เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Love Track เผลอไป [OS]baconyangpunhed
LOVE TRACK - เผลอไป [OS FANFIC #กริชบุ๊ค #Cutechef]
  • [ TRACK PLAYING --------- เผลอไป – TATTOO COLOUR ]


    และช่วงเวลา ไม่รู้อะไร
    ที่มากดดันให้ฉันได้เฉลยในใจไม่กล้าจะเอ่ย
    ให้ฉันได้พูดไปอย่างนั้น


                ค่ำคืนวันศุกร์ที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเหมือนช่วงเวลาปลดแอกของมนุษย์ตาดำๆทั้งหลาย ในช่วงเวลาดีที่ละครหลังข่าวเริ่มฉายเป็นเวลาที่แม่บ้านกำลังผัดหน้าปะแป้งเปิดทีวีตั้งตานอนดูดาราคู่ขวัญเด็กประถมเริ่มตั้งตี้ดวลเกมออนไลน์ หรือแม้แต่นักศึกษาชั้นปีที่สี่ที่เพิ่งเลิกคลาสเรียนชดเชยแล้วกำลังจะไปต่อที่ร้านเหล้าหรือมีบางส่วนกำลังจัดแจงจิบเครื่องดื่มสีอำพันในแก้วครั้งที่สิบที่ร้อยแล้วหลากหลายกิจกรรมที่ดูเป็นไป ดูถูกที่ทุกทางยกเว้นผม เอ่อ .. ตั้งแต่ผมนั่งอยู่ตรงนี้คนที่รู้จักที่เคยเห็นหน้าค่าตาผมก็พากันสนใจว่า ไอ้คนที่ได้ฉายาว่า คุณหลวงประถมสี่ มานั่งจุ้มปุ๊กเอ๋อแดกอะไรในร้านเหล้ามันผิดวิสัย คนที่ได้รับรางวัลนักศึกษาดีเด่นห่างไกลอบายมุข 

      และแน่นอนไม่ใช่ว่าผมไม่อยากจะดื่มแต่เพราะเมื่อสมัยมอสามผมเคยริลองมันแล้วแต่อาการแพ้แอลกอฮอล์ก็เล่นซะผมเกือบได้ไปเซย์ฮัลโหลกับยมทูตทำให้ผมเข็ดหลาบจนถึงทุกวันนี้  ประกอบกับความสันโดษต่างๆบรรยากาศแบบนี้ซึ่งผมไม่ค่อยจะชื่นชอบมันเท่าไหร่ แต่ถ้าวงดนตรีเล่นสดข้างหน้าเป็นแทททูคัลเลอร์ผมก็รู้สึกว่ามันพอถูไถ

    จริงๆแล้วมันก็มีอีกหนึ่งเหตุผลหนึ่งที่สำคัญ



    “ มึงว่าความเคยชินกับความรัก  ..  มันแตกต่างกันมากน้อยขนาดไหนวะ”

    เจ้าของคำถาม พูดทุกคำออกมาอย่างเชื่องช้ามันเป็นสัญญาณของคนที่ถึงจุดที่โดนแอลกอฮอล์ควบคุมสติไปแล้ว 


    ไม่แปลก ..ก็เล่นกลืนเหล้าไม่คิดจะหยุดตั้งแต่หัวค่ำ


    “เมาแล้วมึง กลับยัง”


    “ยางงงง ..พวกมึงยังไม่ตอบกูเลยว่าความเคยชินกับความรักมันต่างกันป๊ะวะ”


    คนตรงหน้าพูดดังกว่าครั้งก่อนหวังจะให้เพื่อนร่วมโต๊ะได้ยินก่อนจะยกดื่นไปอีกหนึ่งอึกใหญ่ๆ บอกเลยว่าทั้งโต๊ะ ก็อินกับคอนเสิร์ตวงโปรดตรงหน้าไม่มีใครสนใจมันนักหรอก 


     “ตูนตูนมึงไปข้างหน้ากับกูป๊ะ”  เสียงแดเนียลชวนเพื่อนอีกคนออกไปสุดมันส์จนทั้งโต๊ะเหลือแค่ผมกับมันสองคน


     

                โอเค กูอยู่ดูมันก็ได้  ผมมองบุ๊คอย่างปลงๆ ที่วันนี้มันเมาเหลวเป๋วไม่ใช่ว่ามันไม่เคยดื่มที่ผมรู้จักมันมาตั้งแต่มอต้นมันนี่แหละตัวการที่ทำให้ผมเกือบตายเพราะมันยุให้ผมดื่มตอนนั้นผมยังจำตอนที่ตื่นมาแล้วเห็นมันร้องไห้ขอโทษอยู่ข้างเตียงเพราะคิดว่าผมจะตายได้อยู่เลยคนแบบนี้ดูไม่น่าเมาง่ายแต่กับวันนี้มันดื่มเยอะเกินไปจริงๆ

                 ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทุกทีที่มาร้านเหล่ามันเป็นอย่างนี้หรือเปล่า(อย่างที่บอกว่าผมไม่ค่อยชอบบรรยากาศเท่าไหร่ ถ้าให้นับครั้งที่เข้านี่ก็ครั้งที่สองของชีวิต)


    “เชี่ย พวกมึงทิ้งกูอ๊า~


    บุ๊คมองตามสองคนนั้นที่เดินออกไปก่อนจะหันมาจิ๊จ๊ะใส่ผมแล้วยกแก้วมันดื่มต่อ

    “พอก่อนมั้ยมึง”


    “ยุ่ง ไอ้สัด”


    “ก็ตามใจ”



    ผมไม่รู้ว่ามันไปเจออะไรมา อาจจะอกหักจากน้องดาวปีหนึ่งที่คุยๆกันอยู่หรือ จับได้ว่าอดีตพี่ค่ายคนสวยหนีมันไปแต่งงาน. ยอมรับว่าขึ้นปีสามจนปีสี่มานี่เราเอาแต่เรียนเรียน เรียน แล้วก็เรียน ทำให้การคุยกันของเรามีน้อยนิด แต่ก็ไม่ได้ ทำลายความสนิทสนมลง อารมณ์ประมาณว่าต่างคนก็ต่างไปทำงานของตัวเอง

     

    “เมื่อกี้มึงถามว่าความเคยชินกับความรักอะไรนั่นทำไมวะเจอไรมา”

     

    “มึงตอบดิกูอยากรู้ว่าต่างมั้ย”

     

    “โดนสาวปฏิเสธมาอะดิ๊”

     

    “แบบเป็นห่วงเวลากลับดึกอยากส่งฝันดีไปหานี่มันความเคยชินหรือกู....


    ....เริ่มรักเขาแล้ววะ”

     


    “ไม่รู้ดิ กับคนนั้นมึงสนิทมานานขนาดไหนอ่ะ”

     

    “ก็นานพอสมควร”

     

    “มึงก็อาจจะรัก”

     

    “เหรอ”

     

    “เออ มั้ง”

     

    “เออกูคงรักเขาจริงๆแหละ”

     

    “ไหวป๊ะมึง”

     

    “สบ๊ายย”.  คนตรงหน้าพูดทั้งที่ตอนนี้พวงแก้มขึ้นสีแดง ทิ้งตัวไหลกองจนแทบจะรวมร่างกับเก้าอี้

     


    *


     

    “พวกมึงกลับกันได้แน่นะ”

    “ใครว่ากูจะกลับ พวกกูจะไปต่อ” แดเนียลพูดพลางชะเง้อเตรียมโบกรถแท็กซี่



    “อ่า
    ..

    “ฝากไอ้บุ๊คด้วยแล้วกันมึง ปกติมึงก็ไปส่งมันปกติอยู่แล้วหนิ”


    “เออๆ”


    “แต๊งกิ้วขอรับ คุณหลวง”.


    “เออไปดีมาดี”


                  ล่ำลากันตรงหน้าร้านก่อนที่สองคนนั้นจะขึ้นแท็กซี่ไปหาสิ่งสำราญต่อ . ผมประคองเพื่อนตัวดีให้ขึ้นรถ ก่อนที่มันจะปิดตาหลับไประหว่างทาง

     

                  บนสองข้างทางเวลาเกือบเที่ยงคืนตอนนี้เงียบสงัดมีก็แค่แสงไฟข้างทางกับร้านข้าวต้มโต้รุ่งที่พอให้มีคนคึกคักอยู่บ้าง บนรถที่เปิดวิทยุคลื่นดังแต่คนบนรถไม่ได้ใส่ใจฟังซักเท่าไหร่


    “เห้ย บุ๊ค หลับแล้วเหรอวะ”  ผมเอ่ยถามลอยๆ


    “ยัง”  คนตรงหน้าตอบทั้งๆที่ยังไม่ลืมตา


    “อ่าว


    “ถ้ามึงเป็นอะไร เล่าให้กูฟังเหมือนเมื่อก่อนก็ได้นะเว้ย”



    “ถึงเดี๋ยวนี้กูก็ยุ่งๆ มึงก็ยุ่งๆเลยไม่ค่อยได้คุยกัน”


    “งั้นกูเล่าได้ใช่ป๊ะ”


    “จัดมาเลยเพื่อน”


    “กูอ่ะ แอบชอบคนๆนึงเว่ยไม่รู้เหมือนกันว่าตั้งแต่เมื่อไหร่”

     

    แอบชอบงั้นเหรอ ใครกันนะ..


    “เหยดดดด ใครวะ เพื่อนในเซคเหรอ” ผมพูดไป 


    “เออ ประมาณนั้นมั้ง”


    … อ่า ..เหรอๆใคร ไอ้จุ๊บ ไอ้ฟ้า ไอ้เหมี่ยว หรือใคร” ผมกล่าว


    “มึงจะต้องตื่นเต้นขนาดนั้นเลย”  มันตอบหน้านิ่ง


    “ฮ่าฮ่า กูแซว”


    “ช่างแม่งเหอะ แม่งน่าจะไม่ชอบกูหรอก”


    “มึงเคยบอกความรู้สึกมึงให้เขาฟังยังอ่ะ”


    “ยัง ตอนแรกกูอะคิดว่าแม่งเป็นแค่ความเคยชิน”


    “อ่าฮะ”


    “นานๆไป กูก็เริ่มอยากรู้ว่าเขาทำอะไรเวลาไม่เจอเขากลับบ้านดึกเขาจะปลอดภัยดีใช่ไหม กูเริ่มอยากให้เขาอยู่กับกูในวันสำคัญ”


    “อ่าๆ ต่อๆ”


    “แต่แม่งเสือกเนิร์ดว่ะ พอกูจะทำอะไรให้แม่งก็ไม่เคยจะรู้หรอกคือพอกูสนิทกับมันอะแม่งก็มองเป็นเรื่องธรรมดาไปหมดเลย”

     

    ตอนนี้ผมเริ่มคิดแล้วนะว่าใครคนไหนในชั้นเรียนที่มันพูดถึงกัน

     

    “ไม่หรอก มึงยังไม่เคยบอกมากกว่าบางทีคนนั้นอาจจะรอให้มึงบอก”


    “แต่แม่งก็อาจจะไม่คิดอะไรจริงก็ได้ไง”  บุ๊คพูดทั้งที่กำลังหลับตา



    “มึงอะคิดไปเอง ถ้าคิดจะทำอะไรไม่ได้มึงก็จับจูบแม่งเลยมั้ยล่ะจบๆ ได้ซีนซีรีส์เกาหลี”      ผมพูดเชิงกวนตีนเพราะไม่ได้อยากให้มันกังวลอะไรมากเอาจริงๆสมมติถ้ามันไปบอกเขาแล้วเสียใจ มันก็ยังมีเพื่อนคอยอยู่ข้างๆเพื่อนในกลุ่มน่ะเอ็นดูมันจะตาย 


    โดยเฉพาะผมเนี่ยแหละที่ห่วงมันมากกว่าใครเลย


     

      “…”.ผมละสายตาจากทางข้างหน้าไปดูคนข้างๆ ที่นิ่งสนิท 


    “อ่าว เชี่ยนี่ หลับใส่กูเฉย”

     

    *

     


    “มึงตื่นๆ”



    “ใต้หอมึงแล้วบุ๊ค ตื่น”

     

    คนข้างๆงัวเงียก่อนผมจะจัดการปลดล็อคเข็มขัดนิรภัยของเพื่อนตัวดีแล้วก็เขย่าตัวมันนิดหน่อย นั่นทำให้ผมรู้ว่า


     มันไม่ได้หลับ 


                  ในเมื่อคนข้างหันมาลืมตามองตาใสด้วยระยะห่างของใบหน้าห้าเซนติเมตรโดยประมาณไม่รู้ว่าฤทธิ์แอลกอฮอลล์หรือว่าอะไรที่ทำให้บุ๊คขยับใบหน้าเข้ามาจนชิดก่อนจะมอบจุมพิตเบาที่ริมฝีปากแบบที่ผมยังไม่ทันได้ตั้งตัว  

     

    มึงว่าความเคยชินกับความรัก  ..  มันแตกต่างกันมากน้อยขนาดไหนวะ

    .


    .

    กูก็เริ่มอยากรู้ว่าเขาทำอะไรเวลาไม่เจอเขากลับบ้านดึกเขาจะปลอดภัยดีใช่ไหม
    .

     

    .

    กูเริ่มอยากให้เขาอยู่กับกูในวันสำคัญ

    .

     

    .

    แต่แม่งเสือกเนิร์ดว่ะ พอกูจะทำอะไรให้แม่งก็ไม่เคยจะรู้หรอก

    .

    .

     

    .

    คือพอกูสนิทกับมันอะแม่งก็มองเป็นเรื่องธรรมดาไปหมดเลย

     

     

    มึงอะคิดไปเอง ถ้าคิดจะทำอะไรไม่ได้มึงก็จับจูบแม่งเลยมั้ยล่ะจบๆ ได้ซีนซีรีส์เกาหลี

     

     

    เหมือนทุกบทสนทนาที่เพิ่งผ่านไปถูกรีรันซ้ำอีกครั้งในหัวพาให้หัวใจเต้นแรง เอ่อ .. พอยิ่งคิดว่าที่มันพูดมาทั้งหมดเป็นผมยิ่งทำให้ปากผมยกยิ้มโดยอัตโนมัติ

     

    บุ๊คมันชอบผมเรื่องจริงไม่ได้ฝันไปใช่ป๊ะวะ

     

    แต่ไหนแต่ไร ผมกลัวการคิดไปเอง นอกจากแอลกอฮอล์การคิดไปเองนี่แหละที่ทำให้ผมเข็ดหลาบทำให้ตลอดเวลาผมจึงไม่ได้กล้าที่จะแสดงออกมากนักว่ารู้สึกดีกับมันเท่าไหร่เพราะรู้ดีว่าเปอร์เซนต์ความเป็นไปได้น้อยมาก ตอนที่ได้ข่าวว่ามันกำลังคุยกับเพื่อนผู้หญิงในเซค ดาวคณะ หรือรุ่นพี่ค่าย ผมมักจะทำให้ตัวผมเองหันไปสนใจสิ่งอื่นจนไม่ได้ยินเรื่องของบุ๊คที่ใครเขาพูดกันแต่ไม่ใช่ไม่สนใจถึงขนาดเมินมันนะ แต่มันก็ไม่ค่อยได้คุยกันนั่นแหละ และยิ่งเสียดายหนักเข้าไปใหญ่ก็ถ้ารู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้ผมคงไม่ทำตัวห่างจากมันตั้งแต่แรกเผื่อว่าผมจะเป็นคนสังเกตใจมันได้ก่อน

     


    มึงทำแบบนี้ ตามที่กูบอกเหรอ เพราะคนที่ทำให้มึงคิดมากคือกูหรือมึงแค่เมา”


    “ เออ”


    “ หมายถึงมึงเมา”


    “หมายถึง ก็ทั้งสองอย่าง”


    “นานยัง”


    “สักพัก”


    “กูถามอีกที มึงทำไปแบบนี้ไม่ใช่เพราะมึงเมาแน่นะ”ผมถามก่อนที่คนข้างๆจะถอนหายใจออกมาแรงหนึ่งที

     

    “กูทำไปเพราะกูชอบมึงถ้ามึงจะไม่ชอบกูก็ไม่เป็นไร ” บุ๊คเปิดประตูรถเดินออกไป และแน่นอนเรื่องนี้มันยังคุยกันไม่จบไม่ใช่เหรอวะ

     


    “ คือกูถามให้แน่ใจเพราะเราแม่งก็เป็นเพื่อนกันหลายปี”


    “ กูก็พยายามแยกความความเคยชินกับความรักแล้วไง”


    “ แล้วมึงรู้สึกยังไงนะ ..


    “ ไอ้สัด กูไม่พูดแล้ว  เชี่ยมึงจะมาจับมือกูทำไมเนี่ย”. มันโวยวายทันทีเมื่อผมส่งมือไปประคองมันเล่นเดินเซขนาดนี้ ตอนเช้ามึงจะถึงห้องไหมล่ะ


    “ มึงจะล้ม”


    “กูขอเถอะ ถ้ามึงไม่รู้สึกอะไรมึงลืมเรื่องนี้ไปให้หมดเลย กูจะเป็นเพื่อนมึงเหมือนเดิม”


    “เริ่มพูดเพ้อเจ้อแล้วมึง”


    “เออกูมันเพ้อเจ้อ เอ่อ..แล้วกูก็สัญญาว่าจะไม่หลบหน้ามึง

     

    มันพูดแค่นั้นก่อนที่ลิฟต์เปิดออกมันเดินเข้าไปก่อนจะบอกผมว่าไม่เป็นไรมันเดินไหว


    ดูท่ามันก็ปนเปกันไปหมด แล้วผมก็คงไม่ปล่อยให้มันขึ้นห้องไปทั้งที่ยังไม่ได้บอกอะไรหรอก

     

    ผมกดให้ลิฟต์เปิดอีกครั้งบุ๊คยังอยู่ที่เดิมเพราะลิฟต์ยังไม่เคลื่อนไปไหน

     

    “กริช..


    “คือกูมีเรื่องจะบอกมึง”


    “กูก็รู้สึกไม่ต่างจากมึงหรอก อย่ากังวล “

     

     

    รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าน่ารักของบุ๊คที่มองยังไงก็ดูออกว่าเขินซึ่งผมก็เขินไม่ต่างกัน ผมรีบก้าวเท้าขึ้นลิฟต์ไปยืนข้างๆคนขี้เขินซึ่งทำให้มันตกใจเล็กน้อย

     

    “เข้ามาทำไม กลับบ้านไปได้แล้ว”



    “กูขอเข้าห้องน้ำห้องมึงหน่อยดิ”


     

    “อ่า..

     

     

    ผมก็ไม่ได้อยากเข้าห้องน้ำอะไรนักหรอกผมแค่ไม่อยากให้วันนี้จบลงไปเร็วนักมากกว่า เพราะเอาจริงๆผมก็แอบรอเวลานี้มานานเหมือนกันนี่นาวันที่จะเปลี่ยนให้เราเป็นมากกว่าเพื่อนน่ะ

     

     

    END


    จบแล้วจ้าฟิคสั้นๆ แบบเพื่อนกันหรือป่าวน๊าาาาา เอาจริงมันชั่ววูบจริงๆ แง เราชอบพี่บุ๊คมากๆเลย แล้วพอมาเดบิ๊วด์เป็น CUTECHEF กับพี่กริช เขาก็น่ารักมากๆ นี่คิดขึ้นได้จากสตอรี่กลับบ้านดึกๆด้วยกันเลยนะเนี่ย ใครมาอ่านหวังว่าจะชอบนะคะ 

    ถ้าชอบไม่ชอบยังไงไปคอมเม้นต์ในแท็ก #ฟิคของเบค่อน ได้นะคะ

    เบค่อนย่างพันเห็ด.  

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in