Six Sense วาไรตี้ที่จะพาคุณไปค้นหาของปลอมที่อยู่ท่ามกลางของจริง ผ่านคอนเซปต์ " Six Sense หรือ สัมผัสที่หก " ของสมาชิกประจำรายการทั้ง 5 คนและแขกรับเชิญประจำสัปดาห์สัปดาห์ละ 1 คนโดยรายการจะพาพวกเขาไปยังสถานที่ต่างๆ ในเกาหลีเพื่อตามหาของปลอมที่รายการได้จัดการเซ็ทอัพขึ้นมาที่อยู่ท่ามกลางของจริง ผ่านสถานการณ์และสถานที่ที่ต่างกันออกไป ผสมสานกับการใช้จิตวิทยาเข้ามาเกี่ยวข้องดังนั้นการที่จะไขความจริงได้นั้นก็ต้องใช้การปลดปล่อย Six Sense หรือ สัมผัสที่หก มาช่วย
จองซอลมิน โปรดิวเซอร์ของรายการได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับรายการว่า " ตัวของเขานั้นชอบกับการที่เซ็ทอัพสถานการณ์ที่สมาชิกของทีมนั้นจะต้องช่วยกันขบคิดและใช้เวลาร่วมกัน และ เขายังชอบเวลาที่เขาได้เห็นสมาชิกและแขกรับเชิญนั้นรู้สึกสนุกกับการไขปริศนาค้นหาคำตอบ นั่นจึงเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ตัวของเขาเลือกทำรายการนี้และสร้างสถานการณ์และปัจจัยที่ต่างกันขึ้นในรายการนี้ "
ยูแจซอก (Yoo Jae Suk) คือ พิธีกรหลักคนแรกที่พีดีจองเลือกเข้ามาทำรายการนี้่โดยตัวพีดีจองบอกว่า เขาและยูแจซอกนั้นมีรูปแบบการในทำงานที่คล้ายเคียงกันและที่ผ่านมาเขายังได้รับการสนับสนุนจากยูแจซอกมาตลอดดังนั้นเมื่อเขามีโปรเจคที่จะทำรายการนี้ เขาก็เลยนึกถึงคุณยูแจซอกขึ้นมาเป็นคนแรกในฐานะพิธีกรหลัก
โอนารา (Oh Na Ra) เป็นอีกหนึ่งคนที่พีดีจองค่อนข้างสนใจจากผลงานการแสดงซีรีส์ของเธอ และเขาคิดว่าถ้าโอนารามาออกรายการวาไรตี้ น่าจะแสดงเอกลักษณ์ของตัวเธอเองออกมาได้โดดเด่นขึ้นไปอีกและนี่ก็เป็นวาไรตี้ครั้งแรกของโอนารา และ เจสซี่ (Jessi) คือคนที่พีดีจองอยากให้ผู้ชมได้เห็นอีกด้านที่เงียบสงบ ซอฟต์ๆ ของเธอที่หลายคนมักจะตัดสินจากภายนอกว่าเจสซี่ดูแรง
จอนโซมิน (Jeon So Min) นักแสดงและพิธีกรมากความสามารถและเธอคือเพื่อนของพีดีจอง ซึ่งพีดีจองก็รู้ถึงความสามารถและขีดจำกัดของเธอเป็นอย่างดีจึงเลือกเธอมาเป็นหนึ่งในสมาชิกของรายการนี้ลีมิจู (Lee Mi Joo) จากวง Lovelyz (เลิฟลิซ) พีดีจองบอกว่าเขาชอบการทำงานหนักโดยธรรมชาติของมิจูจึงชวนมาร่วมรายการในฐานะสมาชิกหลัก
เรียกได้ว่า Six Sense สร้างความประทับใจเป็นอย่างมากให้กับผู้ชมตั้งแต่ Ep.1 ตั้งแต่ตอนเริ่มที่สมาชิกทั้ง 5 คนมาเจอกันที่เรียกได้ว่าแค่ช่วงแรกของรายการ ก็ทำให้ผู้ชมเริ่มตกหลุมหลักสมาชิกหลักของรายการได้แล้วและ อีกส่วนประกอบที่สำคัญคือแขกรับเชิญอย่าง ซังยอบ ที่ทำให้การดำเนินรายการลื่นไหลและเป็นธรรมชาติมากขึ้นไปอีก (ในใจตอนดูจบคือคิดว่าอยากให้มาเป็นพิธีกรหลักอีกคนเพิ่มไปด้วยซ้ำ555) นอกจากคอนเซปต์หลักของรายการในการไขปริศนาที่ทำออกมาได้ว้าวมมากจนหลอกคนดูและตัวพิธีกรหลงทางไปเยอะเลย แต่อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้เราชอบรายการนี้มากขึ้นไปอีกคือสมาชิกทั้งห้าคนมีเคมีที่ลงตัวเข้ากันมากแต่ละคนเรียกว่าทำได้ดีเกินกว่าที่เราคาดหวังไว้เยอะมากและเมื่อเข้าขากันมากๆ เลยทำให้ผู้ชมรู้สึกว่าทุกอย่างลื่นไหลทั้งการที่ถ่ายถอดมุมมองในการวิเคราะห์หาว่าอันไหนจริงอันไหนปลอม และ การปล่อยมุขฮาออกมาอย่างถูกจังหวะและลงตัว แล้วก็ในส่วนของโปรดักชั่นเราว่าทำได้ดีมากๆ เลยในส่วนของการเซ็ทอัพและการตัดต่อบางจังหวะที่ปกติน่าจะได้แค่รอยยิ้ม พอได้ตัดต่อเข้ามาขยี้กลายเป็น หัวเราะออกมาแบบห้ามไม่ได้
( รายการมีทุกวันพฤหัสช่วงค่ำๆ ซับไทยรอประมาณ 2 วันนะครับ )
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in