ปัญหาผิวหน้าที่หลายคนกังวลในหน้าร้อนนี้คงหนีไม่พ้นเรื่อง “ ฝ้าแดด ” ที่ปรากฏเป็นจุดด่างดำบนใบหน้า ทำให้ผิวดูไม่สม่ำเสมอ และส่งผลกระทบต่อความมั่นใจได้ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับฝ้าแดดให้มากขึ้น ว่าเกิดจากอะไร ? พร้อมแนะนำวิธีป้องกัน และวิธีรักษาที่ได้ผลค่ะ
ฝ้าแดด คือ ภาวะที่ผิวหน้ามีรอยดำคล้ำหรือจุดสีน้ำตาลเข้มกระจายบนใบหน้า มักพบบริเวณโหนกแก้ม สันจมูก หน้าผาก และคาง ลักษณะของฝ้าแดดมักจะเป็นปื้นสีน้ำตาลเข้ม หรือน้ำตาลอมเทา โดยสาเหตุหลักมาจากการที่ผิวหน้าเผชิญแสงแดดมากเกินไป ทำให้เม็ดสีเมลานิน (Melanin) ในชั้นผิวผลิตมากกว่าปกติ ส่งผลให้เกิดรอยฝ้าที่เห็นชัดบนใบหน้าค่ะ
ปัญหาผิวฝ้าแดดนั้นพบได้บ่อยในประเทศไทย เนื่องจากเป็นประเทศที่มีแสงแดดจัดตลอดทั้งปี ทำให้ผู้ที่ต้องอยู่กลางแจ้งเป็นประจำมีโอกาสเกิดฝ้าแดดได้มากกว่าคนทั่วไป โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงจะเสี่ยงต่อการเกิดฝ้าแดดมากกว่าผู้ชายถึง 9 เท่าค่ะ
ปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้เกิด ฝ้าแดด คือ รังสีอัลตราไวโอเลต (UV) จากดวงอาทิตย์ รวมถึงแสง HEVIS (High Energy Visible Light) จากหลอดไฟ หน้าจอคอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มือถือ เมื่อผิวสัมผัสกับแสงเหล่านี้ เม็ดสีเมลานิน (Melanin) ซึ่งมีหน้าที่ปกป้องผิวจากรังสี UV จะถูกกระตุ้นให้ผลิตเม็ดสีมากขึ้น ส่งผลให้ผิวเกิดฝ้าแดด จุดด่างดำ และทำให้สีผิวไม่สม่ำเสมอ
โดยรังสี UVA เป็นตัวการหลักที่ทำให้เกิดฝ้าแดด เนื่องจากสามารถทะลุผ่านชั้นผิวหนังและกระจกได้ลึกกว่ารังสี UVB หากไม่ได้รับการปกป้องที่ดี ผิวจะเกิดฝ้าแดด และปัญหาผิวต่าง ๆ ตามมาเมื่อเวลาผ่านไปค่ะ
ฝ้าแดดสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักตามความลึกของรอยฝ้าในชั้นผิวหนัง ซึ่งส่งผลต่อการเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสมค่ะ
ฝ้าแดดตื้น หรือ Epidermal Melasma เป็นฝ้าแดดที่เกิดในชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) ซึ่งเป็นชั้นผิวหนังชั้นนอกสุด มีลักษณะเป็นจุดสีน้ำตาลเข้ม ขอบเขตชัดเจน สามารถรักษาได้ง่ายกว่า และใช้เวลารักษาไม่นานค่ะ
ฝ้าแดดลึกรักษายากกว่าฝ้าแดดตื้น เนื่องจากสารที่ใช้ทาภายนอกไม่สามารถซึมลงไปถึงชั้นหนังแท้ได้ การรักษาจึงต้องอาศัยเทคโนโลยีทางการแพทย์ เช่น เมโส เลเซอร์ IPL หรือการทำทรีตเมนต์เพื่อผลัดเซลล์ผิวค่ะ
เมื่อเกิดฝ้าแดดขึ้นแล้ว การรักษาอย่างถูกวิธีและต่อเนื่องจะช่วยให้ฝ้าแดดจางลงได้ ทั้งนี้ควรเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสมกับระดับความรุนแรงของฝ้า เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ
สิ่งสำคัญในการรักษาฝ้าแดดคือความต่อเนื่องและความอดทน เพราะฝ้าแดดไม่สามารถหายได้ในทันที อาจต้องใช้เวลาหลายเดือนถึงจะเห็นผลชัดเจน และควรป้องกันไม่ให้ฝ้าแดดกลับมาอีกด้วยค่ะ
การป้องกันคือวิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับฝ้าแดด เพราะเมื่อเกิดขึ้นแล้วการรักษาอาจต้องใช้เวลานาน ดังนั้นการป้องกันไม่ให้เกิดฝ้าแดดจึงเป็นสิ่งสำคัญค่ะ
ฝ้าแดด เป็นปัญหาผิวที่สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย โดยมีสาเหตุหลักจาก รังสี UVA ในแสงแดด และแสงจากหน้าจอ ที่กระตุ้นให้เม็ดสีเมลานินผลิตมากผิดปกติ หากไม่ป้องกันตั้งแต่เนิ่น ๆ อาจทำให้ฝ้าฝังลึกและรักษายากขึ้น
โดยสามารถปฏิบัติตามวิธีป้องกันฝ้าแดดที่แนะนำได้ในบทความเช่น ทาครีมกันแดด หลีกเลี่ยงแสงแดด และสวมอุปกรณ์ป้องกันแดด จะช่วยลดโอกาสเกิดฝ้าแดดในอนาคตได้แล้วค่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in