เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
รีวิว มิวสิคTiny writer
-- Blaenavon --
  •     หากคุณเป็นแฟนเพลงของ Sundara karma, Circa waves, Catfish and the bottleman เราจะขอพาคุณไปพบกับวงดนตรีร็อกสามชิ้นคุณภาพเยี่ยมอีกวงจากเกาะอังกฤษ ที่จะทำให้คุณหลงรักในเสียงดนตรีของพวกเขาจนโงหัวไม่ขึ้น


         Blaenavon เป็นการรวมตัวกันของสมาชิกสามคนคือ Benjamin Gregory (ร้องนำ/กีต้าร์), Harris McMillan (เบส) และ Frank Wright (กลอง) เพราะสำหรับเด็กมัธยมแล้ว การได้อยู่ในร็อกแบนด์และได้เป็นร็อกสตาร์นั้นถือว่าเป็นสิ่งที่เท่โคตรๆ คิดได้ดังนั้นเบนจึงชักชวนเพื่อนมาร่วมกันฟอร์มวงขึ้นมาในปี 2013 โดยที่พวกเขาเริ่มจากการเป็นวงเล็กๆในวัย 14 ปีที่ชนะการประกวดในไฮสคูล ดันไปเตะตาแมวมองตาแหลมเข้า พวกเขาจึงได้เซ็นสัญญากับค่าย Transgressive Record ในปี 2013 ซึ่งในตอนนั้นทั้งสามคนมีอายุเพียง 17 ปีเท่านั้น กำลังอยู่ในช่วงคึกคะนอง ยิ่งได้เซ็นสัญญากับค่ายใหญ่ที่มีรุ่นพี่อย่าง Two door cinema club และ Foals พวกเขาก็คิดว่าตัวเองเจ๋งพอ และทำเพลงออกมาตามอารมณ์โดยไม่ได้ใส่ใจมากนัก หลังจากได้เพลงมาลิสต์นึงแล้ว พวกเขาก็นำเดโม่ไปส่งให้ค่ายฟัง แต่เมื่อเดโม่ถูกเปิด ทางค่ายก็ปฏิเสธเพลงใหม่ของพวกเขาทั้งเซ็ต ทำให้ทุกคนอารมณ์เสียและหัวร้อนมาก เบนบอกว่า เขางงมาก แบบ wtf เราแม่งโคตรตั้งใจทำเลยนะเว่ย! เมื่อสงบจิตสงบใจแล้วลองมาฟังเดโม่ตัวเองใหม่ ทุกคนก็คิดได้ว่า เออว่ะ เพลงเรานี่มันขยะชัดๆ จากนั้นพวกเขาเลยกลับมาตั้งตัวใหม่ และเริ่มทำเพลงกันอย่างจริงจังมากขึ้น มีความคิดและแนวทางการทำเพลงที่เหมือนผู้ใหญ่มากกว่าเดิม ทำให้พูดได้เต็มปากว่ากลับมาคราวนี้ยิ่งใหญ่กว่าเดิมเยอะ

         วงอินดี้ร็อกจากเมือง Hampshire นั้นเริ่มจากการทำเพลงแนวอัลเทอร์เนทีฟร็อกผสมกลิ่นอายของโพสต์ร็อก ทั้งไลน์เบสแน่นๆและบีทกลองหนักๆรวมกับเสียงแหบสั่นของเบนทำให้บทเพลงของพวกเขามีเอกลักษณ์และลายเซ็นของตัวเอง บวกกับซาวด์สวยๆ ยิ่งเมื่อได้เห็นว่าเนื้อเพลงจากแต่ละเพลงนั้นใช้ถ้อยคำ สำบัดสำนวนที่สวยงามเหมือนบทกวีจะยิ่งทำให้คุณหลงรักพวกเขามากขึ้นไปอีก(เบนเป็นคนที่ Poetry มาก) โดยที่เบนเคยบอกไว้ว่าเพลงของพวกเขาได้รับอิทธิพลมาจาก Elliot Smith บางครั้งพวกเขาก็ทำเพลงแนวอินดี้ร็อกหรืออินดี้ป็อบออกมาบ้าง แต่แทบทุกผลงานพวกเขาก็ทำออกมาได้ดีมาก ควรค่าแก่การฟังสุดๆ


        พวกเขาปล่อยซิงเกิ้ลแรกที่ส่งให้พวกเขาเปรี้ยงปร้างออกมาให้ฟังกันคือเพลง Into the night และปล่อยอีพีแรกออกมาในชื่อ EP Soko และได้รับผลตอบรับทางเชิงบวกและกระแสวิพากย์วิจารณ์ที่ดีมากในฐานะคลื่นลูกใหม่ในวงการเพลงบริทิชร็อก  เบนเริ่มแต่งเพลงตั้งแต่อายุน้อย แต่มีบางเพลงที่เขายังใช้เล่นมาจนถึงทุกวันนี้คือเพลง Swans ซึ่งแต่งตอนอายุ 14 ปี (ตอนนั้นชั้นยังเล่นหมากเก็บอยู่เลย!) แอบกระซิบว่าถ้าไปบอกนางว่าชอบเพลงนี้ที่สุดนางจะดีใจเป็นพิเศษเพราะนางรักเพลงนี้มาก5555

         ส่วนชื่อ Blaenavon เป็นชื่อของเมืองๆหนึ่งซึ้งตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉัยงใต้ของประเทศเวลส์ ซึ่งชื่อนี้ได้มาจากการที่ตอนนั้น เบนน้อยในวัยเด็กได้เสื้อเก่ามาจากเพื่อนลังนึง เขาก็เลยไปรื้อๆดูแล้วเห็นเสื้อยืดธรรมดาๆตัวนึง ที่มีรูปวัวอยู่บนเสื้อและมีคำว่า Blaenavon อยู่บนหัวของวัว เบนเห็นเข้าเลยเกิดปิ๊งและคิดว่า ชื่อนี้แม่งเท่ว่ะ ตั้งเป็นชื่อวงดีกว่า เมื่อนำไปเสนอเพื่อนๆทุกคนก็เห็นด้วย แฮร์ริสบอกว่า โห ชื่อคูลๆนี่แหละเหมาะกับวงคูลๆแบบเรา และนี่จึงเป็นที่มาของชื่อวงแบบงงๆและไม่ได้เกี่ยวอะไรกับประเทศเวลส์เลย5555 แต่หลังจากพวกเขาฟอร์มวงแล้วพวกเขาก็ได้มีโอกาสไปเล่นที่เมืองนี้ด้วยนะ! ได้ไปร่วมร้องกับคณะประสานเสียงชายท้องถิ่น 

         หลังจากที่พวกเขาปล่อยเพลงออกมาหลายซิงเกิ้ล หลายอีพี วงก็ได้รับความสนใจมากขึ้นจากสื่อต่างๆในแวดวงเพลง พวกเขาได้ไปเล่นเป็นวงเปิดให้กับรุ่นพี่ร่วมค่ายอย่าง Foals หรือ Alt-J อีกทั้งยังเป็นวงซัพพอร์ตให้กับ Two door cinema club และ Sundara karma อีกด้วย นอกจากนี้พวกเขายังเคยขึ้นแสดงในงานเทศกาลดนตรีหลายงานมาแล้วอาทิเช่น Reading & Leeds, Lollapalooza แม้แต่ Glastonburry ก็ไปมาแล้วนะเออ 

         จากการสั่งสมประสบการณ์มากมายทำให้พวกเขาได้ปล่อยเดบิวต์อัลบั้ม "That's your lot" ออกมาให้ฟังเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเด็กๆใช้เวลาในการทำอัลบั้มมากว่าห้าปี และได้กระแสตอบรับที่ดีมาก เพราะทั้งนักวิจารณ์หลายสำนักต่างก็เทคะแนนให้พวกเขาถึงสี่ดาวในฐานะวงหน้าใหม่ ซึ่งก็สามารถพูดได้ว่าคู่ควรมากๆเพราะเด็กๆตั้งใจกันทำมาก แต่ละเพลงมีความหมายที่แตกต่างกันไป ทุกบทเพลงมีคาแรกเตอร์เป็นของตัวเอง แต่ก็รวมกันเป็นส่วนผสมที่ลงตัวและกลมกลืนในอัลบั้มชุดนี้



         สำหรับช่วงแนะนำเพลง เราอยากให้ทุกคนเริ่มจาก Prague หรือ Prague 99 ตามแทร็กไตเติ้ลในอัลบั้ม คือจริงๆตอนแรกเพลงนี้ก็ชื่อปรากเฉยๆน่ะแหละ ปล่อยออกมานานแล้วด้วยเพราะนี่ก็เป็นอีกเพลงที่เบนแต่งในช่วงเดียวกับเพลง Swans แต่พอมาอัดลงอัลบั้มพวกเขาเติม 99 ไว้ท้ายชื่อเพลงเพราะว่าอัดเป็นเทคที่ 99 (..ได้หรอคะคุณกิตติ) โดยที่เด็กๆบอกว่าเพลงนี้ใช้เล่นเป็นเพลงปิดในคอนเสิร์ตทุกครั้งเพราะเพลงนี้ค่อนข้างมีความหมายต่อพวกเขามาก ลองฟังแล้วจะรู้เลยว่าดีจริงๆ ทั้งไลน์เบสหนักๆกับช่วงโซโล่เน้นๆที่ชวนโยกหัวอย่างสะใจในอารมณ์ ทำให้เพลงนี้เป็นอีกเพลงแนะนำจากอัลบั้ม



         เพลงต่อไปก็จะขอเพลาความหนักหน่วงลงมาบ้าง กับเพลง Orthodox man ซึ่งทำออกมาได้ดีในแนวอินดี้ร็อก เมโลดี้สดใส ฟังเพลินๆสบายหู เป็นเพลงสนุกๆที่แอบแฝงนัยยะเกี่ยวกับการที่ยอมตกเป็นทาสของคนที่เรารัก เพียงเพื่อที่จะตอบสนองความพึงพอใจ แม้จะเป็นฝ่ายที่ต้องยอมเสียสละก็ตาม เบนบอกว่าการแต่งเพลงเนื้อหาเศร้าๆภายใต้ทำนองสนุกสนานถือเป็นชาเลนจ์อย่างหนึ่งที่เขาชอบมาก(เดี๋ยวๆๆ) อย่างเช่นเพลง Let's pray ก็เป็นอีกเพลงหนึ่งที่เนื้อหาเศร้าแต่ทำนองชวนโยกหัว



         เพลงสุดท้ายที่อยากจะฝากให้ลองไปฟังกันนั้นไม่ได้อยู่ในอัลบั้ม แต่ปล่อยออกมาเป็นซิงเกิ้ล สำหรับเพลง No one else in mind เป็นเพลงเศร้าช้าๆ ทำนองหวานๆละมุนหู ไว้ฟังเหงาๆก่อนนอน โดยเพลงนี้ได้ Soko มาร่วมแต่งเพลงและฟีทเจอร์ริ่งด้วย โดยที่วงได้เจอกับเธอในงานปาร์ตี้ของเพื่อนที่ปารีสและก็ได้มีเวลามาทำดนตรีร่วมกัน ซึ่งนี่เป็นประสบการณ์แต่งเพลงร่วมกับคนอื่นเป็นครั้งแรกของเบนแต่เขาก็รู้สึกว่าทั้งคู่สามารถเข้ากันได้อย่างธรรมชาติ แต่งด้วยกันก็คลิ๊กเลยสามารถแต่งได้เสร็จภายในไม่กี่ชั่วโมง บอกเลยว่าเพลงนี้เนื้อหาเศร้าอยู่แล้ว และทั้งคู่ก็ถ่ายทอดให้เป็นเพลงที่สวยงามและเจ็บปวดได้อย่างลงตัว ฟังแล้วซึมมาก น้ำตาจะไหล สงสารน้องเบน(อย่าอินเกิน)



          สุดท้ายนี้ น้องเบนมีบางอย่างที่อยากจะบอกให้แฟนๆได้ทราบโดยทั่วกัน โดยเขาได้ฝากมาทางบทสัมภาษณ์ด้วย

    Q : What's the one thing we need to know about Blaenavon?


    Ben : None of us were born with teeth.

    ขอบคุณค่ะ กลับไปที่ห้องส่งเลยค่ะคุณกิตติคะ




Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in