เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ฮิเกะดันกับอัลบั้มใหม่ (Yomiuri Shinbun)higedanth
สัมภาษณ์อัลบั้ม Editorial
  • เขียนโดยคุณ Aki Ikeuchi หนังสือพิมพ์ Yomiuri 

    https://the-japan-news.com/news/article/0007758147


    อัลบั้ม Editorial ของวงป๊อปร็อค Official Hige Dandism เพิ่งปล่อยมาเดือนก่อน

    ด้วยชื่อน่ารัก ๆ ที่รู้จักกันดีว่าฮิเกะดัน วงนี้มีแฟนคลับจำนวนมากในทุกช่วงวัย และ Editorial เป็นอัลบั้มที่สองหลังผ่านมาเกือบสองปีภายใต้สังกัด Pony Canyon


    “ได้แสดงเอกลักษณ์เฉพาะตัวของสมาชิกวงชัดเจนกว่าคราวไหน ๆ ผมว่าการผสานเอกลักษณ์ของทุกคนคราวนี้ชัดเจนจริง ๆ” มือกลอง มาซากิ มัตสึอุระกล่าว


    ถึงแม้หน้าที่แต่งเพลงและเขียนเนื้อร้องจะตกเป็นของนักร้องและนักเปียโน ฟุจิฮาระ ซาโตชิ เสียส่วนใหญ่ แต่ในอัลบั้มใหม่นี้ สมาขิกคนอื่นได้ลองแต่งเพลงดู โดยอัลบั้มรวมทั้งเพลงฮิตอย่าง I love… และ Laughter และเพลงที่สะท้อนความคิดของสมาชิกคนอื่นในช่วงโควิด


    “พวกเราแสดงความคิดเห็นอย่างจริงใจ” มือกีตาร์ โอซาสะ ไดสุเกะ บอก “(เพลงเรา) แสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมา”

    นาราซากิ มาโกโตะ มือเบสและแซกโซโฟน กล่าวว่า “(การแต่งเพลง) ต้องใช้ความพยายามระดับหนึ่งเลย  แต่ (ในกระบวนการแต่งเพลง) ทำให้รู้ว่าการแสดงตัวตนออกมาเป็นสิ่งที่มนุษย์ทำพื่อปล่อยวางจิตใจ”

     

    อัลบั้มนี้เริ่มที่เพลง Editorial อันเป็นคำศัพท์ที่ดูเข้มงวดเล็กน้อย และแบกน้ำหนักไว้ประมาณหนึ่งทีเดียว

    (Editorial คือ บทบรรณาธิการ)


    “ส่วนตัวผมคิดว่า Editorial (ในหนังสือพิมพ์และนิตยสาร) เป็นลูกครึ่งระหว่างความรู้สึกของนักเขียนและข้อคิดเห็นของสิ่งที่เขารายงานออกมา เพลงในอัลบั้มก็จะสอดคล้องกับไอเดียนี้” ฟุจิฮาระกล่าว

     

    ด้วยความวิตก ความรู้สึก และข้อสรุปที่อาจจะสรุปไม่ได้ สำหรับพวกเขาแล้ว พวกเขาสร้างสรรค์ผลงานเพลงผ่านการใช้ตัวเองเป็นรากฐาน และเชื่อว่าจะสามารถนำเสนอวงในแบบที่พวกเขาต้องการจะเป็นได้

     

    หรืออาจกล่าวได้ว่าอัลบั้มนี้เป็นผลพวงจากความปรารถนาอยากใกล้ชิดผู้ฟัง ไปสู่อะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันจริง ๆ

    “การบอกผู้ฟังทำนองว่า อา ผมเข้าใจความรู้สึกคุณนะ มันไม่เป็นไร ในขณะที่ไม่รู้เลยว่าจิตใจเขาแบกอะไรอยู่ หรืออะไรจะทำให้เขามีความสุขได้ เรื่องแบบนี้ทำให้ใกล้ชิดพวกเขามากขึ้นหรือ? ผมคิดว่าถ้าเราได้แสดงความเห็นของเราไปในฐานะ สหายร่วมรบ ที่สู้ศึกกับเขาในสมรภูมิเดียวกันพาพวกเราใกล้ชิดขึ้นได้ คงจะดีทีเดียว” ฟุจิฮาระบอก

     

    การร่วมแต่งเพลง Filament กับฟุจิฮาระ เป็นก้าวแรกที่พามัตสึอุระเข้าสู่โลกการประพันธ์ดนตรี เนื้อเพลงอันน่าประทับใจนั้นให้ความรู้สึกว่ามีใครสักคนสนับสนุนและช่วยผลักดัน หลังทำเพลงฉบับทดลองเสร็จ มัตสึอุระก็ไปขอคำแนะนำจากฟุจิฮาระ และสองคนก็ร่วมทำงานด้วยกันนับแต่นั้น

     

    “การดึงอารมณ์จากก้นบึ้งจิตใจทำได้ยากมาก” มัตสึอุระกล่าว “แต่ฟุจิฮาระช่วยเปิดประตูหนัก ๆ บานนั้นในใจผม เราย่อมรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่สร้างบางสิ่ง แต่ตอนนี้ผมรู้สึกถึงชัยชนะใหญ่หลวง” เขาปิดท้ายด้วยรอยยิ้ม

     

    นาราซากิแต่งเนื้อร้องและทำนองของ Midori no Amayoke (กันสาดสีเขียว) ที่มีเสียงนุ่มฟังสบายและสอดแทรกความเหงาไว้นิดหน่อย และเนื่องด้วยเป็นแฟนพันธุ์แท้สาเก เป็นที่รู้กันว่าเขาไปเยือนบาร์บ่อย ๆ ซึ่งด้วยสถานการณ์โรคระบาดทำให้หาโอกาสไปได้ยาก ขณะที่ไปเดินเล่นแล้วผ่านบาร์ที่ดึงกันสาดมาปิดไว้ ความรู้สึกก็เอ่อล้นออกมามากมาย

    “ผมแต่งเพลงให้เหมือนกับว่าดึงชิ้นส่วนความทรงจำออกมาเป็นชิ้น ๆ เหมือนถ่ายภาพ นอกจากนี้ ผมยังคิดไปถึงวันเก่า ๆ กับทุกคนที่ช่วยฮิเกะดันมา เพราะผมอยากให้เพลงนี้แสดงช่วงเวลาที่ได้อยู่กับพวกเขา” นาราซากิกล่าวไว้

     

    โอซาสะแต่งเพลง Bedroom Talk และเนื่องจากเพิ่งเป็นเพลงที่สองที่เคยแต่ง เขาบอกว่ายังรู้สึกอายเล็กน้อย “แต่ผมคิดว่าถ้าพึ่งพาเพื่อนสมาชิกคนอื่น ยังไงก็ไม่มีปัญหา” เขาว่า

     

    ในขณะโปรดิวซ์อัลบั้ม สมาชิกวงออกไปเที่ยวนอกใจกลางโตเกียว ไปนั่งกลางกองไฟ แลกเปลี่ยนความคิดและข้อคิดเห็นกัน ซึ่งโอซาสะคิดว่ามีประโยชน์มาก

    “มันเป็นช่วงเวลาที่ดีมาก” เขาบอก “เราคุยเรื่องให้เสนอไอเดียเพลงได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องมีรูปแบบอะไร”

     

    และอีกเพลงในอัลบั้ม คือ Cry Baby ซึ่งเป็นเพลงเปิดอนิเมะชื่อดังอย่าง Tokyo Revengers

    เมื่อปล่อยเพลงออกมาในเดือนพฤษภาคม ท่วงทำนองที่ดูเท่แต่ก็แปลกรวมกับเมโลดี้ประหลาด ๆ สร้างเสียงฮือฮายกใหญ่ แถมมีทั้งการเปลี่ยนคีย์ในช่วงคอรัสจากความผิดพลาดของฟุจิฮาระที่เล่นเปียโนผิดคีย์

    “จริง ๆ ผมก็คิดอยู่นะว่ามันจะท้าทายซักแค่ไหนกัน” ฟุจิฮาระพูดพร้อมขำเล็ก ๆ ขณะที่อีกสามคนหัวเราะออกมา

    “(ตอนฟังครั้งแรก) ผมคิดว่า ว้าว อะไรเนี่ย แต่สุดท้ายก็ชินไปเอง ตอนนี้เล่นแบบไม่เปลี่ยนคีย์ไม่ได้แล้ว” มัตสึอุระบอก

    เมื่อฟุจิฮาระเล่นเพลงนี้ครั้งแรก สมาชิกที่เหลืออีกสามคนค่อนข้างประหลาดใจ แต่เมื่อไปนั่งคิดนอนคิดมาคืนนึง ทั้งสี่คนก็ลงความเห็นว่าทำนองนี้เหมาะกับสไตล์ของวงดี

     

    “บางทีผู้ฟังบางคนก็คงประหลาดใจเหมือนกันตอนฟังครั้งแรก แต่เดี๋ยวก็ชินไปเอง ตอนปล่อยเพลงมาพวกเราไม่ได้รู้สึกว่ามันไม่เข้ากันเลย” โอซาสะพูด แน่นอนตามที่เขาว่า Cry Baby กลายเป็นเพลงฮิตติดชาร์ตของบริการสตรีมเพลงมากมาย

     

    ปีหน้า ทางวงจะได้ฉลองครบรอบ 10 ปีแล้ว

     

    “วงร็อคก็เหมือนทูน่า ถ้าไม่ก้าวไปข้างหน้าก็ไม่รอด” ฟุจิฮาระบอก

    “เราอยากนำเสนอโลกอุดมคติของเราในแบบที่มีเราเท่านั้นที่ทำได้”

     

    ทุกคนยิ้มอย่างเห็นด้วย

    ------

    สวัสดีค่ะทุกคน มาพูดคุยกันได้ที่ Twitter @HigedanTh และ Facebook HigeDan Dism Thailand นะคะ

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in