เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
การวิจารณ์เป็นมิตรกับคนทั่วไปอ่าน-คิด-เขียน
ครอบครัวปรสิตในจักรวาลคู่ขนาน

  • ADVERTISEMENT

    ADVERTISEMENT

    ADVERTISEMENT

    ที่มาภาพ: https://hommesthailand.com/2019/07/parasite-%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%95/

    คีแซ็งชุง” (기생충) หรือชื่อภาษาไทยคือ ชนชั้นปรสิต เป็นภาพยนตร์สัญชาติเกาหลีใต้ที่สามารถคว้ารางวัลปาล์มทองคำ (Palmed’Or) หรือรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศสครั้งที่ 72 ประจำปี 2562 ไปครองและยังเป็นภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศเรื่องแรกที่ได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในเวทีออสการ์โดยกวาดรางวัลใหญ่ไปด้วยกันถึง 4 รายการในงานประกาศผลรางวัลออสการ์ครั้งที่ 92 ประจำปี 2563 ได้แก่ สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม สาขาผู้กำกับยอดเยี่ยมสาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม และสาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม

    ภาพยนตร์ดังกล่าวนำเสนอเรื่องราวของครอบครัวฐานะยากจนครอบครัวหนึ่งในประเทศเกาหลีใต้ สมาชิกทุกคนในครอบครัวซึ่งประกอบด้วยพ่อ แม่ ลูกชายและลูกสาวล้วนแต่เจ้าเล่ห์และรู้จักเอาตัวรอด วันหนึ่ง กีอู ลูกชายของครอบครัวคิมได้รับการทาบทามจากเพื่อนให้ไปเป็นครูสอนพิเศษที่บ้านของครอบครัวพัคซึ่งเป็นครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวย ปฏิบัติการณ์แฝงตัวเพื่อกอบโกยผลประโยชน์จึงได้เริ่มต้นขึ้น

    ชนชั้นปรสิต ได้รับคำชมอย่างล้นหลามด้วยเหตุผลหลากหลายประการ เช่น มีเนื้อเรื่องที่เข้มข้น ลุ้นระทึกชวนให้ติดตาม คาดเดายากเต็มไปด้วยการหักมุม สามารถนำเสนอประเด็นที่เป็นปัญหาระดับสากลอย่างความเหลื่อมล้ำทางชนชั้นออกมาได้อย่างไม่น่าเบื่อ เรียกได้ว่าเป็นภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่สามารถจับใจผู้ชมไว้ได้เป็นจำนวนมาก

    ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้ข้าพเจ้านึกถึงหนังสือการ์ตูนอันเป็นผลงานของชาวเกาหลีใต้เช่นเดียวกับ ชนชั้นปรสิตหนังสือการ์ตูนดังกล่าวได้รับการแปลเป็นภาษาไทยและใช้ชื่อว่า ครอบครัวตึ๋งหนืด” ซึ่งข้าพเจ้าเคยอ่านและติดตามเมื่อตอนอยู่ชั้นประถมจนถึงประมาณชั้นมัธยมต้น  จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์นานมีบุ๊คพับลิเคชั่นส์  ครอบครัวตึ๋งหนืด” เป็นหนังสือการ์ตูนที่สำนักพิมพ์จัดให้อยู่ในหมวดการ์ตูนความรู้สำหรับเด็ก

    ข้าพเจ้าสังเกตว่าครอบครัวคิมจาก ชนชั้นปรสิตและครอบครัวตึ๋งหนืด มีลักษณะที่คล้ายคลึงกันอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นที่มาที่ไปของพฤติกรรมการพยายามหนีจากความยากจน การตักตวงผลประโยชน์จากคนรอบข้าง รวมถึงลักษณะนิสัยบางส่วนของตัวละครหลัก


    จากชนชั้นกลางสู่ความยากจน


    ครอบครัวตึ๋งหนืดเดิมทีเป็นครอบครัวชนชั้นกลางแต่เมื่อพ่อผู้เป็นเสาหลักของบ้านถูกลดเงินเดือนเพราะทางบริษัทที่เขาทำงานอยู่นั้นกำลังประสบปัญหาทางการเงิน คนในครอบครัวก็เริ่มใช้ชีวิตอย่างตระหนี่ถี่เหนียวและต้องย้ายออกจากบ้านหลังเดิมไปอาศัยที่อพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ แห่งหนึ่ง คาดว่าสถานะทางการเงินของครอบครัวตึ๋งหนืดในเล่มที่หนึ่ง (ตอน ยุทธการหนีความจน) นั้นน่าจะย่ำแย่กว่าครอบครัวคิม สังเกตจากเรื่องที่อยู่อาศัย ซึ่งในตอนท้ายของเล่มที่หนึ่งครอบครัวตึ๋งหนืดได้ใช้เงินออมซื้อบ้านหลังใหม่ ซึ่งเป็นแบบกึ่งใต้ดินบ้านแบบเดียวกันกับบ้านของครอบครัวคิม

    ข้าพเจ้าคิดว่าครอบครัวคิมเป็นครอบครัวชนชั้นกลางที่ตกที่นั่งลำบาก กลายเป็นครอบครัวฐานะยากจนเหมือนกับครอบครัวตึ๋งหนืดในเล่มแรก ข้าพเจ้าเชื่อว่าครอบครัวคิมไม่ได้ยากจนมาตั้งแต่แรกเริ่มเดิมทีแต่เป็นเพราะปัญหาทางเศรษฐกิจรวมถึงปัญหาอื่น ๆ ที่ไม่ได้กล่าวถึงทำให้พวกเขามีสภาพดังที่เห็นในเรื่อง

    ข้าพเจ้าพบหลักฐานเล็กๆ น้อย ๆ ดังต่อไปนี้ ในตอนต้นเรื่อง เราจะเห็นเหรียญรางวัลและภาพของซุงชุก แม่ของครอบครัวคิมขณะแข่งขว้างค้อนแสดงให้เห็นว่าเธอเคยเป็นนักกีฬาขว้างค้อนมาก่อน  อาชีพนักกีฬานั้นเป็นอาชีพที่มีรายได้ดีเลยทีเดียว ในฉากที่ครอบครัวคิมกำลังตักอาหารที่โรงอาหารคนขับรถก็มีการพูดถึงอาชีพที่พ่อเคยทำ นำไปสู่การพูดถึงร้านไก่ทอดและร้านเค้กคัสเตลลาไต้หวันที่ต้องปิดกิจการไป จะเห็นว่า กีแท็ก พ่อของครอบครัวคิม เริ่มทำงานเป็นคนขับรถหลังจากที่กิจการร้านเค้กปิดตัวลง เป็นนัยว่าเขาเคยทำงานที่บริษัททั้งสองแห่งหรืออาจเป็นเจ้าของกิจการแล้วกิจการล้มละลายจนหนี้ท่วมหัวแบบสามีของแม่บ้านมุนกวัง แม้ตำแหน่งงานเดิมของเขาจะดูคลุมเครือแต่ข้าพเจ้าเชื่อว่าครอบครัวคิมน่าจะเคยเป็นชนชั้นกลางมาก่อนและน่าจะเป็นหนึ่งในครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ทางการเงินในเอเชียที่เกิดขึ้นเมื่อปีพ.. 2540 หรือที่คนไทยรู้จักกันในชื่อ วิกฤตต้มยำกุ้ง

    หากวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจดังกล่าวส่งผลกระทบต่อครอบครัวคิมและเป็นหนึ่งในที่มาของพฤติกรรมของพวกเขา ข้าพเจ้าก็รู้สึกชื่นชมผู้เขียนบทและผู้กำกับที่เลือกที่จะสอดแทรกปัญหาที่เคยเกิดขึ้นจริงในสังคมเกาหลีใต้ไว้ในเรื่องนับว่าเป็น Easter Egg ที่น่าสนใจสมกับที่ภาพยนตร์เรื่อง ชนชั้นปรสิตได้ชื่อว่าเป็นภาพยนตร์เสียดสีสังคม


    เมื่อความลำบากเป็นข้ออ้างในการเอาเปรียบผู้อื่น

    ข้าพเจ้าเชื่อว่าสมาชิกครอบครัวคิมและครอบครัวตึ๋งหนืดต่างก็คอยแสวงหาผลประโยชน์อยู่เรื่อย ๆ จนกลายเป็นคนที่สามารถเอาเปรียบผู้อื่นได้โดยไม่รู้สึกผิดในที่สุด และดูเหมือนว่าสมาชิกของทั้งสองครอบครัวจะคิดว่าการเอาเปรียบคนนอกครอบครัวนั้นเป็นสิ่งที่สมควรและถูกต้องเสียด้วย อย่างครอบครัวคิมก็ชื่นชมความสามารถในการปลอมแปลงเอกสารของกีจอง ตัวละครลูกสาว ขณะที่สมาชิกครอบครัวตึ๋งหนืดชื่นชมโรส ตัวละครแม่ที่สามารถซ่อนเหรียญที่คนอื่นทำตกไว้ได้อย่างแนบเนียนเพื่อเก็บไว้เป็นของตัวเองในภายหลัง เป็นการกระทำที่ข้าพเจ้าเองก็ไม่เข้าใจว่าน่าชื่นชมอย่างไร แต่เมื่อนึกถึงคำกล่าวที่ว่า ศักดิ์ศรีกินไม่ได้’ ข้าพเจ้าก็พอจะเข้าใจตรรกะของทั้งสองครอบครัวขึ้นมาบ้าง

      ช่างหัวของมันสิ!เราต่างหากเราต่างหากที่ลำบาก ห่วงเรากันเองก็พอแล้ว!”

    เป็นคำพูดของกีจองใน ชนชั้นปรสิตฉบับพากย์ไทยหลังจากที่พ่อของเธอพูดถึงคนขับรถคนก่อนด้วยความเป็นห่วง ทั้งยังเป็นคำพูดที่ไม่มีใครในครอบครัวคัดค้านเลยแม้แต่น้อย แถมก่อนที่กีจองจะกล่าวเช่นนั้น พ่อและพี่ชายเองก็มีความคิดเห็นตรงกันว่าคนขับรถคนเก่าน่าจะหางานที่ดีกว่างานเดิมได้ แสดงให้เห็นว่าความรู้สึกว่าตัวเองลำบากกว่าคนอื่นนั้นสามารถเป็นตัวผลักดันให้คนคนหนึ่งกระทำสิ่งที่เห็นแก่ตัวได้ ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่าสมเหตุสมผลดีหากพิจารณาจากธรรมชาติของมนุษย์ที่ไม่ได้ต่างไปจากสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นที่พยายามจะมีชีวิตรอดเลยแม้แต่น้อย ที่จริงมนุษย์นั้นน่าจะเลวร้ายยิ่งกว่าเพราะความโลภเสียด้วยซ้ำ นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องปกติที่มนุษย์ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาและสามารถคิดซับซ้อนจะพยายามหาเหตุผลเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการกระทำของตัวเองและโยนความผิดให้เป็นของผู้อื่น

     

    คล้ายว่าเป็นจักรวาลคู่ขนาน

    ที่มารูปภาพ: https://pixabay.com/th/illustrations/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%95%E0%B8%B9%E0%B8%99-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0 %B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E-%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%8B%E0%B9%89%E0%B8%B3-5124001/


    จากที่ข้าพเจ้าได้กล่าวมา จะเห็นว่าทั้งครอบครัวคิมและครอบครัวตึ๋งหนืดต่างก็ขาดความเห็นใจต่อคนที่ไม่ใช่คนในครอบครัวและคอยตักตวงผลประโยชน์จากผู้อื่น อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้ว่าทั้งสองครอบครัวจะมีจุดหักเหในชีวิตที่เหมือนกันคือการเป็นชนชั้นกลางที่ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจและกลายเป็นคนฐานะยากจนในที่สุด

    ในกรณีของครอบครัวคิมพวกเขาเหมือนปรสิตภายใน ที่ซ่อนตัวจากโฮส เป็นปรสิตที่อาศัยอยู่ในร่างกายของโฮสอย่างครอบครัวพัค โดยที่ครอบครัวพัคไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังถูกคุกคามและนำไปสู่การล่มสลายของโฮสในท้ายที่สุด

    ส่วนครอบครัวตึ๋งหนืดนั้นเหมือนปรสิตภายนอก ที่กัดกินโฮสอย่างเปิดเผย เป็นปรสิตที่เกาะติดอยู่ภายนอกร่างกายของโฮส คนที่ถูกสูบเลือดจึงรู้ตัวได้ง่ายว่าตนกำลังถูกคุกคามและสามารถหาทางกำจัดปรสิตนั้นได้ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้ ตัวอย่างวีรกรรมของครอบครัวตึ๋งหนืด เช่น ในเล่มที่สอง (ตอน หนทางสู่ความร่ำรวย) พ่อของครอบครัวตึ๋งหนืดฉวยอาหารเช้าของลูกน้องไปทั้งห่อ แถมกินโดยไม่ขออนุญาต อีกทั้งยังทำหูทวนลมไม่สนใจความเดือดร้อนของอีกฝ่าย

    นอกจากความเป็นปรสิตแล้ว ยังมีลักษณะอีกข้อหนึ่งที่ทั้งสองครอบครัวมีเหมือนกัน นั่นก็คือการทำงานกันเป็นขบวนการ ในเรื่อง ชนชั้นปรสิตสมาชิกครอบครัวคิมทุกคนรวมหัวกันหลอกครอบครัวพัค ทำให้ผู้ชมเห็นว่าครอบครัวคิมเป็นนักต้มตุ๋นที่ร่วมงานกันเป็นขบวนการ ตัวอย่างของการทำงานเป็นทีมในครอบครัวคิม เช่น ตอนที่พวกเขาจะกำจัดแม่บ้านมุนกวัง  กีอูเป็นคนค้นพบจุดอ่อน ของแม่บ้าน กีจองเป็นคนซื้อลูกพีช จากนั้นกีอูก็เป็นคนโปรยขนลูกพีชเพื่อให้แม่บ้านเกิดอาการแพ้ จากนั้นจึงให้พ่อเป็นคนรายงานคุณนายพัคและสร้างหลักฐานปลอมว่าแม่บ้านป่วยเป็นวัณโรคเพื่อให้คุณนายพัคไล่เธอออก แม่จึงสามารถเข้ามาทำงานเป็นแม่บ้านแทนคนเก่าได้ในที่สุด

    ครอบครัวตึ๋งหนืดก็ไม่ได้ต่างกันพวกเขาทำงานกันเป็นทีม ตัวอย่างเช่น ในเล่มที่ 4 (ตอน บัญญัติตึ๋งหนืด 100 ประการ) ครอบครัวตึ๋งหนืดร่วมมือกันถ่วงเวลาคนส่งพิซซ่าเพื่อให้ได้พิซซ่าแถมฟรีหนึ่งถาดเนื่องจากทางร้านมีโปรโมชั่นว่าหากการส่งล่าช้าจะแถมพิซซ่าฟรีหนึ่งถาด โดยลูกชายเป็นคนโรยตะปูเรือใบ แม่ปลอมตัวเป็นคนแก่ขอให้พนักงานพาไปส่งและพาออกนอกเส้นทาง ส่วนลูกสาวขึงเชือกให้เขาสะดุดล้ม

    อย่างไรก็ตามทั้งสองครอบครัวก็มีจุดที่ต่างกันถึงขนาดเป็นขั้วตรงข้าม ในสายตาของข้าพเจ้าสมาชิกครอบครัวคิมนั้นเกียจคร้านและพยายามหาทางสบายทางลัด ขณะที่ครอบครัวตึ๋งหนืดขยันทำมาหากินโดยไม่เกี่ยงงาน ทำทุกอย่างเพื่อเงินแม้ว่าค่าตอบแทนจะเล็กน้อยถึงขนาดที่ไม่คุ้มกับความเหนื่อยเลยก็ตาม

    นอกจากลักษณะโดยรวมของครอบครัวแล้ว ตัวละครจากทั้งสองครอบครัวยังมีจุดร่วมในเชิงบทบาทที่น่าสนใจ ข้าพเจ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพดังนี้

    กีอูและโทรุ ทั้งสองตัวละครเล่นบทบาทเดียวกันคือลูกชาย จริงอยู่ที่กีอูไม่ใช่จอมเขมือบเหมือนโทรุแต่ทั้งสองตัวละครต่างก็เป็นคนสร้างความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญและมีอิทธิพลเป็นอย่างมากต่อเนื้อเรื่อง  กีอูเป็นคนดึงสมาชิกครอบครัวให้มาข้องเกี่ยวในการหลอกครอบครัวพัค เป็นจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายทั้งหมด ส่วนโทรุก็เคยโทรไปสมัครเข้าร่วมการแข่งขันครอบครัวประหยัด ทำให้ครอบครัวตึ๋งหนืดได้เข้าร่วมการแข่งขัน และเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวในเล่มที่ 5 (ตอน ศึกชิงแชมป์ตึ๋งหนืด) ทั้งสองคนยังเป็นตัวทำลายแผนการของครอบครัว โทรุนั้นก่อเรื่องเป็นประจำเรียกได้ว่าสร้างความวุ่นวายได้ทุกตอน แม้กีอูจะไม่ได้เป็นถึงขนาดนั้น แต่ในเรื่องก็มีฉากสำคัญที่วางบทบาทให้เขาทำแผนทุกอย่างพัง นั่นคือขณะที่แผนการต้มตุ๋นครอบครัวพัคกำลังเป็นไปได้สวยในงานวันเกิดของดาซง ลูกชายคนเล็กของครอบครัวพัค กีอูได้ลงไปที่ห้องใต้ดินเป็นเหตุให้สามีของอดีตแม่บ้านสามารถออกมาแก้แค้นได้ แถมในฉากนี้เขายังทำก้อนหินที่ตนตั้งใจจะใช้เป็นอาวุธหลุดมือ  นอกจากนี้ ทั้งสองตัวละครยังเป็นพวกที่ไม่ละอายที่จะแย่งผู้หญิงที่คนอื่นหมายตาไว้อีกด้วย ขณะที่กีอูหว่านเสน่ห์จนลูกสาวของครอบครัวพัคตกหลุมรักตัวเอง ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเพื่อนของเขาชอบเธอ โทรุก็ไม่เลิกตื้อผู้หญิงคนหนึ่ง   ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเธอคนนั้นเป็นแฟนของน้าตัวเอง

    กีจองและฮารุ ทั้งสองตัวละครเป็นลูกสาว พวกเธอเจ้าบทบาทและแผนสูง กีจองนั้นนอกจากจะสวมบทบาทเป็นเจสซิกาครูสอนศิลปะผู้เรียนจบจากมหาลัยต่างประเทศแล้ว เธอยังเคยสวมบทบาทในงานแต่งหลายงานและยังสวมบทบาทเป็นที่ปรึกษาอาวุโสบริษัทเดอะแคร์อีกด้วย ฮารุเองก็สวมบทบาทเป็นครั้งคราว เธอเคยแสร้งทำเป็นเด็กน่าสงสารเพื่อให้ลูกค้ารู้สึกเห็นใจจนช่วยซื้อของ บางครั้งก็ปลอมตัวเป็นโทรุ แฝดของเธอเพื่อรับของแจกฟรีสองรอบด้วย ลักษณะอีกหนึ่งประการที่ทำให้ข้าพเจ้ามองว่ากีจองและฮารุคล้ายกันนั้นคือการที่คนในครอบครัวมองว่าพวกเธอเป็นคนที่มีพรสวรรค์ โดยกีจองถูกมองว่ามีพรสวรรค์ด้านศิลปะและการต้มตุ๋นส่วนฮารุถูกมองว่ามีพรสรรค์ในความตึ๋งหนืดและเป็นคนหัวไว เรียนเก่ง ทั้งสองจึงเป็นลูกสาวคนเก่งที่ครอบครัวภาคภูมิใจเหมือนกัน

    นอกจากนี้ พ่อของครอบครัวคิมและครอบครัวตึ๋งหนืดก็มีลักษณะสำคัญหนึ่งที่เหมือนกันคือ     ทั้งสองตัวละครเป็นพ่อที่รู้สึกผิดหวังในตัวเอง

    ยกโทษให้พ่อด้วย พ่อมันไม่เอาไหนเองแหละ

    ใน ครอบครัวตึ๋งหนืด เล่มที่ โกโร่เอ่ยกับลูกชายของเขาทั้งน้ำตา เขาแสดงออกอย่างชัดเจนทุกครั้งเมื่อรู้สึกว่าตัวเองเป็นพ่อที่ไร้ความสามารถ ไม่สามารถทำให้ครอบครัวมีชีวิตอย่างสุขสบายได้ ส่วนกีแท็กพ่อของครอบครัวคิมนั้น แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดความรู้สึกของเขาออกมาตรง ๆ เหมือนโกโร่ แต่ข้าพเจ้าคิดว่าพวกเขามีความรู้สึกที่ไม่ต่างกันมากนัก กีแท็กแสดงความโกรธเมื่อภรรยาของเขาพูดว่าเมื่อเจ้านายกลับบ้าน เขาต้องวิ่งไปแอบเหมือนแมลงสาบหนียาฆ่าแมลง แม้ว่าเขาจะบอกว่าอาการโกรธนั้นเป็นเพียงการแสดง แต่การที่กีแท็กแทงเจ้านายในตอนท้ายเรื่องก็แสดงให้เห็นว่า เขารู้สึกว่าตัวเองนั้นต่ำต้อยและมีความคับแค้นใจอยู่ไม่น้อยทั้งต่อตัวเองและต่อคนที่ดูถูกเขา

    แม้แม่ของครอบครัวคิมและแม่ของครอบครัวตึ๋งหนืดจะมีจุดร่วมกันไม่มากนัก แต่ก็พอมีลักษณะที่อาจเทียบเคียงกันได้ตรงที่เป็นคนที่ใช้กำลัง โรส แม่ของครอบครัวตึ๋งหนืด มักใช้กำลังในการลงโทษลูกชายของเธออยู่เสมอ ๆ บางครั้งก็ใช้ความรุนแรงกับสามีด้วย มีฉากที่เธอทุบตี ดึงหูลูกชาย ขว้างปาสิ่งของและใช้ความรุนแรงในรูปแบบอื่นๆ ให้เห็นอยู่เรื่อย ๆ  ส่วนชุงซุก แม่ของครอบครัวคิมใช้กำลังกับคนภายนอกครอบครัวให้ผู้ชมได้เห็น นั่นคือฉากที่เธอถีบมุนกวังตกบันไดและฉากที่เธอปะทะกับสามีของมุนกวัง อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าคิดว่าสิ่งที่ทำให้ตัวละครแม่ทั้งสองคนต่างกันคือความหวังและความสิ้นหวัง โรสเป็นคนขยัน มุ่งมั่นและมีความหวังอยู่เสมอ ขณะที่ชุงซุกนั้นสิ้นหวัง สาเหตุที่ข้าพเจ้าคิดว่าชุงซุกตกอยู่ในความสิ้นหวังเพราะเธอเคยเป็นนักกีฬาขว้างค้อนมาก่อน นักกีฬาเกาหลีใต้นั้นทุ่มเทให้กับการฝึกซ้อมถึงขนาดยอมทิ้งกิจกรรมอื่น ๆ ที่พวกเขาชื่นชอบเพื่อจะได้จดจ่ออยู่กับการฝึกซ้อม การต้องถอนตัวจากอาชีพจึงเป็นเรื่องร้ายแรงสำหรับนักกีฬาเกาหลีใต้เพราะพวกเขาอุทิศทั้งชีวิตให้กับกีฬาที่ตัวเองเล่น เมื่อชุงซุกต้องถอนตัวจากอาชีพที่เธอคิดว่าเป็นทุกอย่างของชีวิต เธอจึงสูญสิ้นความหวัง ข้าพเจ้าคิดว่าหากโรสสิ้นหวังก็มีความเป็นไปได้ที่เธอจะกลายเป็นคนใช้ชีวิตเลื่อนลอยแบบชุงซุก

    ความคล้ายคลึงดังที่ได้หยิบยกมาข้างต้นทำให้ข้าพเจ้าอดสงสัยไม่ได้ว่าผู้เขียนบทและผู้กำกับของภาพยนตร์เรื่อง ชนชั้นปรสิตเคยอ่านหนังสือการ์ตูนชุด ครอบครัวตึ๋งหนืด” หรือไม่ หากไม่ลักษณะร่วมนี้คงเกิดจากรอยแผลที่วิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ฝากไว้กับชาวเกาหลีใต้ร่วมกับปัจจัยอื่น ๆ  อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าอดคิดไม่ได้ว่าชนชั้นปรสิตและ “ครอบครัวตึ๋งหนืด เป็นจักรวาลคู่ขนานของกันและกัน

      

    บรรณานุกรม

    Irumand Ryu Soo Young. ครอบครัวตึ๋งหนืด ตอน ยุทธการหนีความจน. แปลโดย กัญญารัตน์ จิราสวัสดิ์. กรุงเทพมหานคร:นานมีบุ๊คพับลิเคชั่นส์, 2550

    KimYoon Soo and Ryu Soo Young. ครอบครัวตึ๋งหนืด ตอนหนทางสู่ความร่ำรวย. แปลโดย อภิศรี นิรุตติปัญญากุล. กรุงเทพมหานคร: นานมีบุ๊คพับลิเคชั่นส์, 2550

    ParkSe Yeol and Ryu Soo Hyoung. ครอบครัวตึ๋งหนืด ตอน บัญญัติตึ๋งหนืด 100ประการ. แปลโดย อภิศรี นิรุตติปัญญากุล.กรุงเทพมหานคร: นานมีบุ๊คพับลิเคชั่นส์,2551

    ChoiBong Sun and Ryu Soo Hyoung. ครอบครัวตึ๋งหนืด ตอนศึกชิงแชมป์ตึ๋งหนืด. แปลโดย อภิศรี นิรุตติปัญญากุล.กรุงเทพมหานคร: นานมีบุ๊คพับลิเคชั่นส์,2551

              StevenBorowiec. “The price of success for young South Korean athletes” [Online].Available: https://www.aljazeera.com/features/2018/2/19/the-price-of-success-for-young-south-korean-athletes.Retrieved November 14, 2020


    © สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับเพิ่มเติม) พ.ศ. 2558

    ผู้เขียน: ณิชาภัทร จันทสิงห์ 
    นิสิตเอกภาษาไทย โทภาษาญี่ปุ่น คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

    บทวิจารณ์นี้เป็นผลงานจากรายวิชา “วรรรกรรมวิจารณ์” ปีการศึกษา 2563 เผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางวิชาการเท่านั้น  ไม่อนุญาตให้ทำซ้ำหรือดัดแปลง


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in