต้องไปหาสาเหตุว่ามาจากใคร

    "หนูอยากให้คุณแรนดี้รักหนู"

    ตอบตาใส แต่ภายในหัวของคนที่ฟังกลับมีความคิดหลายอย่างตีรวนกันไปหมด ฝ่ามือหนาลงน้ำหนักกดศีรษะเล็กลงกับหมอน ขยี้ปอยผมที่ชี้โด่ชี้เด่เหมือนกำลังขยี้ขนแมว

    "พูดมาก" น้ำเสียงของเขาราบเรียบสวนทางกับทุกอย่าง "นอนได้แล้ว"

    ศีรษะกลมพยักหน้าหงึกหงัก

    "ฝันดีครับคุณแรนดี้"

     



    แรนดี้ไม่คิดว่าเขาจะหอบเอาฝันดีกลับมาด้วย เขานอนหงายเหยียดอยู่บนเตียงด้วยท่าทางที่สบายที่สุด การประชุมที่ยาวนาน รวมไปถึงการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ หลายๆที่ในวันเดียวกันควรจะทำให้เขานอนสลบเป็นตาย แต่เปล่าเลย ไม่มีอะไรที่จะทำให้เขาข่มตานอนหลับลงไปได้ ถ้าหากภายในหัวยังวนเวียนคิดถึงแต่เสียงเล็กๆ เจื้อยแจ้ว ดวงตากลมโง่ๆ และริมฝีปากอวบอิ่มสีเรื่ออยู่แบบนั้น

    ครั้งแรกที่เจอกันต์พิมุกต์ คือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่เขาหอบเอาเศษเงินในบัญชีมาบริจาคที่ไทย เป็นปกติที่การเป็นผู้ให้ สุขใจกว่าการเป็นผู้รับ ไม่ใช่คนดีอะไร แรนดี้ก็แค่ชอบความรู้สึกที่ได้เป็นผู้ให้ก็เท่านั้น เพราะเขามีและมีมากเกินไปเสียด้วย เริ่มแรกเขาไม่ได้ตั้งใจจะทำตัวเป็นคุณพ่อขายาว ถ้าไม่มีเด็กที่ไหนไม่รู้ดันวิ่งตัดหน้ารถเพื่อช่วยลูกหมาตัวนึงตามพล๊อตละครไทยที่เขาเปิดดูเรื่อยเปื่อยตอนนอนพักผ่อนที่โรงแรม เด็กที่มีดวงตาเหมือนลูกหมาแรกเกิดกับลูกหมา(ตัวเป็นๆ)โง่ๆในอ้อมแขน คิ้วที่แตกกับแผลถลอกที่เข่าและข้อศอก ยังไม่ทำให้ร้องไห้ได้เท่าลูกหมาในอ้อมกอดนั่นเป็นแผลเล็กๆ ที่ขาหน้าเลย

    แรนดี้ตัดสินใจรับอุปการะเด็กชายกันต์พิมุกต์ตั้งแต่ตอนนั้น อาจเพราะคิดว่าต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น หรืออาจเพราะแรนดี้ไม่อยากให้เด็กนั่นไปใช้ดวงตาใสแจ๋วแสนซื่อบื้อมองใครที่ไหนอีก รู้ตัวอีกที เขาก็หิ้วเด็กชายกันต์พิมุกต์หอบข้ามน้ำข้ามทะเลกลับแอลเอมาด้วยแล้ว

     

    และหลังจากที่มีกันต์พิมุกต์อยู่ในบ้าน แรนดี้ก็พบว่าเขาเป็นโรคนอนไม่หลับ พูดแบบจริงจังเลยคือเขาต้องพึ่งยานอนหลับ ทว่าไดอะซีแพมเพื่อนรักก็ดันทำพิษให้เขาระหว่างการประชุมจนได้ วันนั้นเป็นวันที่แรนดี้ประชุมไม่รู้เรื่องและการงานก็ดูจะผิดพลาดจนน่าหัวเสียไปซะทุกอย่าง เขาเลิกกินยานอนหลับตั้งแต่นั้น

     


    “ให้ตายเถอะ”

    เขาสบถ

    ถ้าแจ็คเวลล์บอกว่า – หากคุณไม่ได้มีข้อได้เปรียบในการแข่งขัน อย่าลงไปแข่ง – แรนดี้ก็พร้อมที่จะยอมแพ้ต่อเกมนี้ เขาลุกขึ้นคว้าหมอนขนเป็ดที่ไม่ได้ช่วยให้ข่มตาหลับได้จริงๆ  เดินไปยังห้องข้างๆ

     

    เตียงไม่ได้ใหญ่เท่าของเขา แต่ก็อุ่นและสบายพอๆกัน เพราะแรนดี้เป็นคนเลือกคุณภาพของมันด้วยตัวเอง เขาสอดตัวใต้ผ้าห่ม พยายามทำให้ทุกอย่างเงียบสงบ แรนดี้คิดว่าคงเพราะน้ำหนักตัวของเขาที่มีมากกว่าอีกฝ่าย แรงยวบของเตียงเลยทำให้ร่างเล็กๆ ที่นอนอยู่ก่อนแล้วไถลมาชนกับแผ่นอกของเขา

    ไหล่แคบขยับหยุกหยิก

    เขาคิดว่าตัวเองคงกำลังทำหน้าปั้นยากอยู่ในตอนที่อีกฝ่ายหันมา

    “คุณแรนดี้” เสียงเล็กแหบแห้ง

    ฝ่ามือหนากดศีรษะกลมราวกับเป็นการบังคับ “นอนเถอะ”

    จะให้เขาทักว่า ‘ไง นอนไม่หลับอีกแล้ว ขอนอนด้วยนะ’ ก็ดูจะตลกไปหน่อย หรืออะไรที่ว่านั่นก็เป็นประโยคที่แรนดี้ไม่คิดจะพูดมันออกไปแน่ๆ

      “นอนไม่หลับอีกแล้วหรอครับ”ดวงตาปรือปรอยพยายามฝืนเพื่อมองเขา แรนดี้ฮึมฮัมในลำคอเป็นคำตอบ ก่อนจะสอดแขนเกี่ยวเอวบางนั่นเข้ามาใกล้ตัว

    “ต...แต่หนูไม่สบาย เดี๋ยวคุณแรนดี้จะเป็นหวัดเอานะ”

    “ป่วยก็ไม่ต้องพูดมาก”

    เขาบอก ก่อนจะซุกหน้าลงกับลาดไหล่เล็ก ลมหายใจของเขาผ่อนแผ่วและคิ้วที่ขมวดก็เริ่มที่จะคลายออกจากกัน แต่ถึงมันจะคลายออกจากกัน ก็ยังคงทิ้งรอยย่นเล็กๆ ไว้บนหน้าผากอยู่ดี

    แต่แล้วคิ้วเข้มๆ ของเขาก็ต้องขมวดเข้าหากันใหม่

    “คุณแรนดี้”

    เสียงเจื้อยแจ้วดังขึ้นข้างหูพร้อมกับฝ่ามือนุ่มนิ่มที่ประคองแก้มของเขาเอาไว้ แรนดี้ไม่ได้ลืมตา เขาครางอื้ออึงในลำคอตอบรับ ถ้าหากเขายกเปลือกตาขึ้นตอนนี้ ตอนที่อีกฝ่ายกำลังหายใจรดจมูกกันอยู่ แรนดี้ไม่คิดว่าเขาจะมีความอดทนมากพอ

    “ให้หนูจุ๊บๆ ก่อนนอนมั๊ย”

    “อือ”

    สิ้นเสียงในลำคอของเขา ความนุ่มหยุ่นก็แตะสัมผัสลงบนหน้าผาก อ่อนหวานและน่ารักน่าชังเหมือนเจ้าของจูบ อุ่นชื้นแผ่วเบา เป็นหนึ่งถึงสามวินาทีที่ทำให้แรนดี้รู้สึกเหมือนตัวเบาหวิวและตกฮวบลงมาจากที่สูง – เขาลืมตา


    หลับไปแล้ว...


    ขนตาสวยเรียงเป็นแพชัด และแผ่นอกบางก็กระเพื่อมขึ้นลงอย่างสม่ำเสมอ ปลายนิ้วหยาบแตะสัมผัสกลีบปากอิ่มสีแดงเรื่อ ออกแรงดันในมันแนบสนิทกับกลีบปากบน พอเขาปล่อยมือ กลีบปากอวบอิ่มน่ากัดก็ห้อยลงมาใหม่ มันไม่มีเรื่องตลกเกิดขึ้นระหว่างความเงียบที่น่าเบื่อพวกนี้ ทว่าแรนดี้กำลังกลั้นยิ้ม


    แรนดี้ชอบที่แบมแบมเรียกเค้าว่า ‘คุณแรนดี้’

    แรนดี้ชอบที่เวลาเขานอนไม่หลับแบมแบมจะถามถึง จุ๊บๆ ก่อนนอน

    แรนดี้ชอบทั้งหมดนั่น ทั้งดวงตากลมใสแจ๋วโง่ๆ ร่างผอมบางอ้อนแอ้นแต่กลับนุ่มนิ่ม


    ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ภาพของเด็กปากห้อยเอาชนะไดอะซีแพมของเขา ภาพของเด็กปากห้อยที่เพิ่มการหลั่งของเมลาโทนินและทำให้เขาสามารถนอนหลับได้ในที่สุด


    ตอนนี้แรนดี้มีไดอะซีแบมแล้ว ไดอะซีมแพมโง่ๆที่ป่วนการทำงานของสารสื่อประสาทและเกือบทำเขาน๊อคในที่ประชุม ก็คงจะไม่จำเป็นอีกต่อไป



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in