เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
LOST AND SOUNDapaew
Eyes, Nose, Lips บทกวีของความเจ็บปวด


  • เราอยากเขียนถึงเพลงนี้เพราะรู้สึกชอบความเป็นกวีของทาโบลมาก
    อ่านแล้วรู้สึกถึงความสละสลวยของภาษาที่ออกมาจากปลายปากกาของเค้าเลย
    เราเคยอ่านว่าทาโบล จบ Literature จาก Stanford ซึ่งก็เออชมคนไม่ผิด ภาษาสวยขนาดนี้ก็เหมาะแล้ว (จริงๆเราก็ฟัง Epik High อยากพูดถึงเพลงอื่นด้วยบ้างเหมือนกันค่ะ)


    ลองมาดูเนื้อเพลงกันนะคะ เราอาจจะแปลออกมาไม่สวยเมื่อเทียบกับคนอื่น เรารู้สึกว่าอ่านเป็นภาษาอังกฤษและทำความเข้าใจเป็นภาษาแบบนั้นมันดีมากอยู่แล้วอ่ะ และเราจะแค่แปลบางท่อนที่ชอบมากๆนะคะ เพราะทั้งหมดมันมีท่อนที่ซ้อนทับกันได้อ่ะ


    Song : Eyes Nose Lips - Tablo


    You left me paralyzed
    เธอทำให้ฉันเหมือนตายทั้งเป็น
    (แปลว่าอัมพาตก็น่าจะได้นะคะ เพราะมันจะคล้ายกับไร้ความรู้สึก)
    No cure, No rehab for me
    ไม่สามารถรักษา กลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้
    Funny that you got the nerve to keep asking me 
    "How I’ve been"
    มันดูตลกนะที่เธอยังจะมีหน้ามาถามไถ่ว่าฉันเป็นยังไงบ้าง
    You’re the victor in this pageantry
    คุณคือผู้ชนะในเกมส์ครั้งนี้
    But the only trophy you deserve, catastrophe
    แต่คุณรู้มั๊ยว่าถ้วยรางวัลที่คุณได้รับในครั้งนี้คือ "หายนะ"


    นี่แค่ท่อนแรกของเพลงเรายังรู้สึกได้ถึงความเป็นนักกวีและอีโมชั่่นของเพลงที่บอกเล่าเรื่องราวความเจ็บปวดออกมาได้ดีมาก ตอนนี้ภาพในหัวมาเป็นฉากจากการฟังแค่ท่อนเดียว

    "You’re the victor in this pageantry, But the only trophy you deserve, catastrophe."

    สัมผัสของ Pageantry, Trophy, Catastrophe กลายเป็นความลงตัวและไปในทิศทางเดียวได้เลย


    I’d rather we be dead to each other
    ฉันอยากให้เราตายจากกันไปดีกว่า
    No eulogies said for each other
    ไม่ต้องมาพูดจาดีๆกันหรอก
    No “Rest in Peace”
    ไม่ต้องมีการจากไปอย่างสงบสุข
    The memories got my chest in pieces
    เพราะความทรงจำเหล่านั้นมันจะฆ่าฉันเอง


    เราว่าท่อนนี้ก็แรงค่ะพูดแบบภาษาชาวบ้านคือ ขนาดจะตายกูยังไม่อภัยมึงเลย

    "I’d rather we be dead to each other. No eulogies said for each other."

    เราชอบคำว่า Dead to each other และ Said for each other สละสลวยมาก


    I’m praying that your eyes are the first to go
    ฉันภาวนาให้ลืมดวงตาของคุณเป็นสิ่งแรก
    The way they looked when you smiled
    ดวงตาที่คุณมองมันมาเวลาที่คุณยิ้ม
    The way they opened and closed
    หรือแม้แต่ตอนที่มันลืมตาหรือหลับตาฉันก็ไม่อยากจะจำมัน
    And your nose, every single breath against my neck
    รวมถึงจมูกที่คุณหายใจรดต้นคอฉัน
    And then your lips, every empty promise made and said
    และริมฝีปากคุณที่ใช้พูดจาหลอกหลวงฉันมาตลอด
    Please fade, fade to black
    โปรดจางหายจนกลายเป็นภาพที่มืดมิด
    But the nightmares come back
    แต่ฝันร้ายนั้นก็กลับมาทุกครั้ง..


    Because your eyes, nose, lips
    เพราะว่าดวงตา,จมูก,ริมฝีปากของคุณ
    Every look and every breath
    ทุกสายตา ทุกลมหายใจ 
    Every kiss still got me dying
    ทุกรอยจูบมันทำให้ฉันกำลังจะตาย
    Still got me crying
    และมันทำให้ฉันยังร้องไห้


    Forget a promenade, let’s juggernaut
    Down memory lane, leave no thought alive
    To the slaughter house, I’m taking my pain
    ลืมความทรงจำนั้นไปซะปล่อยมันทิ้งไป 
    แล้วปล่อยให้รถบรรทุกนั่นวิ่งไปบนทางของความทรงจำ
    ชนทำลายทุกอย่าง ไม่ต้องเหลือความทรงจำอะไรไว้ทั้งนั้น
    ฉันจะกำจัดความเจ็บปวดทิ้งให้หมด
    Time to sever my brain from my heart and soul
    มันถึงเวลาแล้วที่ฉันต้องแยกสมองออกจากหัวใจและจิตวิญญาณ
    My knees are burning hot, but God is cold
    ฉันคุกเข่าจนแทบมอดไหม้ แต่พระเจ้ากลับเผิกเฉย


    "Time to sever my brain from my heart and soul. My knees are burning hot, but God is cold."

    God is cold. พระเจ้าตัวเย็นเป็นไข้?!? ใช่พระเจ้าคงไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวเกี่ยวกับความรู้สึกของเราดังนั้นสิ่งที่เราทำได้คงต้องแยกสมองออกจากหัวใจ


    I’ve been told, one day you’ll know
    ฉันเคยบอกคุณแล้วว่าวันนึงคุณจะรู้
    Too much of heaven’s a sin
    การมีความสุขที่มากเกินไปมันก็เป็นบาปเช่นกัน
    After the show, it’s only hell that it brings
    หลังจากการแสดงนี้จบลงไป สิ่งเดียวที่จะได้พบเจอคือนรก (ความทุกข์)
    So take it slow and let time heal everything
    ดังนั้นก็ปล่อยให้มันค่อยๆเป็นไป แล้วให้เวลาได้เยียวยาทุกสิ่งแล้วกันนะ
    They say that time flies, but you keep breaking its wings
    มีคนเคยบอกไว้ว่าเวลาหน่ะผ่านไปเร็วเหมือนติดปีก
    แต่คุณกลับทำลายปีกของมันก่อนถึงเวลา

    You’ll never fade, fade to black
    เธอไม่เคยจางหายไปเลย
    Please fade, fade to black
    โปรดจางหายจนกลายเป็นภาพที่มืดมิด
    But the nightmares come back
    แต่ฝันร้ายนั้นก็กลับมาทุกครั้ง.. 

    You wish me well
    You wish me well
    เธอขอให้ฉันมีความสุข
    "I wish you hell"
    แต่ฉันขอให้เธอตกนรกซะเถ่อะ


    ท่อนนี้ก็ทำให้เราว้าวเหมือนกันนะคะ มันเป็นประโยคง่ายๆที่ไม่ได้คิิดออกมาง่ายๆ
    "Well" กับ "Hell" เป็นหยินหยางมากนะคะอันนึงเป็นคำที่ดี เป็นคำอวยพร แต่อีกอันเป็นคำสบถรวมทั้งอาจจะหมายถึงขุมนรกก็ได้ ท่อนนี้เห็นการใช้ภาษาเก่งของทาโบลชัดเจนเช่นกัน


    I never want to look into your eyes again
    ฉันไม่อยากมองแม้กระทั้งดวงตาของคุณอีกไม่อยากเห็นมันเลย
    No, I never want to hear you breathe again
    ไม่ซิ่, ฉันไม่อยากแม้กระทั่งได้ยินเสียงหายใจของคุณอีกครั้ง
    Let me go, let me go
    ปล่อยฉันไปเถ่อะนะ
    Baby, tell me that it’s the end
    บอกฉันทีว่าทุกอย่างมันได้จบลงแล้วจริงๆ


    อีกประโยคที่เราชอบคือ "I never want to look into your eyes again. No, I never want to hear you breathe again." เป็นอะไรที่แบบโว้ยยยขนาดนี้เลยคงเจ็บปวดมากจริงๆซิ่นะ เหมือนกำลังพูดว่าไม่อยากเห็นดวงตาเธออีก แต่เปล่าๆๆไม่ๆ ลมหายใจก็ไม่อยากได้ยิน! ฉุนเฉียวมาก


    ทั้งเพลงเลยเนื้อหาจะประมาณนี้ค่ะบอกเลยว่ามันไม่ใช่แค่เพลงมันคือบทกวีดีๆนี่เอง (เราอาจจะชมเกินไปหน่อยสำหรับบางคนที่อาจจะเห็นด้วยหรือไม่) แต่เชื่อะเถ่อะเรารู้สึกแบบนี้จริงๆ

    :)


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in